เรื่อง ปปช. กกต. ทำมัยไม่โปรดเกล้า....

Logic ให้เห็น ง่าย ๆๆ

1. คปค. มีคำสั่งแต่งตั้ง ปปช. OK ผ่าน เป็นการ Override กฎหมาย ปปช. ได้ OK ตอนนี้ ปปช.มีตัวตนแล้ว
2. คปค. ให้ใช้กฎหมาย ปปช. ต่อไป OK ผ่าน
2. คปค. ให้ ปปช. มีวาระการดำรงตำแหน่งตาม กฎหมาย ปปช. OK ผ่าน
3. แต่ กฎหมาย ปปช. ให้วาระการดำรงตำแหน่ง เริ่มเมื่อพระมหากษํตริย์แต่งตั้ง แล้วให้อยู่ต่อไปได้ 9 ปี และอยู่ได้วาระเดียว

อ้าาว... แต่พระมหากษัตริย์ ท่านไม่ทรงแต่งตั้ง ท่านว่า คปค แต่งตั้งไปแล้ว ก็มีอำนาจแต่งตั้ง และ ปปช.มีตัวตนอยู่ ตามข้อ 1.

แต่จะอยู่แล้วอยู่ได้กี่วัน จะทำหน้าที่ได้หรือเปล่า?
ไม่มีคำสั่ง คปค คมช หรือ กฎหมาย ปปช.ยกเว้นไว้ หรือสั่งเป็นอย่างอื่นว่าพระมหากษัตริย์

ดังนั้น เราจะไม่ถามว่า คปค แต่งตั้ง ปปช. ได้หรือไม่ ตอบว่าได้
เราถามว่า วาระการดำรงตำแหน่งและทำหน้าที่ ต้องเป็นเมื่อใด

ในเมื่อไม่มีกำหมาย หรือคำสั่ง คปค หรือผู้มีอำนาจ กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น นอกจาก ตาม พรบ ปปช (ความเห็นของ สน.ราชเลขา ไม่เข้าตามเกณฑ์นี้ ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงกฎหมาย)

ปปช. จึงเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แต่ยังไม่เริ่มวาระจนบัดนี้
ก็เลยพ้นไปตั้งแต่ตั้ง ไปโดยปริยาย!!!

แห่งที่มา
//www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6819560/P6819560.html#15

+++++++++++++++++++

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ขอเรียนว่า บุคคลผู้ได้รับแต่งตั้ง เป็นประธานกรรมการ และ กรรมการป้องกัน และ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามประกาศคณะปฏิรูปฯ ฉบับที่ 19 ได้ดำเนินการตามมาตร 11 แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกัน และ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แล้ว

กล่าวคือ ได้ลาออกจากการเป็นข้าราชการพนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงาน รัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือ ราชการส่วนท้องถิ่น.......ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2549

ลาออกจากการเป็นข้าราชการพนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น
…

ก่อนนั้นกลุ่มบุคคลนี้อยู่ในตำแหน่งอะไร?
- บุคคลผู้ได้รับแต่งตั้งเป็น ประธานกรรมการ และ กรรมการป้องกัน และ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามประกาศคณะปฏิรูปฯ ฉบับที่ 19

***หมายความว่า ลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ และ กรรมการป้องกัน และ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ใช่หรือไม่ ???

ถ้าใช่มาตรา 12 ระบุไว้ว่าให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว หมายความว่าอย่างไร ?? ในเมื่อวาระที่ผ่านมาตามคำสั่งคณะปฏิรูปฯ ที่เทิดทูลเขาแต่งตั้งไปแล้วไม่ใช่หรือ ?????

*** จะดำรงตำแหน่งเป็นวาระที่สองไม่ได้ตามมาตรานี้

และไม่มีสิทธิ์ปฏิบัติหน้าที่ต่อตามมาตรา 13 ข้อ 3 คือ
ลาออกไปแล้ว ไม่ใช่เป็นการพ้นตำแหน่งตามวาระในมาตรา 12 ที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ ต่อจนกว่ากรรมการ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่

ออกหนังสือว่าปฏิบัติตามมาตรา 11 แต่ต่อวาระที่สองไม่ได้ ตามมาตรา 12 และไม่มีสิทธิ์ปฏิบัติหน้าที่ในมาตรา 13 ของ พรบ.ฉบับเดียวกัน

คืนเงินภาษีประชาชนมาเถอะครับ ท่านผู้อ้างว่ามากจริยธรรมทั้งหลาย


+++++++++++++++++++

มีคำสั่งไหน ยกเว้นมาตรา การโปรดเกล้า และ คุณสมบัติ ปปช บ้าง
.....ปัญหามันอยู่ที่ ไม่เสนอขอโปรดเกล้าก่อน แต่มาขอโปรดเกล้าย้อนหลัง หลังจากเข้าทำหน้าที่แล้วตั้งแต่ 6 ตุลาคม 49 เข้าทำงานได้เป็นเดือน
แล้วมาขอให้นำเสนอโปรดเกล้าเมื่อวันที่ 3 พ.ย. 49
ใครจะทำเรื่องเสนอให้ ปปช.ก็ต้องรู้ตัวว่าไม่ถูกต้อง จึงพยายามระบุในรัฐธรรมนูญปี 50 รับรองไว้
แต่ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้
กระบวนการ... ไม่ถูกต้อง... เกิดขึ้นแล้ว... ของมันเสียไปแล้ว.....

ส่วน ความสมบูรณ์ ของข้อกฏหมาย หากอ้าง คำสั่ง คปค คือ กฏหมาย ทำไม มันสั่งแล้ว ทำตาม บางข้อ เว้น บางข้อ ได้ ด้วยหรือ
ฉบับที่ 19 สั่งว่า ให้ใช้ พรบ. ปปช 42 เว้น การสรรหา
ฉบับที่ 31 สั่งว่า ให้ใช้ พรบ. ปปช 42 ทั้งฉบับ

มีคำสั่งไหน ยกเว้นมาตรา การโปรดเกล้า และ คุณสมบัติ ปปช บ้าง




จดหมายที่แสดงว่า ปปช. และ คณะรัฐประหาร ก็รู้ว่าจะต้องขอโปรดเกล้า คือจดหมายฉบับที่ 2 ลงวันที่ 3 พ.ย. 2549




เรื่อง การนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
เรียน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
สิ่งที่ส่งมาด้วย
1.สำเนาหนังสือสำนักงาน ป.ป.ช. ที่ ปช 0012.02/098 ลงวันที่ 26 กันยายน 2549
2. สำเนาหนังสือสำนักเลขาธิการคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด่วนที่สุด ที่ คปค. 0002/87 ลงวันที่ 30 กันยายน 2549
3.สำเนาประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 22 กันยายน 2549
ด้วยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้มีหนังสือตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 1
สอบถามประเด็นปัญหาประการหนึ่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่าเมื่อประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ฉบับที่ 19 ลงวันที่ 22 กันยายน 2549 ได้ดำเนินการตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติ
ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แล้ว
ก่อนเริ่มปฏิบัติหน้าที่จะต้องมีการดำเนินการนำความกราบบังคับทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งหรือไม่
และมีผลให้เป็นการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันใด ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้มีหนังสือตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 ชี้แจงว่า การดำเนินการนำความกราบบังคับทูล
เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งและการมีผลให้เป็นการดำรงตำแหน่งนั้นเมื่อมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับหน้าที่แล้ว
ควรให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอรายชื่อบุคคลผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ
ทุจริตแห่งชาติเพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
แต่งตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ต่อไป
ทั้งนี้ ได้แจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบด้วยแล้ว

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ขอเรียนว่า บุคคลผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ
และกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามประกาศคณะปฏิรูปฯ ฉบับที่ 19 ดังกล่าวได้ดำเนินการตามมาตรา 11
แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แล้ว กล่าวคือ
ได้ลาออกจากการเป็นข้าราชการพนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือกรรมการ
หรือที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐ หรือตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัทหรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจ
โดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือลูกจ้างของบุคคลใด รวมทั้งเลิกประกอบวิชาชีพอิสระอื่นใดตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2549
จึงเรียนมาเพื่อโปรดนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

1.นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ เป็นประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
2.นายกล้านรงค์ จันทิก เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
3.นายใจเด็ด พรไชยา เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
4.นายประสาท พงษ์ศิวาภัย เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
5.ศาสตราจารย์ ภักดี โพธิศิริ เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
6.ศาสตราจารย์ เมธี ครองแก้ว เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
7.นายวิชา มหาคุณ เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
8.นายวิชัย วิวิตเสวี เป็นกรรมการป้องกันแลปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
9.นางสาวสมลักษณ์ จัดกระบวนพล

เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไปด้วยจักขอบคุณยิ่ง
ขอแสดงความนับถือ
นายศราวุธ เมนะเศวต
เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

++++++++++++++++++++++++++++++

ขยายความ

ขออนุญาตยืมกระทู้นี้มาขยายนะครับ

P6820356 กล้าณรงค์บอกคมช.แต่งตั้งได้ไม่มีปัญหาแล้วยื่นหนังสือทูลเกล้าไปใย?? ของคุณJOPPER

กล้าณรงค์บอกคมช.แต่งตั้งได้ไม่มีปัญหาแล้วยื่นหนังสือทูลเกล้าไปใย??
นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. กล่าวว่า ตนไม่หนักใจที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่มาของ ป.ป.ช. ทั้ง 9 คน ทั้งนี้ยืนยันว่า มีที่มาถูกต้องตามกฎหมาย โดยใน พ.ร.บ.คณะกรรมการป้องกันและปราปปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่ระบุให้มีการเริ่มต้นทำงานได้ ตั้งแต่ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แต่งตั้ง อีกทั้ง ไม่มีช่องทางที่จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความสถานภาพ แต่ก็สามารถให้หน่วยงานอื่นดำเนินการได้ ขณะที่ นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่า ป.ป.
ช. สามารถยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยชี้ขาดสถานภาพได้เอง
//www.innnews.co.th/allnews.php

..........................................................

ประกาศ ณ วันที่ 22 กันยายน 2549
ประกาศคณะปฏิรูปฯ ฉบับที่ 19 : ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับมีผลบังคับใช้ต่อไป

ข้อ 3 ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ประกอบด้วย
ประธานกรรมการ
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ

กรรมการ

นาย กล้านรงค์ จันทิก
นายใจเด็ด พรไชยา
นายประสาท พงษ์ศิวาภัย
ศาสตราจารย์ภักดี โพธิศิริ
ศาสตราจารย์เมธี ครองแก้ว
นายวิชา มหาคุณ
นายวิชัย วิวิตเสวี
นางสาวสมลักษณ์ จัดกระบวนพล

เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช
.
นายศราวุธ เมนะเศวต


จากนั้นวันที่ 3 พฤศจิกายน 2549

นายศราวุธ เมนะเศวต เลขาธิการ ป.ป.ช. ได้ทำหนังสือถึงนายรองพล เจริญพันธุ์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและกรรมการ ป.ป.ช.จำนวน 9 คน

ทำไม??ท่านๆต้องทำหนังสือนี้ด้วยล่ะ

เพราะจริงๆแล้วท่านๆก็รู้อยู่เต็มอกหรือเปล่าว่า
ตำแหน่งเหล่านี้ต้องได้รับการโปรดเกล้าแต่งตั้งก่อน
ถึงจะทำหน้าที่นี้ได้

จากคุณ : JOPPER


กับภาพของคุณ : mcu51
จากรูป ของคุณ : mcu51
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ขอเรียนว่า บุคคลผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามประกาศคณะปฏิรูปฯ ฉบับที่ 19 ได้ดำเนินการตามมาตร 11 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แล้ว กล่าวคือ ได้ลาออกจากการเป็นข้าราชการพนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น.......ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2549

ลาออกจากการเป็นข้าราชการพนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น
…

ก่อนนั้นกลุ่มบุคคลนี้อยู่ในตำแหน่งอะไร?
- บุคคลผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามประกาศคณะปฏิรูปฯ ฉบับที่ 19
 หมายความว่าลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ใช่หรือไม่???

ถ้าใช่มาตรา 12 ระบุไว้ว่าให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว หมายความว่าอย่างไร?? ในเมื่อวาระที่ผ่านมาตามคำสั่งคณะปฏิรูปฯ ที่เทิดทูลเขาแต่งตั้งไปแล้วไม่ใช่หรือ????? จะดำรงตำแหน่งเป็นวาระที่สองไม่ได้ตามมาตรานี้

และไม่มีสิทธิ์ปฏิบัติหน้าที่ต่อตามมาตรา 13 ข้อ 3 คือ ลาออกไปแล้ว ไม่ใช่เป็นการพ้นตำแหน่งตามวาระในมาตรา 12 ที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อจนกว่ากรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่

ออกหนังสือว่าปฏิบัติตามมาตรา 11 แต่ต่อวาระที่สองไม่ได้ ตามมาตรา 12 และไม่มีสิทธิ์ปฏิบัติหน้าที่ในมาตรา 13 ของพรบ.ฉบับเดียวกัน

คืนเงินภาษีประชาชนมาเถอะครับ ท่านผู้อ้างว่ามากจริยธรรมทั้งหลาย




++++++++++
หนังสือส่งให้ เลขาครม วันที่ 3/11/2549
เพราะ
สำนักงบฯ แจ้งมายัง ปปช ให้่ส่งหนังสือโปรดเกล้า เพื่อจะตั้งบัญชีเบิกจ่าย
แต่ ปปช ทั้ง 9 ไม่มี จึงมีการคิดแผนใหม่
โดยทำให้หนังสือให้ดูเหมือนว่า ปปช ในไม่ได้ถูกแต่งตั้งโดย คปค แต่อยู่
ในชั้นตอนสรรหาเสร็จ และ ตรวจคุณสมบัติให้ถูกต้องตามมาตรา 11 และ
ต้องอยู่ในห้วงเวลา 15 วัน จึงต้องไม่เกินวันที่ 6 ตุลาคม 2549
เพราะถ้าเกิน 15 วัน ต้องมีการสรรหาตาม-มาตรา 14-

ปปช และ ครม ได้ทำไม่ถูก ตามรัฐธรรมนูญ 2549 และ พรบ ปปช 2542
เพราะผู้ที่จะมีหน้าที่ยื่น โปรดเกล้าแต่งตั้ง คือ -ประธาน สนช- ที่ทำหน้าที่
แทน -ประธาน สว- ตามรธน 2549
-------------------------------------------------

1.มันเป็นอะไรที่ตลกดี -เลขาปปช- และ -เลขาครม- รู้แล้วว่าต้องให้ใครยื่นโปรดเกล้า
2.จากหนังสือทำให้รู้ว่า ผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็น ปปช วันที่ 22/09/2549 ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 11
ทำให้พ้นสภาพการเป็น ปปช ตามมาตรา 13
3. มีความพยายามแต่งตั้งตัวเองกลับเข้าเป็น ปปช ใหม่ โดยช่องทางพิเศษ ผ่านอดีตองคมนตรี(สุรยุทธ์ นายกคนที่ 24)
-------------------------------------------------

ข้อข้องใจคำตอบคุณ ที่ยังมีอยู่
===> ในกรณีปปช.นี้ ไม่มีสภานิติบัญญัติ การใช้บังคับกฏหมาย พรบ.ที่เพิ่ง ประกาศใหม่ ยังคงใช้บังคับได้ แต่ตัวกรรมการ ปปช.
เองได้แก้ข้อขัดแย้งในเรื่องคุณสมบัติให้หมดไป ตั้งแต่ 6 ตุลาคม 2549 ดังจะเห็นได้จากหนังสือปปช.ที่แจ้งไปเลขาครม.

เมื่อเป็นเช่นนี้ ความขัดแย้งระหว่าง ประกาศ คปค. ฉบับที่ 19 ที่แต่งตั้ง ปปช. 22 กันยายน 2549 กับตัว พรบ. ปปช. มาตรา 11
จึงไม่มีอยู่ต่อไป นับจากวันที่ 6 ตุลาคม 2549 จนถึงวันนี้ ข้อขัดแย้งที่คุณ กังวลนั้นไม่มีอยู่อีกแล้ว จึงไม่เป็นภาระแก่กฤษฏีกา
ที่จะต้องเสนอเรื่องเข้า ครม. เพื่อเสนอต่อเข้าสภาฯ เพื่อให้พิจารณา ก็เท่านั้นแหละครับ

และความขัดแย้ง ที่หมดไปแล้วนี้ ไม่ได้เป็นจุดที่จะชี้ไปได้ว่าประกาศ คปค.ฉบับที่ 19 เมื่อ 22 กันยายน 2549 จะใช้ไม่ได้
???? ยอมรับว่า ปปช ขาดคุณสมบัติแล้วใช่ไหม ขาดคุณสมบัติตั้งแต่ 22 กย - 5 ตค 49 เลยนะเนี่ย ลองดูผังที่คุณ mcu51 ทำดูก็ได้ (ขอบคุณคุณ mcu51 มาก ๆ ที่ตามมาสนับสนุนข้อมูล ผมว่าจะไปขอก้อปอยู่พอดี)
แล้วไม่แต่งตั้งใหม่เหรอ อ้าวลืมไป บังธิ ไปเป็น คมช แล้ว เหลือ สนช แล้วไม่ปฏิบัติตาม พรบ ปปช 42 เหรอ
???? ผมยังไม่เห็นคุณโต้แย้งว่ามีการยกเลิก พรบ ปปช 42 มาตรา ใดเลย ปฏิบัติตาม ม.11 เรื่องคุณสมบัติ เว้นมาตราอื่น ๆ ได้ด้วยเหรอ

Create Date : 21 กรกฎาคม 2551		0 comments
Last Update : 22 กรกฎาคม 2551 16:57:30 น.
Counter : 2563 Pageviews.
Share Tweet