Bloggang.com : ลูกอบรสเขียด : Lawless : คนเถื่อนเมืองมหากาฬ , ความรุนแรง เป็นสิ่งพื้นฐานที่มนุษย์ควรจะมี

Lawless : คนเถื่อนเมืองมหากาฬ , ความรุนแรง เป็นสิ่งพื้นฐานที่มนุษย์ควรจะมี

Lawless (2012)

[ไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องสำคัญ หรือ ไม่สปอยล์]

Rated R for strong bloody violence, language and some sexuality/nudity

เป็นหนังที่เปิดตัวด้วยโลโก้คานส์ ที่มีฟอร์มดีตั้งแต่ชื่อของผู้กำกับ และ ทัพนักแสดง ที่ขนกันมาแต่นักแสดงแถวหน้า แต่ก็น่าเสียดายเมื่อตัวหนังเปิดตัวจริงๆแล้วกลับได้คำวิจารณ์ที่ออกมาไม่ค่อยดีเท่าที่ควรนัก แต่อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัว ด้วยความที่ชื่นชมนักแสดงส่วนมากในหนังเรื่องนี้ ก็ไม่พลาดที่จะลองครับ

Lawless จะพาผู้ชมไปยังยุคเศรษฐกิจตกต่ำในอเมริกา ฉากหลังอยู่ที่เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในรัฐเวอร์จิเนีย ในตอนนั้นรัฐบาลประกาศขึ้นภาษีสุราและจำกัด ทำให้ธุรกิจค้าเหล้าเถื่อนทำกำไรอย่างสวยงาม หากแต่ต้องต่อกรกับเงื้อมือกฏหมายไปด้วยพร้อมๆ กัน ตัวละครหลักของหนัง คือ สามพี่น้องตระกูลบอนดูแรนต์ (รับบทโดย ทอม ฮาร์ดี้, ไชอา ลาเบิฟ และ เจสัน คลาร์ก) ที่หนึ่งในนั้นเกิดหัวการค้า คิดมาจับธุรกิจเหล้าเถื่อน แต่ดันไปกระตุกหนวดมาเฟียที่คุมตลาดมืดด้านนี้อยู่ จนพี่น้องคนอื่นต้องติดร่างแหอาชญากรรมไปด้วยพร้อมๆกัน พร้อมทั้งพวกเขายังต้องคอยต่อกรกับ นายอำเภอ คนใหม่ ที่จะมาคอยตามพวกเขาทุกฝีก้าวด้วย

Lawless เป็นผลงานการกำกับของผู้กำกับ จอห์น ฮิลล์โค้ท ที่เคยนำเอา วิกโก้ มอร์เท่นเซน ไปเดินจนท้าวแตกมาแล้วใน The Road ที่ครั้งนี้เขาจับมือกับ นิค เคฟ มือเขียนบทจาก The Proposition นำเอานิยายในชื่อ The Wettest County in the World ของ แมต บอนดูแรนท์ หลานชายของ 1 ใน 3 พี่น้องในหนัง มาดัดแปลงและใส่สีต่างๆให้กลายเป็นหนังแนวแอ็คชั่น ดราม่า ที่สร้างมาจากเรื่องจริงในยุคนั้น ซึ่งหนังมาพร้อมกับอารมณ์ความเป็นยุคคาวบอย ถึงแม้จะมีการเซ็ตเรื่องของ เจ้าพ่อมาเฟีย และ นายอำเภอขี้โกง โดย Lawless เปิดตัวมาด้วยการที่พูดเรื่องราวของ ความรุนแรง , อำนาจ และ ศักดิ์ศรี ที่ในช่วงแรกก็ต้องขอยอมรับว่าผู้กำกับสามารถจัดแจงเรื่องราวของ ความรุนแรง , อำนาจ และ ศักดิ์ศรี ออกมาผ่านตัวละครของ 3 พี่น้อง บอนดูแรนท์ ได้อย่างจริงจัง และ เข้มข้น

แต่ก็น่าเสียดายที่หลังจากผ่านพ้นช่วงแรกของหนังไปแล้ว ประเด็นของตัวหนังเริ่มแกว่งไปแกว่งมา โดยการที่หนังไปเน้นเรื่องราวการเฉือนกันของ นายอำเภอ กาย เพียร์ซ และ ฟอเรส ทอม ฮาร์ดี้ มากกว่าจะกลับมาพูดถึงเรื่อง ความรุนแรง และ อำนาจ ต่างๆ จนท้ายสุดตัวหนังก็ได้ทอดทิ้งประเด็นที่สร้างสมมาตั้งแต่ต้น และไปเอาดีด้านของ การแก้แค้น และ ฉากแอ็คชั่น เสียมากกว่า จนทำให้หลายคนที่เข้ามาดูหนังเรื่องนี้เพราะเห็นตีตรา หนังคานส์ เพื่อหวังจะชมคุณภาพในประเด็นที่จะสื่อก็อาจจะมีผิดหวัง แถมทางด้านตัวละครที่หนังเอานักแสดงแถวหน้ามาเล่นอย่าง แกร์รี่ โอลแมนด์ หรือแม้แต่ดาราสาวสวย เจสสิก้า เชนสแตน

ตัวหนังก็ยังไม่สามารถที่จะมอบบทบาท และ ตัวละคร ให้กับนักแสดง 2 รายที่กล่าวมาข้างต้นได้อย่างดีนัก โดยเฉพาะตัวละครของ เจสสิก้า เชนสแตน ที่ดูแล้วเหมือนกับใส่มาเพื่อเรียกแขกเท่านั้น ไม่ได้มีความจำเป็นถึงขั้นต้องเรียกใช้นักแสดงระดับนี้เลยสักนิด แต่ถ้าหากมองในอีกด้านนึงกับการที่หนังเรียกใช้นักแสดงระดับนี้ ผมก็ถือว่าหนังสามารถสร้างสีสันได้ในระดับนึงเช่นกัน เพราะสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และสามารถพยุงหนังให้สูงขึ้นได้ใน Lawless คงหนีไม่พ้นการที่หนังเต็มไปด้วยการประชันบทบาทของนักแสดง ไม่ว่าจะเป็น ทอม ฮาร์ดี้ , เจสัน คลาร์ค , กาย เพียร์ซ หรือแม้แต่ด้านของ ไชอา ลาบัฟ เอง ก็ถือว่าสามารถรับหน้าที่ของตนเองได้ดีอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะรายหลังสุดอย่าง ลาบัฟ ที่ถึงแม้จะไม่สามารถลบภาพเด็กน่ารำคาญจาก Transformers ออกได้

แต่ด้านของการแสดงของเขาใน Lawless ก็ถือว่าสามารถพอจะไปประชันกับรุ่น ทอม ฮาร์ดี้ และ กาย เพียร์ซ ได้อย่างไม่น่ารำคาญ แถมการที่ดูเหมือนว่าผมจะไม่ได้หวังด้านของประเด็น หรือคุณภาพของตัวหนังมากเกินเลยจากการตีตราของ หนังคานส์ จึงทำให้ผมพบว่าถ้าหากดู Lawless ในแบบฉบับเพื่อความบันเทิง มันจะมอบให้คุณได้ในระดับนึงเลยทีเดียว เพราะการที่หนังมีการเซตเรื่องราวให้เปรียบเสมือนเป็นสงครามเล็กๆของ โจรนอกรีต และ ตำรวจคดโกง ผลลัพธุ์ของมันจึงกลายเป็นความมันส์ในด้านของอารมณ์ โดยที่ไม่ต้องอาศัยลูกกระสุนปืนให้มากความ แต่ความมันส์มันจะอยู่ตรงที่ลูกเล่นการเอาคืนมากกว่า

เพราะฉะนั้นโดยสรุปแล้วสำหรับผม Lawless จึงถือว่าเป็นหนังที่ทำให้คนดูสนุกไปกับสงครามเล็กๆของ โจร และ ตำรวจ ที่เซตในอารมณ์แนวคาวบอยได้ดีระดับนึง ผ่านการแสดงของทีมนักแสดงแถวหน้าได้อย่างมีสีสัน แต่ด้านของ ประเด็น และ สิ่งที่หนังต้องการจะสื่อ กลับทำได้ไม่ดีเท่า The Road แค่นั้นเองครับ