Japan Trip : Day4 Till we meet again,Japan
อ่าาา ก็คิดว่าคงมาถึงรีวิวตอนสุดท้ายแล้วสำหรับเจแปนซีรี่ส์ เพราะวันนี้เปนวันที่ต้องเดินทางกลับแล้ว บอกตรงๆว่าความรู้สึกตอนนั้น อยากให้เวลาย้อนกลับไปวันแรกที่มาถึง แล้วก็วนเวียนอยู่แค่นั้น แต่มันก็คงเปนไปไม่ได้

เช้าวันเดินทางกลับ เราตื่นตั้งแต่ตี 5 เพราะต้องไปขึ้นรถไฟ JR N'Ex เที่ยวแรกให้ทัน เพราะเราจองเครื่องกลับไฟล์ท 10 โมง ต้องเชคอินก่อน 2 ชม. รถไฟขบวนแรกที่ไปถึงสนามบินนาริตะจะออกตอน 6.43 ใช้เวลาวิ่งชั่วโมงกว่าๆ เราเลยเผื่อเวลาไปก่อนดีกว่า เพราะอย่างที่บอก รถไฟญี่ปุ่นนี่ตรงเวลาสุดๆ พลาดไปนิดเดียวคือพลาดทุกอย่าง (รวมถึงต้องตกเครื่องด้วยถ้าพลาดไป)
สารภาพเลยว่าวันที่กลับนั้น....อิชั้น...ไม่ได้อาบน้ำค่าาาา คือก็มันหนาวอ่ะ ถึงจะมีน้ำอุ่นให้ก็เหอะ แต่ถ้าจะอาบน้ำด้วย อิชั้นต้องตื่นตี 4 ก็เลยว่าอาบน้ำซะตั้งแต่กลางคืนดีกว่า ตื่นมาก็แค่ล้างหน้าแปรงฟันพอ อีกอย่าง คืนก่อนจะกลับ กว่าจะจัดของเก็บกระเป๋าอะไรเสร็จก็เกือบๆเที่ยงคืนแล้ว อากาศเย็นเหงื่อไม่ออกไม่เปนไรหรอก(มั้ง)นะ แหะๆๆๆ
ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตี 5 ตื่นปุ๊บก็จัดการล้างหน้าแปรงฟันทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย แล้วก็มาเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวเชคเอาท์ ก่อนไปก็ปลุกรูมเมทมาร่ำลากันนิดนึง เพราะนางบอกก่อนไปให้บอกนางด้วย ก็เลยปลุกนางบอกไอจะไปแล้วนะ ดีใจนะที่ได้นางเปนรูมเมท นางก็บอกดีใจเช่นกัน เราก็บอกว่าขอให้สนุกกับวันที่เหลือในเจแปนนะ เที่ยวเผื่อไอด้วยละกัน และสุดท้าย หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีกนะ (ก่อนหน้านี้ก็แอดเฟซกันเรียบร้อยแระ) เสร็จแล้วก็บ๊ายบาย ออกมาเชคเอาท์ ซึ่งก็ใช้เวลาแป๊บเดียว และก็อย่างที่บอก ทางโรงแรมให้คีย์การ์ดเก็บไว้เปนที่ระลึก แล้วพอดีที่โรงแรมเค้าจะมีให้เขียนข้อความฝากไว้ด้วย เราก็เลยเขียนให้หน่อย ก็เหมือนเดิม เขียนขอบคุณ แล้วก็บอกว่ายังไงก็จะกลับมาที่นี่อีกครั้ง เสร็จแล้วก็ถ่ายรูปกับโรงแรมเก็บไว้อีกนิดหน่อยแล้วก็ออกไปสถานี

เก็บภาพในโรงแรมหน่อย
 photo d4-01.jpg
 photo d4-02.jpg

ออกมาถ่ายหน้าโรงแรมอีกซะทีก็ดีนะ
 photo d4-03.jpg
 photo d4-04.jpg

 
วันกลับนั้น ฝนก็ตกแต่เช้าอีกเหมือนเดิม แหม่ๆๆ ตกทั้งขาไปขากลับเลยนะ ก็เดินไปสถานีท่ามกลางสายฝนนั่นแหละ ดีที่ตกแค่ปรอยๆก็เลยไม่เปียกมาก อากาศก็เย็นเกิ๊นนน เดินไปสั่นไป รีบเร่งฝีเท้าให้ถึงสถานีเร็วๆ เพราะ....กุจะแข็งตายอยู่แร้ววว พอเข้าสถานีได้นี่อุ่นขึ้นเยอะเลย ก็เดินไปหาทางเข้าชานชลา เราก็เพื่อความชัวร์ ไปถามเจ้าหน้าที่อีก เค้าก็บอกว่าเข้าทางนี่แหละใช่ เราก็เดินเข้าไปเลย ตอนนั้นเปนเวลาประมาณ 6.20 ก็เลยต้องรอรถอีกตั้ง 20 กว่านาที แต่มั่นใจได้ว่ารอไม่เกินกว่านี้แน่นอน เพราะรถไฟเข้ามารอก่อนประมาณ 3 นาที แล้วพอถึงเวลาเป๊ะ รถไฟก็ออกมุ่งหน้าสู่สนามบินนาริตะกันเลยจ้าาา

ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงสนามบิน ตรงตามที่ตารางเวลาเค้าบอกเป๊ะ โล่งงงงใจ แต่พอลงรถไฟ ก็ต้องไปเดินหาอีกว่าเคาน์เตอร์เชคอินมันอยู่ตรงไหน ดีที่ว่าเราเลือกทางถูก ไม่งั้นก็คงต้องเดินหากันนานอีก ก็รีบไปเชคอินก่อน และด้วยว่าต้องผ่านด่าน ตม.อะไรอีก ก็เลยรีบเข้าไปข้างใน แต่ตอนเช้าคนก็ยังไม่เยอะเท่าไหร่ ใช้เวลาไม่นานมากก็ผ่านเข้าไปรอที่เกทเรียบร้อย รอไม่นานมากก็เรียกขึ้นเครื่องแล้ว
 

ขึ้น JR N'EX มาแระ
 photo d4-05.jpg
 photo d4-06.jpg

มาถึงสนามบินก็รีบไปเช็คอินให้เรียบร้อย
 photo d4-07.jpg
 photo d4-08.jpg

ฝนตกอ่าาา
 photo d4-09.jpg
 photo d4-10.jpg

ระหว่างทางที่จะเข้าไป ตม.
Ok, I'll come back again!
 photo d4-11.jpg

ประทับตาขาออกเรียบร้อย กำลังจะบ๊ายบายแล้วนะ เจแปน
 photo d4-12.jpg

 
ในตอนที่ เครื่องบินกำลังจะเทคออฟออกจากญี่ปุ่นนั้น เราพยายามเก็บภาพไว้ในความทรงจำ จดจำทุกรายละเอียดให้ได้มากที่สุด แล้วบอกกับตัวเองว่าจะต้องกลับมาอีกครั้งให้ได้ ว่าแล้วก็น้ำตาซึมๆ เวลาทำไมมันเร็วงี้ แป๊บๆก็ต้องกลับแล้ว อยากอยู่ให้นานกว่านี้อีกจัง แต่...บั๊บบายนะ แล้วค่อยเจอกันใหม่ แล้วเครื่องบินก็ค่อยๆทยานขึ้นสู่ท้องฟ้า...
 
ขากลับได้นั่งริมหน้าต่างเหมือนเดิม แถมก็ได้นั่งติดกับหนุ่มญี่ปุ่นอีกแล้วจ้าาา(หนุ่มหล่อกว่าคนที่เจอขาไปด้วยนะ อิๆๆๆ) ทีแรกก็ไม่รู้หรอก จนนางคงเห็นอิชั้นกำลังงุนงงกับหน้าจอตรงหน้า (คือหรูเกิ๊นใช้ไม่ถูก5555) นางเลยชี้ๆให้แล้วบอก โคเระ (แปลว่า ตรงนี้...มั้งนะถ้าจำไม่ผิด) ก็เลยเก็ทว่านางเปนคนญี่ปุ่นนี่เอง เครื่องออกได้ซักพักเค้าก็เสิร์ฟอาหารเช้า ขอบอกเลยว่ามื้อนี้อร่อยสุด 5555 กินเสร็จว่าจะนอนหน่อย ง่วงๆจะหลับอยู่แระ แต่ของเล่นตรงหน้ามันก็น่าสน ก็เลยเปิดหนังดู ซาวน์แทรคล้วนๆ (มีซับเวียดนามให้ เหอๆๆ) อ่านมะออก ก็ดูไปหลับไปอ่ะนะ แต่ก็ยังดูจนจบ(แบบรู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง) แต่เวลาก็ยังเหลือ ทีนี้ก็เลยของีบนิดนึง ก่อนที่เวลา 5 ชั่วโมงครึ่งจะผ่านไป และก็ถึงเวลาแลนดิ้งที่สนามบินฮานอยแล้ว

ขึ้นเครื่องมาได้นั่งริมหน้าต่างแถมมีหน้าจอส่วนตัวด้วย อิๆๆ
ฝนยังคงตกอยู่
 photo d4-14.jpg

 
หน้าจอไฮเทคเกิ๊น งงๆอยู่พักนึง
 photo d4-13.jpg

เปิดเป็นแระ เปิดเพลงฟังหน่อย
 photo d4-15.jpg

อาหารเช้า ขอบอกเลยว่ามื้อนี้อร่อยสุด 555
 photo d4-16.jpg

 
ก็อย่างที่บอก มาคราวนี้ไม่ได้บินตรงต้องต่อเครื่อง ขาไปเราไปต่อที่โฮจิมิห์ แต่ขากลับมาต่อที่ฮานอย สนามบินฮานอยใหญ่กว่าที่โฮจิมินห์มากแถมดูหรูกว่าด้วย (ประมาณโฮจิมินห์ก็เหมือนดอนเมือง แล้วฮานอยก็เหมือนสุวรรณภูมิไรงี้น่ะ) คราวนี้รอต่อเครื่องประมาณ 2 ชม.กว่าๆ ก็เลยเดินเล่นๆอยู่ในสนามบินเหมือนเดิม การเดินทางครั้งนี้ก็เลยเหมือนว่าได้ไป 2 ประเทศเลย คือญี่ปุ่นกับเวียดนาม ถึงแม้ที่เวียดนามจะได้อยู่แค่ที่สนามบินก็เหอะ
ลงฮานอยแล้ว สนามบินเค้าหรูดีนะ
 photo d4-23.jpg
 photo d4-24.jpg

เดินเล่นๆไปมาในนั้นแหละ
 photo d4-21.jpg
 photo d4-22.jpg

เข้ามารอที่เกทแล้ว
 photo d4-20.jpg
 photo d4-27.jpg

อันนี้คือถ่ายจากในห้องน้ำนะ 555
 photo d4-26.jpg
 photo d4-25.jpg

พอเวลาขึ้นเครื่องมาถึงก็ยังได้ที่นั่งริมหน้าต่างเหมือนเดิม แถมคราวนี้คนไม่เต็ม อิชั้นเลยได้นั่งคนเดียวมาตลอดทางเลยค่ะ เอกเขนกสุดๆ5555 แต่คราวนี้บินใกล้ๆเครื่องเลยเล็กกว่า ไม่มีหน้าจอส่วนตัวให้แระ ชั้นเลยไม่สน พอกินอาหารเสร็จ(มื้อนี้เปนข้าวคล้ายๆแกงเขียวหวานเราเลือกเปนปลาน่ะ) ก็นอนดีกว่า แป๊บเดียว....กำลังจะถึงสุวรรณภูมิแล้ว ตามกำหนดการจะถึงสุวรรณภูมิตอน 18.05 ซึ่งก็ตรงตามเวลาไม่มีเลท ก็ผ่านด่าน ตม.ออกมาเรื่อยๆ(เราคนไทยไม่อะไรมากอยู่แระ) ก็ไปรอรับกระเป๋าอะไรเสร็จก็ออกมา
ขึ้นเครื่องแระ ทริปนี้ดีจัง ได้นั่งริมหน้าต่าง(เกือบ)ตลอดเลย
 photo d4-28.jpg

เครื่องเล็กเลยไม่มีจอส่วนตัว
 photo d4-29.jpg

อาหารเที่ยง(มั้ง?) แต่กินบ่าย เป็นคล้ายๆแกงเขียวหวาน(เราเลือกเป็นปลา)
 photo d4-30.jpg

อ่ะ ถึงเมืองไทยแล้วจร้าาาาา
 photo d4-31.jpg

เปนอันว่า...อิชั้นก็พาตัวเองกลับมาถึงเมืองไทยได้อย่างปลอดภัยแล้วจร้าาาาา ก็ยังงงๆตัวเองอยู่เลยนะ เออ ชั้นก็ทำได้เหมือนกันเว้ยเฮ้ย พาตัวเองซึ่งเปนผู้หญิงคนเดียว ไปถึงญี่ปุ่นได้ทั้งๆที่ก็เปนการเดินทางออกนอกประเทศที่ไกลกว่าที่เคยไปมา ไปแบบกระทันหันแทบไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรทั้งนั้น ข้อมูลที่หาก่อนไปเรียกได้ว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับคนที่เตรียมตัวมาเปนเดือนๆ แต่เราก็ยังรอดมาได้
คือคิดว่า ทุกคนต้องมีสัญชาติญาณการเอาตัวรอด คือไม่ว่ายังไง ไปถึงแล้วชั้นต้องไม่อดตาย ชั้นต้องหาทางไปในที่ๆชั้นอยากไปให้ได้ และไปแล้วก็ต้องกลับมาให้ได้ นั่นคือสิ่งที่คิดไว้เลย อีกอย่างคือ ต้องมีสติให้มากๆ เพราะเราไปคนเดียวด้วย อย่างเรา พอเริ่มงงแล้ว ก็จะเรียกสติตัวเองกลับมาก่อนทุกครั้ง บอกตัวเองตั้งสติแล้วค่อยๆคิดหาทางไป จะทำยังไงๆ คือตั้งสติกับทุกอย่าง สังเกตุสิ่งที่อยู่รอบตัวและจดจำ พยายามพึ่งตัวเองให้มากที่สุดไว้ก่อน แต่ถ้าจนปัญญาแล้วจริงๆ ก็หาคนที่คิดว่าพอจะช่วยได้(ส่วนใหญ่ก็พวกเจ้าหน้าที่) ถามไว้ก่อน รู้เรื่องไม่รู้เรื่องก็ค่อยว่ากัน แล้วก็หาทางอื่นๆไปเรื่อยๆ ยังไงมันก็ต้องมีทางไปของมัน แค่นี้เราก็เอาตัวรอดได้แล้ว
เอาล่ะค่ะ ก็คิดว่า รีวิวเจแปนทริปครั้งนี้ ก็คงต้องจบแต่เพียงเท่านี้ เพราะทุกคนคงจะเบื่อกันแระใช่ม๊าาา ประมาณว่า อินี่กลับมาก็เพ้อถึงแต่ญี่ปุ่นอยู่นั่นแหละ 5555 ก็บอกแล้วอิชั้นเปนติ่งญี่ปุ่นค่ะ แต่แหม เราก็แค่อยากแชร์ประสบการณ์ เผื่อใครอยากจะไปเองแบบไม่ต้องพึ่งทัวร์(จะบอกว่า วันที่กลับคือวันที่ 11 เจอคนที่สนามบินเยอะมากกกก ยังคิดอยู่เลยว่าวันนี้คนเยอะจัง วันรุ่งขึ้นพอได้ข่าวมีคนโดนหลอกไปญี่ปุ่น ก็ยังคิดว่า เอ๊ะ...จะใช่พวกคนที่โดนท่านโชกุนพามาปล่อยลอยแพป่ะนะ) ก็จะได้พอเปนข้อมูลได้บ้าง(ถึงจะน้อยนิดก็เหอะ)
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนถึงหน้านี้ หวังว่ารีวิวของอิชั้น คงจะมีประโยชน์กับท่านได้บ้างล่ะนะ
สวัสดี...
bbL'®2017©

<<< Day 3 Back



Create Date : 03 พฤษภาคม 2560
Last Update : 12 พฤษภาคม 2564 20:01:13 น.
Counter : 2765 Pageviews.

1 comments
Slow Life ในเมืองเลย Alex on the rock
(15 เม.ย. 2567 07:44:23 น.)
ต้นไม้ใบหญ้าเริ่มฟื้นคืนชีพ สวยสุดซอย
(12 เม.ย. 2567 14:13:40 น.)
ร้อนนี้ชวนเที่ยว ออบขาน เชียงใหม่ สมาชิกหมายเลข 4313444
(11 เม.ย. 2567 08:07:33 น.)
Day 7 เที่ยววันสุดท้าย Arashiyama กลางสายฝน khimyo
(10 เม.ย. 2567 12:51:53 น.)
  
โดย: babyL' วันที่: 3 พฤษภาคม 2560 เวลา:17:02:04 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bbl-chronicle.BlogGang.com

babyL'
Location :
สงขลา  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]