[Life&Travel #06] .. สโลโมชั่นชีวิตในวันที่เร่งรีบ ณ Anantara Bangkok Sathorn ..

นิตยสาร Life & Travel นี้ ผมตั้งใจเป็นแม็กกาซีนออนไลน์สำหรับคนรักการท่องเที่ยว อยากให้เป็นทั้งคู่มือการเที่ยวแบบง่ายๆ ตรงไปตรงมา

ดีไม่ดีก็ว่ากันไปตามที่เห็น พร้อมเป็นทั้งสมุดภาพบันทึกความทรงจำ และเป็นทั้งแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนได้ออกเดินทาง

เช่นเคย ... ถ้าชอบ Life &Travel แวะไปกด Like ให้กำลังใจกันได้ครับที่



นอกจากจะไม่พลาดทุกการอัพเดทของ Life & Travel ยังมีข่าวสารการท่องเที่ยวที่น่าสนใจด้วยน่ะครับ

-----------------------------------------------



Life & Travel : Check In ฉบับนี้ขอหยิบโรงแรมเปิดใหม่ในตัวกรุงเทพมาให้ชมกัน
เอาไว้เผื่อเป็นทางเลือกกับผู้ที่ต้องการมาพักไม่ว่าจะมาพักผ่อนในวันหยุด
หรือจะมาพักเพื่อทำธุระในเมืองหลวง โรงแรมที่ว่าคือ อนันตรา กรุงเทพ สาทร ครับ

ผมมีโอกาสได้ไปพักมาเมื่อเดือนก่อน เป็นช่วงที่ต้องไปสัมมนากับออฟฟิศ
และเป็นราคาช่วง Soft Opening ซึ่งราคาขณะนี้มีทำโปรโมชั่นกับเว็บจองโรงแรมหลายๆทีถือว่าไม่แรงมากด้วย

ตอนที่ผมไปพักห้องอาหารและพื้นที่บางส่วนยังมีบางส่วนไม่เรียบร้อยอยู่บ้าง
แต่ก็สามารถให้บริการแขกที่มาพักได้อย่างสมบูรณ์น่าประทับใจไม่น้อยครับ

ว่าแล้วก็ตามมาชมกันเลยครับ กับ Check In ฉบับที่ 6 ....



....
จริงๆ ตอนแรกที่เห็นเพื่อนสมาชิกมาแจ้งเรื่องอนันตราเปิดเพิ่มใน กทม
ก็แปลกใจอยุ่ไม่น้อยที่แบรนด์ที่ภาพลักษณ์ออกไปในการเป็นรีสอร์ทในเมืองตากอากาศ
จะขยับตลาดเพิ่มลูกค้าเป็นโรงแรมสไตล์ Business Hotel ในเมือง

แต่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่รักในแบรนด์ของอนันตรา
เมื่อจะต้องใช้บริการในเมือง



...

เริ่มจากทำเลที่ตั้ง อนันตรา สาทร ตั้งอยุ่บนถนนนราธิวาส เกือบๆจะถึงแยกตัดกับถนนสาทรครับ

ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ช่องนนทรีราว 200 เมตร
และอยู่บนถนนเดียวกับรถด่วนพิเศษ BRT

การเดินทางถือว่าอยู่ในระดับที่สะดวกสบายครับ
สามารถเชื่อมต่อไปยังส่วนต่างๆ ของกรุงเทพได้เป็นอย่างดี
ตอนที่ผมรอเช็คอินก็มีแขกต่างชาติที่ต้องการจะไปช็อปปิ้งย่านสยามสแคว์
พนง. ก็แนะนำให้เดินไปใช้บริการ BTS

แม้จะไม่ถึงกับติดทางขึ้นรถไฟฟ้า แต่ก็ถือว่าไม่ไกลจนเกินไป



ทางเข้านั่นอาจจะต้องสังเกตหน่อยครับ
เพราะไม่ได้ติดถนนใหญ่เลย แต่หาไม่ยาก มีป้ายขนาดใหญ่ติดทั้งบนตัวตึกโรงแรม และตรงทางเข้า

หลายคนอาจจะเคยคุ้นๆตา เพราะโรงแรมอนันตรา สาทร นี้คือ อดีตโรงแรม เรดิสัน สาทร ที่มีการเปลี่ยนเชนด์และทีมบริหารใหม่ครับ

เป็นตึกคู่ 37 ชั้น โดยหนึ่งตึกเป็นคล้ายๆ Service Apartment
สำหรับการอยู่แบบระยะยาว และอีกหนึ่งตึกสำหรับห้องพักแบบโรงแรม

ถ้าใครได้เคยเห็นห้องพัก หรือการตกแต่งเดิม อาจจะจำของเดิมไม่ได้ครับ
เพราะมีการปรับเปลี่ยนคอนเซ็ปต่างๆให้ใกล้เคียงกับแบรนด์อนันตราที่ชูความเป็นรีสอร์ทมากขึ้น




เริ่มจากส่วนของล็อบบี้เลยละกันครับ

เท่าๆ ที่ดูเองคิดเอง ....
คนออกแบบที่นี่คงเริ่มต้นคอนเซ็ปด้วย ดอกบัว (มั้ง) ครับ - -'

งานดีไซน์ต่างๆ จึงเน้น Shape และ Curve ของรูปทรงดอกบัวมาตกแต่ง
(อันนี้ผมใช้ความรู้สึกส่วนตัวคิดเอาเอง จากที่ได้เห็นน่ะ ถ้าผิดถูกต้องขออภัยทางโรงแรมไว้ก่อน)



ตรงล็อบบี้ก็จะมีงานดีไซน์ทรงดอกบัวตูมนี่แหละครับ
เป็นงานเหล็กดัดรูปทรงที่สวยงาม

ซึ่งจะได้เห็นอยู่ตรงหน้าลิฟท์ของทุกชั้นเลยด้วย







ความสวยงามจะอยู่ที่การเล่นกับแสงไฟในยามกลางคืนครับ
ไฟจะทอดเป็นเงาสะท้อนไปบนเพดานด้านบนสวยงามดี ลองดูในภาพครับ



ระยะหลังๆ เวลาไปพักที่ไหน ผมก็จะสนุกกับการมองดูงานออกแบบ

และทำความเข้าใจกับคอนเซ็ปของคนออกแบบ ผมว่าสนุกดีน่ะ
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะสัมผัสได้ตรงตามที่คนออกแบบต้องการสื่อรึเปล่าเหมือนกัน 555+



วันที่ไปพักผมไปถึงโรงแรมก็เย็นมากแล้วครับ
อีกวันก็มีประชุมตลอดทั้งวัน เลยไม่ค่อยมีภาพช่วงกลางวันเท่าไหร่
รีวิวเซ็ทนี้เลยได้รูปช่วงกลางคืนมาฝากเยอะหน่อย

เดินไปอีกนิดจะยิ่งตอกย้ำเรื่องของดอกบัว
เพราะมีการตั้งกระถางที่มีดอกบัวประดับอยู่เป็นระยะๆ ครับ



เดินไปอีกนิดติดกับล็อบบี้จะเป็นส่วนของ Zin lobby bar ครับ
เป็นบาร์ขนาดเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก ซึ่งอยู่ติดกับลิฟท์หลักของโรงแรมด้วย

ในช่วงเย็นก็มีช่วง Happy Hour Buy 1 Get 1
ใครรักการนั่งดริงน่าจะมาลิ้มลองดูครับ



ว่าแล้วก็สั่ง Maitai มาลิ้มลองสักแก้วครับ
ราคาก็ไม่แพงมากครับ จำไม่ได้ละ รู้สึกบวก Vat แล้วจะ 300 ได้
ได้แถมมาอีกแก้วก็ตกแก้วละ 100 กว่าๆเท่านั้น

ซึ่งแก้วที่แถมผมก็ขอพนักงานเค้าถือแก้วไปกินต่อบนห้องได้ด้วย



รสชาติใช้ได้เลยครับ
เดินทางมาเหนื่อยๆ ได้เครื่องดื่มเย็นๆ นี่ผ่อนคลายดีมากๆ

จริงๆ เค้าก็มี Welcome Drink ให้น่ะครับ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา



พาขึ้นไปดูห้องนอนกันต่อเลยละกันครับ

ห้องที่พักเป็นห้อง Deluxe ครับ ซึ่งอนันตรา สาทร
มีห้องพักทั้งสิ้น 3 แบบครับคือ Studio ... Deluxe และ
2-Bedroom Suite ครับ

ห้อง Sudio ก็จะเป็นแค่ห้องนอนกับห้องน้ำ
สำหรับห้องพักของผม Deluxe นั้น จะกว้างขวางกว่าเยอะเลยครับ...

คือมีส่วนของห้องนั่งเล่น และโต๊ะกินข้าวเพิ่มขึ้นมา
ซึ่งถ้าไซส์ห้องขนาดนี้เป็นของโรงแรมอื่น
สามารถจัดอยู่ในระดับห้อง Suite ได้เลย



เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนของห้องนั่งเล่น โต๊ะกินข้าว และมุมมินิบาร์ก่อน




สัมผัสแรกที่ผมรับรู้ได้เลยคือ ที่นี่ฉีกภาพของแบรนด์อนันตราที่เคยเห็นไปไม่น้อย
อาจจะด้วยการตั้งอยู่ในกรุงเทพ ต้องการให้เป็น Business Hotel มากกว่า

ผมจึงไม่ค่อยคุ้นกับบรรยากาศในแว้บแรกที่เข้ามาในห้องมากนัก
แต่โดยรวมงานตกแต่งทำได้เนี้ยบมากครับ



เขยิบเข้าไปในส่วนของโซฟานั่งเล่น พร้อมทั้งมุมโต๊ะทำงาน



ไฮไลท์ของส่วนห้องนั่งเล่นนี้จะเป็น Entertainment TV นี่แหละครับ

เป็นการรวมเอาความบันเทิงทุกอย่างไว้ใน LCD TV เครื่องเดียว
ไม่ว่าจะเป็น เคเบิ้ลทีวี วิทยุ หนัง และอินเตอร์เนท
โดยควบคุมผ่านคอนโทรลคีบอร์ดสั่งทำพิเศษ


ตอนแรกที่เข้ามาพนักงานที่ขึ้นมาส่งบนห้องก็ไม่ได้แนะนำผมเลยครับ
ว่าใช้งานยังไง เล่นเอานั่งงมกับการคอนโทรลอยู่พักนึงเหมือนกัน - -'

Wifi ที่นี่มีให้ใช้น่ะครับ ถ้าใครไม่ได้เอาแลปท็อบไป
ก็สามารเล่นผ่านทีวีได้เลยจอใหญ่จุใจดีด้วยครับ



ส่วนของห้องน้ำก็ยังคงคอนเซ็ปเรียบหรูดูดี
โดยใช้โทนอุ่นๆ เอิร์ทโทนตามแบบฉบับอนันตราครับ



มีการแบ่งส่วนเปียกและแห้งอย่างดีครับ
อ่างอาบน้ำก็มีมาให้ตามมาตรฐานแต่ไม่ใช่จากุชชี่น่ะครับ อ่างธรรมดา





จากห้องน้ำก็สามารถเปิดประตูเชื่อมเข้าสู่ห้องนอนได้เลยครับ



ต่อกันด้วยส่วนของห้องนอนครับ



ขนาดห้องนอนกำลังดี เตียงนอนและหมอนนุ่มหลับสบายครับ
ปลายเตียงมี LCD TV ให้เช่นกัน




อีกมุมนึงครับ



มองจากฝั่งระเบียงย้อนเข้าไปในห้องนอนครับ...
ข้างๆประตูก็จะเป็นตู้เสื้อผ้า ข้างในก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครับ
ทั้งเซฟ สลีปเปอร์ เตารีด ไฟฉาย



เดี๋ยวพาไปชมส่วนอื่นๆของโรงแรมกันต่อครับ...
เริ่มกันที่ส่วนของห้องอาหาร ในชื่อ 100East Restaurant
ซึ่งจะอยู่ที่ชั้นสองของโรงแรม



เป็นห้องอาหารไทย-อินเตอร์ รวมทั้งเป็นห้องอาหารที่เราต้องมากินอาหารเช้ากันด้วยครับ
แขกที่มาพักยังไม่เยอะเท่าไหร่ ทำให้ห้องอาหารเลยดูเงียบเหงาไปบ้าง
คนถ่ายรูปอย่างเราก็สะดวกสบายจะถ่ายหน่อย แต่พนักงานคงจะเบื่อที่ไม่ค่อยมีแขก



ในห้องอาหาร 100 east มีงานออกแบบสวยๆ อยู่ด้วยครับ
เดินผ่านไปรอบแรกไม่ได้สังเกต พึ่งมาเห็นตอนจะเดินกลับขึ้นห้อง...

ด้วยที่เพดานมันไม่ได้สูงมาก เลยอาจจะไม่ได้อลังการหรือโดดเด่นมาก
แต่สวยดีจริงๆ



ขออีกรูปละกันครับ ชอบจริงๆ สีสันมันบาดตาบาดใจดี





ห้องอาหารอีกมุมครับ




ติดกันจะมีส่วนของห้องอาหารที่ชื่อ Crust ด้วยครับ
ขายพวกอาหารอิตาเลี่ยน พวกพิซซ่า

ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของห้องอาหาร 100 east นี่แหละครับ
แต่เป็นอีกมุมหนึ่งเล็กๆ เลยมีการใช้สีที่ตัดกันเล็กน้อยเพื่อแยกโซนที่นั่ง




ด้านนอกของห้องอาหารเดินออกไปจะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำครับ



มีมุมให้นั่งเล่นด้วยเหมือนกัน
ช่วงกลางวันน่าจะเป็นอีกมุมนึงที่แขกจะมารวมตัวกัน



ภาพของสะว่ายน้ำแบบเต็มๆครับ ....
สระที่นี่จะเป็น Infinity edge Pool
ขนาดความยาว 32 เมตร ลึก 1.4 เมตรครับ ที่สำคัญเป็นสระน้ำเกลือด้วยครับ



ไฟในสระว่ายน้ำก็จะมีเปลี่ยนไปด้วยน่ะครับ ดูแล้วไม่เบื่อมีสีสันดี




พอจะมีรูปสระว่ายน้ำช่วงเช้ามาฝากด้วยครับ
เห็นแต่ตอนกลางคืนเดี๋ยวจะเอียนกันไปก่อน

เห็นแล้วก็อยากลงเล่นน้ำมาก แต่ไม่ได้เอาชุดมา แถมไม่มีเวลาเท่าไหร่เลย



มาเดินเล่น มานั่งเล่นตรงโซนสระว่ายน้ำนี้ ....

ให้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่ในเมืองใหญ่สักเท่าไหร่ เพราะมีการปลูกต้นไม้
ใหความร่มรื่นไว้พอสมควร ท่ามกลางเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย
ก็ยังมีมุมเล็กๆตรงนี้ให้พอได้พักผ่อนอย่างสบายใจได้





ตื่นเช้าก็ลงมากินอาหารเช้าที่ห้องอาหาร 100East ครับ
ขนาดของไลน์บัฟเฟต์ไม่ใหญ่เท่าไหร่ครับ

แต่ประทับใจกับไลน์มากครับ ใช้วัตถุดิบคุณภาพทั้งสิ้น
กินแล้วอร่อยเกือบแทบทุกเมนูครับ



อาหารเช้านี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผมจะประทับใจภาพรวมของโรงแรมเหมือนกันน่ะ

บางที่ไลน์ใหญ่ดูแล้วหวือหวาแต่รสชาติไม่ดีเท่าไหร่
สู้ทำไม่ต้องเยอะเอาแค่พอครบทุกสไตล์ ใช้ของคุณภาพดีๆ รสชาติดีๆ กินแล้วประทับใจแขกดีกว่า



โดยรวม ผมประทับใจกับ Anantara Bangkok Sathorn น่ะครับ
อาจจะถือว่าค่อนข้างแปลกตาและแปลกใจกับเชนด์อนันตรากลางกรุง
ที่เปลี่ยนโฉมจากที่เคยเห็นมาก่อน

คิดว่าเป็นด้วยโครงสร้างของโรงแรมเรดิสันเก่าทำให้ไม่สามารถ
ไปถึงภาพลักษณ์เก่าๆ ที่คุ้นเคยแต่กระนั้นคุณภาพงานบริการ
และรายละเอียดเล็กๆน้อยก็ยังทำได้ดีมากๆ สมกับแบรนด์อนันตรา






ส่งท้ายด้วยรูปนี้ครับ กับวิวสวยๆ ของกรุงเทพราตรีจากระเบียงห้อง


ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาชมครับ...

รักคนดูทุกท่านและสนับสนุนให้ออกเที่ยวกันเยอะๆครับ
สวัสดีครับ