ตำนานไซซี บทที่ 6 : บุรุษผู้ถูกสงครามกลืนกิน

แผนผังตัวละคร



496 ปี ก่อนคริสตศักราช

เมื่อใบไม้ใบสุดท้ายปลิดปลิวลงจากต้น นั่นคือสัญญาณของสายลมลี่ชิวที่พัดผ่านเข้ามาตามฤดูกาลที่ไม่อาจบิดพลิ้วอู๋อ๋องเหอหลีประทับบนรถทรงม้าในฐานะแม่ทัพของกองกำลังทหารสามหมื่นนาย แต่ขุนพลผู้นำหน้ากองทัพกลับประกอบไปด้วยป๋อผี่หวางซุนสง และจวนอี้ส่วนอู๋จื่อซีเพียงมาถวายความเคารพและยืนส่งที่หน้าประตูพิชิตฉู่

“จากนี้อำนาจการตัดสินใจใด ๆภายในเมืองนี้ ข้าขอมอบให้เจ้า อู๋จื่อซี”

“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ ต้าอ๋อง”

คำสั่งใด ๆ ของอู๋อ๋องเหอหลีอู๋จื่อซีไม่บังอาจคัดค้านด้วยความเป็นข้าที่จงรักแม้ตนจะเป็นผู้ฝึกและจัดเตรียมทหารแทนซุนวู แต่เมื่อถึงเวลาออกรบอู๋อ๋องเหอหลีกลับบัญชาให้เสนาบดีคู่ใจรั้งเมืองไว้ในฐานะผู้แทนพระองค์

“ดูแลเมืองของข้าให้ดี ๆ มีอะไรที่ไม่เข้าที่เข้าทางเจ้าก็จัดการได้เลย ไม่ต้องมัวรอขออนุญาตจากข้า”

“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ ต้าอ๋องทรงบริหารบ้านเมืองอย่างเข้มงวดรัดกุมมาตลอดแทบไม่มีสิ่งใดต้องแก้ไขปรับปรุงเลย อ้อ หากจะมีก็เพียงแต่เมล็ดข้าวที่ประชาชนเก็บเกี่ยวหว่านไถมาจากไร่นาเพื่อเป็นเสบียงของกองทัพข้าพระองค์คิดคำนวณออกดูแล้ว เราเก็บเกี่ยวเมล็ดเข้าวออกมาจนล้นเหลือแม้แจกจ่ายไปทั้งกองทัพและครอบครัวของเหล่าทหารแล้วในยุ้งฉางของราษฎรและคลังหลวงก็ต่างล้นออกมา ข้าพระองค์เกรงว่าหากเก็บไว้ก็จะเน่าเสียไปเปล่า ๆ พ่ะย่ะค่ะ”

“อ้อ แล้วเจ้าคิดจะทำประการใด”

“ข้าพระองค์ได้ทดลองนำเมล็ดข้าวไปใส่ไว้ในน้ำแล้วนึ่งจนสุก จากนั้น นำมาโม่จนเหนียวจากนั้นปั้นแล้วตากทิ้งไว้จนกลายเป็นก้อนสี่เหลี่ยมเหมือนก้อนหินสามารถนำไปซ่อมแซมกำแพงเมืองที่สึกหรอได้พ่ะย่ะค่ะ”

“ฮ่า ๆ เจ้านี่ ช่างสรรหาอะไรมาทำเสียจริงๆ”

“ต้าอ๋องโปรดประทานพระราชานุญาตให้ข้าพระองค์ดำเนินการต่อในเมล็ดข้าวส่วนที่เหลือเก็บด้วยพ่ะย่ะค่ะ*[i]”

“ฮ่า ๆ ๆ ได้ซี ข้าอนุญาต ไปเถอะกลับไปเฝ้าเมืองให้ข้า”

“ขอบพระทัยต้าอ๋อง”

ขณะที่อู๋จื่อซีถวายความเคารพแล้วลาไป อู๋อ๋องเหอหลีทอดพระเนตรไปยังฟูชาที่ประทับยืนตัวตรงอยู่ในลำดับต่อมา ขณะนั้นฟูชากำลังจ้องมองกองทัพนับหมื่นด้วยประกายที่ลุกโชนด้วยไฟแห่งความกระหายสงครามอู๋อ๋องเหอหลีจึงทอดตามองบุตรชายด้วยสายพระเนตรที่เปี่ยมด้วยพลังอำนาจมากกว่าฟูชาค่อยหลบสายตาและก้มหน้าสะกดอารมณ์คุกรุ่นภายในลงไปในที่สุด

“พ่อรู้ ว่าเจ้าอยากออกไปทำสงครามแต่มันยังไม่ถึงเวลาของเจ้า”

“แต่หม่อมฉันอยากไปช่วยเสด็จพ่อนี่พ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้ากำลังจะบอกว่าพ่อเจ้าไร้ความสามารถแล้วอย่างนั้นหรือ”

“มิใช่เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นก็ร่ำเรียนพิชัยสงครามจากราชครูของเจ้าให้ดีจำคำของพ่อไว้ ตราบใดที่แคว้นทั้งหลายยังมีการแบ่งกั้นพรมแดน สงครามย่อมไม่มีวันสิ้นสุดหากเจ้ากระหายสงคราม สงครามจะกลืนกินเจ้า จงระวังให้ดี”

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”

ฟูชารับคำแล้วก้าวถอยออกไปอู๋อ๋องเหอหลียกหัตถ์ข้างขวาขึ้นฟ้า พลันนั้นธงใหญ่ประจำแคว้นอู๋พลันโบกสะบัด เสียงย่ำกลองหนังวัวดังขึ้นเป็นสัญญาณเคลื่อนทัพพลทหารสามหมื่นนายขานรับเป็นคำว่า “สู้!”และเคลื่อนพลโดยพร้อมเพรียงกัน

ที่คล้อยหลังไปนั้นคือจอมทัพผู้เกรียงไกรฟูชาทอดตามองตามพระบิดาจนเกือบลับสายตา ในหูยังก้องคำสอนที่ว่า ‘หากเจ้ากระหายสงคราม สงครามจะกลืนกินเจ้า’พลันนั้นสายตากลับพร่ามัว ร่างของพระบิดามีหมอกควันดำปกคลุมอยู่โดยรอบฟูชาเพ่งมองแล้วใจหายวาบ ร่างของอู๋อ๋องเหอหลีที่กำลังบ่ายหน้าไปแคว้นเยว่ ถูกหมอกสีดำปกคลุมจนไร้ซึ่งเงาหัว!

*•..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• *

ลี่ชิวที่แคว้นเยว่

เงาแห่งสงครามทอดยาวมาพร้อมกับลำแสงแห่งสายัณห์อาบทาไปทั่วทุ่งจุ่งลี้ซึ่งเป็นเขตชายแดนของแคว้นเยว่ โฉวูสีและซีอั้นนำกำลังทหารมารักษาเขตแดนไว้ล่วงหน้าตามคำแนะนำของฟ่านหลีเมื่อกองทัพของแคว้นอู๋เคลื่อนพลใกล้เข้ามาแล้วพบว่าแคว้นเยว่กลับมีขวัญกำลังใจนำกองกำลังมาต้านทานอย่างห้าวหาญ อู๋อ๋องเหอหลีจึงสั่งให้หยุดตั้งค่ายไว้ที่บริเวณเขาอู่ไถประจัญหน้าห่างไปจากทัพเยว่ราวสิบลี้

“มิคาดพวกมันหวั่นเกรงค่ายกลของเราจึงหยุดรั้งขบวนทัพเอาไว้ไม่รีบจู่โจมเข้ามาดังที่ท่านฟ่านหลีบอกเอาไว้จริงๆ”

โฉวูสีกล่าวกับเสนาบดีคนใหม่ที่มาช่วยบัญชาการรบ

“แคว้นอู๋แม้ลำพองเพียงใด แต่ก็ได้รับการถ่ายทอดพิชัยสงครามจากซุนวูมาเป็นอย่างดีกลยุทธ์ของซุนวูนั้น ไม่เพียงเข้มงวดกวดขัน ยังมีความสุขุมรอบคอบไม่รีบร้อนในการบุกจนเกินไป พวกมันจึงรั้งทัพเอาไว้เพื่อประเมินสถานการณ์ดังนั้นอย่าเพิ่งดีใจไป”

ฟ่านหลีกล่าวในที่ประชุมของนายพลและแม่ทัพซีอั้นซึ่งเป็นอำมาตย์เก่าแก่ไม่อาจทนให้เสนาบดีคนใหม่รับความดีความชอบไปแต่เพียงผู้เดียวรีบเสนอแก่เยว่อ๋องโกวเจี้ยน

“ระหว่างที่ขบวนทัพของแคว้นเยว่กำลังตั้งค่ายเราควรใช้โอกาสนี้รีบบุกจู่โจมไม่ให้พวกมันได้ตั้งตัวพ่ะย่ะค่ะ”

“แต่ทหารอู๋เคยร่วมทัพกับซุนวู ต่างผ่านการสู้รบบนที่ราบมานับครั้งไม่ถ้วนหากรีบร้อนจู่โจม อาจพลาดท่าเสียทีและเสียกำลังพลโดยใช่เหตุ”

เหวินจ่งทักท้วงแต่นั่นทำให้ซีอั้นไม่พอใจอย่างรุนแรง

“เหวินถงจื้อ(ผู้บัญชาการแซ่เหวิน) ท่านดูถูกฝีมือทหารเยว่ของพวกเราเกินไป ทูลต้าอ๋องโปรดบัญชาให้ข้าพระองค์นำกำลังพลไปบุกโจมตีทหารแคว้นเยว่โดยไวเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

โฉวูสีเป็นฝ่ายประนีประนอมไม่ให้เพื่อนเก่าเสียหน้า และไม่ให้ที่ปรึกษาคนใหม่เกิดความระคายเคืองใจ

“ซีอั้นพูดถูกนะพ่ะย่ะค่ะยิ่งช้านานพวกมันตั้งค่ายได้เป็นแม่นมั่น เราจะยิ่งตกเป็นรองข้าพระองค์ขอนำทัพไปตัดกำลังทหารแคว้นเยว่พร้อมกับซีอั้นพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม”

เยว่อ๋องโกวเจี้ยนฟังคำจากทั้งสองฝ่ายแล้วคิดใคร่ครวญเหตุผลจากนั้นตัดสินพระทัยบัญชาการตามข้อเสนอของขุนพลเก่าแก่ทั้งสอง

“แล้วพวกท่านจะบุกเข้าไปอย่างไร”

“พวกข้าพระองค์ขอทหารกล้าตายคนละห้าร้อยนาย บุกทะลวงค่ายคนละฝั่งทั้งซ้ายและขวา พ่ะย่ะค่ะ”

แท้จริงซีอั้นคิดแผนการกับโฉวูสีมาแล้วล่วงหน้าเมื่อโกวเจี้ยนไต่ถาม จึงสามารถชี้แจงได้ในทันใด

“เช่นนั้นรีบนำเสบียงมาให้ทหารและจัดเตรียมเสื้อผ้าให้พวกเขาเมื่อร่างกายอบอุ่นและอิ่มหนำ จะได้สู้รบอย่างเต็มที่”

เยว่อ๋องโกวเจี้ยนสั่งการตามประสานักปกครองมือใหม่ที่เปี่ยมล้นด้วยพระทัยเอื้ออาทรและเป็นห่วงเป็นใยต่อไพร่พล ในยามสงบคุณสมบัตินี้จึงเป็นที่รักของข้าราชบริพาร แต่ในยามรบ นั่นเป็นเพียงขวัญและกำลังใจหาใช่กลยุทธ์อันแยบคายอันใดไม่

“ขอบพระทัยต้าอ๋องข้าพระองค์จะรีบไปดำเนินการพ่ะย่ะค่ะ”

ซีอั้นรีบรับคำและผลุนผลันออกไปเหวินจ่งและฟ่านหลีก้มหน้าอย่างเคารพในการตัดสินพระทัยของต้าอ๋องโกวเจี้ยนเองกลับเป็นฝ่ายทอดถอนหายใจว้าวุ่น

“นี่ข้าตัดสินใจถูกหรือไม่ท่านเสนาบดี”

“อย่ากังวลพระทัยไปเลยพ่ะย่ะค่ะต้าอ๋องสงครามมิได้รู้ผลแพ้ชนะในวันเดียว ข้าพระองค์ทั้งสองยังยินดีรับใช้ฝ่าบาทเต็มที่พ่ะย่ะค่ะ”

“ขอบใจขอบใจพวกเจ้าทั้งสองมาก สงครามยังอีกยาวไกล พวกเจ้าไปพักผ่อนเอาแรงเถอะ”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”

เหวิ่นจ่งและฟ่านหลีถวายการคำนับและลาจากไปเหลือเยว่อ๋องโกวเจี้ยนประทับอยู่ตามลำพังในกระโจมตรงกลางศูนย์บัญชาการทัพจอมทัพในวัยหนุ่มผู้อ่อนโยนบังเกิดสายตาลุกโชนในเงาสลัว

“สงครามเอ๋ยจงมากลืนกินเรา ให้เราต่อสู้ ให้เราเข้มแข็งขึ้น แล้วเราจะเป็นฝ่ายกลืนกินเจ้า”

ด้วยร้างไร้ผู้คนจับตาจ้องมองจึงไม่มีผู้ใดได้เห็นหมอกควันสีดำที่ปกคลุมโกวเจี้ยนอยู่เช่นกันแต่หมอกควันนั้นมิได้กลืนกินส่วนหัวของเยว่อ๋อง แต่ค่อย ๆ ร้อยรัดพันธนาการไว้ทั้งข้อมือและข้อเท้า

แต่เมื่อโกวเจี้ยนขยับตัวลุกขึ้นกลุ่มควันนั้นก็หายไป แต่ก็มิใช่จะหายลับยังคงรอเวลาที่จะกลับมาร้อยรัดไม่วันใดก็วันหนึ่ง

...
...
...

* •..,..,..• * * •..,..,..• * *•..,..,..• * * •..,..,..• *


แสงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าสายลมแห่งลี่ชิวคล้ายอ่อนแรงลง กิ่งไม้ไม่เคลื่อนไหว ใบไม้ไม่ปลิวพัดความเงียบสงัดกลืนกินหอวูซูอยู่ครู่ใหญ่ พลันนั้นมีเสียงลากจูงอาชาสีนิลตัวใหญ่ออกไปทางด้านหลังของกำแพงเมืองผู้ลากและบังคับม้าตัวใหญ่ให้ติดตามไปด้วยความเงียบสงบได้ย่อมต้องเป็นเจ้าของม้าและเจ้าของม้ารูปพรรณดีเช่นนี้ย่อมมีแต่ฟูชา องค์รัชทายาทแห่งแคว้นอู๋เท่านั้น

“องค์ชายฟูชากำลังจะเสด็จไปที่ไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ”

แม้จะเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบแต่ก็ไม่พ้นสายตาของมหาเสนาบดีอย่างอู๋จื่อซีไปได้ ฟูชาอำพรางตัวในชุดพรานป่าดูกลมกลืนกับแสงสลัวในยามพลบค่ำแต่เจ้าม้าสีดำสนิทรูปร่างใหญ่โตนั้นไม่สามารถปิดบังอำพรางได้ ส่วนทางหนีทีไล่อู๋จื่อซีผู้เป็นอาจารย์ของฟูชาอีกชั้นหนึ่ง ย่อมต้องรู้ทันลูกศิษย์มาแต่ไหนแต่ไรจึงติดตามมาห้ามปรามได้โดยไม่ยากเย็นนัก

“ขะ ข้า จะไปล่าสัตว์”

“เวลานี้หรือพ่ะย่ะค่ะ”

อู๋จื่อซีถามย้ำ

“ใช่สิ เวลานี้แหละ ที่คราวที่แล้วที่ข้าพบวิหคสวรรค์”

“ทูลฝ่าบาทวิหคสวรรค์ไม่ควรแก่การฆ่านะพ่ะย่ะค่ะ”

“ทำไมล่ะ ท่านพ่อห้ามข้าไปร่วมสงครามท่านห้ามไม่ให้ข้าล่าวิหคสวรรค์ น่าละอายแท้ ข้าโตจนป่านนี้ยังถูกพวกท่านยังห้ามโน่นห้ามนี่”

“ฝ่าบาท ข้าพระองค์มิได้หมายความเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ได้หมายความเช่นนั้นก็หลีกทางให้ข้าข้ารับปากท่านว่าจะไม่ล่าวิหคสวรรค์ก็ได้ แต่ข้าจะไปล่าอย่างอื่น”

“หากเป็นพระประสงค์ของฝ่าบาทข้าพระองค์มิอาจขัดได้พ่ะย่ะค่ะ แต่พระบัญชาของอู๋อ๋องเหอหลีต้องมาเป็นที่หนึ่งเพื่อมิให้องค์รัชทายาทลักลอบเข้าไปปะปนกับทหารกลางสมรภูมิข้าพระองค์คงต้องให้พลทหารติดตามฝ่าบาทไปจนถึงสถานที่ล่าสัตว์พ่ะย่ะค่ะ”

ทันทีที่อู๋จื่อซีพูดจบ องค์รักษ์ทั้ง 6นายก็ปรากฏกายพร้อมม้าพันธุ์ดี ที่พอจะติดตามอาชาสีนิลขององค์ชายฟูชาได้องค์รัชทายาทเห็นดังนั้นรู้สึกขัดพระทัยเหลือกำลังแต่ไม่อาจปฏิเสธได้ได้แต่ขึ้นม้าแล้วร้องสั่ง ก่อนจะควบตะบึงออกไป

“ย่อมได้ ใครคิดว่าตามข้าทันก็ตามมา ย่าห์

อู๋จื่อซีเห็นฟูชาควบม้าออกไปคนละทิศกับสมรภูมิที่ทุ่งจุ่งลี้ก็โล่งใจแม้ภายในอกยังเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มรุมเร้า

“ระวังป๋อผี่ให้ดี คนผู้นี้เป็นภัยกับท่าน”

ซุนวูได้บอกกับเขาไว้ก่อนจากไป ไม่ทันไรป๋อผี่ก็แย่งชิงตำแหน่งขุนพลคู่ใจและได้ไปร่วมสงครามกับอู๋อ๋องเหอหลีทิ้งให้อู๋จื่อซีต้องมารับมือกับฟูชาองค์รัชทายาทที่พระทัยร้อนรุ่มด้วยความกระหายสงครามและปรารถนาจะครองบัลลังก์ต่อจากพระบิดาให้ได้โดยเร็ววัน

นึกอยากถอนตัวเหมือนซุนวูแต่ก็มิอาจหักใจได้ อู๋จื่อซีได้แต่เงยหน้ามองฟ้ารอเวลาของตน

...
...
...

(โปรดติดตามตอนต่อไป)


* •..,..,..• * * •..,..,..• * *•..,..,..• * * •..,..,..• *


สงครามสร้างวีรบุรุษ
ไม่เกินหนึ่งลำนำจารึก

อีกสิบขุนเขาไม่พอผนึก
ซากศพ....คนตาย




ขอบคุณภาพจาก : //www.mindmeister.com/193922522/sun-tzu-the-art-of-war

[i]  ก้อนหินจากเมล็ดข้าวด้วยวิธีการของอู๋จื่อซีเป็นที่มาของ “ขนมเข่ง” หรือขนม “เหนียนเกา” ตามภาษาจีนกลาง เล่ากันว่าอู๋จื่อซีให้ทำไว้ในขณะที่บ้านเมืองยังมีผลผลิตทางการเกษตรสมบูรณ์ต่อเมื่อบั้นปลาย อู๋จื่อซีถูกประหารชีวิตและแคว้นอู๋ถูกรุกราน ประชาชนอดอยากก็ได้พากันไปตัดก้อนหินจากกำแพงเมืองมากินเป็นอาหารพบว่ากินได้และทำให้ประชาชนรอดตายในภาวะพ่ายสงคราม ต่อมาเพื่อรำลึกถึงอู๋จื่อซีประชาชนจึงพากันทำขนมเข่งแจกกันกินทำวันตรุษหรือวันปีใหม่จีนสืบเนื่องกันมา




 

Create Date : 30 มิถุนายน 2556
7 comments
Last Update : 30 มิถุนายน 2556 23:58:02 น.
Counter : 8387 Pageviews.

 

สวัสดีค่า พี่รุริกะ^^
อ่านที่กระทู้แล้ว
แวะมาทักทายค่า

 

โดย: lovereason 2 กรกฎาคม 2556 0:10:21 น.  

 

ตื่นเต้นๆ ท่าทางตอนหน้าจะเข้าสู่สงครามอย่างเต็มตัวแล้วสิ จะรออ่านนะ

 

โดย: hi hacky 14 กรกฎาคม 2556 17:45:59 น.  

 

เพิ่งอ่านสามก๊กจบมาหยกๆ ความรู้สึกไม่ต่างกันเล๊ยยย

 

โดย: น้ำพรมหนำ IP: 113.53.156.66 16 สิงหาคม 2556 14:12:12 น.  

 

ปอมยกมื้อค่ำมาฝากคุณงุงิจ้า





พักผ่อนบ้างนะคะ

 

โดย: กาปอมซ่า 24 พฤศจิกายน 2556 18:20:43 น.  

 

คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ รุริกะ เรียบร้อยแล้วนะคะ

คุณเหลือ อีก 1 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ


................................................


ปอมมาแปะใจให้คุณงุงิจ้า


คุณงุงิสบายดีนะ

 

โดย: กาปอมซ่า 6 กุมภาพันธ์ 2557 20:52:57 น.  

 

เวลาผ่านไปอีก 1 ปีแล้วค่ะ คุณงุงิ . . .

เทศกาลแปะใจเริ่มต้นอีกครั้ง . . .


ปอมมาแปะใจให้คุณงุงินะคะ


..................................................



คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ รุริกะ เรียบร้อยแล้วนะคะ


มีความสุขมากๆนะคะ

 

โดย: กาปอมซ่า 10 กุมภาพันธ์ 2558 19:13:43 น.  

 

ลืมชื่อ เจียวต้าย หรือยังครับ.

 

โดย: เจียวต้าย 15 กุมภาพันธ์ 2558 19:36:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


รุริกะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




users online
pageviews
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2556
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
30 มิถุนายน 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รุริกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.