นิทานสยองก่อนนอนกับความไม่เข้าใจ : พ่อแม่คิดอะไรกันอยู่? เมื่อคืนนอนคุยโทรศัพท์กับเพื่อน เพื่อนเล่าให้ฟังถึงรายการคุยข่าวยามเช้ารายการหนึ่ง ว่าด้วยเรื่องที่พิธีกรหญิงเอาหนังสือนิทานที่อ่านให้ลูกฟังก่อนนอนมาให้เพื่อนพิธีกรชายและผู้ชมทางบ้านดู หนังสือเล่มนั้นเป็นนิทานแบบปกแข็ง ท่าทางราคาแพงของสำนักพิมพ์ชื่อดังแห่งหนึ่ง เรื่องประมาณว่า มีสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง (ตอนที่เพื่อนเล่าเพื่อนบอกชื่อมาด้วย แต่บัดนี้จำชื่อไม่ได้เสียแล้ว) เจ้าตัวนี้ไม่มีหน้าตา เพราะอาศัยอยู่แต่ในโพรงใต้ดินที่มีแต่ความมืด (ภาพประกอบในหนังสือเป็นภาพลูกกะตาวาว ๆ ในหน้ากระดาษดำ ๆ เปลืองน้ำหมึก) เขาหากินเรื่อยไป เจออะไรก็กิน นกฮูกก็กิน รถไฟฉึกฉักก็กิน...ไป ๆ มา ๆ ก็กินหมดทั้งโลกจนไม่เหลืออะไรจะให้กินแล้ว แล้วจะกินอะไรดีนะ อ้อ คิดออกแล้วว่าจะกินอะไรดี นั่นไง เด็กที่ไม่ยอมนอน... จบ พระเจ้า ตอนที่เพื่อนเล่า (เล่าด้วยน้ำเสียงธรรมดา ๆ นี่แหละ) ข้าพเจ้าขนลุกซู่เลยนะ ขนาดโตจนแก่จะแย่อยู่แล้วนะนี่ ยังหวาดความมืดที่อยู่รอบตัวตอนนั้นจนผวาเลย (ปิดไฟนอนคุยอยู่) ต้องเหลียวมองไปรอบตัวด้วยความหวาดหวั่นเลยนะว่าแล้วกรูจะถูกไอ้ตัวนั่นย่องมาจับกินด้วยหรือเปล่า เนี่ยนะนิทานที่คุณเอามาเล่าให้ลูกฟังก่อนนอน! จะบ้าหรือเปล่า? คิดบ้างหรือเปล่าว่าอะไรจะติดอยู่ในจิตใต้สำนึกของเด็กหลังจากฟังนิทานเรื่องนั้นจบ คุณอาจมีเจตนาที่จะทำให้ลูกขี้อ้อนโยเยของคุณนอนเสียที แต่ด้วยวิธีนี้มันสมควรแล้วหรือ นิทานหลอนเรื่องนั้นจะทำให้ความมืดและความเงียบเป็นศัตรูของเด็กไปตลอดกาล ลูกน้อยที่น่าสงสารของคุณจะนอนเสียวสันหลังหลับตาปี๋ไร้ซึ่งความสุขและความไว้วางใจว่าจะถูกจับกินเมื่อไหร่ เด็กจะหลับไปได้ด้วยความสุขอย่างนั้นหรือ แล้วคุณคิดหรือว่าเด็กมันจะลืม? คุณดูถูกความทรงจำของเด็กเกินไปแล้ว ต่อให้เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เด็กคนนั้นจะลืมไปว่าเคยถูกกล่อมด้วยไอ้นิทานอุบาทว์เรื่องนี้ แต่เขาจะหวาดผวากับความมืดไปตลอดกาลโดยที่ไม่เข้าใจว่าทำไม คุณเองก็คงมีจุดอ่อนบ้างสักอย่างสองอย่าง มี phobia ที่คุณจำไม่ได้ว่ามันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมผู้ใหญ่ชอบสร้างความหวาดกลัวและบาดแผลให้แก่เด็กขนาดนี้เพียงเพื่อตัวเองจะได้สบายไม่ต้องกล่อมลูก แล้วไอ้ที่พูดปาว ๆ ว่ารัก ทะนุถนอม ริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม อุตส่าห์เปิดเพลงโมซาร์ทให้ฟังตั้งแต่ยังอยู่ในท้องน่ะ ทำไปเพื่ออะไร? หรือแค่ตามแฟชั่น? เคยไม่เข้าใจมาตั้งแต่สมัยเพลงของมาเธอร์กูสแล้วว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงชอบร้องเพลงกล่อมเด็กที่มีเนื้อหาน่ากลัวกันนัก แต่อย่างน้อย มาเธอร์กูสก็อาจจะยังดีกว่าหน่อยหนึ่ง ตรงที่ไม่ใช่ทุกเพลงที่น่ากลัว บางเพลงต้องตีความหมายก่อนจึงจะรู้ว่ามันพูดถึงเรื่องน่ากลัวอยู่ ซึ่งหมายความว่ามีแต่ผู้ใหญ่ที่เข้าใจจริง ๆ ว่ามันน่ากลัว แต่นิทานเรื่องนี้มันจงใจที่จะขู่เด็กให้กลัวจนตัวสั่นจริง ๆ เด็กนั่นแหละเป็นเป้าหมายของความเข้าใจสิ่งน่ากลัวที่นำเสนออย่างโจ่งแจ้งอยู่ในนิทานเรื่องนี้ คนเขียนนิทานเรื่องนี้ สำนักพิมพ์ที่จัดทำ พ่อแม่ที่เอานิทานเรื่องนี้มาหลอกลูก คิดอะไรอยู่? ไม่เข้าใจจริง ๆ ป.ล. ถ้าข้าพเจ้าเป็นเด็ก แล้วใครเอานิทานเรื่องนี้มาอ่านกล่อมข้าพเจ้านอน ข้าพเจ้าจะต่อยมันให้หน้าแหก First Published : canine@exteen เห็นด้วยค่ะ
สาเหตุที่เด็กกลัวผีมาจากผู้ใหญ่ขู่เรื่องพวกนี้นี่แหละ น้องชายเรากลัวผีกลัวความมืดมากเพราะพี่เลี้ยงชอบหลอก ถ้าดื้อเดี๋ยวผีหลอก เดี๋ยวปอบมากินตับบ้างล่ะ ส่วนตัวเราโตที่เมืองนอก ไม่เคยมีใครสอนให้จำเรื่องแบบนี้เลยไม่กลัว แต่กลับกลัวพวกภูเขา หน้าผา เพราะพ่อแม่เคยพาไปเที่ยวป่าเขา จนเอากลับมาฝันร้ายร้องไห้บ่อยๆว่าตกหน้าผาตายบ้าง เพิ่งมาเลิกกลัวตอนม.ปลายเอง และตอนนี้คิดว่าตัวเองเป็นโรคกลัวความสูงอยู่หน่อยๆด้วย ยืนยันได้เลยว่าความทรงจำตอนเด็กมันฝังลึก และเด็กจะจดจำจริงๆ โดย: Cercut IP: 58.8.105.102 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:21:55:48 น.
|
บทความทั้งหมด
|
พ่อแม่บางคนก็ไร้ซึ่งความเฉลียว คิดแต่จากมุมมองของตัวเอง
ไม่คิดบ้างว่าลูกจะรู้สึกอย่างไร
เราว่าผู้ใหญ่พวกนี้เป็นผู้ใหญ่ที่จิตใจหยาบกระด้าง ไม่เข้าใจความรู้สึกของเด็กๆ
ทำยังไงถึงจะสอนคนเป็นพ่อเป็นแม่ให้สำเหนียกในเรื่องนี้ได้บ้างนะ