Singapore in Memory หายหน้าหายตาไปหลายวันเนื่องด้วยทั้งงานราษฎร์งานหลวง แต่เนื่องจากวันนี้วันหยุด เลยพอมีเวลานิดนึง (จริงๆก็เขียนไว้เรื่อยๆแล้วอ่ะนะ แต่วันนี้มันประจวบเหมาะพอดี) เพราะงั้น วันนี้ ก็เลยจะพาท่านเที่ยวทิพย์อีกครั้ง (หลังจากพึ่งไปเที่ยวญี่ปุ่นกันมา) คราวนี้ขอพาท่านย้อนอดีตกลับไปไกล...ไกลกว่าเดิมมาก มากกกกกกกก มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เพราะทริปนี้ เราเดินทางไปตั้งแต่ปี 2010 โน่นนนนน 5555 ก็ตามที่จั่วหัวว่าเปนทริป สิงคโปร์ แต่...เนื่องด้วยมันก็ผ่านมาเปนสิบๆปีแล้วอ่ะนะ ก็จะขอเล่าแบบรวบตึงให้จบภายใน EP เดียวละกัน (อันนี้ก็เก็บตกมาจากที่ลงไว้ในเฟซฯน่ะนะ) ไปมาสิบกว่าปีแล้ว ไม่รู้ตอนนี้สิงคโปร์เจริญไปถึงไหนแล้ว เพราะขนาดว่าตอนที่เราไป ก็ดูเหมือนว่าความเจริญบ้านเค้าจะล้ำหน้าบ้านเราไปโขอยู่ ว่าแล้วก็เลยอยากกลับไปเทียวอีกครั้ง รอโควิดหมดก่อนนะ จะวางแพลนไปอีกครั้งให้ได้ เอาล่ะ งั้นตอนนี้เราก็นั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลาไปเที่ยวสิงคโปร์กันเล้ยยยยย ********** ไปสิงกระโปรง เอ๊ย สิงคโปร์ เมื่อตอนที่ยังทำงานอยู่ที่เก่า (7-10 May 2010) เจ้านายส่งไปดูงาน(แต่นั่นคือเรื่องรอง เพราะเรื่องหลักคือไปเที่ยว ฮาาา) ซึ่งงานนี้สนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินโดยท่านเจ้านาย (แต่ค่ากินค่าเที่ยวออกเองจ๊ะ) ไปกับน้องที่ทำงานอีกคนน่ะ ทริปนี้เลยไปกันสองสาว เราออกเดินทางโดยสายการบิน Tiger Air(ซึ่งตอนนี้ปิดกิจการไปแระ) ในเช้าวันที่ 7 พฤษภา บินตรงจากหาดใหญ่ไปสิงคโปร์เลย สะดวกดี ราคาไม่แพง(เป็นสายการบิน low cost ของสิงคโปร์เค้าน่ะ) ใช้เวลาแค่ 1 ชม.ครึ่ง ก็ถึงแระ พอไปถึง โฮสท์จากที่โน่นมารับ เพราะเราต้องไปดูงานเกี่ยวกับด้านที่พัก (ตอนนั้นทำงานเกี่ยวกับส่งนักเรียนไปเรียนที่สิงคโปร์ไง เลยต้องไปดูสถานที่ความเป็นอยู่ของโฮสท์ว่าเปนไง) ซึ่งก็รู้ๆกันอยู่ว่า สิงคโปร์ ที่ดินแพง(เพราะมันเปนเกาะ) ที่พักของนักเรียนจึงเปนสไตล์คอนโด ซึ่งโฮสท์เค้าจะเช่าไว้เปนชั้นๆ เพื่อให้นักเรียนอยู่ ซึ่งห้องนึง นักเรียนก็จะอยู่กันประมาณ 2-3 คน ในตอนที่ไปนั้นโฮสท์เขาก็ให้ห้องๆนึงไว้พัก (เราก็สบายยยยค่ะ เสียแค่ค่ากินค่าเที่ยวเท่านั้น) หลังจากเสร็จภารกิจ(ไปดูสถานที่) และเก็บของเข้าที่พักกันแล้ว หลังจากนั้นก็....เปนเวลาเที่ยวค่ะ 555 (แต่จริงๆก็คือเหมือนไปเก็บข้อมูลอ่ะนะ ว่าสิงคโปร์เค้ามีอะไรบ้าง จะได้เอามาพรีเซนต์คนที่สนใจอยากจะไปเรียนต่อที่นั่น) ที่แรกที่เราไปกันก็คือ Buddha Tooth Relic Temple หรือ วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว ถ่ายตรงด้านหน้าวัด (มุมไกลเพื่อจะได้เห็นตัววัดเต็มๆ แต่วัตถุประสงค์จริงๆเพื่อ.....อำพรางความอวบระยะสุดท้ายของอิชั้นค่ะ แต่ก็ยังเห็นได้อยู่ดี แง๊) ![]() เข้ามาด้านใน ตรงนี้ก็จะเปนรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิม ![]() กระบอกมนต์อันใหญ่ยักษ์ เค้าว่า หมุนครบ 3 รอบ พร้อมคำอธิษฐาน แล้วจะเป็นจริง (ส่วนอธิษฐานอะไรไปนั้น รออ่านตอนท้ายนะ) ![]() ภายในก็จะมีสวนกล้วยไม้ด้วย ![]() ออกจากวัด เราก็ตรงไปที่ China Town กันค่ะ ![]() ![]() ดูตึกรามบ้านช่องเค้าซะหน่อย ![]() ![]() เดินเล่นหาไรกินกันจากที่นั่นเลย แล้วก็กลับที่พัก อันนี้ถ่ายที่คอนโดที่เราพัก อยู่แถวๆ Tampines ย่านนี้จะมีแต่คอนโด ![]() ![]() จบวันแรก ต่อๆๆวันที่ 2 เราก็ไปกันหลายที่อยู่ ค่อยๆตามมาพร้อมๆกันนะ เริ่มจากขึ้นรถไฟฟ้าบ้านเค้าแล้วที่แรกทีเราไปลงก็คือ... ตึก Esplanade หรือ ตึกทุเรียนนั่นเองค่ะ เปนคล้ายๆโรงละครบ้านเค้า ![]() มองไปอีกฝั่ง เราก็จะเห็น Singapore Flyer ชิงช้าสวรรค์บ้านเค้า (ที่เที่ยบกับบ้านเราก็คงจะเปนชิงช้าตรงเอเชียทีคน่ะนะ) ![]() ถัดจากตึก Esplanade ซึ่งเราก็ไม่ได้เข้าไปดูอะไรหรอก เราก็อาศัยเดินค่ะ เพื่อที่จะไปจุดที่เปน Landmark ของสิงคโปร์ซึ่งก็คือ... Marina Bay ค่ะพี่น้องคะ (ถ่ายมุมไกล ระหว่างที่เดินไปเรื่อยๆ) ![]() และแล้ววววว มาถึงแล้วคร่าาาาาา ![]() เพื่อเปนการยืนยันว่าอิชั้นมาถึงแล้ว 5555 มันเหมือนเปนไฟท์บังคับใช่มั้ย ที่มาถึงสิงคโปร์ ก็ต้องมาถ่ายรูปกับน้อง Merlion (ว่าแต่ ทำไมไม่ทำท่าอ้าปากกินน้ำฟระตอนนั้น) ![]() มองจากอีกฝั่ง เราก็จะเห็นโรงแรม Marina Bay Sands ด้วย (รู้สึกว่าตอนที่ไปมันยังไม่เสร็จสมบูรณ์เท่าไหร่ที) ![]() เสร็จแล้วเราก็ไปเดินที่ถนน Orchard ถนนแห่งแฟชั่นของสิงคโปร์กันต่อ ![]() ![]() เดิน Orchard กันจนค่ำแล้วก็กลับที่พักกัน เพื่อเตรียมเที่ยวกันต่อ อิๆๆ วันที่ 3 วันสุดท้ายที่สิงคโปร์แล้ว วันนี้เราไปที่ Sentosa กันค่ะ คืนก่อนไป เราก็เข้าไปเช็คในเว็บเค้าก่อนว่าเราจะซื้อตั๋วแบบไหนอะไรยังไง เพื่อที่ไปถึงจะได้ไม่งงๆเนอะ เราเดินทางไปโดย รถไฟฟ้าของเค้าเหมือนเดิมค่ะ ระหว่างทางตอนที่ใกล้จะถึงเราก็จะเห็นเซนโตซ่าอยู่ไกลๆ ![]() แล้วเราก็จะได้เห็น Resort World Sentosa โรงแรมสำหรับคนที่จะมาเที่ยวที่นี่โดยเฉพาะ (ก็เหมือนพวกดิสนีย์แลนด์ ที่จะมีโรงแรมอยู่ใกล้ๆ) ![]() เมื่อมาถึงแล้ว อีกแลนด์มาร์คนึงของเซนโตซ่านั่นก็คือ...เจ้า Merlion ยักษ์ ที่มีความสูงราวตึก 10 ชั้นได้ค่ะ ![]() เราสามารถขึ้นไปบนตัวเจ้าสิงเงือก(ขอเรียกแบบนี้ละกันนะ ฮาาาา)ยักษ์ได้ค่ะ มันจะมีมุมให้ถ่ายรูปจากตรงปากของมัน อันนี้เราก็ถ่ายจากมุมสูงลงมา(เพื่อให้เห็นว่าสูงมากกกกกก) ![]() ลงจากเจ้าสิงเงือก เราก็ไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้ากันต่อ ซึ่งไอ่เจ้ากระเช้าเนี่ย เวลาจะขึ้น-ลงกระเช้านี่ต้องอาศัยความไวนะ เพราะมันไม่หยุดให้ ต้องโดดขึ้นอย่างเดียว แล้วขาลงเราก็ลงมาโดยไอ่เจ้า...ดำๆที่เห็นห้อยลงมาจากที่นั่งกระเช้านั่นแหละ อันนี้ก็แบบ เสียวมากกกกก เพราะมันควบคุมยากนะ คือ อาศัยความชันเปนตัวทำความเร็วในการลงอย่างเดียวเลย (ค่อนข้างบังคับยากหน่อย) ![]() เพื่อไม่ให้เปนการเสียเวลา เราก็ไปขึ้น Tiger Sky Tower กันต่อ มันจะเป็นเหมือน...ไงล่ะ อธิบายไม่ถูก ก็คือ เป็นกลมๆ แล้วก็ค่อยๆขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงจุดสูงสุด แล้วก็...ลงมาปกติน่ะ (ไม่ได้ลงเร็วแบบเครื่องเล่นหวาดเสียว) อันนี้เราก็ถ่าย Resort World Sentosa มาอีกมุม ![]() จากนั้นเราก็ไปต่อกันที่ Universal Studio สาขาสิงคโปร์กันเลยค่ะ แต่ตอนที่ไปนั้น มันก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ที แล้วตอนไปก็ค่ำแล้ว เราก็เลยได้แค่เดินดูรอบนอกนิดหน่อยแล้วก็กลับ ![]() ![]() ![]() และแล้วก็มาถึง...วันสุดท้าย กลับบ้านแล้วจ๊าา เราก็กลับกันแต่เช้าไม่ได้ไปไหนเลยน่ะ (ถึงต้องรีบเที่ยวให้เสร็จตั้งแต่วันมาเลยไง) ขอบคุณสายการบิน Tiger Air (และคุณเจ้านายที่ออกค่าเครื่องให้ อิๆๆ) ที่พาเราไปถึงสิงคโปร์และกลับมาหาดใหญ่อย่างปลอดภัย สุดท้ายหวังว่าจะได้ไปเที่ยวสิงคโปร์อีกครั้ง (ตามที่อธิษฐานไว้ตอนหมุนกระบอกมนต์น่ะนะ) ![]() ก็เปนอันว่า จบทริปสิงคโปร์แบบทิพย์ๆกันแล้ว ไปๆมาๆก็ยาววววเหมือนกันแฮะ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว จะได้อ่านกันทีเดียวจบเลย (ไม่ต้องรอหลาย EP เหมือนตอนไปเที่ยวญี่ปุ่น) ส่วนว่าหลังจากนี้จะไปเที่ยวที่ไหนนั้น....ถ้าหากว่ามีเวลา จะมาเขียนต่อละกันนะ แต่จะเปนที่ไหน ก็ต้องคอยติดตามตอนต่อไป(ถ้าไม่ขี้เกียจเขียนซะก่อนนะ) See you!!! bbL'®2021© ![]() โดย: babyL'
![]() |
บทความทั้งหมด
|