|
สารป้องกันและกำจัดโรคพืช ตอนที่ 18
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำ ชื่อสารเคมี(ชื่อสามัญ) ชนิดต่างๆ มาเผยแพร่ให้เกษตรกร,ผู้สนใจ,ฯลฯ ได้รู้ถึงประโยชน์, อันตราย, และความเป็นพิษเพื่อจะได้เลือกใช้สารเคมีอย่างระมัดระวัง(ในกรณีที่จำเป็น) มิได้ต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรหรือผู้อ่านใช้สารเคมีเพิ่มขึ้น เพียงแต่หากจำเป็นต้องใช้สารเคมี ก็ควรใช้อย่างรู้คุณและโทษของมันอย่างถูกต้อง และได้ประโยชน์ คุ้มค่ากับเงินลงทุนที่เสียไปทุกบาททุกสตางค์ และไม่ทำให้ผู้บริโภครวมถึงตัวเกษตรกรและผู้ใช้เองต้องตกเป็นเหยื่อของพิษ ภัยจากการใช้สารเคมีโดยมิได้รู้แจ้ง ซึ่ง ทางผู้โพสหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรและบุคคลทั่วไปไม่มากก็น้อย สำหรับท่านที่มีเพื่อน,มิตร,ญาติสนิท,ฯลฯ ที่ทำเกษตร หรือเกี่ยวข้องทางด้านนี้อยู่ ก็รบกวนช่วยนำไปเผยแพร่นะครับ ผมเองได้ข้อมูลมาตั้งแต่สมัยที่ยังทำการเกษตรอยู่ จาก หนังสือ "สารกำจัดศัตรูพืชในประเทศไทย" เป็นหนังสือที่หาค่อนข้างยาก ปัจจุบันไม่ทราบว่ามีตีพิมพ์อีกหรือไม่ แต่ข้อมูลก็ยังสามารถใช้ได้ดีอยู่ จึงอยากนำมาเผยแพร่ให้คนรักต้นไม้,เกษตรกร,หรือคนที่เกี่ยวข้องได้ทราบกัน (นายยักษ์เขียว)
ไพราโซฟอส (pyrazophos) การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดเชื้อรา organophosphate pyrimidine ประเภทดูดซึมออกฤทธิ์ให้ผลในทางป้องกันและบำบัดรักษาโรคพืช ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) 415-778 มก./กก. ทางผิวหนัง มากกว่า 2,000 มก./กก. โรคพืชที่กำจัดได้ โรคราแป้ง และโรคที่เกิดจากเชื้อ Helminthosporium spp. พืชที่ใช้ องุ่น พืชตระกูลแตง ฟักทอง สตรอเบอร์รี่ ธัญพืช ยาสูบ ผักต่าง ๆ และไม้ประดับทั่วไป สูตรผสม 30% อีซี อัตรา ใช้และวิธีใช้ ใช้อัตรา 6-10 ซีซี ผสมกับน้ำ 20 ลิตร กวนให้ผสมกันดี แล้วฉีดพ่นให้ทั่วต้นพืช ใช้ซ้ำได้ทุก 7-14 วัน อาการ เกิดพิษ อาจทำให้ดวงตาและผิวหนังเกิดอาการระคายเคือง ถ้าเข้าปาก จะมีอาการมึนงง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย กระวนกระวาย อาการสั่นที่ปลายลิ้นและเปลือกตา ม่านตาหรี่ คลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออกมาก ปวดท้องเกร็ง ชีพจรเต้นช้า กล้ามเนื้อเกร็ง ในกรณีที่รับพิษเข้าไปมากระบบประสาทจะถูกทำลายและกล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ย การ แก้พิษ ถ้าถูกผิวหนังหรือดวงตา ให้ล้างด้วยน้ำมาก ๆ ถ้าเข้าปาก ห้ามทำให้อาเจียน สำหรับแพทย์ ให้คนไข้ด้วยยา liquid paraffin ขนาด 200 มิลลิลิตร แล้วล้างท้องโดยใช้น้ำ 4 ลิตร ระวังอย่าให้สารพิษหลงเข้าไปในระบบทางเดินหายใจ เมื่อล้างท้องเสร็จแล้วให้คนไข้รับประทานแอ๊คติเวทเต็ด ซาร์โคล และ โซเดียมซัลเฟท ให้ อะโทรปินซัลเฟท 2 มิลลิกรัม ฉีดเข้าทางเส้นเลือดดำและฉีดซ้ำทุก 15 นาที และให้ Toxogonin 250 มิลลิลิตร หรือฉีด 2-0.5-1 กรัม ทางเส้นเลือดดำช้า ๆ ข้อควรรู้ - ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว 14 วัน - เป็นอันตรายกับผึ้ง ไม่ควรใช้ในระยะที่พืชกำลังออกดอก - เป็นอันตรายต่อปลา - ไม่เหมาะที่จะใช้เป็นสารคลุกเมล็ดหรือราดดิน - เข้ากับสารกำจัดศัตรูพืชอื่นได้
ไพโรควิลอน (pyroquilon) การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดเชื้อรา pyrroloquinoline ประเภทดูดซึม ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก 320 มก./กก. ทางผิวหนัง มากกว่า 3,100 มก./กก. โรคพืชที่กำจัดได้ กำจัดเชื้อ Pyricularia oryzae ของข้าว พืชที่ใช้ ข้าว สูตรผสม 2.7% จี อัตราใช้และวิธีใช้ ใช้ตามคำแนะนำบนฉลาก
ควินโตซีน หรือ พีซีเอ็นบี (quintozene or PCNB) การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดเชื้อรา organochlorine ออกฤทธิ์ให้ผลในทางป้องกัน โรคพืชที่อยู่ในดินและใช้คลุกเมล็ด ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) 15,000 มก./กก. อาจทำให้ผิวหนังระคายเคือง โรคพืชที่กำจัดได้ โรคเน่าดำของกะหล่ำปลี โรครากเน่าของฝ้าย โรคสแคปของกะหล่ำปม โรคที่เกิดจากเชื้อ Rhizoctonia spp. และ Sclerotinia spp. โรคต้นเน่าและรากเน่าของถั่วเหลือง โรคใบไหม้ของมะเขือเทศและพริกไทย โรคเน่าของกระเทียมและโรคอื่น ๆ อีกมาก พืช ที่ใช้ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก กะหล่ำปม ถั่วต่าง ๆ ข้าว ข้าวโพด ฝ้าย กระเทียม พริกไทย มันฝรั่ง ข้าวฟ่าง มะเขือเทศ ข้าวสาลี กล้วย ไม้ดอกและไม้ประดับทั่วไป สูตรผสม 75% ดับบลิวพี 24% อีซี อัตราใช้และวิธีใช้ ชนิด 75% ใช้คลุกเมล็ดหรือคลุกดินตามอัตราที่กำหนดบนฉลาก หรืออาจจะใช้อัตราที่กำหนดผสมกับน้ำ แล้วราดบริเวณโคนต้นก็ได้ อาการ เกิดพิษ ถ้าถูกผิวหนังจะเกิดอาการระคายเคือง หรือมีอาการแพ้ ถ้าเข้าตาจะทำให้ดวงตาอักเสบ ถ้าสูดดมจะทำให้ทางเดินหายใจระคายเคืองและอักเสบ ถ้ากลืนกินเข้าไปจะปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน มีพิษต่อระบบประสาทส่วนกลาง หัวใจ กล้ามเนื้อเรียบ ตับและไต การ แก้พิษ ถ้าเกิดพิษที่ผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาด ถ้ากลืนกินเข้าไป ต้องนำคนไข้ส่งแพทย์ทันที ห้ามทำให้อาเจียน รักษาตามอาการไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ ข้อควรรู้ - ไม่มีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อ Fusarium และ Pythium spp. - ห้ามนำเมล็ดที่คลุกด้วยสารชนิดนี้ไปเป็นอาหารคนและสัตว์ - ผสมได้กับสารกำจัดเชื้อราและสารกำจัดแมลงอื่น ยกเว้นพวกที่จะมีปฏิกริยาออกฤทธิ์เป็นด่าง
ซัลเฟอร์ (sulphur) การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดเชื้อรา inorganic ออกฤทธิ์ให้ผลในทางป้องกันโรคพืช กำจัดไรและแมลงบางชนิดได้ ความ เป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก มากกว่า 3,000 มก./กก. ไม่เป็นพิษต่อคนและสัตว์ แต่อาจทำให้ดวงตาและผิวหนังระคายเคือง โรค พืชที่กำจัดได้ โรคสแคป โรคใบจุด โรคเน่าสีน้ำตาล โรคราแป้งและราน้ำค้าง โรคราสนิม รวมทั้งกำจัดไร เพลี้ยหอยและเพลี้ยไฟได้ พืช ที่ใช้ กล้วย องุ่น สตรอเบอร์รี่ ส้ม ฝ้าย ถั่วต่าง ๆ มะม่วง แอสพารากัส ผักต่าง ๆ มะเขือ หอม กระเทียม พริกไทย มันฝรั่ง ฟักทอง มะเขือเทศ ไม้ดอกและไม้ประดับทั่วไป สูตรผสม 80% ดับบลิวพี อัตราใช้และวิธีใช้ ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก ผสมกับน้ำฉีดพ่นให้ทั่วอย่างสม่ำเสมอ การแก้พิษ ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ รักษาตามอาการ ข้อควรรู้ - อย่าใช้ในขณะที่อากาศร้อนเกินกว่า 32 องศาเซลเซียส - ห้ามใช้ร่วมกับสารที่เป็นน้ำมัน หรือภายหลังจากฉีดพ่นสารกำจัดศัตรูพืชที่เป็นน้ำมันทันที - เข้ากับสารกำจัดเชื้อราและสารกำจัดแมลงอื่น ๆ ได้ - ไม่มีอันตรายต่อผึ้ง
สารป้องกันและกำจัดโรคพืช ตอนที่ 17
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำ ชื่อสารเคมี(ชื่อสามัญ) ชนิดต่างๆ มาเผยแพร่ให้เกษตรกร,ผู้สนใจ,ฯลฯ ได้รู้ถึงประโยชน์, อันตราย, และความเป็นพิษเพื่อจะได้เลือกใช้สารเคมีอย่างระมัดระวัง(ในกรณีที่จำเป็น) มิได้ต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรหรือผู้อ่านใช้สารเคมีเพิ่มขึ้น เพียงแต่หากจำเป็นต้องใช้สารเคมี ก็ควรใช้อย่างรู้คุณและโทษของมันอย่างถูกต้อง และได้ประโยชน์ คุ้มค่ากับเงินลงทุนที่เสียไปทุกบาททุกสตางค์ และไม่ทำให้ผู้บริโภครวมถึงตัวเกษตรกรและผู้ใช้เองต้องตกเป็นเหยื่อของพิษ ภัยจากการใช้สารเคมีโดยมิได้รู้แจ้ง ซึ่ง ทางผู้โพสหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรและบุคคลทั่วไปไม่มากก็น้อย สำหรับท่านที่มีเพื่อน,มิตร,ญาติสนิท,ฯลฯ ที่ทำเกษตร หรือเกี่ยวข้องทางด้านนี้อยู่ ก็รบกวนช่วยนำไปเผยแพร่นะครับ ผมเองได้ข้อมูลมาตั้งแต่สมัยที่ยังทำการเกษตรอยู่ จาก หนังสือ "สารกำจัดศัตรูพืชในประเทศไทย" เป็นหนังสือที่หาค่อนข้างยาก ปัจจุบันไม่ทราบว่ามีตีพิมพ์อีกหรือไม่ แต่ข้อมูลก็ยังสามารถใช้ได้ดีอยู่ จึงอยากนำมาเผยแพร่ให้คนรักต้นไม้,เกษตรกร,หรือคนที่เกี่ยวข้องได้ทราบกัน (นายยักษ์เขียว)
โปรฟิโคนาโซล (propiconazole) การ ออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดเชื้อรา triazole ประเภทดูดซึม ออกฤทธิ์ให้ผลในทางบำบัดรักษาและป้องกันโรคพืช ใช้กับโรคที่เป็นกับใบพืชโดยเฉพาะ ความ เป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) 1,517 มก./กก. ทางผิวหนัง มากกว่า 4,000 มก./กก. (หนู) อาจทำให้ผิวหนัง ดวงตาและระบบทางเดินหายใจเกิดอาการระคายเคือง โรคพืชที่กำจัดได้ โรคที่เกิดจากเชื้อ Erysiphe spp. โรค dollar spot โรค brown patch โรคราน้ำค้าง โรคราสนิม โรคสมัท (smut) และโรคอื่น ๆ ที่เกิดจากเชื้อ Puccinia spp , Septoria spp , Rhynochosporium spp. และเชื้อ Pseudocercosporella spp. พืชที่ใช้ ถั่วลิสง ข้าวสาลี ข้าวบาเลย์ ข้าวโอ๊ท และธัญพืชอื่น ๆ ดอกเบญจมาศ ยางพารา กาแฟ อ้อย สูตรผสม 25% ดับบลิวพี 12.5% อีซี อัตราใช้และวิธีใช้ ใช้ตามคำแนะนำบนฉลาก เมื่อตรวจพบว่ามีโรคพืชเกิดขึ้น ใช้ซ้ำได้ตามความจำเป็น การแก้พิษ ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ รักษาตามอาการ ข้อควรรู้ - ระยะเวลาที่ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว 4-5 สัปดาห์ - ให้ผลในการควบคุมโรคพืชได้นาน 3-6 อาทิตย์ - เพื่อเพิ่มขอบเขตความสามารถในการกำจัดโรคพืชให้กว้างขวางยิ่งขึ้น อาจใช้ร่วมกับสารกำจัดเชื้อราอย่างอื่นได้ - ในทางปฏิบัติ เป็นพิษต่อปลา
โปรพิเน็บ (propineb) การ ออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดเชื้อรา carbamate ออกฤทธิ์ให้ผลทางด้านป้องกันโรคพืชที่เกิดตามใบ สารตกค้างออกฤทธิ์อยู่ได้นานและกำจัดไรได้ด้วย ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) 8,500 มก./กก. ทางผิวหนัง มากกว่า 1,000 มก./กก. โรค พืชที่กำจัดได้ โรคที่เกิดจากเชื้อ Septoria spp. โรค Sigatoka โรคราน้ำค้าง โรค Earty and late blight โรคที่เกิดจากเชื้อ Botrytis spp , Cercospora spp , Phytophthora spp , Alternaria spp. และโรคราแป้ง พืช ที่ใช้ กล้วย ส้ม ฝ้าย องุ่น มันฝรั่ง ข้าว ชา มะเขือเทศ ยาสูบ ผักต่าง ๆ หอม กระเทียม หน่อไม้ฝรั่ง ไม้ผล ไม้ดอกและไม้ประดับทั่วไป สูตรผสม 70% ดับบลิวพี อัตรา ใช้และวิธีใช้ โดยทั่วไปใช้อัตรา 30-40 กรัม ผสมกับน้ำ 20 ลิตร กวนให้เข้ากันดี แล้วฉีดพ่นให้ทั่วต้นพืชทุก 7-10 วัน อาการ เกิดพิษ ถ้าเข้าตา จมูกหรือถูกผิวหนัง จะมีอาการคัน เป็นผื่นแดง ถ้ากินเข้าไปจะปวดศีรษะ เซื่องซึม คลื่นเหียน อาเจียน ท้องร่วง อ่อนเพลีย การ แก้พิษ ถ้าถูกผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่ ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง ถ้ากลืนกินเข้าไป รีบทำให้คนไข้อาเจียนด้วยการล้วงคอ หรือให้ดื่มน้ำเกลืออุ่น แล้วนำส่งแพทย์ สำหรับแพทย์ ล้างท้องคนไข้แล้วตามด้วยยา Lacative salt สูดดม Camomile แล้วรักษาตามอาการ ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ ห้ามให้ยา หรืออาหารที่มีแอลกอฮอล์ ไขมัน และน้ำมันผสมอยู่ ข้อควรรู้ - อย่าใช้ฉีดพ่นก่อนหรือหลังที่ใช้สารกำจัดเชื้อราที่มี copper ประกอบอยู่ - เมื่อผสมกับสารที่มีสภาพเป็นด่าง ให้รีบฉีดพ่นทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้ - ผสมกับสารกำจัดศัตรูพืชอย่างอื่นได้ - ไม่เป็นอันตรายต่อผึ้ง
โปรธิโอคาร์บ (prothiocarb) การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดเชื้อราและคลุกเมล็ดป้องกันโรคพืช ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) 1,300 มก./กก. โรค พืชที่กำจัดได้ โรคพืชที่เกิดจากเชื้อ Pythium spp , Peronospora spp , Bremia spp , Phytophthora spp. และเชื้อ Peronosporales พืชที่ใช้ ใช้คลุกเมล็ด สูตรผสม 70% แอลซี อัตราใช้และวิธีใช้ ใช้คลุกเมล็ด หยอดตามร่องปลูกและร่องหว่านหรือฉีดพ่นทั้งก่อนและหลังงอก
ไพราคาร์โบลิด (pyracarbolid) การออกฤทธิ์ กำจัดเชื้อราประเภทดูดซึม ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) มากกว่า 15,000 มก./กก. โรคพืชที่กำจัดได้ โรคราสนิม โรคสมัท โรครากเน่าและโรคโคนเน่า พืชที่ใช้ ข้าว ธัญพืช ชา กาแฟ ไม้ประดับ เมล็ดฝ้ายและธัญพืชต่าง ๆ สูตรผสม 50% ดับบลิวพี อัตราใช้และวิธีใช้ ใช้ตามคำแนะนำบนฉลาก
อ่านต่อตอน 19 ครับ
ที่มา สารกำจัดศัตรูำืพืชในประเทศไทย
Create Date : 22 มกราคม 2554 |
Last Update : 22 มกราคม 2554 7:37:40 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2052 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]
|
แ่บ่ง ข้าวปลาอิ่มแล้ว ยังมี ลืมได้ ปัน สิ่งทรัพย์ยามดี บ่แท้ ความ รู้เพื่อนดีที่ แบ่งต่อ ทำกิน คิด บ่ลืมคุณแม้ ท่านสิ้น ชีวี
ขอบคุณสำหรับทุก ๆ ความรู้และทุก ๆ น้ำใจจากเพื่อนร่วมโลก (ยักษ์เขียว)
|
|
|
|
|
|
|
|