มีนาคม 2553

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
 
 
30 มีนาคม 2553
เจ้าสาวจำเป็น 1




วันต่อมาไอริณเข้าประชุมกับผู้จัดการทุกฝ่ายอีกครั้ง
“ตามที่เศรษฐกิจปั่นป่วนแบบนี้ ลูกค้ายังมาแคลเซิ้ลสินค้าเราอีก ดังนั้นเพื่อไม่ให้ของคงค้างในสต๊อก อุณคิดว่าเราน่าจะมาทำการแปรรูปผ้าให้เกิดเป็นสินค้าใหม่”
ทุกคนมองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจนัก

“เราแปรรูปผ้าในสต๊อกเป็นสินค้า เช่น เสื้อ กางเกง ปลอกปมอน ปลอกผ้านวม ผ้าม่าน ผ้าปูโต๊ะ เราแค่ซื้อจักรเพิ่ม และสอบถามพนักงานที่เหลืออยู่ว่าใครพอที่จะทำได้บ้าง แต่ถ้าเป็นจักรคอมฯ เราก็แค่เลือกโปรแกรมใช้งานก็เป็นเรื่องง่ายแล้ว ส่วนการตลาดอุณคิดเอาไว้แล้ว ส่วนหนึ่งอาจจะเอาไปเปิดที่ร้านอุณ และจัดบูทเพิ่มในห้างอื่นๆ ด้วย การออกแบบอุณจะรับผิดชอบเอง และอาจจะขอคนจากฝ่าย QA เพื่อมาช่วยงานนี้ด้วย” เธอชี้แจง
คนอื่นพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนี้

“ทุกคนคิดว่ายังไงคะ”
“ดีเลยค่ะคุณอุณเราจะพยายามเต็มที่ค่ะ คุณอุณจะให้ทำยังไงก็บอกมาเลยค่ะ” ฝ่าย QA ออกความเห็น
“พวกเราก็เห็นด้วยครับ อย่างน้อยทุกคนก็ยังทำงานที่นี่กันต่อ ไม่มีใครตกงาน เราทุกคนไม่อยากจะออกหรอกครับ”
“ค่ะ อุณคิดว่าหลังไตรมาสที่ 2 สถานะการทางเศษรฐกิจอาจจะดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยเราทำตลาดด้านนี้ไปก่อน ผ้าของเราที่รับมาจากแต่ละภาคล้วนเป็นผ้าที่เนื้อดีทั้งนั้น ถ้าขายในราคาที่ไม่แพงมากอาจจะขายดีก็ได้ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าอุณจะส่งแบบมาให้ฝ่ายผลิตให้ลองทำเสื้อ กับ พวก ปลอกหมอน ผ้าม่าน ลองเอาไปเปิดที่ร้านอุณ เดือนหน้าจะสิ้นปีแล้วคนส่วนใหญ่ก็จะหาของขวัญปีสิ่งเหล่านี้ก็เป็นสินค้าที่นิยมระดับหนึ่งจากสถิติของปีที่แล้ว”
“ครับ เราจะทำอย่างเต็มที่ครับ แค่คุณอุณสั่งมาเท่านั้น”
ทุกคนต่างทำเป็นเสียงเดียวกันและพอใจกับทางออกที่อุณเสนอวันนี้ต่างปรบมือเป็นกำลังใจให้เธอ อติเทพยิ้มอย่างดีใจและภูมิใจในตัวลูกสาวมาก หลังประชุมอุณเข้าไปพบพ่อในห้อง
“ลูกทำได้ดีมากอุณ”
อุณเข้าไปกอดพ่อเอาไว้
“อุณเป็นลูกพ่อนิคะ ยังไงซะอุณก็จะไม่ปล่อยให้ครอบครัว และบริษัทเราต้องพบเรื่องร้ายๆ แน่นอน”
“ไม่เอาน่าอย่าพูดเรื่องนี้อีกนะ” พ่อตัดบทลูก
“พ่อคะ อุณมีเรื่องอยากจะเรียนคุณพ่อค่ะ ตอนเที่ยงเราไปทานข้าวข้างนอกกันนะคะ อุณชวนน้าชมด้วย”
“ฮึ.....มีอะไรหรือเปล่าถึงได้นัดพร้อมกันอย่างนี้”
“ค่ะ”
ตอนเที่ยงอุณกับพ่อนั่งรอการมาของพิศชมที่ร้านอาหารเธอสั่งกับข้าวเรียบร้อยแล้ว รอพิศชมเท่านั้น
พิศชมเดินแกมวิ่งเข้ามาหาสองพ่อลูกอย่างยินดี
“มีอะไรหรือครับ เดินมาหน้าตื่นเชียว” อติเทพหันไปถามภรรยาเมื่อเธอนังลงเรียบร้อยแล้ว
“ฉันมีข่าวดีจะบอกค่ะ”
“เมื่อกี้ตำรวจโทรมาบอกให้ฉันไปพบที่สถานีตำรวจค่ะ คุณต้องไปเป็นเพื่อนฉันนะ”
“ไปทำไมสถานีตำรวจ” สามีถามงงๆ
“ก็ตำรวจจับโจรที่ปล้นร้านเพชร-พลอยของฉันได้แล้วน่ะสิคะ ได้ของครบหมดทุกอย่าง แม้กระทั่งเงิน มันเอาไปใช้แล้ว 5 หมื่น แต่ก็ช่างมันเถอะได้อย่างอื่นมาก็ดีแล้ว ฉันล่ะดีใจจริงๆ”
อติเทพพยักหน้า
“ก็ดี....วันนี้ก็มีแต่ข่าวดีๆน่ะสิ ที่บริษัทเราก็มีแผนสำรองในการกู้สถานะการณ์บริษัทเรียบร้อยแล้ว ไอริณก็จะให้เอาผ้าในสต๊อกมาตัดเสื้อ ผ้าม่าน หมอน ปอกผ้านวม ผมว่าแผนนี้ดีมากเลย”
“ดีค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปเลือกชุดสวยๆ ที่เข้ากับเครื่องเพชร เครื่องพลอย เอามาขายที่ร้านนะคะ พวกคุณหญิงคุณนายเวลามาซื้อเพชรเนี่ยเดี๋ยวฉันจะยุให้เขาซื้อเสื้อเป็นชุดไปด้วยเลยค่ะ”
อติเทพยิ้มพอใจในความคิดภรรยา
“ดีเลยค่ะน้าชม อย่างน้อยมันก็ทำให้สินค้าเราขายออกง่ายขึ้น”
“ใช่จ๊ะเวลาที่พวกคุณนายมาซื้อของเขาก็จะชวนเพื่อนๆมาด้วย เขาซื้อกันทีเหมาเป็นชุด เพราะกลัวจะน้อยหน้ากัน” พิศชมชี้แจงกับลูกเลี้ยง
“ผู้หญิงก็อย่างนี้แหล่ะ” อติเทพเหน็บ
“แล้วยังไงคะคุณ” ภรรยาหันไปบ่น
“ก็เปล่าหรอก เห็นของอะไรเป็นไม่ได้ ต้องซื้อๆ”
“แม้...ก็ถ้าไม่มีผู้หญิงแล้วผู้ชายจะอยู่ได้หรือคะ” พิศชมเถียงสามีซึ่งก็ทำให้เขาเงียบไป
ไอริณได้แต่อมยิ้ม อติเทพเป็นคนเงียบขรึมใจเย็นและอบอุ่น อ่อนนอกแต่แข็งใน แต่พิศชมเป็นคนใจร้อน ไม่ค่อยยอมใคร แข็งนอกแต่อ่อนใน ทั้งสองมักมีปากเสียงกันเสมอ แต่อติเทพก็เป็นฝ่ายเงียบไปเพราะต้องการยุติการโต้แย้ง หากพ่อเธอแข็งขึ้นมาเมื่อไหร่ พิศชมจะเป็นฝ่ายเงียบไปเอง ไอริณก็ไม่รู้ว่าพ่อของเธอทำไมถึงได้แต่งงานกับพิศชม แต่อาจจะเป็นเพราะความแตกต่างของกันและกันนี่ล่ะมั้งที่ทำให้อติเทพถึงยอมเริ่มต้นใหม่กับเธออีกครั้ง ทั้งๆ ที่ไอริณรู้ดีแก่ใจว่าพ่อรักแม่เธอแค่ไหน หลังจากแม่เธอตายตลอดเวลา 5 ปี เขาก็ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหน
“เออ....อุณมีอะไรหรือเปล่าถึงชวนพ่อกับน้ามาทานข้าวอย่างนี้” พิศชมหันไปถามเธอ
“ทานข้าวก่อนเถอะค่ะแล้วอุณจะบอก”
“แดเนียลเป็นยังไงบ้าง”
“เขาดีขึ้นมากแล้วค่ะ”
อติเทพแอบฟังสนทนาของลูกกับแม่เลี้ยงเงียบๆ แสดงว่าสองคนนี้คงได้เปิดใจคุยกันแล้วถึงได้คุยกันได้ร่าเริงเหมือนเดิม
“แล้วได้บอกครอบครัวเขาหรือเปล่า”
“ยังค่ะ เพราะเขากลัวว่าแม่เขาจะเป็นห่วง ก็เลยไม่ให้อุณแจ้งทางโน้น เขาขอรักษาตัวให้หายแล้วถึงจะกลับเกาหลีค่ะ”
“เหรอ...ก็จริงนะ พ่อกับแม่ก็ต้องห่วงลูกเป็นธรรมดา”
เมื่อมื้อเที่ยงผ่านไป อุณสั่งน้ำชามาดื่มต่อ
“คุณพ่อ น้าชมค่ะ อุณมีเรื่องจะเรียนค่ะ” หญิงสาวเอ่ย
เธอเรียกความกล้าก่อนที่จะเอ่ยต่อ
“อุณจะแต่งงานกับแดเนียลค่ะ”
สิ้นเสียงของอุณทั้งสองท่านนิ่งเพราะไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะพูดเรื่องนี้
“เราคุยกันเมื่อเช้านี้แล้วค่ะ แดเนียลเขาก็ตกลง เราจะแต่งกันเดือนหน้าตามที่แม่หมอเขาบอกไว้ค่ะ”
“ลูก...คิดดีแล้วใช่ไหม” อติเทพเอ่ยถาม
“ค่ะคุณพ่อ....อุณไม่สบายใจมาตลอดที่ครอบครัวเรามีเรื่อง แล้วยังแดเนียลอีก เราจึงคิดว่าเราจะแต่งงานกัน”
“อุณ....ถ้ามันต้องฝืนใจหนูก็ไม่ต้องแต่งกับเขาก็ได้” พิศชมบอกลูกเลี้ยง อติเทพมองหน้าภรรยานึกแปลกใจทีแรกเธอเป็นคนต้องการให้อุณแต่งงานเองแต่ตอนนี้กลับมาห้าม
“ไม่หรอกค่ะน้าชม ถ้าทุกอย่างมันดีขึ้นเราก็จะทำค่ะ”
อติเทพนิ่งคิด
“ถ้ามันเป็นการตัดสินใจของลูกพ่อก็ไม่ว่าอะไร..แต่อยากจะให้ลูกรู้เอาไว้อย่าง ชีวิตครอบครัวมันคือการเริ่มต้น ไม่ใช่การยุติ”
“ค่ะคุณพ่อ...ยังไงเราตัดสินใจแล้วถ้าจะเจออะไรอีกเราก็พร้อมที่รับมันค่ะ”
เห็นลูกสาวเด็ดเดี่ยวอย่างนี้อติเทพก็มิอาจจะพูดอะไรมากไปกว่านี้
“แต่น้าก็คิดว่ามันจะเริ่มต้นด้วยสิ่งดีๆนะ ดูสิวันนี้เราได้รับข่าวดีตั้ง 3 เรื่องเลยนะคะคุณ” เธอหันไปพูดกับสามี
“พอหนูอุณตัดสินใจแต่งงานปุ๊ป บริษัทก็เคลียร์งานได้ ตำรวจก็จับโจรได้ ฉันก็ได้ของคืน เป็นเรื่องดีไหมล่ะ”
“คุณเลิกเอาเรื่องพวกนี้มาผูกกันได้แล้ว”
“แม๋.....ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันก็แค่ดีใจ อย่างน้อยผู้ชายที่อุณจะแต่งด้วย เราก็ได้รู้จักกับเขาแล้ว ฉันก็ชอบเขานะ เขาหล่อ รวย เป็นดาราด้วย และเขาก็กล้ามากที่กล้ามาขอลูกสาวกับคุณทั้งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนเลย”
“น้าเชื่อว่าเขาจะดูแลอุณได้ดีนะจ๊ะ ผู้ชายคนนี้ น้าวางใจเขาแล้ว หนูอุณเชื่อน้าเถอะ”
“อุณก็ไม่แน่ใจหรอกค่ะน้าชม อุณแค่ตอบตกลงจะแต่งกับเขาเท่านั้นเองยังไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น” เธอไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องข้อตกลงระหว่างเธอกับแดเนียลให้ทั้งสองทราบ
“แต่น้าคิดว่าเราน่าจะแต่งกันที่เมืองไทยนะ เราเป็นเจ้าสาวจะให้ไปแต่งที่เกาหลีได้ยังไง” แล้วพิศชมก็คิดเรื่องการจัดงาน
“เดี๋ยวน้าจะไปหากฤษ์ดีๆ ให้ และเรื่องอื่นๆด้วย อุณดูเรื่องการ์ดกับชุดก็พอ” เธอจัดแจงอย่างรวดเร็ว
“นี่คุณ ผมยังไม่อนุญาติให้ลูกแต่งเลยนะ”
“อะ...คุณน่ะ จะกีดกันลูกทำไม ยัยอุณก็ตกลงจะแต่งแล้ว เราจะช้าอยู่ทำไมล่ะ เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่นะ ไหนเตรียมงานเตรียมของอีก จะมามัวใจเย็นได้ยังไง คุณพูดเหมือนจะไม่ให้เขาแต่งกันยังงั้นแหล่ะ”
“พ่อแม่เขาเรายังไม่ได้พบกันเลย” อติเทพแย้ง
“เราเป็นเจ้าสาวก็ต้องให้พ่อแม่เจ้าบ่าวมาพบสิคะคุณ”
“คุณไม่ต้องออกความเห็นอะไรทั้งนั้น เพราะอุณก็เป็นลูกฉันเหมือนกัน ฉันอนุญาติให้แกแต่งแล้ว คุณก็ทำหน้าทีเป็นพ่อตาเท่านั้นพอ” พิศชมมัดมือชกสามีเอาดื้อๆ
ไอริณได้แต่นิ่งฟังการโต้แย้งของผู้ใหญ่ทั้งสองแล้วส่ายหน้า
พิศชมมักเป็นผู้ชนะเสมอเพราะเธอมักจะมัดมือชกอติเทพทุกครั้งหากว่าเธอเถียงชนะเขาหรือมีคนเข้าข้างเธอ แต่หากไอริณเข้าข้างพ่อเธอก็ต้องเป็นฝ่ายยอมสองพ่อลูกแทน

วันต่อมาไอริณมารับแดเนียลออกจากโรงพยาบาลเธอพาเขาไปพักที่บ้านพ่อของเธอตามเดิม
“คุณจะอยู่เป็นเพื่อนผมไหม?” เขาถามอย่างกลัวๆ
“ทำไมคะ” ไอริณอดสงสัยไม่ได้
“ผมต้องการคุณอยู่เป็นเพื่อน”
“คุณก็รู้จักพ่อแม่ฉันแล้วนิคะ”
ใบหน้าตี๋ก็หลบสายตานิดนึง
“ผมกลัวพ่อคุณ”
หญิงสาวขำ
“คุณจะกลัวคุณพ่อทำไมท่านออกจะใจดี”
“ใจดีกับคุณคนเดียวน่ะสิ ผมไม่เคยพ่อของผู้หญิงคนไหนที่ตั้งคำถามให้ผมอึดอัดเท่านี้มาก่อนเลย”
“เฮอะ....ผู้หญิงของคุณทุกคนคงจะมีพ่อใจดี ชอบคุณมากล่ะสิ แต่เสียใจด้วยนะคะ พ่อของฉันท่านรักและเป็นห่วงลูกของท่านมาก ท่านคงไม่ปล่อยให้ลูกสาวไปกับผู้ชายที่ท่านไม่เคยรู้จักหรอก”
หญิงสาวพูดเหน็บเขา
ชายหนุ่มนิ่ง
“เดี๋ยวฉันจะให้โอมมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ ส่วนฉันจะไปทำงาน”
ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ
ไอริณบอกน้องชายให้คอยดูแลแดเนียลให้ดี
“รับรองได้ครับ พี่ไม่ต้องเป็นห่วง” เด็กชายรับอาสา
โอมเข้าไปหาแดเนียลในห้อง
“คุณเป็นไงบ้าง แดเนียล” แม้จะอายุยังน้อยแต่โอมก็สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว
“ผมสบายดีครับ”
“พี่สาวผมบอกให้ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
“คุณไม่ไปโรงเรียนหรือ”
“เสาร์-อาทิตย์เป็นวันหยุดไม่ได้ไปโรงเรียนครับ” เด็กน้อยบอก
ทั้งสองคุยกันอย่างถูกคอ แดเนียลเล่าเรื่องที่ประเทศเกาหลีให้ฟัง โอมชอบมากเขาอยากไปที่นั่น แดเนียลสัญญาว่าจะพาไปด้วยเมื่อเขากลับบ้าน
“คุณพ่อคุณแม่คงไม่อนุญาติให้ผมไปหรอกครับ”
“ไม่แน่หรอกครับ คุณอาจจะได้ไป”
“จริงๆ หรือครับ” “โอมเอ่ยอย่างตื่นเต้น
เสียงแม่บ้านเคาะประตู
“คุณโอมคะ ทานข้าวค่ะ”
โอมเลยชวนแดเนียลออกไปทานข้าวด้วยกัน
ไอริณช่วยพ่อแก้ไขสถานะการณ์บริษัทที่ดูย่ำแย่กลับมาดีอีกครั้ง เธอให้ฝ่ายจัดซื้อหาซื้อจักรเย็บผ้าคอมอุสาหกรรมเพิ่มจำนนวน 100 ตัว และส่งแบบให้ฝ่ายผลิตนำไปดูและลงมือทำ
เสื้อผ้าล็อตแรกออกมาไอริณกับพิศชมช่วยกันเลือกเกรดเอเพื่อนำไปโชว์ที่ร้าน ส่วนที่เกรดลดลงมาให้แยกเพื่อนำไปเปิดบูทตามห้างต่างๆ ดูเหมือนทุกอย่างจะไปได้สวย
แดเนียลแอบเห็นพ่อแม่ลูกคุยกันเรื่องงานบ้างครั้งก็ดึกดื่น
“พวกคุณมีเรื่องยุ่งอะไรกันหรือเปล่าครับ” เขาถามไอริณเมื่อเธอพาเขาไปหาหมอ
“ไม่มีอะไรหรอกนะ” เธอบอกเขา
“มือคุณก็หายดีแล้วคุณจะกลับเกาหลีเมื่อไหร่”
“ ผมคิดว่าอีก 2 วันจะกลับ”
“ฮืม....”
เธอพาเขาที่ร้านขายเสื้อผ้าของเธอที่ห้าง
“คุณขายเสื้อผ้าเหรอ”
“ค่ะ”
“พี่สะไภ้ผมก็มีร้านที่เกาหลี” เขาบอก
“เสื้อผ้าพวกนี้สวยดีนะครับ รับมาจากไหน”เขาหยิบเสื้อสูทออกมาทาบตัว
“โรงงานของพ่อค่ะ บางส่วนก็มาจากหลังร้าน เราตัดเย็บเอง” เธอตอบ
“ใครออกแบบครับ”
“ฉันเองค่ะ” เขาหันมามองเธอแบบทึ่งๆ
“ตัวนี้เหมาะกับคุณนะ คุณเลือกเอาสักสองสามตัวสิ”
“เสื้อผมมีเยอะแล้ว ฮืม....เนื้อผ้าดีมากเลย” เขาปฎิเสธแต่ก็อดชื่นชมเสื้อไม่ได้
“เอาไปเถอะ คุณเอาเสื้อมาไม่กี่ชุดเองนะ เอาไว้ใส่กลับ” เธอแนะนำ
พอดีเด็กในร้านออกมา
“คุณอุณคะคุณชมโทรมาหาค่ะ”
“อุ๊ย...ใครคะหล่อจัง....ต๊ายยยย แดเนียลสสสสสสส” น้องดาวเผลอร้องเสียงหลงเมื่อแดเนียลหันมา
“อุ๊ย ตัวจริงหล่ออะไรขนาดนี้” เธอวิ่งเข้าไปกอดเขาทันที
แดเนียลตกใจนิดหน่อยแล้วก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ท่าทางคุณจะป๊อปเหมือนกันนะคะ”
“คุณต้องการอะไรคะ บอกฉันได้นะคะ” ดาวระล่ำระลักถาม
อุณได้แต่นึกขำ
“น้องดาวปล่อยเขาได้แล้วเขาหายใจไม่ออก” เธอแซว
“คุณอุณรู้จักแดเนียลเหรอคะ”
“ฮืม...” เธอพยักหน้า
“เดี๋ยววันนี้เขาจะมาช่วยขายของที่ร้านเรา” เธอบอก ดาวกรี๊ดกร๊าดวิ่งไปบอกเพื่อนๆที่หลังร้าน
วันนี้มีลูกค้าสาวๆเดินเข้ามาเลือกซื้อสินค้าเยอะมากขายดีจนอุณนึกขอบใจแดเนียลที่เขามาช่วยดึงดูดลูกค้าเหล่านั้น
“คุณรู้ไหมว่าวันนี้ฉันขายของดีมากเพราะมีคุณมานั่งเฝ้าร้านให้”
“อย่างนี้คุณต้องจ่ายค่าแรงให้ผมด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะแล้วฉันจะจ่ายค่าเครื่องบินให้คุณกลับเกาหลี”
ชายหนุ่มยิ้ม
“อย่างนี้ผมจะมาช่วยคุณขายของทุกวันเลยครับ”
หญิงสาวยิ้มให้เขา
พ่อของเธอแวะมาหาเธอที่ร้าน
“ตอนนี้ที่โรงงานดีขึ้นมากแล้วพนักงานทุกคนกลับมาทำงานหมด ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี พ่อต้องขอบใจลูกมาก”
“อุณไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยค่ะพ่อ”
“แค่ลูกอยู่เคียงข้างพ่อ แค่นี้ก็ดีมากแล้วล่ะ” สายตาโอนโยนของชายวัย 55 มองลูกสาวคนเดียวด้วยความรัก
อุณโผเข้ากอดพ่อเธอ
“อุณรักพ่อค่ะ พ่อเป็นทุกอย่างในชีวิตของอุณ เป็นสิ่งที่สำคุญที่สุดในชีวิตของอุณที่เหลืออยู่ อุณจะอยู่เคียงข้างพ่อตลอดไปค่ะ”
อติเทพยิ้ม แดเนียลแอบดูสองพ่อลูกอยู่ห่างๆ เขารู้สึกประทับใจความรักความผูกพันของพ่อลูกคู่นี้มาก สายตาที่อติเทพมองอุณช่างอบอุ่น จนเขาเองรู้สึกอิจฉา
“พ่อคงไม่ว่าที่อุณตัดสินใจแต่งงานกับแดเนียลนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ลูกคงคิดดีแล้ว”
“อุณอยากให้แม่ยังอยู่กับเรานะคะ แม่จะรู้สึกยังไงบ้างที่ลูกสาวจะแต่งงานแล้ว”
“ก็คงจะเหมือนพ่อนี่แหล่ะ คิดแล้วก็ใจหายลูกพ่อโตจะออกเย้าออกเรือนแล้วหรือเนี่ย” เขาเอ่ยอารมณ์ดี
“ถ้าอุณต้องไปอยู่ที่เกาหลีล่ะคะพ่อ”
เธอมองดูสีหน้าของพ่อที่เปลี่ยนไป
“ฮึม......ก็แล้วแต่ลูกเถอะ ลูกตัดสินใจอย่างไรพ่อเห็นด้วยเสมอ”

วันต่อมาไอริณไปส่งแดเนียลที่สนามบินกับโอมสองคน
“เดินทางดีๆ นะคะ”
“ครับ ขอบคุณมากสำหรับทุกอย่าง อีก 3 วันผมจะกลับมาหาคุณ”
“ค่ะ”
ทั้งสองสบตากัน
“พี่แดเนียล อย่าลืมของฝากผมด้วยนะครับ” โอมบอกเขา
“ได้ครับ แล้วพี่จะซื้อของมาฝากนะ” ทั้งสองสวมกอดกันอย่างเป็นมิตร
เมื่อร่างสูงใหญ่หายเข้าไปในห้องสำหรับผู้เดินทางแล้ว อุณจึงพาโอมกลับ
“พี่อุณจะแต่งงานกับพี่แดเนียลจริงใช่ไหมครับ” โอมถามเธอ
อุณมองน้องชายวัย 10 ขวบ
“อะไรนะ...เราไปรู้มาจากไหนเนี่ย”
“แม่บ้านเล่าให้ผมฟัง”
“เรื่องของผู้ใหญ่”
“ก็ผมอยากรู้นิครับ”
“ใช่แล้วพี่จะแต่งงานกับเขา”
“เย้...” เด็กน้อยดีใจกระโดดตัวลอย ไอริณตกใจ รีบเข้าไปจูงมือพาน้องชายให้รีบเดินกลับกลัวใครจะคิดว่าเป็นบ้า
“ทำไมต้องดีใจขนาดนั้นด้วยล่ะ”
“ก็ผมดีใจนิครับ พี่แดเนียลเป็นคนดี หล่อด้วย”
ไอริณค้อนน้องชาย
“คุณไอริณครับ” เสียงเรียกเธอจากข้างหลังดังขึ้น
หญิงสาวหันไปตามต้นเสียง
“คุณปุราณ” เธออุทานอย่างแปลกใจกับการพบเขาที่นี่
“สวัสดีครับ ผมดีใจจังที่เราได้เจอกันอีก” สีหน้าของเขาบอกว่าดีใจมาก
“สวัสดีค่ะ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้คะ” เธอถามอย่างแปลกใจ
“ผมกลับมาเยื่อมบ้านช่วงปีใหม่ครับ 2 อาทิตย์ถึงจะกลับ”
“ดีจังเลยค่ะ”
“แล้วนี่จะเดินทางไปไหนครับ จะไปเที่ยวเกาหลีอีกเหรอครับ”
“อ๋อ....เปล่าค่ะ มาส่งเพื่อน เรากำลังจะกลับ”
“สบายดีไหมครับ”
“ค่ะ แล้วคุณล่ะ”
“สบายดีครับ”
“ใครมารับคะ”
“ผมว่าจะกลับไปเซอร์ไพร์คนที่บ้านครับ”
“พี่อุณเราไปกันเถอะครับ” โอมรบเล้าที่สาว
“คงต้องขอตัวก่อนนะคะ โชคดีค่ะแล้วเจอกันใหม่”
“เช่นกันครับ”
หญิงสาวรีบพาน้องชายออกไป
ปุราณเหมือนนึกได้ว่าไม่ได้ขอเบอร์โทรของเธอเอาไว้เลย

แดเนียลเดินทางมาถึงเกาหลี ที่สนามบินมีเสียงเรียกชื่อเขาดังตามหลังมา
“แดเนียลคะ”
เมื่อชายหนุ่มหันไปมองก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นเป็น ยูกิ นักแสดงสาวลูกครึ่งเกาหลี-ญี่ปุ่น เข้ามากอดเขาอย่างดีใจ
“ดีใจจังที่พบคุณที่นี่” เธอเห็นชายหนุ่มกำลังลากกระเป๋าเดินทาง
“คุณไปไหนมาคะ”
“ผมไปทำธุระมาครับ แล้วคุณล่ะไปไหนมา”
“ฉันเพิ่งจะปิดกล้องหนังเรื่องใหม่ที่ไปถ่ายทำที่ญี่ปุ่นค่ะ ดีแล้วล่ะที่เราเจอกัน ไปกันเถอะ” เธอลากมือเขา
“ไปไหนครับ”
“ก็ไปดื่มกันไงคะ”
ที่บาร์ในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง
“นานแล้วนะที่เราไม่ได้มานั่งแบบนี้” หญิงสาวเอ่ย
“คุณเป็นไงบ้างคะ”
“สบายดีครับ ก็มีเรื่องวุ่นๆ เกิดขึ้นบ่อย”
“จริงหรือคะที่มีข่าวว่าคุณไปที่สตูดิโอหาคู่รัก”
“อ้อ....ครับ”
“แล้วคุณได้เจอคู่ไหมคะ”
ชายหนุ่มสบตาหญิงสาว
“ทำไม คุณสนใจเหรอครับ”
“เปล่าหรอกค่ะ ฉันแค่แปลกใจว่าทำไมคุณจะต้องไปที่นั่นด้วย ในเมื่อเรายังไม่ได้เลิกกัน” สายตาเซ็กซี่จ้องมองเขา
“เออ....ก็แค่ผมอยากรู้ว่ามันจะจริงหรือเปล่า”
“แต่ฉันว่า...เรื่องต่อไปฉันจะเลือกคุณเป็นพระเอกของฉันบ้างนะคะ”
แดเนียลหลบสายตาและร่างบอบบางที่เอนอิงมาซบเขา
“ฮึม.....วันนี้ผมคงจะอยู่ดึกไม่ได้นะครับ เพราะผมนัดคุณแม่เอาไว้” เขารีบออกตัว
หญิงสาวไม่ค่อยพอใจนัก
“เหรอคะ งั้นก็เชิญค่ะ”
แดเนียลรีบออกไปอย่างโล่งใจ


วันต่อมาปุราณนัดกับเพื่อนที่ห้างแห่งหนึ่งขณะเดินผ่านร้านเสื้อของไอริณเขาเห็นเธอกำลังง่วนกับการเลือกเสื้อให้กับลูกค้าอยู่
ชายหนุ่มดีใจมากกับการพบหญิงสาวอีกครั้งเลยเข้าไปในร้านเดินเลือกเสื้อเข้าไปใกล้ๆเธอ
“แบบนี้พอจะมีสีดำไหมครับ” ชายหนุ่มเอ่ย
ไอริณหันมามอง
“คะ...อ้าว...........คุณปุราณ เชิญค่ะ ไปไงมาไงคะ”
“ผมนัดเพื่อนครับเดินผ่านมาแถวนี้บังเอิญจังนะครับที่เราได้เจอกันอีก”
“ค่ะ สนใจตัวไหนคะ เดี๋ยวลดให้”
ความตั้งใจเขาเองก็ไม่ต้องการเสื้อเท่าไหร่ แต่เขาอยากจะคุยกับหญิงสาวเท่านั้นเอง
ปุราณเลือกเสื้อสูท 2-3 ตัว
“เสื้อสวยดีนะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
“คุณพอจะว่างไหมครับ ผมขอเชิญทานข้าวกับผมหน่อย”
หญิงสาวเหมือนจะลังเลอยู่ในที แต่ก็ตอบตกลง
“ผมดีใจมากเลยนะครับที่พบคุณที่นี่ เพราะผมกำลังคิดอยู่ว่าจะตามหาคุณได้ยังไง เพราะเราไม่ได้แลกเบอร์โทรศัพย์กันเอาไว้เลย”
ถ้าหากว่าอุณอายุสัก 20 ต้นๆ คงกำลังคิดว่าชายหนุ่มกำลังเริ่มต้นการจีบเธอเป็นแน่ แต่ตอนนี้เธอไม่ได้คิดเรื่องแบบนี้แล้ว
“ใช่ค่ะ เราไม่ได้แลกเบอร์กันเลย” เธอตอบเขา
ชายหนุ่มมองใบหน้ารูปไข่ เธอหน้าอ่อนกว่าวัยมากเขาอยากจะเดาว่าเธอน่าจะอายุประมาณ 20 ปี ดวงตากลมโตสบตาเขาอย่างใสๆ ไม่มีจริตจกร้านใดๆ
“คุณจะไปเที่ยวเกาหลีอีกไหมครับ” เขาชวนเรื่องคุย
“ค่ะ อีกไม่นานคงได้ไปค่ะ”
“งั้นก็ดีเลยครับ แล้วผมจะพาคุณเที่ยว” ชายหนุ่มอาสา
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ย มองดวงหน้าคมของนักการฑูตหนุ่มตรงหน้า เขาน่าจะแก่กว่าเธอประมาณ 5 ปี ได้ แต่ดูท่าทางเขาจะเจนโลกมามากพอตัว
“คุณปุราณกลับบ้านบ่อยไหมคะ”
“ไม่ครับ ผมกลับปีล่ะครั้ง ที่จริงคุณแม่ก็อยากให้กลับมาอยู่ที่เองไทย แต่ว่าผมก็รักงานนี้มาก ที่เกาหลีด้วย ผมว่าที่นั้นเป็นเมืองที่สวยมากครับ คุณว่าไหมครับ”
“ค่ะ ที่นั่นสวย ผู้หญิงที่นั่นก็น่ารัก”
“ผู้ชายก็หล่อด้วยนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยเสริม
หญิงสาวยิ้มรับคำ
“แล้วคุณเจอใครที่นั่นบ้างล่ะครับ”
“ก็ครอบครัวคุณจิรัญญาค่ะ เธอเป็นเพื่อนคุณพ่อและก็บังเอิญได้รู้จักเพื่อนที่นั่นด้วยอีก 1 คนค่ะ”
“เหรอครับดีจัง....คุณจิรัญญาเองผมก็สนิทด้วยครับ เพราะผมเอากระเพาะไปฝากที่นั่นบ่อยๆ แม๋....รู้สึกโลกมันกลมจริงๆนะครับ แม้จะห่างกันตั้งครึ่งโลกเรายังได้เดินทางไปเจอกันที่เมืองอื่นได้เลย มันเหมือนปฎิหาริย์เลยนะครับ” ประโยคท้ายเหมือนเขาต้องการสื่ออะไรบางอย่างกับดวงตาที่ประกายอย่างเจ้าชู้
“อุณก็ต้องขอขอบคุณคุณด้วยค่ะที่เป็นธุระเรื่องพาสปอร์ต”
“เรื่องเล็กน้อยครับ เราคนไทยด้วยกันนิครับ และมันก็เป็นน้าที่ของผมด้วย”
ชายหนุ่มสั่งอาหารมาให้เขากับเธอทาน
กิริยาท่าทางของเธอเรียบร้อยราวกับถูกอบรมมาอย่างดี การวางตัวต่อหน้าเขาดูดีไม่ได้ทำตัวสนิทจนเกินไป มีช่องว่างพอเหมาะที่จะทำให้ดูเป็นคนที่รู้จักกันทั่วไป
“มิทราบว่าคุณอุณเปิดร้านขายเสื้อในห้างมานานแล้วหรือยังครับ”
“ร้านนั้นอยู่มาตั้งนานแล้วค่ะ แต่อุณเพิ่งจะมาดูแลหลังจากที่เรียนจบเอง”
“แล้วก่อนหน้านี้ใครดูแลอยู่ครับ”
“คุณแม่ค่ะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ากับคำตอบ
“แล้วท่านไปไหนแล้วล่ะครับ” เขาถามเธอไปเรื่อยๆ
“ท่านเสียแล้วค่ะ” เธอตอบใบหน้าสลดลงนิดหน่อย
“อ้อ....เสียใจด้วยครับ”
“ขอบคุณค่ะ ท่านเสียไปตั้งนานแล้วล่ะค่ะ ตั้งแต่อุณอายุได้ 10 ขวบ ค่ะ”
ชายหนุ่มแอบมองเสี้ยงหน้าใสๆ เธอไม่ได้แสดงอารมณ์อ่อนไหวให้เขาเห็นเลย
“แล้วตอนนี้คุณอยู่กับใครครับ”
เขายังตั้งคำถามเธอต่อ
ไอริณเงยหน้ามองบุรุษตรงหน้าอย่างสงสัยทำไมเขาถึงได้ตั้งคำถามเธอมากมายนัก ซึ่งโดยปกติแล้วไอริณไม่ค่อยชอบเล่าเรื่องครอบครัวให้ใครฟังนัก ชายหนุ่มเหมือนรู้ตัวว่าตัวเองจะถามมากไป
“อะ...ผมแค่อยากจะทราบครับ เป็นข้อมูล”
“ข้อมูลสำหรับอะไรคะ”
“เพราะผมกำลังจะขอเป็นเพื่อนกับคุณ”
ไอริณมองดวงตาเจ้าชู้ที่ยิ้มให้ เธอยิ้ม
“อุณอยู่คนเดียวค่ะ” เธอตอบแค่นั้นแล้วก็มลงทานอาหารต่อ
ชายหนุ่มนึกลังเลว่าจะถามต่อดีไหม
“อยู่คนเดียวเหรอครับ เก่งจังเลย” เขาพรึมพรัมเบาๆ
พอดีเสียงโทรศัพย์ของไอริณดังขึ้น
“ฮัลโล” เธอรับสาย
แต่ปลายทางเสียงทุ้มๆเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษกลับมา
“ไอริณ....อีก 2 วัน ผมจะพาพ่อกับแม่ไปพบคุณนะครับ”
“อีก 2 วันเหรอคะ”
“ทางสตูดิโอที่เราไปเจอกันเขาจะจัดงานแต่งงานกับอาทิตย์หน้านี้แล้วนะครับ คุณต้องมาแต่งที่นี่”
“หา....ทำไมฉันจะต้องไปที่โน้นด้วยล่ะ” เธอถามอย่างไม่พอใจนัก
“คุณพ่อกับคุณแม่ผมท่านก็เห็นว่าดีที่จะจัดงานที่เกาหลี”
“ไม่ได้นะคะ ยังไงก็ต้องจัดที่เมืองไทยค่ะ” เธอไม่ยอม
“แต่พ่อกับแม่ผมท่านต้องการแบบนี้ครับ”
“พ่อกับแม่ฉันไม่ยอมแน่”
“งั้นเราค่อยคุยกันก็แล้วกัน”
“ก็ได้...” เธอวางสายไปอย่างหัวเสีย
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“อ๋อ.....อุณคงต้องขอตัวก่อนนะคะ มีธุระด่วนค่ะ” เธอบอกเขา
“ขอบคุณนะคะสำหรับอาหารเที่ยง แล้วคราวหน้าอุณจะเลี้ยงคุณบ้าง”
“ครับ” ชายหนุ่มงงกับเหตุการณ์
หญิงสาวลาเขาแล้วก็ออกไป
ชายหนุ่มมองตามแต่พอนึกได้ว่ายังไม่ได้ขอเบอร์เธอไว้ก็ได้แต่เสียดายเพราะช้าไปเสียแล้ว

“พ่อคะ แดเนียลโทรมาบอกว่าอาทิตย์หน้าทางสตูดิโอจะจัดงานแต่ง พ่อกับแม่เขาอยากจะให้เราแต่งที่นั่นค่ะ”
“จะไปแต่งที่โน้นเหรอ....ไม่ได้หรอกนะ ต้องแต่งที่เมืองไทย” พิศชมเอ่ยขึ้น
“อะไรกันจะให้ไปแต่งที่เกาหลีได้ยังไงเราเป็นผู้หญิงตามธรรมเนียมก็ต้องมาแต่งที่นี่สิ”
“อีก 2 วันเขาจะพาพ่อกับแม่เขามาพบคุณพ่อค่ะ”
“ฮืม......เราค่อยคุยกันเรื่องนี้อีกทีก็แล้วกัน” อติเทพเอ่ย

2 วันต่อมาแดเนียลพาพ่อกับแม่มาพบกับอติเทพ
พ่อของเขาเป็นชาวอเมริกาส่วนแม่เป็นคนเกาหลี พ่อเขาน่าจะอายุราวๆ กับพ่อ ส่วนแม่น่าจะประมาณ 50 ต้นๆ แต่ทั้งสองก็ยังดูดีไม่แก่มากนัก พิศชมกับอติเทพให้การต้อนรับทั้ง 2 เป็นอย่างดี
“ที่ลูกชายดิฉันมาสร้างความเดือดร้อนที่นี่ต้องขออภัยด้วยนะคะ” แม่ของแดเนียลเอ่ยขอโทษ
“ไม่เป็นไรค่ะ เราไม่ได้เดือดร้อนอะไร” พิศชมเอ่ย
“ที่พวกเรามาวันนี้ก็เพื่อมาสู่ขอลูกสาวของคุณให้กับลูกชายของเราค่ะ ทีแรกฉันเองก็ยอมรับว่าลังเลใจเหมือนกันที่ได้ฟังเรื่องจากลูกชาย ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริงนัก แต่ฉันก็ยินดีที่จะรับเธอเป็นลูกสะไภ้”
“พวกเราไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร หน้าตาเป็นอย่างไร จะดีหรือเปล่า นั่นก็เป็นแค่เรื่องคาดหวัง แต่วันนี้ผมยินดีมากที่ได้พบเธอ เธอน่ารัก ดูดี จนผมคิดว่าลูกชายผมอาจจะไม่เหมาะกับเธอด้วยซ้ำไป ผมคิดถูกแล้วที่จะรับเธอเป็นลูกสะไภ้ผม” แดเนียลมองหน้าพ่อของเขาเขายิ้มอย่างยินดีมาก แต่ก็ต้องกลั้นใจเมื่อหันไปมองอติเทพ ผู้ชายที่เคยทำเขากลัวมาแล้ว
“แล้วพวกคุณจะคิดยังไงบ้าง ถ้าผมจะยกลูกชายคนเล็กของผมให้กับพวกคุณ”
พิศชมสบตากับอติเทพ
“ผม.....” แดเนียลกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
“ผมดีใจที่พวกคุณมาในวันนี้ ลูกสาวผมคนเดียวที่ผมมีนี้ เขาเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของผม หากผมจะมอบให้ใครไปนั้นผมต้องพิจารณาให้ดีว่าเขามีคุณสมบัติพร้อมที่จะดูแลเธอได้ไหม เขาจะคอยอยู่เคียงข้างเธอเวลาที่เธอต้องการใครหรือเปล่า เขาจะคอยเป็นเพื่อนยามเธอเหงาไหม เขาจะคอยห่มผ้าเวลาที่เธอหนาว หรือคอยเฝ้าดูยามเธอนอนฝันร้าย เขาจะคอยดูแลเธอยามเจ็บไข้หรือเปล่า เขาจะคอยเดินกุมมือเธอยามเดินไปด้วยกันไหม จะคอยพูดจาปลอบใจยามเธอเสียใจ และเล่าเรื่องสนุกให้เธอฟังเมื่อเธอเศร้าใจ หากเธอร้องไห้ต้องให้เธอกินแตงโม ถ้าเธอโมโหก็ให้เธอกินแตงโมเย็นๆ เพื่อให้อารมณ์เธอเย็น สิ่งเหล่านี้ผมจะมั่นใจได้อย่างไรว่าลูกคุณจะทำได้”
ไอริณมองเสี้ยงหน้าคมของอติเทพอย่างซาบซึ้งใจในความรักของเขา แดเนียลได้แต่ก้มหน้าเดาไม่ออกว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
“แต่ผู้ชายนี้เขาก็กล้าเดินเข้ามาหาผม กล้ามาขอแต่งงานกับลูกสาวผมทั้งที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง แค่เขากล้ามาเผชิญหน้ากับความจริง เขาก็คงจะกล้าทำในทุกสิ่งที่ผมขอได้ ผมหวังว่าคุณจะสามารถดูแลเธอได้”
แดเนียลเงยหน้ามองอติเทพอย่างดีใจ พ่อกับเม่เขาเองก็ดีใจเช่นกัน
“ผมจะดูแลเธอให้ดีกว่าคุณดูแลครับ”
“ขอให้คุณรักษาคำพูดของคุณให้ดีด้วยครับ” ชายหนุ่มต่างวัยสบตากันอย่างแน่นิ่ง
“อาทิตย์หน้าจะจัดงานแต่งที่สตูดิโอที่เขาเจอกันค่ะ”
“เอ่อ....เรื่องนี้เราคิดว่า ฝ่ายเราเป็นผู้หญิงควรที่จะจัดงานที่เมืองไทยนะคะ อาทิตย์หน้ามันเร็วจนเกินไปเราเตรียมงานไม่ทันหรอกค่ะ” พิศชมเอ่ย
“ทางสตูดิโอเขาจะเป็นเจ้าภาพจัดการทุกอย่างให้ค่ะ พอแดเนียลกลับไปเราก็สั่งพิมพ์การ์ดไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“แล้วคุณว่าไงล่ะครับ” พ่อแดเนียลหันไปถามผู้ชายด้วยกัน
“ผมคิดว่าเราควรจัดที่เมืองไทยครับ”
ดูท่าผู้ใหญ่จะตกลงกันลำบากแล้วสองฝ่ายถกเถียงกันเรื่องนี้
“ผมคิดว่าเราจัดทั้งสองที่ก็ได้ครับ ไปแต่งที่เกาหลีก่อน แล้วค่อยมาจัดที่เมืองไทย” แดเนียลยุติการโต้แย้ง
“คุณพ่อคะ ไหนๆเขาก็อุตส่าห์เตรียมงานให้เราแล้ว ก็ไม่ควรจะให้เขาเสียน้ำใจนะคะ แล้วเราค่อยมาจัดงานที่เมืองไทยอีกรอบค่ะ” ไอริณพูดกับอติเทพ
“ฮืม......ก็ได้” ใบหน้าคมเข้มจำยอมอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

ไอริณไปส่งครอบครัวแดเนียลที่โรงแรม
“ที่จริงน่าจะไปพักที่บ้านเรานะคะ” เธอบอกแม่ของเขา
“เราเห็นว่ายังไม่ได้แต่งเป็นครอบครัวเดียวกัน เดี๋ยวใครจะพูดไม่ดีกับหนูได้”
นางเอ่ยอย่างเข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณีแม้จะแตกต่างกันในเรื่องเชื้อชาติก็ตามทีแต่ยังคงไว้ด้วยความดีงามของทุกที่ ไอริณสบตากับดวงตาอันอ่อนโยนของผู้หญิงสูงวัยอย่างอบอุ่น
“ยังไงก็ขอให้พักผ่อนให้สบายนะคะ” เธอบอกลา
แดเนียลตามลงมา
“เดี๋ยวก่อนไอริณผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“ฉันเองก็มีเรื่องจะคุยกับคุณเหมือนกันค่ะ”

ทั้งสองมานั่งในร้านอาหารของโรงแรม
“ฉันไม่คิดว่าคุณพ่อจะยกฉันให้แต่งงานกับคุณ”
“ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
ทั้งสองจ้องมองกันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อของอีกฝ่ายก็ไม่ปาน
“แต่ก่อนอื่นเราคงต้องตกลงกันก่อนนะคะ”
“ได้..”
หญิงสาวหยิบเอาสมุดโน๊ตที่ติดมากับกระเป๋า
“ข้อ1 เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันในทางพฤตินัย
ข้อ 2 เราจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของแต่ละฝ่าย ทุกคนมีอิสระในการใช้ชีวิตเหมือนเดิม
ข้อ 3 คุณต้องมาอยู่ที่เมืองไทย”
“เดี๋ยวก่อนๆ ..ผมมีอาชีพอยู่ที่เกาหลี ผมคงอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก คุณก็รู้นิ” ชายหนุ่มแย้ง
“แต่ฉันก็มีงานอยู่ที่เมืองไทย”
“คุณจะไปเปิดร้านขายเสื้ออยู่ที่เกาหลีก็ได้ มันคงจะง่ายกว่าที่จะให้ผมมาเป็นตากล้องอยู่ที่เมืองไทย”
หญิงสาวครุ่นคิด
“ข้อ 3 เราจะอยู่ที่เกาหลี แต่คุณสามารถกลับมาเยื่อมบ้านได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ OK.” ชายหนุ่มบอกเธอ
ไอริณทำหน้าเศร้า
“คุณมันคนเห็นแก่ตัว”
“ถ้าเราจะแยกกันอยู่ พ่อแม่ก็คงรู้ว่าเราแกล้งแต่งงานกันแน่ สามีภรรยาจะแยกกันอยู่ได้ยังไงล่ะ” ชายหนุ่มให้เหตุผล
“มานี่ เดี๋ยวผมเขียนเอง” เขาแย่งสมุดกับปากกาจากหญิงสาวไป
“ข้อ 3 เราจะอยู่ที่เกาหลี แต่ไอริณสามารถกลับเมืองไทยได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
ข้อ 4 เมื่อเราหย่ากันผมจะจ่ายค่าเลี้ยงดูให้กับคุณทุกเดือน
ข้อ 5 สัญญาของเรามีอายุแค่ 1 ปี โอเค คุณมีอะไรเพิ่มไหม” เขาหันมาถามเธอ
“ไม่มี” เธอตอบอย่างไร้อารมณ์
ทั้งสองลงนามสัญญากัน แล้วไอริณก็กลับบ้าน เธอนอนครุ่นคิดแล้วนึกโมโหตัวเองที่ตัดสินใจยอมแต่งงานกับแดเนียลในครั้งนี้
วันต่อมาครอบครัวแดเนียลต้องเดินทางกลับพร้อมกับไอริณต้องไปเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวด้วย
พ่อ พิศชม และโอมไปส่งเธอที่สนามบิน
“ดูแลตัวเองดีๆ นะ อุณ” พ่อบอก
“ค่ะพ่อ”
เขายิ้มเป็นกำลังใจให้กับเธอ
“ลูกพ่อโตแล้วนะ อย่างร้องไห้ล่ะ”
“เดี๋ยวพ่อจะตามไปนะ ลูกพ่อต้องเป็นเจ้าสาวที่สวยแน่ๆเลย”
“ค่ะพ่อ” เธอรับคำแต่น้ำตาอุ่นๆมันก็มาคลอที่เบ้าแล้ว เธอกอดลาพ่อ พิศชมและโอม
ทั้งหมดเดินเข้าไปเช็คอินท์ ไอริณหันกลับมาหาพ่อเธออีกครั้งแล้ววิ่งมากอดเธอปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ทุกคนต่างก็มองเธออย่างเข้าใจ
“พ่อคะ หนูจะรอพ่อนะคะ”
“ฮืม....ไปเถอะนะ เดี๋ยวเราก็เจอกันแล้ว” เสียงทุ้มๆ เอ่ย
“ค่ะ ..อุณไปแล้วนะคะ น้าชม ตาโอม พี่ไปนะ”
เธอหันไปลาแม่เลี้ยงกับน้องชาย
“แล้วผมจะตามพี่อุณไปนะครับ”
เธอพยักหน้า เธอหันกลับไปมองแดเนียลที่ยืนรออยู่จึงเดินเข้าไปหาเขา
แดเนียลกุมมือเธอราวจะบอกว่าต่อไปเป็นหน้าที่ของเขาเองที่จะดูแลเธอแล้วพาเดินเข้าไปข้างใน

เมื่อทุกคนมาถึงเกาหลี
พ่อกับแม่ของแดเนียลก็จัดการเรื่องแจกการ์ด ฮูนามินช่วยจัดการเรื่องชุดเจ้าสาวและพาไอริณเข้าคอร์ดเจ้าสาวเร่งด่วน
“ฉันดีใจนะที่เธอได้แต่งงานกับแดเนียล แม้ว่าจะชอบมีข่าวกับพวกนักแสดงสาวๆก็เถอะ แต่สาวๆพวกนั้นน่ะดูท่าทางก็ไม่เหมาะกับเขาหรอก ฉันอยากให้เธอมีหลานให้พวกเราเร็วๆ ฉันจะช่วยเธอเลี้ยงเอง” เธอเอ่ยอย่างใจดี
ไอริณได้แต่ลำบากใจ
“ค่ะ ฉันก็ดีใจค่ะ คุณฮูนามินใจดีกับฉันจัง” เธอเอ่ยขณะที่ช่วยอีกฝ่ายชงชา
“คุณพ่อกับคุณแม่หวังที่จะมีหลานมาก ฉันทำให้พวกท่านผิดหวัง” เธอเอ่ยหน้าเศร้า
“เออ.....เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะพาไปที่ร้านชุดแต่งงานนะ พอแดเนียลบอกว่าจะแต่งงานเราก็ช่วยหาร้านให้เรียบร้อยแล้ว แต่เราไม่รู้ขนาดของเจ้าสาว เธอต้องไปดูแบบก่อน แล้วพวกเขาจะแก้ชุดให้”
“ค่ะ”
“แดเนียลน่ะ เขาค่อนข้างป๊อปมากในหมู่สาวๆ พี่ชายเขาเทียบเขาไม่ติดหรอก” เธอเล่าขณะยกชาออกมาเสริฟให้ทุกคน
“ฉันว่าคุณโจฮานก็ดูดีออกค่ะ” สองสาวกระซิบกระซาบกันแล้วก็หัวเราะ
หนุ่มๆได้แต่สงสัยว่าพวกเธอคุยอะไรกัน
“ผมเตรียมเรือนหอเอาไว้แล้วนะครับคุณพ่อคุณแม่” ชายหนุ่มบอกผู้สูงวัยทั้งสอง
“ทำไมต้องออกไปอยู่ข้างนอกด้วยล่ะ บ้านเราก็ออกจะใหญ่โต ห้องก็มีเยอะ จะอยู่กันกี่คนก็ได้”
“พอดีผมซื้อบ้านหลังนั้นเอาไว้ตั้งนานแล้วครับ ถ้าจะปล่อยเอาไว้ก็เปล่าประโยชน์ และมันใกล้ที่ทำงานด้วยครับ” ชายหนุ่มเอ่ย
“ไอริณจะไม่มีเพื่อนนะ อยู่ที่นี่ก็มีฮูนามินเป็นเพื่อนกันได้” แม่แย้ง
“เอ่อ.....เธอชอบอยู่บ้านเล็กๆ เงียบๆครับแม่”
ไอริณมองหน้าชายหนุ่มสลับกับแม่
“เฮ้อ....ยังไงแม่ก็อยากจะให้อยู่ด้วยกันนะ”
“ผมกลัวเธอจะอึดอัดด้วยครับ เพราะที่เมืองไทยเธอก็อยู่คนเดียว”
แม่พยักหน้าจำยอมแม้จะไม่ค่อยเห็นด้วยนัก
“ฮืม....ยังไงก็พามาหาแม่บ่อยๆก็แล้วกันนะ”

วันรุ่งขึ้นฮูนามินพาเธอไปร้านชุดแต่งงานเพื่อให้เธอได้ลองเสื้อตามบอกที่เอาไว้ ส่วนแดเนียลเขายุ่งกับการไปกองถ่ายตั้งแต่เช้า
“แดเนียลเนี่ยนะน่าจะหยุดทำงานได้แล้ว และก็มาเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าว ดูซิจะแต่งอยู่แล้วยังไปทำงานอีก” เธอบ่น
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เขาคงคิดว่ามันไม่สำคัญ”
“ไม่สำคัญยังไงได้ล่ะ นี่มันเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผู้หญิงเลยนะ” เธอหันมาดุ
“ถึงแม้พวกเธอจะไม่ได้รักกันมาก่อนก็เถอะ แต่งไปก็คงจะรักกันเอง”
“ฉันก็ไม่รู้หรอกค่ะ ว่าการแต่งงานจะสำคัญแค่ไหน เพราะเรื่องนี้มันไม่เคยอยู่ในความคิดของฉันเลย” ไอริณตอบอ้อมแอ้ม
“ผู้หญิงเกาหลีต่างก็คิดว่าการแต่งงานเป็นเรื่องที่สำคัญมาก พออายุสมควรที่จะแต่งงานพวกเราก็จะต้องเข้าสู่พิธีดูตัวกัน”
“แต่สมัยนี้ผู้หญิงทำงานมากขึ้น ก็เลยไม่ค่อยสนใจ” เธอตอบ
“ที่เมืองไทยเป็นยังไงฉันไม่รู้หรอกนะ แต่ที่แน่ๆ เธอจะเป็นเจ้าสาวของหนุ่มเกาหลีแล้วนะ เขาเป็นลูกครึ่งด้วยล่ะ” ฮูนามินพูดติดตลก
หญิงสาวยิ้ม
หลังจากลองชุดกันเรียบร้อยแล้วมีแก้นิดหน่อยเพราะชุดใหญ่กว่าเธอจนเกินไป
ไอริณขอให้ฮูนามินพาเธอไปร้านอาหารไทยของจิรัญญา
“คุณอาญาคะ” เธอเรียกสาวสวยสูงวัยขณะที่เธอกำลังก้มจัดแจกันดอกไม้บนโต๊ะแขก
“เอ๋...ดูสิใครมาเอ่ย” นางหันมาตามเสียง
“สวัสดีค่ะ”ไอริณยกมือไหว้เธอแล้วก้าวเข้ามากอด
“อาดีใจจังที่หนูมา”
“หนูก็ดีใจค่ะที่ได้มาที่นี่อีกครั้ง อาสบายดีไหมคะ”
“สบายดีจ๊ะ ชาอินคิดถึงหนูมากเลยนะ เขากลัวว่าหนูจะไม่มางานแต่งเขา”
“เออ มาสิคะก็หนูสัญญากับเธอไว้แล้ว”
“แล้วนั่นใครล่ะจ๊ะ”
“อ๋อ...ฮูนามินค่ะ เธอเป็นพี่สะไภ้ของแดเนียล” ไอริณเอ่ย
“ฮา......พี่สะไภ้ของแดเนียล...หมายความว่า” เธออุทานอย่างตกใจ
“สวัสดีค่ะ” ฮูนามินเอ่ยทักทายจิรัญญา
“นี่หมายความว่าอุณจะแต่งงานกับแดเนียลใช่ไหมจ๊ะ” จิรัญญาถามเธอขณะนั่งทานข้าว
“ค่ะ”
เธอยิ้ม
จิรัญญาจัดแจงสั่งให้เด็กๆเตรียมอาหารและเครื่องดื่มมาให้กับแขกทั้งสอง
“ดีแล้วล่ะ อาว่าแล้วว่าเธอทั้งสองเป็นเนื้อคู่กัน”
“ก็เกือบจะไม่ได้แต่งค่ะ ทีแรกคุณพ่อก็ไม่ยอม ท่านไม่เชื่อเรื่องนี้ แต่สุดท้ายก็ยอม”
“อาพอจะเข้าใจจ๊ะ คุณอติเทพน่ะ ท่านคงรักหนูมาก คงไม่ยอมที่จะยกให้กับคนต่างชาติแบบนี้”
“ค่ะ อุณยังคิดเลยว่าตัวเองคงจะฝันไปแน่ๆ”
“ว่าแต่หนูคงจะยุ่งกับการเตรียมงานมากล่ะซิ”
“ทุกอย่างพ่อกับแม่ของแดเนียลท่านช่วยเตรียมค่ะ ส่วนเรื่องชุดพี่สะไภ้ก็ช่วยไปเยอะมาก”
“ดูเขาก็ดีกับหนูนะ” ญาหันไปมองฮูนามินที่ทานอาหารไทยอย่างอร่อย
“ค่ะ”
“อร่อยไหมคะ” จิรัญญาถามฮูนามินเป็นภาษาเกาหลี
“อร่อยมากค่ะ ฉันเพิ่งจะเคยลองอาหารไทยเป็นครั้งแรกค่ะ”
“งั้นก็ทานเยอะๆ นะคะ”
“อาขอตัวไปดูลูกค้าก่อนนะจ๊ะ” ญาขอตัวไปเมื่อเห็นลูกค้าเข้าร้านมา
“ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณอา”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ”
ก่อนกลับเธอบอกจิรัญญาว่าจะแวะมาหาชาอิน
“อาหารไทยอร่อยเหมือนกันนะไอริณ” ฮูนามินบอกเธอหลังจากถึงบ้านแล้ว
“ฉันชอบต้มยำมากเลยล่ะ มันแซบดี” เธอบอก
ฮูนามินทำหน้างงไม่เข้าใจคำว่าแซบ
“มันเป็นยังไงเหรอ”
“มันก็ร้อนๆ เผ็ดๆ เปรี้ยวๆ จี๊ดจ๊าด อร่อยมาก” เธอทำท่าทางประกอบฮูนามินจินตนาการตาม
“เอาไว้จะทำให้ทานนะ”
เมื่อสองสาวกลับมาถึงบ้านเย็นมากแล้วยังไม่มีใครกลับบ้านเลย ฮูนามินเลยเข้าครัวเตรียมกับข้าวเย็น
“ให้ฉันช่วยนะคะ”
ฮูนามินจึงสอนเธอทำกับข้าวเกาหลี
“มันยากเหมือนกันนะคะ” เธอบอกครูมือใหม่
“แต่เธอต้องหัดทำนะเพราะแดเนียลน่ะเขาชอบทานข้าว ทั้งข้าวเช้า และข้าวเย็น ส่วนกลางวันเขาทานข้างนอก ข้าวเช้าจะเป็นอาหารฝรั่งเป็นส่วนใหญ่ ส่วนข้าวเย็นก็กับข้าวทั่วไป เธอพอจะทำอะไรเป็นบ้าง”
“ฉันทำเป็นก็แต่กับข้าวไทยค่ะ”
เย็นนั้นฮูนามินจึงเป็นคนทำกับข้าวโดยมีไอริณช่วยเป็นลูกมือ เมื่อทุกคนมาถึงบ้านในตอนเย็นนั้นจึงได้ทานข้าวฝีมือของทั้งสองคน
“ก็พอใช้ได้นะ ถ้าฝึกบ่อยๆ เดี๋ยวก็เก่งเอง” แม่บอก
“แดเนียลเขาชอบทานอาหารฝรั่งมาก” นางบอกเธอ
ไอริณได้แต่ยิ้มแห้งๆ พลางคิดในใจว่าถ้าชอบเขาคงต้องทำกินเองแล้ว
“ว่าแต่อยู่ที่เมืองไทยหนูอยู่บ้านคนเดียวเหรอจ๊ะ”
“ค่ะ”
“ทำกับข้าวกินเองหรือเปล่า”
“ส่วนมากจะทานข้างนอกค่ะ เพราะกว่าจะเคลียร์งานที่ร้านเสร็จก็ดึกแล้วไม่มีเวลาทำกับข้าวทานเองหรอกค่ะ”
“นั่นน่ะสินะ มันก็คงจะเป็นชีวิตแบบใหม่ของผู้หญิงวัยทำงาน แต่ถ้าอยู่ที่นี่เธอไม่ต้องไปทำงานให้เหนื่อยหรอกนะ ดูแลแดเนียลอย่างเดียวก็พอ”
“มันจะดีเหรอคะ”
“ดีสิ.....เธอทำหน้าที่ภรรยาที่ดี และเตรียมตัวเป็นคุณแม่ที่ดีก็พอนะ” ว่าที่แม่สามีแนะนำหญิงสาว
ไอริณได้แต่ทำหน้าครุ่นคิด
“เห็นหน้าเด็กๆ แบบนี้ ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วจ๊ะ”
“ 27 ปีค่ะ”
“อุ๊ย... 27 แล้วเหรอ” นางอุทานอย่างตื่นเต้น
“ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย แม่นึกว่าอายุแค่ 20 ต้นๆ เอง มิน่าล่ะ คุณอติเทพถึงได้ไม่ทัดทานความคิดของลูกสาว”
“ค่ะ คุณพ่อท่านจะเคารพการตัดสินใจของคนอื่นเสมอ หากเห็นว่าเป็นว่าสมควร”
“ดีจัง นับว่าเป็นพ่อลูกที่เข้าอกเข้าใจกันดี”
เสียงประตูเปิดพร้อมกับเสียงของแดเนียลดังบอกว่าเขากลับมาแล้ว
“อ้าว....มาแล้วเหรอจ๊ะมาทานข้าวด้วยกันซิ วันนี้ฮูนามินกับไอริณช่วยกันทำกับข้าวด้วยนะ”
ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆ หญิงสาว แอบลอบมองเสี้ยงหน้ารูปไข่
“คงอร่อยนะ” เขาแซว
หญิงสาวหันไปทำตาขวาง



Create Date : 30 มีนาคม 2553
Last Update : 17 สิงหาคม 2562 7:39:02 น.
Counter : 1197 Pageviews.

3 comments
  
โดย: จีนี่ในกระจกแก้ว วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:19:53:00 น.
  
ด้วยความเต็มใจ
โดย: unitan วันที่: 30 มีนาคม 2553 เวลา:20:54:05 น.
  
เรื่องน่ารักมาก ๆ ค่ะ

มาอัพเร็ว ๆ น่ะค่ะ

สู้ๆๆๆ
โดย: kate IP: 192.168.0.4, 61.47.26.153 วันที่: 31 มีนาคม 2553 เวลา:15:14:41 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

unitan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]