ตำนานไซซี บทที่ 2 : เจริญวัย





ที่สุดแห่งความงามคือปทุมถันของสตรี…

บุรุษหนึ่งกล้าแกร่งเพียงใดก็ปฏิบัติกับปทุมถันของสตรีราวกับทารก ด้วยโหยหาอกอุ่นที่เคยฟูมฟักและได้น้ำนมจากมารดามาตั้งแต่ไม่รู้ความ เมื่อเติบใหญ่ ปทุมถันของสตรีจึงกลายเป็นสิ่งเย้ายวนใจ ให้ถวิล ให้ใฝ่หา ต้องการได้มาครอบครอง

ดินแดนแห่งหนึ่งหากรวมเป็นปึกแผ่นแล้วมีลักษณะคล้ายปทุมถันของสตรี อาณาจักรที่มีภูมิศาสตร์เช่นนี้จะเย้ายวนใจบุรุษได้ปานใด และยิ่งปทุมถันนั้นชูช่ออิ่มอูม ประกอบไปด้วยสายเลือดกลั่นเป็นน้ำนมของมารดา กลายเป็นมาตุภูมิที่หล่อเลี้ยงบุตรธิดาทั้งหลายได้ทั่วแคว้นตั้งแต่แดนเหนือจรดแดนใต้ 

ฟูชาเอาดาบเกลี่ยพื้นทรายวาดปทุมถันขึ้นมาด้านหนึ่ง

ที่ส่วนปลายของปทุมถัน แต้มด้วยปลายดาบวาดเป็นวงกลมเล็ก ๆ แล้วดึงลูกธนูมาปักไว้ องค์ชายแห่งแคว้นอู๋กะพริบตาไล่ประกายพราวแพรวออกไปแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“นี่คือที่ตั้งของแคว้นอู๋”
จากนั้นปลายดาบถูกตวัดยาวเป็นสาย

“นี่คือแม่น้ำฉางเจียง(แม่น้ำแยงซีเกียง) เป็นสายโลหิตหลักของจงหยวน อู๋และเยว่ อยู่ในทำเลติดกันคือแถบลุ่มแม่น้ำฉางเจียง ไกลออกไป แม่น้ำสายนี้ยังพาดผ่านแคว้นฉู่ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากอู๋และเย่วนับพันลี้...”

ฟูชาใช้เวลาเพียงไม่นานในการบ่งชี้ที่ตั้งของแคว้นฉี แคว้นลู่ แคว้นเว่ย พร้อมทั้งบรรยายลักษณะภูมิประเทศของแต่ละแคว้นออกมาได้อย่างไม่ติดขัด

“หลังจากที่ราชวงศ์โจวเสื่อมอำนาจ ผู้ครองแคว้นต่าง ๆ ที่เคยอยู่ใต้การปกครองต่างตั้งตัวเป็นอิสระ หลู่ไต้อ๋องเข้าควบคุมแคว้นเล็ก 58 แคว้น จิ้นไต้อ๋องปกครอง 24 แคว้น ฉินไต้อ๋องปกครอง 15 แคว้น ฉีไต้อ๋องปกครอง 14 แคว้น เจิ้งไต้อ๋องปกครอง 6 แคว้น อู๋ไต้อ๋องบิดาข้าเพิ่งจะรวบรวมมาได้เพียง 5 แคว้น ดังนั้น สิ่งที่แคว้นเราทำในตอนนี้ ก็คือสร้างสัมพันธไมตรีกับแคว้นฉี แสร้งทำเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับแคว้นเยว่ และหาโอกาสบุกเข้าโจมตีแคว้นฉู่ ที่ข้าอธิบายมา ถูกต้องตามแผนการไหมท่านราชครู”

ผู้ถามเก็บดาบใส่ฝักแล้วยืดกายตรง ร่างกายกำยำจากการฝึกฝนยิงธนูวันละ 30,000 ดอก ศึกษาตำราพิชัยสงครามจนแตกฉาน ทั้งยังผ่านการอภิเษกสมรสกับองค์หญิงแห่งแคว้นฉีเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่าง 2 แคว้นมาหมาดๆ ยิ่งทำให้พระวรกายสดใส สายพระเนตรลุกโชนด้วยความกระตือรือร้น เมื่อถึงเวลาศึกษากลยุทธ์ทางสงคราม ก็มิได้หน่ายหนีหรือพิรี้พิไร ความสามารถขององค์ชายเจริญรุดหน้าเร็วไวจนอูจื่อซีนึกครั่นคร้าม

“ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย ทรงเข้าพระทัยอย่างแจ่มแจ้ง หม่อมฉันแทบไม่มีอะไรสอนพระองค์แล้ว”

“ถ้าอย่างนั้น ท่านก็ช่วยทูลขอเสด็จพ่อ อนุญาตให้ข้าออกไปนำทัพเสียทีสิ”
คำขอขององค์ชายรุกเร้าจนมหาอำมาตย์ตั้งตัวไม่ติด

“อืม เรื่องนั้น...”

ผู้ครอบครองตำแหน่งมหาอำมาตย์ควบราชครูกำลังคิดใคร่ครวญ ทันใดนั้น มหาดเล็กคนหนึ่งวิ่งมาจากทางไกล ก้าวพรวดเข้ามาคุกเข่า

“ถวายบังคมองค์ชาย ไต้อ๋องเหอหลี รับสั่งให้มาเชิญองค์ชายและท่านมหาอำมาตย์ไปพบที่ลานซ้อมรบพ่ะย่ะค่ะ”
เวลานั้น องค์ชายฟูชายืนงงงัน อูจื่อซีจึงเป็นฝ่ายหันไปถาม

“เรื่องอะไรรึ มหาดเล็ก”

“ไต้เท้าซุนวูมาถึงแล้วขอรับ”

“อ้อ ซุนวูจากแคว้นฉี ใช่ไหม เพื่อนเก่าข้าเอง เขามาแล้ว ดีจริงๆ”

“ขอรับ แต่เมื่อมาถึง เขาก็ได้เข้าพบไต้อ๋องในทันที ไต้อ๋องไต่ถามได้ไม่กี่คำ ก็มีพระบัญชาให้พวกผู้น้อยจัดลานซ้อมรบ โดยทดลองให้ไต้เท้าซุนวูฝึกสนมเอกและนางสนมเป็นทหารให้ดูขอรับ”

“หา!”

“ฝึกนางสนมให้เป็นทหารรึ น่าสนุกดีนี่”

องค์ชายฟูชาขานรับด้วยความปรีดา ขณะที่อูจื่อซีถอยหลังไปสองก้าว เมื่อตั้งสติได้ ค่อยรีบสาวเท้าตามองค์ชายไปติด ๆ เพื่อจะไปถึงลานซ้อมรบโดยไวที่สุด บุรุษสองวัยรุดหน้าไปยังจุดหมายเดียวกัน แต่ด้วยจุดประสงค์ต่างกันโดยสิ้นเชิง

* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• *

อรุณฉาย หมู่เมฆลอยเคว้งอยู่เหนือเทือกเขาจู้หลอสลับกันบดบังดวงสุริยา ประกอบกับสายลมโกรกผ่านช่องเขา  ทำให้หมู่บ้านรอบบริเวณตีนเขาไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไปนัก อี๋กวงซักผ้าเสร็จก็เข้าไปบอกพ่อ จะช่วยหาบฟืนไปขาย

“วันนี้ไปคนเดียวได้แล้วใช่ไหม”
ผู้เป็นบิดาถามขณะปัดกวาดยุ้งฉางและขนฟืนมาวางให้

“ได้จ้ะ ให้ฉันผ่าฟืนแทนพ่อก็ยังได้เลย ลองดูไหม”
“โอ๊ะ อย่า ๆ เดี๋ยวแม่เจ้าจะดุเอา รีบไปเถอะ แล้วอย่ามัวไปเพลิดเพลินที่ไหน กลับมาให้ทันมื้อเที่ยง”
“จ้ะพ่อ”

อี๋กวงขานรับ เด็กสาวย่อตัวลงประทับคอนไว้บนบ่า ก่อนจะยืดตัวตรงและหาบคอนฟืนนั้นเดินตรงไปยังหมู่บ้านเหมาเจียปู้ ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ระหว่างทาง นางแวะทักเพื่อนบ้านด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน เมื่อเข้าเขตหมู่บ้านเหมาเจียปู้ คนในหมู่บ้านต่างพากันแง้มหน้าต่างออกมาดู บ้างสะกิดคุยกันเมื่อนางเดินผ่านไปแล้ว

“ไซซี(แม่นางแซ่ซีที่งดงาม)มาแล้ว ได้ทันเห็นนางไหม”

“ทันซี แต่ข้ามัวแต่จ้องนางตาไม่กระพริบ เลยไม่ได้พูดกับเจ้า”

“เป็นเด็กสาวที่ยิ่งโตก็ยิ่งสวยนะ เจ้าว่าไหม นี่ขนาดไม่ได้แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหรา แต่ผิวพรรณหน้าตาของนางงดงามหมดจด ทรวดทรงองค์เอวเหมาะเจาะไปหมด จะว่าไป ทั่วทั้งแผ่นดินข้ายังไม่เห็นมีใครงามเกินไซซีผู้นี้ไปได้”

“อืม ถ้าจะมีที่พอเทียบได้ ก็คงจะมีเพียงแม่นางเจิ้งตันล่ะมัง”
เสียงพูดคุยนั้นค่อย ๆ แผ่วเบาลงไปเมื่ออี๋กวงเดินจากมาไกลแล้ว แต่คำสุดท้ายที่นางได้ยินคือคำว่าเจิ้งตัน 

‘เจิ้งตัน... นางเป็นใครกันหนอ ชาวบ้านเอาข้าไปเทียบกับนางทำไม’

อี๋กวงได้แต่ครุ่นคิด ครั้นจะหันไปถามชาวบ้านก็ให้ขวยอายเกินไปจากประโยคก่อนหน้า และนางไม่รู้ว่าคำพูดของผู้คนเหล่านั้นเป็นคำพูดจากใจจริงหรือเพียงหยอกเย้ากันเล่น

เด็กสาวสลัดความคิดงุนงงสับสนออกไป แล้วหาบฟืนไปขายในบ้านหลังหนึ่ง หน้าบ้านหลังนั้น มีบ่อน้ำสะอาดสะอ้าน ที่มีน้ำอยู่เกือบเต็มปริ่ม น้ำภายในบ่อก็ใสสะอาดเสียจนน่าตักมาดื่มกิน อี๋กวงชอบอยู่กับน้ำมาตั้งแต่ไหนแต่ไร นางจึงสามารถไปซักผ้าที่แม่น้ำได้เกือบทั้งวัน ยิ่งเห็นน้ำในบ่อใสกระจ่าง นางยิ่งอยากเข้าไปชมดู

“เฮ้นี่ เจ้าน่ะ”

เสียงเรียกนั้นหวานใสและดังมาจากด้านหลัง อี๋กวงสะดุ้งตกใจและหันซ้ายหันขวาว่าต้นเสียงมาจากไหน

“นี่ ข้าอยู่นี่ ใกล้ๆ เจ้านี่เอง ข้าชื่อเจิ้งตัน เจ้าล่ะ ชื่ออะไร”

“ขะ ข้าหรือ”

เด็กสาวยังงุนงงไม่หาย ที่คนแปลกหน้าโผล่มาไม่ให้สุ้มให้เสียงแถมยังเข้ามาทำตัวสนิทสนมโดยที่ชื่อก็ยังไม่รู้จัก

“อื้อ เจ้านั่นแหละ จะใครซะอีกล่ะ แถวนี้ก็มีแต่เราสองคนเท่านั้น”

“ข้าชื่ออี๋กวง แซ่ซี”

“ใช่จริง ๆ ด้วย เจ้าคือแม่นางไซซีที่ชาวบ้านเขาร่ำลือกันว่างามนักหนา”

“งั้น...เจ้าก็คือเจิ้งตัน ที่ชาวบ้านบอกว่า”

“บอกว่าอะไรหรือ”

“ปะ เปล่า ไม่มีอะไร”

“นี่ เจ้าไม่ต้องมาทำไขสือหรอก ชาวบ้านเขาพูดต่อ ๆ กันไปทั้งหมู่บ้านแล้ว ว่าเราสองคนน่ะ งามพอ ๆ กัน แต่ไม่รู้ว่าใครงามกว่าใครกันแน่”

“พวกเขาก็พูดเพ้อเจ้อไป”

“เพ้อเจ้อหรือไม่ เราก็มาพิสูจน์กันดีกว่า นี่มานี่ มาที่บ่อน้ำนี่เร็ว”

เจิ้งตันเชื้อเชิญ เมื่อเห็นไซซีทำท่าลังเลใจก็ปรี่มาคล้องแขนไปยังบ่อน้ำด้วยความตื่นเต้นระคนปรีดา อาการเช่นนี้เกิดเฉพาะกับสตรีเท่านั้น แต่ก็ไม่ต่างจากบุรุษที่ฆ่าได้หยามไม่ได้สักเท่าไร เมื่อรู้ว่าใครมีเพลงดาบเหนือกว่าย่อมต้องตรงไปขอประลองกับคนนั้น เจิ้งตันเองก็เช่นกัน นางพอจะเห็นแล้วว่าผิวพรรณและหน้าตาของไซซีนั้นงามนัก แต่จะงามสู้ตนได้ไหม คงต้องให้เงาของบ่อน้ำนิ่งสะท้อนออกมาให้เห็นแจ้งจิตคาตา

...
...
...

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• *





Create Date : 21 เมษายน 2556
Last Update : 21 เมษายน 2556 9:45:49 น. 6 comments
Counter : 1741 Pageviews.

 
แอบเห็นแว้บๆ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ



โดย: มาโซคิส IP: 124.121.15.27 วันที่: 21 เมษายน 2556 เวลา:10:04:13 น.  

 
ไลค์ค่า พี่รุริกะ ^^
ไปอ่านมาแล้วนะคะวันนี้ที่กระทู้
เพิ่งเห็นเมนต์ตอบของพี่ค่ะ
นุ่นอ่านประวัติไซซีในวิกิก่อน
แล้วมาอ่าน ค่อยเข้าถึงหน่อย อิอิ



โดย: lovereason วันที่: 21 เมษายน 2556 เวลา:20:22:01 น.  

 
ขอบคุณคุณมาโซคิสและหนูนุ่น lovereason มากค่ะ


โดย: รุริกะ วันที่: 21 เมษายน 2556 เวลา:22:04:00 น.  

 
หุ . . หุ . . กิ้งก่าแอบตามมาส่องเงาในน้ำด้วยจ้า


คุณงุงิ .. . มาทานข้าวแช่ด้วยกันนะคะ



โดย: กาปอมซ่า วันที่: 27 เมษายน 2556 เวลา:11:07:58 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะคุณกาปอม ข้าวแช่เห็นแล้วนึกถึงข้ามต้มกุ๊ย หิวๆๆๆ


โดย: รุริกะ วันที่: 28 เมษายน 2556 เวลา:7:03:04 น.  

 
*___*


โดย: ฟ้าใส IP: 110.164.68.126 วันที่: 10 พฤษภาคม 2556 เวลา:16:30:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รุริกะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




users online
pageviews
Group Blog
 
 
เมษายน 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
21 เมษายน 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รุริกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.