Japan Trip : Day3 Shijiku-Shibuya เอาล่ะค่ะ รีวิวมาต่อแระ กว่าจะเขียนเสร็จ เพราะติดวันทำงานด้วย ก็พยายามเขียนเก็บๆไว้ เพราะต้องเก็บรายละเอียดเยอะ อยากให้ทุกท่านอ่านแล้วเหมือนได้ไปด้วยกันน่ะ งั้นมาต่อกันเลยเนอะ สำหรับวันนี้ ดูเหมือนจะเหลืออีกแค่วันเดียวเท่านั้นแล้วที่จะได้เที่ยว จากแพลนที่ทีแรกตั้งใจว่าจะไปตลาดปลาซึคิจิ แต่เมื่อมองดูหนทางแล้วน่าจะไกล และอีกอย่าง เรายังไม่ได้ไปชิบูย่าเลยนะ ก็เลยตัดสินใจไปชิบูย่าดีกว่า (เพราะยังไงเราก็ต้องได้กลับมาญี่ปุ่นอีกครั้งแน่นอน ไว้ไปตลาดปลาคราวหน้าก็ได้) และอีกอย่าง พอดีถามรูมเมทว่านางจะไปไหน นางบอกจะไปชิบูย่า เออ พอดีเลยนะ งั้นไปด้วยกันดีมั้ย นางก็บอกโอเคเลย สรุปแล้วเราก็เลยได้ไปชิบูย่าด้วยกัน ไปถึงสถานี จากทีแรกว่าจะไปชิบูย่าเลย แต่รูมเมทนางบอกไปชินจูกุกันก่อนดีมั้ย แล้วค่อยย้อนกลับมา ไอ่เรายังไงก็ได้ก็เลยตามนั้น วันนี้เริ่มจะไม่งงกับการซื้อตั๋วรถไฟแล้ว เพราะเริ่มจะจับทางได้แล้ว วันนี้จะไปกับรถไฟ JR ก็ต้องไปซื้อตั๋วที่ตู้ของ JR แล้วก็ดูว่าจะไปไหน สายอะไร ก็ดูตามป้าย เข้าช่องให้ถูกแค่นี้ก็เรียบร้อย ดูๆไปมันก็ไม่ยากเลยนะ (แค่มาวันแรกเรายังไม่คุ้นแค่นั้นเอง) ขึ้นรถไฟมาแล้วก็นั่งยาวไปถึงชินจูกุเลย พอลงสถานี จะไปไหนดีล่ะ รูมเมทนางบอกอยากไปที่ตึก Tokyo Metropolitan Government เอ้า ไปก็ไป ก็เดินออกจากสถานีไปพักนึงก็ถึง (ได้ข่าวว่าตึกนี้เค้าเปิดให้ขึ้นไปชมทิวทัศน์โตเกียวได้ที่ชั้นบนสุดมั้ง แต่....ไม่ได้ขึ้นไปว่ะ เพราะทีแรกคิดว่าเสียตัง คุยๆกับรูมเมทนางไม่ขึ้น อิชั้นก็เลยไม่ขึ้น เสียดายจัง) ก็ได้แต่เดินดูรอบๆแถวๆนั้น ข้าวกล่องมื้อเช้าก่อนออกไป ![]() รูมเมทอิชั้นคร่าาาา ![]() ตั๋วไปชินจูกุ 160 เยน ![]() ถึงแล้วจ้าาา ตึก Tokyo Metropolitan Government ![]() ![]() บริเวณรอบๆ ![]() ![]() เสร็จแล้วก็เดินต่อไปที่สวนสาธารณะ Shinjuku Chuo มันอยู่แถวๆนั้นพอดีเดินไปไม่ไกล ก็เข้าไปเดินเล่นอยู่ในนั้นพักนึง ข้างในสวนค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว แน่นอนว่าต้องมีซากุระให้ถ่ายด้วย ก็ถ่ายรูปกันพอหอมปากหอมคอ วันนี้มีคนถ่ายรูปให้ อิๆๆ ก็ผลัดกันถ่ายน่ะ เสร็จแล้วก็เดินกลับมาที่สถานีเพื่อขึ้นรถไฟมาชิบูย่าต่อ ระหว่างทางเดินไปสวนสาธารณะ Shinjuku Chuo ![]() มาถึงแล้วจร้าาา ![]() ต้นซากุระ งามมากกกกกก ![]() ![]() ด้านหน้าทำเป็นน้ำตกไนแองการ่า(จำลอง) ![]() กลับแระ ![]() ![]() เจอสะพานสายรุ้งด้วย อิๆๆ ![]() พอถึงสถานีชิบูย่า พอดีว่ารูมเมทนางอยากไปถ่ายรูปกับฮาจิโกะจัง(เจ้าหมาผู้ซื่อสัตย์) เราก็เลยเดินออกมาทางประตูที่พาไปถึงรูปปั้นหน้าสถานีได้เลย วันที่ไปถึง ฮาจิก็ยังคงเปนที่สนใจของผู้คนที่ผ่านไปมา คนรอคิวถ่ายรูปกับฮาจิพอสมควร ไอ่เราก็เปนหนึ่งในนั้น 5555 หลังจากถ่ายรูปเสร็จ เดินออกมาอีกนิดเราก็เจอกับ....ห้าแยกแห่งความวุ่นวาย (ไม่ใช่ห้าแยกลาดพร้าวนะ 5555) มันเหมือนกับที่เราเคยเห็นในทีวีน่ะ ที่พอไฟสัญญาณคนข้ามขึ้นมาปุ๊บ คนที่ยืนรออยู่ต่างก็พากันข้ามถนนกันเหมือนมดแตกรัง และเราก็ได้ไปเปนส่วนนึงของประชากรที่ข้ามถนนในวันนั้นด้วย เห็นแล้วแบบต้องบอกเลยว่า มันคืออย่างงี้จริงๆ ไปเห็นมากับตาตัวเองแล้ว โซอเมซซิ่งสุดๆ 5555 และจุดที่เราอยากไปอีกที่คือ ตึกชิบูย่า 109 มันแบบไงล่ะ เหมือนที่เวลาเห็นในทีวีนั่นแหละ เคยฝันว่า ถ้าไปญี่ปุ่น จะไปถ่ายรูปตรงนี้ให้ได้ แล้วก็ได้ไปถ่ายแล้วจริงๆ โชคดีที่มีรูมเมทไปด้วย จะได้ไม่ต้องมีแต่รูปเซลฟี่ ก็เดินเข้าไปดูในตึกหน่อย จริงๆมันคือห้างสรรพสินค้าแหละ ฝั่งตรงข้ามมันจะมีเปนตึก 109 Men ให้ด้วย คงขายสินค้าเฉพาะผู้ชาย แต่เราไม่ได้เข้าไปหรอกน่ะ ถึงชิบูย่าแล้วววว ![]() แวะมาหา ฮาจิโกะจัง ![]() ออกมาอีกนิดก็เจอแล้ว ห้าแยกลาดพร้าว #ซะที่ไหนล่ะ ห้าแยกชิบูย่าตะหากล่ะเนอะ นี่คนกำลังรอสัญญาณไฟข้ามถนนกันอยู่น่ะ ![]() ![]() ฝั่งตรงข้ามนั่นๆๆๆ (ตอนนี้ไฟสัญญาณคนข้ามมาแล้ว ข้ามถนนกันให้ควั่ก) ![]() ตึกชิบูย่า 109 ที่ใฝ่ฝันอยากจะมาเจอ 5555 ![]() ตึกชิบูย่า 109 Men's อยู่ฝั่งตรงข้าม ![]() สำหรับจุดต่อไปที่เราไปกันคือ....ศาลเจ้า Meiji งานนี้รูมเมทนางรีเควสมาค่ะ ไอ่เราคือ แล้วแต่นางเลย เพราะตัวเอง มาถ่ายรูปกับตึก 109 เจอห้าแยกชิบูย่าเข้าไปก็ถือว่าบรรลุแล้ว ก็เลยเดินไปตามแผนที่ นึกว่าจะไม่ไกลเท่าไหร่ ที่ไหนได้ เดินไกลพอสมควร (ไม่รู้กี่กิโล แต่ที่แน่ๆวันนั้นเดินทั้งวัน รวมระยะทางแล้วน่าจะร่วมๆ 10 กิโลได้) ก็ก่อนถึงมันต้องผ่านสวนสาธารณะ Yoyogi ก่อน แต่เราตกลงกันว่าจะค่อยแวะขากลับ ก็เลยเดินเลยไปถึงศาลเจ้า ซึ่งกว่าจะเดินเข้าไปถึงข้างในจริงๆ ต้องเดินผ่านเส้นทางที่เหมือนป่าด้วย ระหว่างทางเราก็จะเจอกับ โทริอิ ขนาดใหญ่ พอไปถึง ก่อนเข้าไป เราต้องล้างมือล้างปากด้วย จะมีเปนเหมือนบ่อน้ำให้เราตักมาล้าง ก็ตักมาล้างพอเปนพิธีแล้วก็เข้าไป แต่ตอนที่เราไป เค้ากำลังบูรณะศาลเจ้าอยู่ เลยไม่ได้เห็นความสวยงามเท่าไหร่ ก็ไปถ่ายรูปกัน แล้วก็....มันจะมีป้ายขอพร สำหรับให้เราเขียนขอในสิ่งที่เราต้องการไป ราคาอันละ 500 เยน รูมเมทนางเลยเสนอความคิดว่า เรามาแชร์กัน แล้วแบ่งกันเขียนดีมั้ย อิชั้นก็โอเคตามนั้น เขียนเสร็จแล้วก็เอาไปแขวน เปนอันเสร็จสิ้นพิธีการ ก็เดินดูข้างในอีกพักนึงแล้วก็กลับออกมา ระหว่างทางเดินไปศาลเจ้า ![]() ห้าง OIOI อันนี้คงเป็นสาขาชิบูย่า ![]() เจอ Tower Record ด้วย ![]() เดินมาเรื่อยๆ ผ่านสวนสาธารณะ Yoyogi ก่อน ![]() มาถึงทางเข้าศาลเจ้า Meiji แล้ว(แต่แค่ด้านหน้านะ) เจอโทริอิขนาดยักษ์ ![]() ใหญ่มากกกกกกกก ![]() ยังต้องเดินเข้าไปอีกพักนึงกว่าจะถึงศาลเจ้า ก็เก็บภาพเป็นระยะๆ ![]() ![]() ![]() ใกล้จะถึงแระ อีกนิดเดียว ![]() เข้ามาด้านในแล้ว ![]() ![]() จะเห็นว่าเค้าปิดซ่อมแซมอยู่ เสียดายจัง ![]() ซื้อป้ายขอพรแชร์กับรูมเมท ![]() ![]() จากนั้นก็เดินย้อนกลับมา แวะที่สวนโยโย่งิตามที่ตกลงกันไว้ ขอบอกเลยว่า เข้าไปก็เจอกับหมู่มวลซากุระที่เยอะมากกกก และงามมากๆๆๆๆ แล้วคือแบบ คนเยอะมาก จะมีวัยรุ่นหนุ่มสาว ครอบครัว เพื่อนฝูง มานั่งปิคนิคกันที่ใต้ต้นซากุระ คือแบบที่เราเคยเห็นในหนังญี่ปุ่นอีกแระ แบบนี้เลย ก็เดินดูบรรยากาศข้างในสวนพักนึง แล้วก็เดินย้อนกลับมาที่ชิบูย่า เดินย้อนกลับมาที่สวนโยโย่งิแล้ว ![]() มาถึงก็เจอแต่ซากุระเต็มไปหมด ![]() ![]() คนมาปิคนิคกันเต็มเลย ขนาดวันนั้นเป็นวันธรรมดานะ(วันจันทร์) ![]() ![]() ชมพูหวานแหวว (ต้นนี้มันต้นเตี้ยๆนะ ไม่ได้โน้มกิ่งมาถ่ายแต่อย่างใด) ![]() นี่อ่ะจ๊ะ ต้นมันเตี้ยๆแบบนี้เลย ![]() กำลังจะกลับแระ ![]() พอไปถึง ด้วยตอนนั้นก็จะบ่าย 3 แล้ว ยังไม่กินอะไรกันเลย (กินข้าวกล่องไปแต่เช้าก่อนออกมา แต่ข้าวกล่องญี่ปุ่นกล่องเดียวเยอะนะอิ่มมากกกก) ก็เลยหาที่กินก่อน พอดีว่าเราอยากกินซูชิ แต่รูมเมทนางอยากกินราเมง แต่ๆๆๆ บอกนางไปว่า พรุ่งนี้ไอจะกลับแล้วนะ ยูยังอยู่อีกหลายวัน ขอกินซูชิน๊าๆๆๆๆ นางก็เลยโอเค ก็ไปเจอร้านซูชิพอดีเลยเข้าไป มันเปนแบบสั่งให้เลือกแล้วซูชิก็จะวิ่งตามรางมาเสิรฟให้ตรงหน้าเลย โซอเมซซิ่งอีกแร้ววว 5555 แล้วซูชิเค้าแต่ละชิ้นแบบหน้าเน้นๆเต็มๆคำเลย ก็เลยสั่งไปเต็มเหนี่ยว 10 จานเลย อิ่มมากกกกกก ร้านซูชิไฮเทคมากกกก กดสั่งอาหารได้ที่หน้าจอเลย (แต่สั่งได้ทีละ 3 จาน) แล้วซักพักซูชิก็จะวิ่งมาตามรางด้านล่างนั่นแหละ มาเสิร์ฟให้ตรงหน้าเลย ![]() สองจานแรกมาแระ ![]() กินๆๆ (หลังจากนี้ก็กินอย่างเดียว ลืมถ่าย 5555) ![]() แวะเซเว่นเค้าหน่อย เห็นนมรสชาติแปลกๆ เลยลองซื้อมากินดู ![]() แล้วก็นี่เลย ยาคูลท์ญี่ปุ่น (นึกว่าขวดจะเหมือนของบ้านเราซะอีก) หวานนิดๆ อร่อย(กว่าของบ้านเรา 555) ![]() มีอีกรส(รสกุหลาบ?) เห็นมันแปลกดีก็เลยซื้อมาด้วย ขอบอกเลยว่า อร่อยสุดๆ ติดใจมากกกก เสียดายน่าจะซื้อกลับมาด้วย ![]() กินเสร็จ พอดีถึงเวลาต้องหาของฝากแล้ว (สารวัตรแกฝากซื้อของด้วย) ก็เลยเดินแถวๆนั้นอีกแป๊บนึง มีร้านให้เข้าเยอะนะเลือกไม่ถูก พยายามเดินๆหา โชคดีที่ไปเจอของที่สารวัตรฝากซื้อพอดี ภารกิจสำเร็จ(ไปส่วนนึง)แล้ว ก็ถึงเวลากลับล่ะ ก็จัดการไปซื้อตั๋วรถไฟกลับ พอมาถึงโรงแรม พักแป๊บนึง เราบอกรูมเมทว่าจะออกมาหาของฝากต่อ นางก็ออกมาเปนเพื่อนด้วยน่ารักจริงๆ จนหาซื้อของฝากได้แล้วก็กลับ เราก็จัดกระเป๋า เตรียมตัวเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น จบค่ะ อีกหนึ่งวันดีๆในญี่ปุ่นหมดไปอีกแล้ว ตอนจัดกระเป๋าแล้วคิดว่า นี่ต้องกลับแล้วเหรอ แบบอยากจะร้อง ยังไม่อยากกลับเลยอ่ะ อยากอยู่ต่อ แต่ก็คิดว่า ไม่เปนไร ยังไงชั้นจะต้องได้กลับมาอีก เพราะเขียนขอพรไว้แล้ว และก็ได้สัญญา....กับต้นซากุระ(ต้นไหนซักต้นแหละ 555)ไว้แล้ว ว่าเราจะกลับมาอีกแน่นอน bbL'®2017© <<< Day 2 Back Next Day 4 >>>
![]() โดย: babyL'
![]() สวัสดีคะ..
ภาพก็สวย..นางแบบก็เท่ห์นะเจ้าคะ.. ![]() ![]() โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ
![]() ![]() |
บทความทั้งหมด
|