Bloggang.com : ลูกอบรสเขียด : Johnny English Reborn : พยัคฆ์ร้าย ศูนย์ ศูนย์ ก๊าก : สายลับกลับมาป่วน , ฮาแล้วก็ฮาได้อีก !!

Johnny English Reborn : พยัคฆ์ร้าย ศูนย์ ศูนย์ ก๊าก : สายลับกลับมาป่วน , ฮาแล้วก็ฮาได้อีก !!

Johnny English Reborn (2011)

[ไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องสำคัญ หรือ ไม่สปอยล์]

Rated PG for mild action violence, rude humor, some language and brief sensuality

ถึงกับเข้าฉายก่อนอเมริกาตั้งเกือบเดือนสำหรับหนังสายลับสุดรั่วยอดนิยมอย่าง Johnny English ที่ไม่คิดว่าจะมีภาคต่อออกมา และในทีแรกก็ไม่คิดจะดูด้วยซ้ำจนกระทั้งคำวิจารณ์ที่ดีเกินคาดของหนัง ที่ต้องทำให้ผมนั้นไปลองสายลับสุดรั่วเรื่องนี้อีกครั้ง ซึ่งตัวหนังจะฮาอย่างที่หลายคนบอกหรือไม่ไปอ่านเลยครับ

Johnny English Reborn เล่าเรื่องราวหลังจากการหายตัวไปนานถึง 5 ปีหลังจากการทำภารกิจครั้งล่าสุดเละไม่เป็นท่าของสุดยอดสายลับ จอห์นนี่ อิงลิช ที่ถึงกับเขานั้นต้องแอบหนีไปฝึกวิชาวิทยายุทธลับสุดยอด ณ เทือกเขาไกลแสนไกลในเอเชีย ซึ่งที่นั่นเองเขาได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจนกระทั่งหน่วยงาน MI7 ต้องเรียกตัวเขากลับมาประจำการ เมื่อได้รับเบาะแสว่าจะมีการลงมือฆ่า ประธานาธิบดีของประเทศจีน โดยองค์กรนักฆ่าลับๆที่รวมตัวกันขึ้นเพื่อมาลงมือฆ่าคนใหญ่คนโตในโลกนี้ทั้งนั้น ซึ่ง จอห์นนี่ อิงลิช ต้องรับภารกิจนี้ด้วยความไม่เต็มใจนัก เพื่อช่วยโลกใบนี้ที่อยู่ในมือของเขาอีกครั้งนึงจนได้

Johnny English Reborn กำกับการแสดงโดย Oliver Parker หลังจากเคยล้มคว่ำจนเสียเครดิตกันไปทีนึงกับหนังที่สร้างมาจากหนังสือขายดีอย่างหนังดราม่า เขย่าขวัญ อย่าง Dorian Grey และมาครั้งนี้ไม่รู้ว่าผู้กำกับและทางค่าย Universal นั้นคิดอย่างไรถึงได้ดันไปเรียกบริการใช้ สายลับสุดรั่ว คนนี้อีกครั้ง ซึ่งเมื่อจะกลับมาก็ต้องยิ่งใหญ่เป็นธรรมดา เพราะคราวนี้ได้ทั้งงบและด้านของโปรดักชั่นต่างๆมากกว่า ภาคแรก และหนำซ้ำยังได้ตัวของ มิสเตอร์บีน อย่าง Rowan Atkinson กลับมานำทัพการแสดงอีกด้วย หลังจากหายหน้าหายตาในจอเงินไปถึง 4 ปี ซึ่งในการกลับมาครั้งนี้อย่างที่ผู้กำกับและทีมงานออกตัวว่ามันต้องไม่ธรรมดา และ ต้องขอชื่นชมว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อในการเกิดใหม่ครั้งนี้ถือว่าทำออกมาได้ไฉไลกว่าเดิมหลายเท่าเลย

เริ่มด้วยด้านของมุขตลกสุดขั้วของหนัง ที่ต้องขอยอมรับว่าพัฒนาจากภาคแรกเป็นอย่างมาก และ เห็นได้ชัด (เนื่องจากภาคแรกที่ผมดูแล้วนั้นต้องขอยอมรับเลยว่าเกือบจะหลับเลยทีเดียว) ด้วยการที่ผู้กำกับสามารถดึงเอาความเป็นเสน่ห์ของ มิสเตอร์บีน ออกมาได้อย่างเต็มตัว เพราะฉะนั้นก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวแล้ว นอกจากการปล่อยมุขตลกที่มาพร้อมกับลูกบ้าแบบไม่ยั้ง ตามสไตล์ลีลาความไม่ฉลาดของสายลับ จอห์นนี่ อิงลิช ด้วยแล้วจึงบอกได้ว่า ในภาคนี้มุขตลกต่างๆดูสมบูรณ์แบบไปเสียหมด รวมไปถึงด้านองค์ประกอบรองของหนังอย่างฉากแอ็คชั่นของหนัง ที่หลังจากภาคแรกนั้นไม่ค่อยจะมีสักเท่าไหร่

แต่กลับมาภาคนี้ซึ่งก็แน่นอนว่าธรรมเนียมของหนังภาคต่อนั้นก็คือ มาแบบจัดเต็ม ซึ่งฉากแอ็คชั่นในหนังตลกๆเรื่องนี้ต้องขอบอกเลยว่า อาจจะมันส์กว่าหนังแอ็คชั่นเต็มตัวบางเรื่องซะอีก เพราะถึงแม้ว่าฉากแอ็คชั่นจะไม่ได้ลีลาอันเด็ดๆของนักแสดงสักเท่าไหร่ แต่ด้วยความทะเล้นของผู้กำกับ ทำให้ฉากแอ็คชั่นนั้นดูลื่นไหล และ ฮาควบคู่ไปด้วยกันได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะฉากการขับรถไล่ล่าสุดฮาของ มิสเตอร์บีน และ เหล่าร้าย ที่ถือว่าฉากนั้นเป็นสุดยอดแห่งความมันส์และฮาเลยก็ว่าได้ และอย่างสุดท้ายก็คงหนีไม่พ้นที่ต้องยกความดีความชอบให้กับนักแสดงนำอย่าง Rowan Atkinson ที่ยังมีลีลาในด้านความฮา

กลับมาอย่างเต็มตัว ซึ่งเอาจริงๆคือถึงแม้ มิสเตอร์บีน จะเป็นคาแรกเตอร์แจ้งเกิดให้กับเขา แต่ถ้าให้เทียบกันผมกลับชอบคาแรกเตอร์ของ จอห์นนี่ อิงลิช มากกว่ามิสเตอร์บีนซะอีกหละครับ ซึ่งข้อเสียเล็กๆของหนังซีรี่ย์ชุดนี้ของ จอห์นนี่ อิงลิช ก็ยังคงเหมือนเดิมกับหนังตลกต่างๆทั่วไป นั้นคือด้านของ บทของหนัง ที่สร้างมาเพื่อเอาฮาอย่างเดียว โดยในด้านของภาค Reborn นี้ผมคิดว่า ในช่วงแรกหนังนั้นรู้สึกจะดำเนินเรื่องเร็วและบทไปเร็วซะมากจนเกินไป (ต่างกับหนังตลกเรื่องฮิตอย่าง The Hangover ภาคแรกที่ฮาสุดเยี่ยม และด้านบทก็ฉลาดเป็นกรดเหมือนกัน ถ้าไม่นับภาคสองที่สร้างตามออกมา)

สรุปแล้วนั้น Johnny English Reborn ถือว่าเป็นหนังแอ็คชั่น คอมเมดี้ ที่ทำออกมาได้ฮา และ ใส่ใจทุกองค์ประกอบหนังไม่ว่าจะเป็นด้านความฮาสุดขั้ว และฉากแอ็คชั่นสุดมันส์ของหนัง ยกเว้นแต่ด้านบทที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่ใครต้องการความสุขสุดสัปดาห์นั้น Johnny English สามารถมอบให้คุณได้แน่นอนครับ