ทำงานกับการเกษตร โดย นายยักษ์เีขียว
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
15 มกราคม 2554
 
All Blogs
 

สารป้องกันและกำจัดโรคพืช ตอนที่ 12

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำ ชื่อสารเคมี(ชื่อสามัญ) ชนิดต่างๆ มาเผยแพร่ให้เกษตรกร,ผู้สนใจ,ฯลฯ ได้รู้ถึงประโยชน์, อันตราย, และความเป็นพิษเพื่อจะได้เลือกใช้สารเคมีอย่างระมัดระวัง(ในกรณีที่จำเป็น) มิได้ต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรหรือผู้อ่านใช้สารเคมีเพิ่มขึ้น เพียงแต่หากจำเป็นต้องใช้สารเคมี ก็ควรใช้อย่างรู้คุณและโทษของมันอย่างถูกต้อง และได้ประโยชน์ คุ้มค่ากับเงินลงทุนที่เสียไปทุกบาททุกสตางค์ และไม่ทำให้ผู้บริโภครวมถึงตัวเกษตรกรและผู้ใช้เองต้องตกเป็นเหยื่อของพิษ ภัยจากการใช้สารเคมีโดยมิได้รู้แจ้ง ซึ่ง ทางผู้โพสหวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรและบุคคลทั่วไปไม่มากก็น้อย สำหรับท่านที่มีเพื่อน,มิตร,ญาติสนิท,ฯลฯ ที่ทำเกษตร หรือเกี่ยวข้องทางด้านนี้อยู่ ก็รบกวนช่วยนำไปเผยแพร่นะครับ ผมเองได้ข้อมูลมาตั้งแต่สมัยที่ยังทำการเกษตรอยู่ จาก หนังสือ "สารกำจัดศัตรูพืชในประเทศไทย" เป็นหนังสือที่หาค่อนข้างยาก ปัจจุบันไม่ทราบว่ามีตีพิมพ์อีกหรือไม่ แต่ข้อมูลก็ยังสามารถใช้ได้ดีอยู่ จึงอยากนำมาเผยแพร่ให้คนรักต้นไม้,เกษตรกร,หรือคนที่เกี่ยวข้องได้ทราบกัน
(นายยักษ์เขียว)


ไอโปรไดโอน
(iprodione)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดเชื้อรา dicarboximide ออกฤทธิ์ในทางสัมผัส ให้ผลดี ทั้งในทางป้องกัน และรักษาโรคพืช โดยการไปยับยั้งการขยายพันธุ์และการเจริญเติบโตของเชื้อรา
ความ เป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก 3,500 มก./กก. ทางผิวหนัง มากกว่า 1,000 มก./กก. ทำให้ดวงตาและผิวหนังเกิดอาการระคายเคือง
โรคพืชที่กำจัดได้ โรคกาบใบแห้ง ที่เกิดจากเชื้อ Thanatephorus cucumeris โรคใบติดที่เกิดจากเชื้อ Rhizoctonia solani โรคใบจุดสีม่วง ที่เกิดจากเชื้อ Alternaria porri และ โรคใบจุดที่เกิดจากเชื้อ A.solani และ A.brassicola โรคเน่า (Botrytis cinerea) และโรคที่เกิดจากเชื้อ Aspergillus spp. , Rhizoctonia spp. , Sclerotium spp.
พืช ที่ใช้ ทุเรียน ข้าว กระเทียม หอมใหญ่ หอมแดง ผักกาดเขียว ผักกาดขาว มะเขือเทศ องุ่น มันฝรั่ง ถั่วลันเตา ถั่วเขียว ถั่วลิสง แอสพารากัส และ สตรอเบอร์รี่
สูตรผสม 50% ดับบลิวพี
อัตรา ใช้และวิธีใช้ ใช้อัตราตามคำแนะนำบนฉลาก ฉีดพ่นให้ทั่วเมื่อตรวจพบว่ามีโรคพืชเกิดขึ้น ใช้ซ้ำทุก 3 อาทิตย์ ตามความจำเป็น หรืออาจใช้ภายหลังการเก็บเกี่ยว โดยการจุ่มหรือคลุกเมล็ดเพื่อป้องกันโรคพืช
อาการเกิดพิษ ผู้ได้รับพิษทางปากอาจมีอาการอ่อนเพลีย หายใจขัด
การ แก้พิษ ถ้าถูกผิวหนัง ให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่จำนวนมาก ๆ ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง ถ้าเข้าปากหรือกลืนกินเข้าไป ให้ผู้ป่วยบ้วนปากแล้วไปพบแพทย์ทันที สำหรับแพทย์ ให้ล้างท้องคนไข้ แล้วรักษาตามอาการ
ข้อควรรู้ - ใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว 14 วัน
- เป็นพิษต่อปลา
- อย่าเก็บน้ำยาที่ผสมแล้วไว้นานเกินกว่า 12 ชั่วโมง
- ผสมกับสารกำจัดศัตรูพืชอื่น ๆ ได้

ไอโสโปรธิโอเลน
(isoprothiolane)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดเชื้อรา dithiolane ประเภทดูดซึม
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) 1,190 มก./กก. ทางผิวหนัง มากกว่า 10,250 มก./กก.
โรคพืชที่กำจัดได้ โรคใบไหม้ของข้าวที่เกิดจากเชื้อ Pyricularia oryzae โรคลำต้นเน่า และโรคใบจุดที่เกิดจากเชื้อ Fusarium spp.
พืชที่ใช้ ข้าว
สูตรผสม 40% อีซี
อัตราใช้และวิธีใช้ ใช้ 40 ซีซี ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นต้นข้าวที่เป็นโรคก่อนปักดำหรือในขณะที่มีโรคระบาด
อาการเกิดพิษ ผู้ได้รับพิษจะมีอาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้ เวียนศีรษะ น้ำลายฟูมปาก หายใจไม่สะดวก ทำให้ดวงตาระคายเคือง
การ แก้พิษ ถ้าถูกผิวหนังให้ล้างด้วยสบู่กับน้ำจำนวนมาก ๆ ถ้าเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง ถ้าเข้าปาก อย่าทำให้คนไข้อาเจียน รีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์ สำหรับแพทย์ ล้างท้องคนไข้ แล้วให้กินถ่านยาแอ๊คติเวทเต็ด ซาร์โคล และยาถ่ายพวกเกลือซัลเฟท รักษาตามอาการ
ข้อควรรู้ - ช่วยลดจำนวนแมลงในนาข้าวได้
- เคลื่อนย้ายในต้นข้าวได้ทั้งทางรากและทางใบ

คาซูกะมัยซิน
(kasugamycin)
การออกฤทธิ์ เป็นสารปฏิชีวนะกำจัดเชื้อรา ประเภทดูดซึมทางใบ ให้ผลในทางป้องกันและรักษาโรคพืช
ความเป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) 22,000 มก./กก. ทางผิวหนัง มากกว่า 4,000 มก./กก.
โรคพืชที่กำจัดได้ โรคใบไหม้ที่เกิดจากเชื้อ Piricularia oryzae โรคแอนแทรคโนส โรครากำมะหยี่สีเขียว โรคสแคป และโรคที่เกิดจากเชื้อ Septoria spp.
พืชที่ใช้ ข้าว มะเขือเทศ พืชตระกูลแตง ถั่ว คื่นฉ่ายและพืชอื่น ๆ
สูตรผสม 2% ดับบลิวพี
อัตรา ใช้และวิธีใช้ ในกรณีคลุกเมล็ดใช้อัตรา 3 กรัม ต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กก. ถ้าฉีดพ่นใช้อัตรา 30-40 กรัม ผสมกับน้ำ 20 ลิตร กวนให้เข้ากันดี แล้วฉีดพ่นให้ทั่วพื้นที่ เมื่อตรวจพบว่ามีโรคระบาด ใช้ซ้ำได้ทุก 7-10 วัน
อาการเกิดพิษ ถ้ากลืนกินเข้าไปปริมาณมาก ๆ จะทำให้รู้สึกไม่สบาย
การแก้พิษ ไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะ รักษาตามอาการ
ข้อควรรู้ - ค่อนข้างเป็นพิษต่อผึ้ง
- เป็นสารกำจัดโรคข้าวที่ใช้ได้อย่างปลอดภัย
- ใช้คลุกเมล็ดข้าว จะป้องกันโรคบลาส (Blast) ได้ ประมาณ 1 เดือน

แมนโคเซ็บ
(mancozeb)
การออกฤทธิ์ เป็นสารกำจัดเชื้อรา dithiocarbamate ที่ออกฤทธิ์ในทางป้องกันโรคพืช มีความคงตัวมาก
ความ เป็นพิษ มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) มากกว่า 8,000 มก./กก. ทางผิวหนัง (หนู) มากกว่า 10,000 มก./กก. อาจทำให้ผิวหนังระคายเคือง
โรคพืชที่กำจัดได้ โรคแอนแทรคโนส โรคไฟท๊อฟโตรา (Phytophthora) โรคสแคป (Scab) โรคราน้ำค้าง โรคเน่าดำ โรคเน่าสีน้ำตาล (Brown rot) โรค Cercospora และ Septora leaf spot โรค early และ Late blight โรค Alternaria leaf spot โรค Botrytis leaf blight โรค Rhizoctonia brown spot โรคราสนิม (Rust) และ Pythium blight
พืช ที่ใช้ กล้วย องุ่น มันฝรั่ง มะละกอ ข้าวสาลี ฝ้าย ถั่วเหลือง ข้าว มะเขือเทศ แตงกวา แตงอื่น ๆ หอม แครอท คื่นฉ่าย ข้าวโพด หน่อไม้ฝรั่ง ข้าวฟ่าง พืชไร่ทั่วไป พืชสวน ผักต่าง ๆ และไม้ประดับ
สูตรผสม 50% และ 80% ดับบลิวพี 32% เอฟ
อัตรา ใช้และวิธีใช้ ใช้อัตรา 40 กรัม ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นที่ใบให้ทั่วต้นพืชเมื่อโรคพืชเริ่มระบาด และพ่นซ้ำทุก 7-10 วัน ใช้เป็นสารคลุกเมล็ดได้ด้วย
อาการ เกิดพิษ ละอองยาอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองที่เยื่อบุจมูก ลำคอ ผิวหนัง ทำให้อักเสบ คัน หรือไอ ถ้ากลืนกินเข้าไปจะปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และเกิดผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง
การ แก้พิษ ถ้าถูกผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำกับสบู่มาก ๆ ถ้ากลืนกินเข้าไป ต้องรีบทำให้คนไข้อาเจียนด้วยการล้วงคอ หรือให้ดื่มน้ำเกลืออุ่น สำหรับแพทย์ ทำให้คนไข้อาเจียนหรือล้างท้อง แล้วถ่ายท้องด้วยยาโซเดียมซัลเฟท หรือ แม๊กนีเซียมซัลเฟท ห้ามให้ยาหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไขมัน และน้ำมัน ผสมอยู่ รักษาคนไข้ตามอาการที่ปรากฏ
ข้อควรรู้ - ระยะเวลาก่อนการเก็บเกี่ยว 7-21 วัน
- เป็นพิษต่อปลา
- ในระหว่างเก็บอย่าปล่อยให้เปียกชื้น
- ใช้ผสมกับสารกำจัดศัตรูพืชอื่น ๆ ได้
- ให้ผลดีที่สุดเมื่อใช้ป้องกันโรคพืช

อ่านต่อตอน 13 ครับ

ที่มา สารกำจัดศัตรูำืพืชในประเทศไทย




 

Create Date : 15 มกราคม 2554
0 comments
Last Update : 15 มกราคม 2554 9:15:13 น.
Counter : 3238 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


yakkeaw
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




แ่บ่ง ข้าวปลาอิ่มแล้ว ยังมี ลืมได้
ปัน สิ่งทรัพย์ยามดี บ่แท้
ความ รู้เพื่อนดีที่ แบ่งต่อ ทำกิน
คิด บ่ลืมคุณแม้ ท่านสิ้น ชีวี

ขอบคุณสำหรับทุก ๆ ความรู้และทุก ๆ น้ำใจจากเพื่อนร่วมโลก (ยักษ์เขียว)
blog search directory blog directory
Friends' blogs
[Add yakkeaw's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.