| โรเบิร์ต เอ็ดเวิร์ดส และเด็กหลอดแก้วที่เขาให้กำเนิด โซฟี (Sophie) และ แจ็ค เอเมอรี (Jack Emery) ในงานวันเกิด 2 ขวบ เมื่อปี 1998 | | | ขณะเดียวกัน บีบีซีนิวส์ได้เปิดเผยว่านางหลุยส์ บราวน์ ซึ่งเป็นเด็กหลอดแก้วคนแรกของโลกได้กล่าวยกย่องศาสตราจารย์เอ็ดเวิร์ดส์ว่า เธอเคารพนับถือเขาประดุจคุณปู่ของเธอ ผลงานของท่านได้นำความสุขมาสู่ผู้คนหลายล้านครอบครัวทั่วโลกที่สามารถให้กำเนิดทารกมาเติมเต็มชีวิตครอบครัว ฉันปลื้มใจมากที่ท่านมีอายุยืนยาวจนถึงวันที่ท่านได้รับรางวัลโนเบลอันเป็นเครื่องประกาศเกียรติคุณในการทำงานของท่าน และมรดกของท่านจะยังคงอยู่ต่อไปกับการทำงานทางด้านไอวีเอฟที่ได้รับการสืบทอดไปทั่วโลก" บราวน์กล่าวไว้ในบีบีซีนิวส์ ทั้งนี้ ผลสำเร็จในความพยายามช่วยเหลือผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีการปฏิสนธินอกร่างกาย ส่งผลให้ศาสตราจารย์เอ็ดเวิร์ดส์ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสรีรศาสตร์และการแพทย์ในปี 2553 ในขณะที่ ดร.สเต็ปโต พลาดรางวัลนี้ไปเนื่องจากเขาได้เสียชีวิตไปก่อนหน้านั้นแล้ว อย่างไรก็ตาม คริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกได้ออกมาประณามการมอบรางวัลโนเบลในครั้งนั้น ด้วยเหตุผลที่ว่าชีวิตมนุษย์ควรถือกำเนิดขึ้นจากการปฏิสนธิตามธรรมชาติในครรภ์มารดาแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ถูกประดิษฐ์ขึ้นในหลอดแก้ว โดยสำนักวาติกันได้ระบุว่า เอ็ดเวิร์ดส์เป็นผู้ที่ทำให้เกิดช่องว่างต่อความรับผิดชอบทางศีลธรรมจรรยาในการพัฒนาเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่เกิดขึ้นตามมาหลังจากนั้น และทุกวิถีทางที่ผิดจริยธรรมที่อาจเกิดขึ้นได้จากเทคโนโลยีไอวีเอฟ ถึงกระนั้น ในปี 2554 ศาสตราจารย์เอ็ดเวิร์ดส์ก็ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นอัศวินจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จากการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในด้านชีววิทยาการเจริญพันธุ์ และยังได้รับการยกย่องจากเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ว่า วิสัยทัศน์ของเขาได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับมนุษย์ไปตลอดกาล ทั้งนี้ บีบีซีนิวส์กล่าวถึงอัตชีวประวัติดของศาสตราจารย์เอ็ดเวิร์ดสโดยย่อว่า เขาเกิดเมื่อวันที่ 27 ก.ย.2468 ในเมืองยอร์กเชียร์ของอังกฤษ เขาเคยเข้าร่วมเป็นทหารรับใช้ชาติของกองทัพอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนที่จะกลับไปศึกษาต่อ โดยเริ่มแรกเขาศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์การเกษตร ต่อด้วยพันธุศาสตร์สัตว์ ก่อนที่จะกลายมาเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์และสร้างผลงานเด็กหลอดแก้วให้เป็นที่จดจำไปทั่วโลก
|