๑๕. เบญจคีรี



ผ่านไปอีกหลายวัน ขบวนของนครราชคฤห์ยาตรามาจนพ้นเขตแดนอรัญประเทศของแคว้นวัชชี เพื่อมุ่งตรงไปยังนครหลวงคือเมืองเวสาลี ก่อนจะพลบค่ำ คาราวานธรรมก็หยุดพักอีกครั้งเพื่อแปรขบวนสำหรับข้ามเชิงเขาที่มีลักษณะเป็นหินผา หากพ้นเชิงเขานี้ไป เดินเท้าอีกเพียงสัปดาห์เดียวก็ถึงนครหลวง และหากส่งพระภิกษุถึงวิหารที่ทำการประชุมแล้ว เหล่าฆราวาสก็จะได้แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย

ศรีรามไปควบคุมคนงานถากถางป่าอยู่เบื้องหน้า ข้าราชบริพารที่ทำหน้าที่จัดเตรียมที่ประทับสำหรับพระโอรสถูกจัดให้ไปจัดหาอาสนะให้พระภิกษุ ส่วนเทวินทร์วรมันต์ดำริจะปลีกวิเวกไปประทับตามลำพัง ในเวลาโพล้เพล้จึงสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดติดตามและเสด็จเพียงลำพังไปเยี่ยมชมหลังขบวน
เหล่าอุบาสิกากำลังสาละวนอยู่กับการหุงหาอาหารด้วยการก่อกองไฟและต้มส่วนผสมหม้อใหญ่สำหรับกวนข้าวมธุปายาส ถวายพระเถระและผู้ติดตามขบวนในวันรุ่งขึ้น จันทราวตีหยิบคนโทเดินออกมาหมายจะไปตักน้ำริมลำธาร เจ้าชายดักรออยู่ใต้ร่มไม้คว้าส่าหรีไว้ พอหญิงสาวเดินสะดุดจึงเข้าไปประคอง

“ทำอะไรเพคะ”
จันทราวตีปัดป้องร้องเสียงขุ่น
“มาทางนี้กับเราหน่อย”
เจ้าชายขยับกายออกห่างแต่ยังไม่ยอมปล่อยพระหัตถ์ หญิงสาวสะบัดเบี่ยงไม่หลุดแต่ก็ไม่ยอมก้าวเท้า

“หลังจากที่เราเสี่ยงตายไปช่วยเจ้าแล้วปล่อยเสือเข้าป่าไป ก็แทบไม่ได้เห็นหน้าเจ้าอีกเลย วันนี้เรามองหาเจ้าทั้งวันก็ไม่รู้ไปอยู่ไหน ทำไมต้องคอยหลบเลี่ยงเราด้วย”
วตีเบือนหน้าหนีไม่ยอมสบพระพักตร์ เจ้าชายยิ่งชักสงสัย

“ตอบมา ไม่เช่นนั้นเราก็จะดึงตัวเจ้าไว้ไม่ยอมปล่อย”
“ทรงเข้าพระทัยผิดแล้วเพคะ ข้าพระองค์เดินช้า จึงไปรั้งท้ายอยู่ปลายขบวน มิได้หลบเลี่ยงไปไหน”
น้ำเสียงนั้นเครือแว่วและหมางเมิน เทวินทร์วรมันต์ได้ยินแล้วอ่อนพระทัย

“ปล่อยมือข้าพระองค์เถิดเพคะฝ่าบาท ทรงล่วงเกินมากไปแล้ว”
“ก็ได้ หากเจ้ารับปากว่าจะตามเราไป ไม่ต้องให้ลากจูง”

ถือเป็นข้อต่อรอง สาวชาวบ้านส่ายหน้าระอาใจ เจ้าชายจึงรวบรัดเอาว่าเป็นคำตอบตกลง ยินยอมปล่อยพระหัตถ์แล้วเสด็จดำเนินนำไปทางเชิงผาอีกด้าน ฝ่ายเจ้าหญิงเหลียวมองหาภาวิณีไม่รู้ไปอยู่ไหน จำใจเดินตามเจ้าชายไปตามชะง่อนผา ลัดเลาะผ่านซอกหินและปีนไหล่เขาขึ้นไปบนหน้าผาสูงชัน ผ่านถ้ำขนาดใหญ่ภายในมีหินงอกหินย้อยประดับประดาสวยงาม แต่เจ้าชายพาเดินผ่านหน้าปากถ้ำลัดเลาะไปตามซอกผา กระทั่งออกมาถึงลานกว้างสุดขอบเป็นหน้าผา เบื้องหน้าเป็นภาพตรึงใจอย่างไม่รู้ประมาณ เมื่อมองออกไปเห็นทิวทัศน์สวยงามตระการตา วตีเหม่อมองภูมิทัศน์เบื้องหน้าอย่างตะลึงลาน

“มองจากตรงนี้จะเห็นเทือกเขาเบญจคีรีทั้งห้าลูก”

เจ้าชายชี้ไปทางเทือกเขาฝั่งตรงข้ามที่ทอดทิวยาวซ้อนเหลื่อมกัน
“อิสิคิรี บัณฑวะ คิชกูฏ เวภาระ และเวปลละ ล้อมรอบนครราชคฤห์ที่เราจากมา”
จันทราวตีทอดสายตามองตามอย่างตื่นเต้น

“ส่วนลำน้ำที่ทอดยาวอยู่เบื้องล่างคือคงคามหานทีที่หล่อเลี้ยงชมพูทวีปมานานนับ แตกแขนงเป็นลำธารน้อยใหญ่ไหลเรื่อยไปตามป่าเขาลำเนาไพร บางทีตรงทิศนั้นอาจจะเป็นลำธารที่เรากับเจ้าพบกันครั้งแรก…”
เจ้าชายตรัสในตอนท้ายอย่างอ่อนโยน

“ถือเป็นของกำนัลที่เจ้าช่วยชีวิตเราไว้ พระคุณของเจ้าเราจะจดจำไม่รู้ลืม และเราก็อยากให้เจ้าจดจำภาพที่เห็นในวันนี้ไว้ตลอดไปเช่นกัน”

“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท”
วตีน้อมรับอย่างตื้นตันใจ…พระโอรสคล้ายลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงตรัส
“หากเสร็จงานครั้งนี้แล้วกลับนคร เราอาจ…”
“มิอาจกลับไปได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ไม่ทันขาดคำก็มีเสียงดังขึ้นมาขัดจังหวะ บุรุษผู้พูดอยู่ในชุดสีดำสนิทและปกคลุมหน้าตาไว้มิดชิดออกมายืนผงาด ลูกน้องที่อยู่ในพุ่มไม้อีกนับสิบนายก็ย่างสามขุมเข้ามาพร้อมอาวุธในมือ บุรุษชุดดำเพียงยกมือขึ้นทำอาณัติ ทุกคนก็หยุดนิ่งรอฟังสัญญาณต่อ

ไม่ต้องถามที่มา ก็พอคาดเดาเจตนาของผู้บุกรุกได้ เจ้าชายขยับประทับบังหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายให้ไปหลบด้านหลังแลัวรับสั่งแผ่วเบา
“เจ้าจะปลอดภัย แต่อย่าได้อยู่ห่างเราเป็นอันขาด”

แล้วจึงหันไปตรัสกับผู้บุกรุกอย่างพระทัยเย็น
“ประสงค์สิ่งใดก็ว่ามา แต่อย่าแตะต้องน้องหญิงผู้นี้”
วตีประจักษ์ชัดในน้ำพระทัย เจ้าชายทรงห่วงใยจากก้นบึ้ง
“ข้าพระองค์มิได้ประสงค์สิ่งใดจากฝ่าบาท แต่มีผู้อื่นประสงค์ให้พระองค์เสด็จไปยังปรโลก พวกเรา ลงมือ!”

สิ้นเสียงบัญชา คมดาบของผู้บุกรุกก็กรูกันเข้าจู่โจมเป้าหมาย แต่มิทันได้แตะต้องพระวรกายแม้เพียงปลายดาบ เทวินทร์วรมันต์ตวัดใบดาบขึ้นรับแล้วฟันฟาดอยู่กลางวงล้อม คมดาบนับสิบกระหน่ำลงมาอย่างว่องไวดุเดือด ดาบต่อดาบประสานกันดังกึกก้อง พลดาบคนหนึ่งอยู่นอกวงล้อมเห็นวตียืนอยู่เพียงผู้เดียวจึงเงื้อดาบหมายฟาดฟัน เทวินทร์วรมันต์พลันเข้าถึงตัวหัวหน้า ลดปลายดาบลงยันดาบของบุรุษชุดดำแล้วตวัดพระวรกายอ้อมไปด้านหลังอย่างรวดเร็วก่อนจะพลิกปลายดาบหงาย จรดปลายไว้ที่คอหอยของหัวหน้าผู้บุกรุกพร้อมตวาดให้ลูกน้องทุกคนหยุด

“วางอาวุธ!”

แม้คนร้ายที่หมายฆ่าวตีก็เงื้อดาบค้าง ต่างรีรอมิยอมวางดาบ ทันใดนั้นปรากฏบุรุษผู้สวมชุดองครักษ์จากนครราชคฤห์ติดตามมา พร้อมเหล่าทหารที่พากันออกมาปรากฏกายพร้อมอาวุธครบมือ สถานการณ์พลิกผัน ฝ่ายตกอยู่ในวงล้อมกลับกลายเป็นกลุ่มผู้บุกรุก ลูกน้องที่กรูเข้าไปเมื่อครู่ล่าถอยงุ่นง่าน เหลียวมองทางไหนก็เห็นแต่ทหารรักษาพระองค์อยู่รายรอบ ต่างคนต่างรีบวางอาวุธร้องขอชีวิต

บุรุษชุดดำยอมจำนนอย่างสิ้นท่า เทวินทร์วรมันต์ถอยห่างแล้วตวัดปลายดาบกระชากผ้าคลุมหน้าออก ใบหน้านั้นคุ้นตาว่าเป็นหนึ่งในนายทหารที่ติดตามองค์อนุชาภัทรเสน หมายจะสอบสวนเอาความให้ได้จากปาก องครักษ์แปลกหน้าก็ตรงเข้ามาคว้าดาบฟันสะพายแล่ง นายทหารชุดดำผู้นั้นเบิกตามองเจ้าชายเทวินทร์วรมันต์เบิ่งค้าง อ้าปากครวญครางอย่างจะพูดอะไรก่อนตายแต่ก็ทรุดลงไปนอนจมกองเลือดแน่นิ่ง

“ไอ้ชาติชั่ว รนหาที่ตายแท้ๆ”
บุรุษแปลกหน้าตวัดดาบเข้าฝักอย่างว่องไวก่อนหันมาถวายบังคมเจ้าชายเทวินทร์วรมันต์

“ทรงปลอดภัยแล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
“ใช่ เราปลอดภัย แต่ทำไมต้องฆ่าเขา”
เจ้าชายตรัสถามด้วยความขุ่นข้องพระทัย
“ข้าพระองค์เห็นมันกำอาวุธลับ จึงรีบสังหารเสียก่อนที่มันจะทำร้ายฝ่าบาท”
“เลยไม่ทันได้สอบสวน ว่าใครเป็นผู้บงการ”
เทวินทร์วรมันต์รับสั่งตำหนิ องครักษ์จึงผงะอึ้งแล้วคุกเข่าลงคำนับศีรษะจรดพื้น
“ข้าพระองค์วู่วาม ขอพระราชทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร เราไม่คุ้นหน้า”

“ข้าพระองค์มีชื่อว่าอรชุนพ่ะย่ะค่ะ ท่านอำมาตย์นาหิโยผู้เป็นลุงของข้าพระองค์สั่งให้มาอารักขาฝ่าบาท มาถึงขบวนได้เมื่อครู่เห็นฝ่าบาทคล้อยหลังขึ้นมาบนเชิงผา หมายจะมาเข้าเฝ้า ก็เจอเข้ากับโจรร้ายพวกนี้พอดี”

ฟังชื่ออำมาตย์ชราแล้วจึงถอนพระทัยโล่งก่อนดำรัส
“ขอบใจมากที่มาช่วยเราได้ทันเวลา ที่เหลือช่วยจัดการศพฝังให้เรียบร้อยแล้วเอาคนที่เหลืออยู่ไปสอบสวน”

เจ้าชายรับสั่งกับองครักษ์เสร็จสิ้นแล้วจึงหันไปดูอาการหญิงสาวที่ยืนตัวสั่นเทาอยู่ไม่ห่าง ดวงตาคู่นั้นเหม่อเลยและสีหน้าซีดเผือด ครั้นเทวินทร์วรมันต์เข้าไปประคองก็ทรุดลงสลบซบนึ่งไม่ไหวติงอยู่ในอ้อมพระอุระ...




 

Create Date : 17 เมษายน 2554
0 comments
Last Update : 17 เมษายน 2554 13:08:29 น.
Counter : 834 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


รุริกะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




users online
pageviews
Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
17 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รุริกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.