Bloggang.com : ลูกอบรสเขียด : Star Wars : Episode I - The Phantom Menace 3D , สตาร์ วอร์ส : เอพพิโซด 1

Star Wars : Episode I - The Phantom Menace 3D , สตาร์ วอร์ส : เอพพิโซด 1 - ภัยซ่อนเร้น 3D

Star Wars : Episode I - The Phantom Menace 3D (1999)

[ไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องสำคัญ หรือ ไม่สปอยล์]

Rated PG for sci-fi action/violence

ต้องขอยอมรับว่า ไม่เคยดูหนังชุด Star Wars มาก่อนเลยสักภาคเดียว นี้จึงเป็นภาคแรกของสุดยอดหนังไซไฟชุดนี้ที่ผมได้ดูในระบบ 3D ซึ่งก็ต้องขอบอกไว้เลยว่าหลังจากได้ดูภาคนี้ไปนั้น ก็เริ่มจะติดใจและหลงใหลในเสน่ห์ของ Star Wars เสียแล้ว คงพลาดไม่ได้ที่จะไปตามหาอีก 5 ภาคมาดูต่อให้จบครับ

ในปีที่ 32 ก่อนยุทธการยาวิน เกิดความขัดแย้งกันขึ้นในเรื่องเกี่ยวกับการค้าระหว่างสหพันธ์พาณิชย์กับดาว นาบู ซึ่งก่อให้เกิดการปิดล้อมดาวนาบูขึ้น สมุหนายกวาโลรัมได้ลอบส่งอัศวินเจไดสองนาย คือ ไควกอน จินน์ และโอบีวัน เคโนบี ออกไปแก้ปัญหาอย่างลับๆ แต่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลยว่า แท้จริงแล้วสหพันธ์พาณิชย์นั้นได้ร่วมมือกับดาร์ธ ซิเดียส ผู้ลึกลับ ซึ่งเป็นผู้สั่งการรุกรานดาวนาบู และสั่งฆ่าเจไดทั้งสองทันทีที่เดินทางไปถึงยังยานสหพันธ์ แต่อย่างไรก็ตาม ไควกอน และโอบีวันก็หลบหนีออกมาได้และเดินทางไปยังพื้นผิวดาวนาบูเพื่อต่อสู้ต่อไป เข้าฉายในโรงหนังอีกครั้งแล้ววันนี้เฉพาะระบบ 3D เท่านั้น

Star Wars : Episode I - The Phantom Menace กำกับการแสดงโดย จอร์จ ลูคัส ผู้กำกับที่ได้อยู่เบื้องหลังกับหนังชุดสงครามแห่งดวงดาวทั้ง 6 ภาคนี้ ที่สามารถทำยอดขายของสินค้าที่มีโลโก้ Star Wars ได้พุ่งทะลุยอดไม่ว่าจะเป็น แผ่นบลูเรย์ที่เพิ่งออกไป , เลโก้ชุด สตาร์ วอร์ส หรือแม้แต่ดาบไลท์ เซเบอร์ ที่เมื่อก่อนเด็กๆต้องมีไว้คนละอัน และหนังชุด สตาร์ วอร์ส จะมาโกยเงินคนดูอีกครั้งโดยการเข้าฉายในโรงหนังใหม่ในระบบ 3D ตามรอย The Lion King 3D ที่ทำรายได้ไปได้ดิบได้ดีไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งสิ่งแรกที่ผมจะขอพูดถึงก่อนจะไปพูดถึงด้านตัวหนังนั้นคือด้านของระบบ 3D ของหนัง ที่หลังจากในปีที่แล้วนั้นผมเคยชมการแปลงฟีลม์เป็น 3D ของบริษัทดิสนี่ย์ไปว่าสามารถแปลงออกมาได้ดีมากใน The Lion King 3D และผมก็หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างงั้น

แต่ผลที่ออกมากลับค่อนข้างน่าผิดหวังในระบบ 3D เพราะหนังไม่สามารถแปลงฟีลม์ให้เป็น 3D ได้ดีนัก โดยเฉพาะในด้านของความมีมิติของหนัง ความลึกตื้นหนาบาง ที่เห็นได้ชัดเพียงแค่ฉากการแข่งพ๊อดเท่านั้น แต่ในฉากอื่นนั้นกลับไม่สามารถหามิติความเป็น 3D ของหนังได้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่ในด้านของความคมชัดของภาพนั้น ยังไม่สามารถแปลงออกมาได้ดีอีกด้วยเพราะภาพยังดูแล้วเก่าๆอยู่พอสมควร ไม่เหมือนกับ Titanic 3D ที่กำลังมา หรือแม้แต่ The Lion King 3D ที่ผ่านไปเมื่อปีที่แล้วเลยสักนิด ซึ่งความเห็นส่วนตัวของผมในระบบ 3D คือ ถ้าใครนั้นยังไม่เคยดู สตาร์ วอร์ส เลยสักภาคก็น่าลองอยู่ครับ

แต่ถ้าหากใครที่เป็นแฟนพันธ์แท้ สตาร์ วอร์ส หรือเคยดูหนังชุดนี้มาก่อนแล้ว ในระบบ 3D ของหนังที่เสียเงิน 200 กว่าบาทไปดูอีกนั้นก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากการดูที่บ้านสักเท่าไหร่นักครับ เพราะความมีมิติแทบจะหาไม่เจอ แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากเราข้ามเรื่องระบบ 3D ไปแล้วมาพูดถึงเรื่องของตัวหนังนั้น และอย่างที่บอกว่านี้เป็น สตาร์ วอร์ส ภาคแรกที่ผมดูเลยก็ได้ และหลังจากดูจบนั้นก็ต้องขอคำนับผู้กำกับ จอร์จ ลูคัส เลยที่อย่างแรกคือด้านฉากแอ็คชั่นของหนัง ที่เมื่อได้ดูในสมัยนี้แล้วนั้น ก็ยังคงมีความมันส์ และ ความสนุก อยู่เพียบ โดยเฉพาะฉากแข่งพ๊อดสุดตื่นเต้น หรือแม้แต่ฉากฟันไลท์ เซเบอร์ ที่ยังดูแล้วสนุกจนนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้เลยก็ว่าได้ รวมไปถึงด้านของประเด็นรองของหนังอย่างเรื่องราวของ การเมือง ที่หนังสอดแทรกเข้ามาด้วยนั้น

ก็ต้องเรียกได้ว่าผู้กำกับ จอร์จ ลูคัส สามารถผสมผสานเรื่องราวของการเมืองเหล่านี้ไปในฉากแอ็คชั่น และ การเล่าเรื่องสนุกๆของหนังได้ค่อนข้างลงตัว และรวมไปถึงการที่เราได้เห็นเฮีย เลียม นีสัน และป๋า ยวน แม๊คเกรเกอร์ รวมไปถึง นาตาลี พอร์ตแมน ในสมัยยังเอ๊าะๆในโรงหนังอีกครั้งก็ดูเป็นเรื่องสนุกสนานดีเหมือนกัน แต่หนังปฐมบทของสตาร์ วอร์ส ในภาคนี้จะเพอร์เฟ็คมากกว่านี้ถ้าหากผู้กำกับ จอร์จ ลูคัส นั้นตัดต่อตัวหนังออกมาได้ดีกว่านี้หน่อย เพราะปัญหาหลักของ สตาร์ วอร์ส ในภาคนี้น้นคือด้านการตัดต่อ ที่ดูแล้วไม่ค่อยจะต่อเนื่องสักเท่าไหร่ ดูเหมือนกับว่าเป็นการนำฉากมาต่อฉากมากกว่า

แต่ยังไงก็ตามสำหรับ Star Wars Episode I ในความคิดเห็นของผมนั้นถือว่าเป็นหนังเก่าๆ ที่ถือว่าดูในสมัยนี้ก็ยังสามารถทำให้คนดูรุ่นใหม่ๆสนุกไปได้กับฉากแอ็คชั่นทั้งหลายของหนัง และ มนต์เสน่ห์ของหนังชุดนี้ที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ เพียงแต่ว่าในระบบ 3D ของหนังนั้นค่อนข้างจะน่าผิดหวังไปนิด