[REVIEW] คำให้การจากศพในห้องใต้ดิน [SPOIL]


คำให้การจากศพในห้องใต้ด้น โดย ภวดี ตู้จินดา (Clear Ice) สำนักพิมพ์แจ่มใส


หนังสือเล่มนี้เตะตาเจ้าของ blog มาตั้งแต่สมัยที่มันวางขายใหม่ ๆ (เพราะเจ้าของ blog เป็นสิ่งมีชีวิตที่บ้าคลั่งเรื่องราวที่เล่าโดยคนตายอย่างแรง นัยว่ามันมีแง่มุมที่คนเป็นมองไม่เห็นและสัมผัสไม่ได้) แต่ตอนนั้นเปิด ๆ ดูแล้วเกิดทดท้อ ไม่อยากอ่าน เพราะตัวละครเป็นฝรั่งมังค่า เจ้าของ blog ไม่ชอบนิยายสไตล์นิยายแปลฝรั่ง เลยพาลไม่อยากอ่านเรื่องของคนไทยที่มีตัวละครเป็นฝรั่งไปด้วย เพราะเกิดมิจฉาทิฐิเอาเองว่ามันจะต้องให้อารมณ์ประมาณเดียวกันแหงแซะ

จำเนียรกาลผ่านไปนับปี จนหนังสือขาดตลาดไปนานแล้ว นึกอยากจะหามาอ่าน ก็หาไม่ได้เสียแล้วคราวนี้ จนกระทั่งไปเจอที่ร้านหนังสือมือสอง ดีใจยิ่งกว่าได้แก้ว แล้วก็เพิ่งจะสังเกตนี่แหละว่ามันเป็นของสำนักพิมพ์แจ่มใส แปลกใจจริงจังว่าแจ่มใสก็พิมพ์อะไรทำนองนี้ด้วยหรือ? เพื่อนให้ความเห็นว่า หากไม่ใช่ผลงานของ Clear Ice นักเขียนคู่บุญ ก็คงยากนักที่จะได้ตีพิมพ์ แล้วเพื่อนก็ไม่เคยเห็นหนังสือแนวนี้จากสำนักพิมพ์นี้อีกเลย

แหม เสียดาย

คำให้การจากศพในห้องใต้ดิน...ดำเนินเรื่องราวตรงไปตรงมาตามชื่อเรื่อง คือเป็นการเล่าเรื่องโดยปากศพ (อันที่จริงควรจะพูดว่า โดยปากผี จะถูกต้องกว่า เพราะศพที่ว่าไม่ได้เห็นเพียงดินที่กลบหน้าศพเธอ แต่เล่าถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ในเรื่องด้วย) ซึ่งประกาศก้องตั้งแต่ประโยคแรกเลยว่าเธอตายไปแล้ว โดยการทารุณกรรมของป้า ผู้เป็นพี่สาวของมารดาผู้ล่วงลับของเธอ ศพของเธอถูกฝังไว้ในห้องใต้ดินอันเยือกเย็นของบ้านป้าเป็นเวลาเกือบปี แล้ววันหนึ่ง นาโอมิ เด็กสาวผิวสีที่ไม่มีใครต้องการ ก็ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านหลังนี้ ส่วนที่เคยเป็นของเธอ เข้ามาแทนที่เธอ ทั้งความรังเกียจเดียดฉันท์ และการทารุณกรรมที่เคยเกิดขึ้นกับเธอด้วย!

บอกตามตรงว่า เจ้าของ blog คาดหวังกับเรื่องนี้ไว้ค่อนข้างสูง หนึ่งเพราะนักเขียนไม่ใช่เด็กแล้ว และมีชื่อเสียงในงานเขียนของตนประมาณหนึ่ง ความคาดหวังจึงสูงกว่าที่มีต่อเด็ก ๆ ที่เขียนพวกเลิฟซีรีส์ สองคือนี่เป็นเรื่องซีเรียส ที่คาดหวังผลมากกว่าความเพลิดเพลินอย่างเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ และสาม อย่างที่กล่าวไปแล้ว เจ้าของ blog ชอบเรื่องที่เล่าจากปากศพ เพราะงั้น ขออนุญาตจู้จี้กับเรื่องนี้มากกว่าเรื่องที่แล้ว ๆ มาสักหน่อยเถอะนะ

ขอยกไปเป็นประเด็น ๆ นะ

1. Plot

ตรงไปตรงมามาก - -" กล่าวคือ อ่านเรื่องย่อหลังเล่มแล้วคิดแบบ simple ๆ ในเสี้ยววินาทีแรกที่อ่านจบออกมาเป็นเนื้อเรื่องยังไง มันก็เป็นอย่างนั้นแหละ ไม่ขาดไม่เกินเลยแม้แต่น้อย (คือเราแอบหวังเซอร์ไพรส์หรืออะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ไง) ก็เข้าใจว่าต้องการจะสื่ออะไร แต่โดนมองทะลุตั้งแต่หน้าปกแบบนี้ก็แย่เหมือนกันนะเนี่ย น่าจะมีอะไรที่โอ๊ว ว้าว จริงเหรอ คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ย แทรกอยู่บ้าง

2. สำนวนภาษาในเรื่อง

โดยความคิดเห็นส่วนตัว สำนวนภาษาเรื่องนี้ดี สวยงาม บรรยายได้เห็นภาพ อุปมาอุปไมยได้เหมาะสม แต่มันดีเกินไปสำหรับเด็กอายุ 14 ซึ่งเป็นช่วงอายุของแองจี้ ผู้เล่าในเรื่อง นอกจากนี้ ในหลาย ๆ จุด ก็คล้ายกับการเล่าด้วยมุมมองของพระเจ้ามากกว่าจะเป็นมุมมองของบุรุษที่ 1 อย่างที่ตั้งใจ กล่าวคือ มันขาดเสน่ห์อย่างที่เรื่องเล่าในมุมมองของบุรุษที่ 1 ควรมี เช่นอารมณ์, มุมมองที่อาจเน้นส่วนใดส่วนหนึ่งที่ผู้เล่าสนใจ และมองข้ามสิ่งที่ผู้เล่าไม่สนใจ, ภาวะบอดจากสิ่งที่ผู้เล่าไม่รู้ไม่เห็น, สภาวะความไม่เข้าใจ, เรื่องที่ผู้เล่าไม่อยากพูดถึง หรือแม้กระทั่งการโกหก

3. ตัวละคร

โดยความคิดเห็นส่วนตัว (อีกแล้ว) เจ้าของ blog คิดว่าตัวละครส่วนใหญ่แบน - -" การมีตัวตนอยู่ของตัวละครบางตัวก็มีจุดประสงค์ไม่ชัด และอีกบางตัวก็บรรยายลักษณะไว้ขัดกับลักษณะนิสัยที่แสดงออก อาทิ

- นาโอมิ ถูกบรรยายไว้ว่าดวงตามีแววรั้น ถือดี แต่สิ่งที่เธอทำกลับเป็นการหงอให้กับทุกคน ตั้งแต่คนที่บ้านไปจนถึงคนที่มารังแกที่โรงเรียน (ที่บ้านนั้นพอเข้าใจอยู่ ว่าอาจไม่กล้าตอบโต้อะไรเพราะไม่มีที่จะไป แต่การถูกรังแกที่โรงเรียนนี่ คิดยังไงก็ไม่เข้าใจ ถ้าเธอดื้อรั้นถือดีจริง ๆ เธอคงไม่ยอมให้ใครรังแกง่าย ๆ แน่)

- ป้าซาวิน่า ลูก ๆ ของป้า และเด็กเกเรที่โรงเรียนร้ายหัวทิ่มบ่อเกินไป ถึงแม้จะบรรยายให้เข้าใจว่าป้าเคยสูญเสียสามีโดยผู้หญิงผิวสี ทำให้เกลียดแค้นก็เถอะ (เจ้าของ blog เคยมีเพื่อนที่เกลียดเจ๊กรุนแรงโดยไร้เหตุผล เข้าใจดีว่าสภาวะแบบนี้มันมีจริง) เท่า ๆ กับที่ครอบครัวของมิถุนาเป็นคนดีจนฑูตสวรรค์เป่าแตรปู๊นนั่นแหละ

- การปรากฏตัวของมิถุนา ทำให้เจ้าของ blog รู้สึกเรื่องกระโดดดังโครม (ไม่ใช่แค่ดึ๋ง) แถมแมรี่ ซูอีก (ไปหาความหมายของคำว่าแมรี่ ซูเอาเอง) แต่ยังไม่เท่าอีตาเมษที่ราวจะเป็นพระอินทร์เขียว ๆ เหาะลงมานั่นเทียว

- สภาวะการมีตัวตนอยู่ของแองจี้ไม่ชัดเจนเลย ตอนแรก ๆ เจ้าของ blog รู้สึกว่า แองจี้ประพฤติตัวเป็นเพียงผู้เล่า แต่แล้วจู่ ๆ แองจี้ก็เกิดกลายเป็นตัวละครอีกตัวหนึ่ง ซึ่งมีความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์ขึ้นมาได้ แป๊บ ๆ ก็กลับไปเป็นผู้เล่าอย่างเดียวเหมือนเดิมอีก ซึ่งเจ้าของ blog คิดว่า ถ้าเลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เรื่องจะมีเสน่ห์กว่า และจะทำให้บรรยากาศของเรื่องแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งผู้เขียนจะต้องเลือกเองว่าต้องการบรรยากาศแบบไหน ปัจจุบันมันลักลั่นอยู่น่ะ

อนึ่ง ตอนที่แองจี้บอกว่า 'เกลียดนาโอมิ' ทำเอาเจ้าของ blog ตื่นเต้นขึ้นมา 50% เลยทีเดียว และคิดว่าบทที่ 5 จบได้ดีมาก จนแอบคิดว่า ถ้าผู้เขียน เขียนโดยไม่บอกเสียก่อนว่า 'ฉัน' คืออะไร แล้วค่อย ๆ เฉลยเรื่องราวทีละน้อย จนรู้ว่าคืออะไรในตอนท้าย น่าจะสนุกขึ้นกว่านี้

อสอง การแนะนำตัวละครในช่วงแรก (ช่วงที่นาโอมิเข้าไปอยู่ในบ้านป้าซาวิน่า) เร็วไปหน่อย แล้วก็บรรยายมากจนรู้สึกว่าค่อนข้างยัดเยียด คือตรงนี้ถ้าลองเอาตัวเข้าไปแทนที่นาโอมิ แล้วทยอยทำความรู้จักแต่ละคนผ่านสายตาของนาโอมิ น่าจะทำให้จำง่าย และละมุนละม่อมกว่านี้นะ

4. จิปาถะอื่น ๆ ที่อ่านพบแล้วรู้สึกแหม่ง ๆ

- ตอนที่พ่อของนาโอมิส่งตังค์มาช้า แล้วป้าเลยตีนาโอมิ แล้วเอาลงไปขังในห้องใต้ดิน ไม่ให้อะไรกินจนกว่าพ่อจะส่งตังค์มาให้นั้น แอบรู้สึกเกินเหตุไปหน่อย ถ้าเราเป็นป้า เราคงเก็บวิธีนั้นเอาไว้เป็นวิธีสุดท้ายแบบ มั่นใจว่าไม่ส่งมาจริง ๆ แล้ว สละเรือละ ถ้ายังไม่ชัวร์ เราจะไม่ทำเด็ดขาด ต่อให้เป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่ต้องการแล้ว แต่ถ้าพ่อแม่มันรู้เรื่องขึ้นมา แน่เหรอว่าจะไม่ฟ้องเราเอาเรื่อง ทารุณเด็กนี่ท่าจะได้ค่าเสียหายหลายตังค์อยู่นะ ต่อให้ไม่ฟ้อง แต่ถ้าเค้าย้ายเด็กไปที่อื่น เราก็ขาดรายได้นะเออ

ว่าแต่ แล้วทำไมไม่ขอเบอร์ติดต่ออีพ่อเค้าไว้ล่ะยะ? โทรศัพท์มือถือในเรื่องก็มีแล้วนี่นา

- แล้วพอตอนที่พ่อของนาโอมิส่งเงินมาแล้ว ป้ามาเปิดประตู ทำกับข้าวให้กิน ผู้เขียนบรรยายไว้ประมาณว่า บรรยากาศดูอบอุ่น รื่นเริงประหนึ่งเป็นครอบครัวที่รักใคร่ปรองดองนั่นเทียว...พูดตามตรงนะ เราไม่คิดว่าเราจะสามารถเข้าไปร่วมหัวเราะหรือรู้สึกว่าเป็นครอบครัวกับคนที่เพิ่งทารุณกรรมเราเกือบเสียสติไปแหมบ ๆ ได้หรอก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม (แต่ไม่รู้ คนเราก็ไม่เหมือนกันละนะ บางทีคนเขียนอาจจะหัวเราะได้กระมัง?)

- ผู้เขียนบรรยายไว้ว่านาโอมิไม่เล่าเรื่องที่ตัวเองถูกทารุณกรรมที่บ้านให้มิถุนาเพื่อนรักฟังเพราะอาย อยากให้เพื่อนมองตนเป็นคนที่เท่าเทียมกัน ไม่ใช่เด็กมีปัญหาน่าสงสาร...เออ ก็เข้าใจอยู่นะ แต่เรื่องที่พ่อมีเมียใหม่ (ซึ่งเราแอบคิดเอาเองว่าถ้าเป็นเรา เราจะอายเรื่องนี้มากกว่า) ก็ยังเล่ามาแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วตัวเองถูกทารุณกรรม (ที่ไม่ใช่การข่มขืน) มันน่าอายตรงไหนเนี่ย?

- แอบคิดว่าผู้เขียนลืม moment ของช่วงอายุไปแล้ว ประโยคที่ว่า 'ความจนไม่ใช่เรื่องน่าอาย ความรวยที่ไร้ศีลธรรมน่าอายกว่า' น่ะ ไม่ได้ซับซ้อนหรือเข้าใจยากประการใด เด็กอายุ 14 เข้าใจแล้วแน่นอน ไม่ต้องให้มิถุนาออกตัวแบบนั้นก็ได้

- ตอนที่แองจี้ 'จับ' ผิวปลากระเบน เธอก็ไม่ควรรู้ว่ามัน 'สากปนลื่น' เพราะเธอไม่เคยจับมาก่อน (และครั้งนี้ก็จับไม่โดน เพราะเป็นปี๋ไปแย้ว)

- ไม่รู้ว่าป้าซาวิน่าคิดว่านาโอมิมาแทนที่แองจี้อย่างเต็มตัวหรืออย่างไร แต่คิดว่าคงไม่ เพราะไม่พูดถึงเอาเลยเหมือนแองจี้ไม่เคยมีตัวตน แต่ถ้าเราเป็นป้าซาวิน่า เราจะระวังนาโอมิมากกว่าแองจี้ เพราะนาโอมิมีเพื่อน ในขณะที่แองจี้ไม่มีใครเลย คนสองคนนี้ไม่ควรถูกปฏิบัติ หรือคาดหวังในการกระทำอย่างเท่าเทียมกัน เหมือนที่ป้าซาวิน่าทำหรอก

- นาโอมิเอาฟันกัดนิ้วเขียนหนังสือได้! ยาวด้วย! คาดว่าผู้เขียนคงไม่เคยกัดนิ้วเอาเลือดเขียนหนังสือดูจริง ๆ เป็นแน่ เลือดมันไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาไหลกันขนาดนั้นดอก อย่าไปเชื่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ นั่นมันนิยาย!

- เมื่อกี้ยังถึงขนาดต้องกัดนิ้วรีดเลือดมาจารอักษรกันอยู่เลย อยู่ดี ๆ ตอนถัดมามีปากกาลูกลื่นซะงั้น

etc.

เอาเป็นว่า ปากร้ายมาถึงบรรทัดนี้ ไม่ใช่จะบอกว่าเรื่องนี้ไม่ดี อันที่จริงเป็นเรื่องที่ดีเชียวแหละ แต่ในความเห็นเจ้าของ blog ถ้าคนเขียนเอาเรื่องนี้เก็บลงลิ้นชักไว้หลังจากเขียนเสร็จ แล้วหลังจากนั้นครึ่งปีค่อยเอาออกมาอ่านแล้วรีไรท์อีกรอบ น่าจะได้เรื่องที่คมคาย กระชับ มีจุดมุ่งหมายที่แน่นอน และสนุกกว่านี้มาก ตอนนี้ยังมีหลายจุดที่รู้สึกว่าเป็นติ่ง ๆ ที่น่าจะต่อยอดหรือไม่ก็ตัดทิ้งได้หลายจุดเลย

สู้ต่อไปนะ จีบัน!

By Carousal
First Published : canine@exteen



Create Date : 02 กันยายน 2554
Last Update : 23 มกราคม 2555 21:14:45 น.
Counter : 1134 Pageviews.

2 comments
  
โอ๊ะ ... เปิดมาเจอรีวิวเรื่องนี้พอดี

ก่อนอื่นต้องขอบคุณเจ้าของบล็อกมากๆ นะคะที่หยิบเรื่องนี้มาอ่านและรีวิว ^^

และ...แหะๆ ต้องขออภัยสำหรับการคาดหวังของเจ้าของบล็อกด้วยนะคะ ที่คิดว่านักเขียนไม่ใช่เด็กและเขียนหนังสือมาระดับหนึ่งแล้ว ไม่ว่าเจ้าของบล็อกจะได้อ่านหนังสือเล่มนี้เมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ไอซ์เขียนนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ "3" ในชีวิต ถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะซักประมาณ 8 ปีที่แล้วค่ะ ^^" เขียนนานมากจนลืมไปหมดแล้วอ่า ^^" อ่านรีวิวบางช่วงแล้วก็เกาหัวแกรกๆ นิดนึง เพราะจำไม่ได้ล่ะว่า เขียนอะไรไป ^^"

ยกตัวอย่างเรื่อง "พ่อ" ของนาโอมิ ... ถ้าจำไม่ผิด เขียนไว้ว่าไปสเปนกับสาวใหม่แล้วหายไปเลยนะคะ ติดต่อไม่ได้ ... แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ลืมแล้วจริงๆ ค่ะ แหะๆ หรือเมื่อพอได้รับเงินแล้ว นาโอมิเข้าไปนั่งกินข้าวด้วยปกติ ... เด็กที่ขาดทุกอย่าง โหยหาความสุข ถึงมันจะจอมปลอม หรือเพียงแค่เสี้ยววินาที คิดว่าจะไม่รับหรือคะ? ไอซ์เองก็ไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนั้น แต่เท่าที่อ่านหนังสือและข้อมูลหลายๆ แห่ง มันไม่ผิดปกติอะค่ะ

บรรยายไว้ว่านาโอมิมีดวงตาดื้อรั้น แต่เธอหงอให้กับทุกคน เพราะตามท้องเรื่อง เธอ "ไม่มีอะไรเลย" น่ะค่ะ ไม่มีปัญญาจะทำอะไรด้วย

หรือจะเรื่องกัดนิ้วเขียนหนังสือ ... เอ่อ คนอยู่ในห้องใต้ดินคนเดียวนะคะ กัดแล้วมันไม่ไหล ก็กัดต่อไปสิคะ ถ้าคิดจะทำจริงๆ มันทำได้ค่ะ -*-

เรื่องนี้อย่างที่บอกไว้ในปกหลังนะคะว่า เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคดีที่เกิดขึ้นจริง อ่านคดีนี้แล้วสะเทือนใจเลยหยิบขึ้นมาเขียน และจุดที่ต้องการนำเสนอนั้น ไม่ใช่แนว "สืบสวนสอบสวน" ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ได้ตั้งใจจะให้พลิกผันอะไรแต่ทีแรกค่ะ สิ่งที่ต้องการนำเสนอจริงๆ คือ การเหยียดผิด Child abuse ... และอยากให้เรื่องจบลงด้วยความหวัง

อย่างไรก็ขอขอบคุณเจ้าของบล็อกอีกครั้งนะคะ น้อมรับคำวิจารณ์ไว้ค่ะ ไม่รู้ว่าจะได้เขียนอีกเมื่อไหร่ แหะๆ ^^
โดย: Clear Ice วันที่: 3 กันยายน 2554 เวลา:15:20:14 น.
  
ปล. ตกตรงนาโอมิไปนิดนึง แก้ไขไม่ได้ด้วย เติมตรงนี้ละกันนะคะ ^^"

บรรยายไว้ว่านาโอมิมีดวงตาดื้อรั้น แต่เธอหงอให้กับทุกคน เพราะตามท้องเรื่อง เธอ "ไม่มีอะไรเลย" น่ะค่ะ ไม่มีปัญญาจะทำอะไรด้วย ถ้าจำไม่ผิด ไอซ์วางให้เธอ "ดื้อเงียบ" คือพยายามทำเพื่อหนี หาเงินโน่นนี่น่ะค่ะ
โดย: Clear Ice วันที่: 3 กันยายน 2554 เวลา:15:22:08 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Carousal.BlogGang.com

carousal
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 192 คน [?]

บทความทั้งหมด