กิเลส (NEEDS) คือ ความต้องการที่ปุถุชนทุกคนมีเหมือนกันทั้งนั้น นักปราชญ์ชาวอเมริกันเขียนเอาไว้ว่า กิเลสของคนเรามี 5 ระดับ (Maslow's need) ตั้งแต่ระดับที่มีความจำเป็นที่สุดจนถึงระดับที่หรูหราที่สุด ได้แก่
1). ความต้องการทางร่างกาย ได้แก่ ความต้องการปัจจัยทั้งสี่ในการดำรงชีพ คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ที่ทุกคนจำเป็นต้องใช้เพื่อการดำรงชีพ และเพื่อให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ดำรงอยู่ได้ต่อไป
2). ความต้องการด้านความปลอดภัย หลังจากที่คนเราได้ปัจจัยทั้งสี่ที่พึงประสงค์แล้ว ก็จะเริ่มนึกถึงความปลอดภัย ซึ่งหมายถึงความปลอดภัยจากการถูกทำร้าย การบาดเจ็บหรือความตาย สัญชาตญาณความกลัวภัย จะทำให้คนพยายามป้องกันตัวเองให้พ้นจากภัยพิบัติต่างๆ
3). ความต้องการทางสังคม เมื่อคนเรามีชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัย ก็จะคำนึงถึงการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ ทั้งนี้เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องการรวมกลุ่ม มีการคบค้าสมาคมกัน ความต้องการทางด้านนี้จะไม่บังเกิดขึ้น ถ้าคนเราจะเอาชีวิตรอดไปวันหนึ่งๆ
4). ความต้องการทางเกียรติยศชื่อเสียง หมายถึง การได้รับการยกย่องนับถือและยอมรับในเกียรติยศ ตำแหน่งหน้าที่และบทบาทของตนในสังคม
5). ความต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต เมื่อชีวิตของเรามีพร้อม ไม่ว่าจะทั้งทางร่างกาย ความปลอดภัย สังคม และเกียรติยศแล้ว คนเราก็มักจะคิดฝากผลงานของตนให้ปรากฏ ทั้งนี้เพราะว่า คนเรามีความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด ความอิ่มในความต้องการของคนเรานั้นไม่มี
มนุษย์ มีลักษณะที่เป็นของตัวเอง มีคุณสมบัติของความเป็นมนุษย์ ซึ่งทุกคนจะต้องมี ได้แก่
1). มีการแสดงออก อันเรียกว่าพฤติกรรม หมายถึง การแสดงอากัปกิริยาต่างๆ การเคลื่อนไหว การตอบโต้ต่อสิ่งเร้า
2). ความรู้สึกนึกคิด ทุกคนรู้จักเจ็บ รู้จักจำ รู้จักโกรธ รู้จักเกลียด และมีอารมณ์ด้วยกันทุกคน คนที่ไม่มีอารมณ์ คือคนที่ตายแล้ว
3). มีศักดิ์ศรี ทุกคนมีศักดิ์ศรีที่เกิดมาเป็นคน อันเป็นเอกลักษณ์ของสัตว์โลกชนิดหนึ่ง สัญชาตญาณของความเป็นคน จะทำให้คนคิดทรนง หยิ่ง และเป็นตัวของตัวเองเสมอ ยกเว้นจะถูกสิ่งแวดล้อมบีบบังคับให้แปรเปลี่ยนไปเท่านั้น
4). มีความแตกต่างซึ่งกันและกัน ความจริงที่ไม่ตายข้อหนึ่งมีอยู่ว่า ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่เหมือนกันทุกประการ ทำให้เป็นที่มั่นใจได้ว่า คนเราไม่เหมือนกัน ความแตกต่างของคนเราเป็นไปได้ทั้งทางร่างกาย ทางอารมณ์ ทางสังคม และทางจิตใจ ฉะนั้น สิ่งที่เราเป็น คนอื่นอาจจะไม่เป็น สิ่งที่เราคิด คนอื่นอาจไม่คิด การทึกทักเอาว่าคนนั้นน่าจะเป็นอย่างนี้ น่าจะเป็นอย่างนั้น จึงเป็นความคิดที่มีโอกาสผิดครึ่งหนึ่งเป็นอย่างน้อย
ตน (SELF) ตัวคนเรานั้นมักจะก้มลงมองตนเองเป็นใหญ่ จะสังเกตเห็นได้ว่า เวลาชี้ไปที่คนอื่น ใช้นิ้วเดียวชี้ แต่อีก 4 นิ้วชี้ที่ตัวเอง เพราะธรรมชาติของคนเรานั้นไม่มีใครไม่เห็นแก่ตนเอง แต่สิ่งที่สังคมอยู่เย็นเป็นสุขได้ทุกวันนี้ ก็เพราะการเห็นแก่ตนเองในสังคมนั้น เป็นประโยชน์แก่สังคมด้วย
ตัวของเราเองที่เกิดมานี้ เป็นตัวของตัวเองได้ 3 ตัว คือ
1). ตัวที่ตนเองเป็น (REAL SELF) คือ ความเป็นตัวเราจริงๆ ที่ยืนอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมของโลก ห้อมล้อมด้วยสังคม และความผันแปรอันเป็นธรรมชาติของโลก
2). ตัวที่เราคิดว่าเราเป็น (PERCEIVED SELF) คือ ภาพของตัวเองที่ตนมีความรู้สึก อาจจะหรูหรากว่าตัวจริง หรือต่ำต้อยกว่าตัวจริงได้ และความรู้สึกที่ตัวเองเป็นผู้เปลี่ยนแปลงได้ทุกขณะตามสภาพที่ตัวเราเป็นอยู่ในขณะนั้น
คนที่มองเห็นตัวเองต่ำกว่าความเป็นตัวตนจริง เรียกว่าดูถูกตนเอง
และคนที่มองเห็นตัวเองสูงกว่าความเป็นตัวตนจริงเรียกว่า เห่อตัวเอง
3). ตัวที่เราอยากจะเป็น (IDEAL SELF)คือ ภาพคนในจินตนาการที่เราอยากจะเป็นและขวนขวายที่จะเป็น ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นแรงผลักให้เป็นคนทะเยอทะยานไปสู่จุดหมายปลายทางที่ตนตั้งไว้ ถ้าเป็นไปได้ก็จะประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ถ้าเป็นไปไม่ได้ก็จะรู้สึกคับข้องใจ อึดอัดใจ กระวนกระวายและเป็นทุกข์
บุคคลที่ค้นพบตัวเอง คือบุคคลที่ทำให้ตัวเราที่คิดว่าเป็น (Perceived Self) ขยับเข้ามาทับกับตัวเราที่เป็นตัวเราจริงๆ (Real Self) ได้มากที่สุด กล่าวคือ
* รู้ในสิ่งใด ก็ยอมรับว่ารู้ในสิ่งที่เรารู้
* ไม่รู้ในสิ่งใด ก็ยอมรับว่าไม่รู้ในสิ่งนั้น
* มีความสามารถในด้านใด ก็รู้ว่ามีความสามารถ และยอมรับว่า มีความสามารถในด้านนั้น
* ด้อยความสามารถในด้านใด ก็รู้ว่าด้อยความสามารถและยอมรับว่าด้อยความสามารถในด้านนั้น ก็จะมีความสามารถที่จะพัฒนาตัวเองไปสู่ตัวที่เราอยากจะเป็น(Ideal Self)ได้สะดวกขึ้นเท่านั้น
ทำอย่างไรจึงจะรู้จักตนเองถ้าเราต้องการอะไรแล้วไม่ไปหามา เราก็จะไม่ได้ ถ้าเราอยากพบใคร และไม่ไปถามหา เราก็คงไม่ได้พบ และยิ่งถ้าของเราหายเราไม่ไปค้นหา ก็คงไม่มีวันได้คืน ในลักษณะเดียวกัน
คนที่ดูถูกตนเอง เห่อตนเอง หรือไม่รู้จักตัวเอง ก็จะไม่มีวันหาตนเองพบ
จะกลายเป็นคน หลง ตัวเอง หรือไม่ทราบว่าจริงๆ แล้ว ตัวเองเป็นใคร มีความสามารถแค่ไหนทำอะไรได้บ้าง มีจุดอ่อน หรือมีจุดเด่นประการใดบ้าง เนื่องจากคนเราชอบเข้าข้างตนเอง โอกาสที่คนเราจะพบตนเองด้วยตัวของเราเองนั้นจึงลำบากเพราะคนเรามักจะ
1). ชอบอ้างเหตุผล ไม่มีใครยอมรับว่าตนผิดก่อน เพราะสัญชาตญาณในการกลัวความผิดและกลัวภัย สอนให้คนเป็นเช่นนั้น
2). สร้างเกราะคุ้มกันตนเอง ประสบการณ์ชีวิต บวกกับสัญชาตญาณมนุษย์ ทำให้คนต้องสร้างเกราะคุ้มบังจิตใจตนเองไม่ให้ยอมรับหรือแม้กระทั่งต่อต้านในสิ่งที่เป็นภัยแก่ตน
3). การโยนความผิด ไม่มีใครยอมอุ้มลูกเหล็กที่ร้อนไว้ในอ้อมกอดของตนเอง ทันทีที่รู้ว่าร้อนจะโยนไปให้ผู้อื่นรับ และจะยอมรับกลับมาก็ต่อเมื่อความร้อนลดลง หรือไม่มีความร้อนแล้วเท่านั้น เพื่อป้องกันสภาพที่ตนยอมรับไม่ได้ คนเราจะโยนความผิดไปให้คนอื่นก่อนเสมอ ถ้าโยนให้ใครรับไม่ได้ก็โยนไปให้ผีหรือเทวดาที่ไม่มีตัวตนเป็นผู้รับไว้แทน
ทำไมคนเราจึงต้องเป็นที่กล่าวข้างต้นนี้ คำตอบที่ง่ายที่สุดก็คือ ทุกคนต้องการอยู่รอด ทุกคนจึงต้องดิ้นรน เพื่อดำรงชีวิตอยู่ ฉะนั้นทุกอย่างจึงกระทำไปเพื่อความอยู่รอดของตนเองเท่านั้น
ดังที่ประมวลเหตุผลมาแล้วข้างต้น คนเราจึงค้นพบตนเองด้วยตนเองได้ยากเต็มที่
วิธีค้นพบตนเองที่ขอแนะนำคือ
1). มีความตั้งใจจริงที่จะค้นพบตนเอง
2). ลดเหตุผลเกราะคุ้มกันตัวเอง และการโยนความผิดให้คนอื่นลงให้มากที่สุด
3). ตั้งคำถาม ถามตัวเองว่า ทำไมจึงทำอย่างนั้น อย่างนี้ คิดอย่างนั้น อย่างนี้ หรือ ฝันอย่างนั้น อย่างนี้
4). เปิดเผยความรู้สึกต่อบุคคลที่คิดว่าเปิดเผยได้
5). ให้บุคคลอื่นแสดงความรู้สึกต่อเราตามที่เขารู้สึกจริงๆ
6). ใจกว้างพอที่จะยอมรับในสิ่งที่เราเป็น และมีเหตุผลในสิ่งที่เราเป็น
7). เปรียบเทียบตัวเราในสิ่งที่เราคิดว่าเราเป็น กับตัวที่คนอื่นคิดว่าเราเป็นเพื่อค้นหาตัวที่เราเป็น
8). วิเคราะห์ตัวที่เราเป็น เพื่อหาปมด้อยและปมเด่น เพื่อค้นพบตนเองในภาพที่ตนเป็นจริงๆ
9). ยอมรับสภาพที่เราเป็นและพร้อมที่จะพัฒนาให้เป็นภาพที่เราอยากเป็นในหนทางที่เป็นไปได้
การพัฒนาตนเอง คือ กระบวนการที่บุคคลค้นพบตนเอง แล้วเรียนรู้ตนเองและสิ่งแวดล้อมเพื่อปรับปรุงคุณภาพของตนเองไปสู่ตัวที่เราอยากเป็น ในขั้นตอนที่เป็นไปได้อย่างมีเหตุผล มีระบบระเบียบและมีการวัดผลเป็นระยะๆ
การพัฒนาตนเอง เป็นการศึกษาโดยใช้ตัวเองเป็นครูสอน ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่กระทำยากก็ตาม แต่เป็นการฝึกฝนที่ได้ผลคุ้มค่ากับการลงทุน และเมื่อฝึกจนเป็นนิสัยแล้วจะทำให้บุคคลตื่นตัวมีความกระตือรือล้นทันต่อเหตุการณ์ และมีชีวิตอยู่ในโลกอย่างมีค่ามากขึ้นแต่ทั้งนี้ต้องอยู่ที่การฝึกฝนให้ตนรู้จักตนเสียก่อน
เป็นบทความที่น่าสนใจทีเดียว เพราะการที่คนเราสามารถค้นพบตนเอง และรู้ว่าตนเองคือใคร ต้องการอะไร น่าจะเป็นสิ่งที่ตอบสนองความต้องการ และทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตอยู่อย่างมีความสุข บางคนต้องทนอยู่กับบทบาทของตนเอง ซึ่งไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริง แต่หากถามว่า ตนเองต้องการอะไร ก็ไม่สามารถให้คำตอบกับตนเองได้เช่นกัน
หวังว่า บทความนี้ จะมีประโยชน์สำหรับใครก็ตาม ที่ได้อ่าน และได้ลองปฎิบัติ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า..
จะมีใครบางคนที่ค้นหาตนเองพบ และสามารถปรับ PERCEIVED SELF ให้เข้าใกล้กับ REAL SELF ได้มากที่สุด และประสบความสำเร็จกับการเดินทางสู่ IDEAL SELF อย่างที่หวังเอาไว้...
และเืมื่อถึงวันนั้น ก็ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ประสบความสำเร็จค่ะ
คนที่ค้นพบตัวเอง ก็จะมีความสุขเร็วเท่านั้น
วันอาทิตย์น้องรินไปถ่ายรูปลิงซน ๆ ทั้งวันเลยค่ะ ยังไม่ได้เอามาลงเลย
รอชมนะคะ