o(‧""‧)o-- ตะลอนเกาหลีกับ L'oreal Paris •:*´¨`*:•ตอนจบ

	ตะลอนเกาหลีกับ L'oreal Paris •:*´¨`*:•ตอนแรก เช้าวันนี้ก่อนถึงเมืองโซล แวะนมัสการ "วัดว๊าวจงซา" หรือที่ทัวร์ไทยจะเรียกว่า "วัดพุทธวาโว" วัดที่มีอายุเพียง 35 ปี ก่อตั้งขึ้นในปี 1970 โดยสังฆราชแฮเยอุน (Patriarch Haegeun) แต่ได้รับความนิยมเลื่อมใสจากชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก มีพระพุทธรูปครึ่งองค์ขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่หลังสระน้ำขนาดย่อม บริเวณรอบ ๆ สระมีพระพุทธรูปองค์เล็ก ๆ วางเรียงรายอยู่ บนเนินเขาจะเห็นพระพุทธรูปปางต่าง ๆ รวมไปถึงพระนอนขนาดใหญ่แกะสลักจากไม้และนำมาจากอินเดีย เดินขึ้นไป เรื่อย ๆ จะผ่านกำแพงซึ่งมีภาพวาดพุทธประวัติ ตั้งแต่ประสูติ, ตรัสรู้ และปรินิพพาน ด้านบนสุดของวัดก่อสร้างเป็นโดมมียอดเป็นเสมาธรรมจักร ภายในมีพระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกขกิริยาทำจากหยกขาวประดิษฐานอยู่ พระเศียรของพระพุทธเจ้ามีความสูง 8 เมตรตั้งอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าวัด มีพระนอนไม้สนที่ใช้ต้นไม้เพียงต้นเดียวมาแกะสลัก ได้รับการบันทึกลงกินเนสบุ๊คให้เป็นรูปสลักทำจากไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีรูปองค์พระสลักโดยได้รับจากพุทธศาสนิกชนทั่วโลกมากกว่า 3,000 ชิ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระพุทธรูปปางสมาธิน้ำหนัก 7 ตัน เพื่อนำไปประดิษฐาน ณ วัดแห่งนี้ ออกจากวัด พวกเราก็จะไปเรียนรู้วัฒนธรรมเกาหลีกับการทำ "กิมจิ" กิมจิเป็นอาหารเกาหลีประเภทผักดองที่อาศัยภูมิปัญญาก้นครัวของชาวเกาหลี ด้วยการหมักพริกสีแดงและผักต่างๆ โดยทั่วไปจะเป็นผักกาดขาว ชาวเกาหลีนิยมรับประทานกิมจิเกือบทุกมื้อ และยังนำไปปรุงเป็นส่วนประกอบอาหารอีกหลายอย่าง เช่น ข้าวต้ม ข้าวสวย ซุป ข้าวผัด สตู บะหมี่ จนถึงพิซซาและเบอร์เกอร์ ปัจจุบันกิมจิมีมากกว่า 187 ชนิด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีรสเผ็ด เปรี้ยว และมีกลิ่นฉุน กิมจิจัดว่าเป็นเครื่องเคียงประจำโต๊ะ สำหรับอาหารเกาหลีทุกมื้อ ดื่มนมโสมก่อนแล้วค่อยเริ่มลงมือทำกิมจิ... ปัจจุบันนี้มีการนำกิมจิมาปรุงใส่ในอาหารหลากหลายชนิด เช่น พิชซ่ากิมจิ, ขนมจีบใส้กิมจิ (ไม่แน่ใจว่าภาษาเกาหลีเรียกว่าอะไร) ณ ที่นี่ มีชุดประจำชาติของเกาหลี "ฮันบก" ให้กับทุกคนได้ใส่ถ่ายรูปกันอย่างจุใจ "ฮันบก" จัดเป็นชุดประจำชาติของเกาหลีซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมานานนับพัน ๆ ปี ความสวยงาม และความสุภาพของวัฒนธรรมเกาหลีล้วนฉายอยู่ในรูปภาพของผู้หญิงในชุดฮันบก ก่อนอิทธิพลของเครื่องแต่งกายแบบตะวันตกจะเข้ามาแทนที่ ฮันบกเคยถูกใช้เป็นชุดแต่งกายประจำวัน โดย ผู้ชายสมัยก่อนจะสวมใส่ “ชอกอรี” (เสื้อนอกแบบเกาหลี) และ “พาจิ” (กางเกงขายาว) ขณะที่ ผู้หญิงจะสวมใส่ “ชอกอรี” กับ “ชีมา” (กระโปรง) แต่ปัจจุบันนี้ชาวเกาหลีมักจะใส่ “ฮันบก” เฉพาะโอกาสที่มีการเฉลิมฉลอง หรือวันสำคัญ ๆ เช่น วันแต่งงาน วันซอล ลัล (วันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติ) หรือวันชูซก (วันขอบคุณพระเจ้า) ทานอาหารกลางวันเติมพลังด้วย "คาลบี้ : หมูย่างเกาหลี" เป็นการนำเนื้อหมูหรือเนื้อวัวมาหมักกับเครื่องปรุงจนเนื้อนุ่ม นำไปย่างบนแผ่นโลหะที่ถูกเผาจนร้อน ย่างหมูหรือเนื้อทั้งชิ้นโต พอใกล้สุกใช้กรรไกรตัดเป็นชิ้นพอดีคำ ทานกับเครื่องเคียงจำพวกผัก , กระเทียม และน้ำจิ้ม ห่อในลักษณะคล้ายเมี่ยงคำ เดินทางต่อไปยัง "ภูเขานัมซาน" ซึ่งเป็นที่ตั้งของหอคอยแห่งกรุงโซล N Tower หอคอยกรุงโซล (Seoul Tower) หรือบางครั้งเรียก “นัมซันทาวเวอร์” ตั้งอยู่บนภูเขานัมซาน มีทางขึ้นอยู่ตรงสวนนัมซาน ( Namsan Park ) ซึ่งเป็นหอคอยที่มีความสูงจากฐานประมาณ 236.7 เมตร มีความสูงถึง 480 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ถูกสร้างขึ้นในปี 1969 และเปิดให้เข้าชมเมื่อ ปี 1980 ซึ่ง SEOUL TOWER เป็นหอคอย 1 ใน 18 หอคอยเมืองที่สูงที่สุดในโลก สถานที่ถ่ายทำละครหลากหลายเรื่อง ช้อปตุ๊กตาหมีที่ร้าน Teddy Bear Shop ล็อกกุญแจคู่รักเพื่อความรักที่ยืนยง เดินลงจากด้วยความหนาวและเมื่อย ได้เวลาอาหารเย็นกันแล้ว มื้อเย็นวันนี้เป็น "หม้อไฟโพซดชาบู" อาหารพื้นเมืองที่คนกรุงโซลรู้จักกันดี คล้ายๆ กับ สุกี้บ้านเรานี่เอง ส่วนเครื่องเคียงจะเป็นผักชนิดต่างๆ เห็ดเข็มทอง ฝักทองอ่อน ผักบุ้งเกาหลี ผักกาดขาว โดยจะกินกับกิมจิ เพื่อแก้เลี่ยน พร้อมอัพเดทเรื่องราวต่าง ๆ ของลอรีอัล ได้ความรู้และความสนุกสนานพร้อมของรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ ติดมือกันทุกคน คืนนี้จะพักโรงแรมในเมืองโซล วันสุดท้ายของทริปกันแล้วค่ะ เช้าวันนี้อากาศอึมครึม อุณหภูมิประมาณ 9-10 องศา แต่ลมพัดเรื่อย ๆ ทำให้รู้สึกหนาวสั่นได้อย่างมากทีเดียว เดินทางไปยัง "คลองชองเกชอน" คลองโบราณในสมัยราชวงศ์โชซอน อายุกว่า 600 ปี ความยาวประมาณ 5.84 กิโลเมตร ไหลผ่านย่านใจกลางกรุงโซล แต่ในช่วงค.ศ. 1957-ค.ศ. 1977 ได้มีการพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดด ทำให้คลองถูกถมลงเป็นถนนและทางด่วน เกิดตึกสูงมากมาย คลองชองกเยชอนก็เริ่มเน่าเสียและตื้นเขิน เรียงไปด้วยชุมชนแออัด กระทั่งปีค.ศ. 2002 นายลี มยองปากได้รับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการกรุงโซล เขาได้เสนอโครงการฟื้นฟูคลองชองกเยชอน โดยมีพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนต่อต้านจำนวนมาก จนต้องมีการประชุมร่วมกันมากกว่า 2,000 ครั้ง แต่โครงการก็เริ่มขึ้นได้ด้วยดีในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2003 โดยเริ่มทุบทางด่วน และรื้อถนนโดยรอบมากมาย จนแล้วเสร็จในปีค.ศ. 2005 มีพิธีเปิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ใช้งบประมาณกว่า 380,000,000,000 วอน หรือราวๆ 1 หมื่นล้านบาท พร้อมกับฟื้นฟูธรรมชาติสองฝั่งคลอง ขุดท่อผันน้ำจากแม่น้ำฮันเข้ามาที่ต้นคลอง มีการสร้างน้ำพุตลอดแนว และมีน้ำตกเป็นแนวกั้นน้ำฝน มีสะพานกว่า 22 แห่ง และทางเดินเลียบคลอง จนปัจจุบันคลองชองกเยชอนได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญมากในกรุงโซล จากนั้นเดินเที่ยวแถวบริเวณนั้น เดินไปอีกหน่อยไม่ไกลนัก จะถึงดงฮวาดิวตี้ฟรี เดินไปเดินมาในนั้นแต่ไม่ได้อะไรสักอย่าง (...เป็นไปได้ไงกันนะเนี่ย) ได้เวลาอาหารมื้อกลางวัน (มื้อสุดท้าย...ในเกาหลีแล้วนะ) เมนูคือ "ซัมเคทัง : ไก่ตุ๋นโสม" โดยคัดสรรไก่ที่มีอายุ 45 วัน ล้างเครื่องในออก และยัดไส้ด้วยข้าวเหนียว, เม็ดพุทราแห้ง, รากโสมเกาหลี, เก๋ากี้ บรรจุในชามหม้อดินเดือด เสริฟพร้อมเส้นอุด้งขาว เพื่อเพิ่มรสชาติควรใส่เส้นอุด้งลงในไปชามขณะน้ำซุปไก่กำลังเดือด ปรุงรสด้วยพริกไทยและเกลือป่นของเกาหลี พร้อมกับ Ginseng Wine (เหล้าไวน์รสโสม) หลังจากนั้นได้ออกเดินทางไปยังสนามบินอินชอน ระหว่างทางมีแวะซื้อของฝากพื้นเมือง เช่น สาหร่าย ขนม ชาโสม เดินทางข้ามสะพานที่ยาวเป็นอันดับ 5 ของโลก ที่เชื่อมระหว่างสนามบินอินชอนสู่เมืองธุรกิจซงโดที่ยาวกว่า 21.5 กิโลเมตร เดินทางกลับเมืองไทยด้วยเที่ยวบิน KE653 เครื่องออกจากเกาหลีสู่ประเทศไทย ใช้เวลาบิน 5 ชั่วโมง และบริการอาหารค่ำบนเครื่อง การเดินทางกับ L'oreal จึงจบลง ณ ตรงนี้ ด้วยความสนุกสนาน เก็บประสบการณ์และความทรงจำดี ๆ กับตลอดทริป ขอบคุณ L'oreal Paris ที่ให้โอกาสได้ร่วมเดินทางในครั้งนี้นะคะ แต่การเดินทางในเกาหลียังไม่จบเพียงเท่านี้ ทริปต่อไปเป็นการเดินทางกับครอบครัว ซึ่งวางแผนไว้ล่วงหน้านานแล้ว แล้วแวะมาเที่ยวด้วยกันอีกนะคะ ขอบคุณ กรอบน่ารัก จากคุณ KungGuenter

Create Date : 22 ธันวาคม 2553		8 comments
Last Update : 22 ธันวาคม 2553 12:29:39 น.
Counter : 2179 Pageviews.
Share Tweet