<<
กุมภาพันธ์ 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
4 กุมภาพันธ์ 2548
 

2046 –- สิ้นสุดการรอคอยเสียที


หมายเหตุ: ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะเขียนอะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ ถ้ามันจะไร้สาระไปบ้าง (ความจริงก็ไร้สาระมาเกือบทุกเรื่องอยู่แล้ว :) ) ก็อย่าถือสากันนะครับ ---
หมายเหตุ 2: เรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ได้ชมแล้วเท่านั้นครับ

--- 8.9/10 ---

คำถามแรกหลังจากที่ผมดูภาพยนตร์เรื่องนี้จบก็คือ ... “ป้าคนนั้นออกมาตอนไหนอ่ะ”
งงมากเลย... เพราะตอนต้นเรื่องที่มีเครดิตนักแสดงก็มีชื่อป้าคนนั้นนี่ เขียนว่า “Byrd” แผ่หลาเลย แต่...ทำไมพอดูจนจบถึงไม่เห็นโผล่มาแม้แต่ฉากเดียวน้า....
แล้วเพื่อนที่นั่งข้างๆ ก็ตอบมาให้ผมเศร้าใจเล่นว่า “มีสิ... แกไม่เห็นเหรอ ก็ฉากตอนที่แฟลชแบ็คเร็วๆ อ่ะ แต่มันเบลอๆ นิดนึงนะ” ผมก็ “อ้าว...เหรอ ทำไมไม่เห็นอ่ะ หรือตอนนั้นเราสติหลุด???????” เซ็งมากๆ เลย เฮ่อ... เป็นความโง่ส่วนบุคคล ช่วยไม่ได้

อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่เห็นป้าคนนั้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้อรรถรสในการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ของผมลดน้อยลงแต่อย่างใด

2046 เป็นเรื่องราวของ “โจวมู่หวัน” (เหลียง เฉา เหว่ย) ชายหนุ่มนักเขียนที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องในอนาคต (ปี 2046) – เรื่องราวการเดินทางไปยังสถานที่ที่มีชื่อว่า “2046” โดยในหนังได้เล่าเอาไว้ว่า ใครก็ตามที่ได้เดินทางไปยัง 2046 จะมีโอกาสรำลึกถึงอดีตที่ขาดหายไป แต่... ไม่มีใครรู้ว่ามันจริงหรือไม่ เพราะไม่มีใครเคยกลับมาจาก 2046 เลย นอกจาก “โจวมู่หวัน”

หลังจากรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบ ผมอยากนั่งอยู่ในโรงหนังให้นานที่สุด นาน....เท่าที่จะทำได้ แม้ว่าจะมีคนรอบต่อไป เริ่มทยอยเข้ามาแล้ว (แต่เครดิตยังไม่จบเลย เซ็ง! จัดรอบฉายชนกันซะ....) ผมก็ยังอยากนั่งต่อเรื่อยๆ นั่งเพื่อพินิจพิจารณา ถึงเรื่องราว อารมณ์ ความรู้สึกของตัวละคร....

ใน 2046 มีอะไรหลายอย่างให้เราครุ่นคิด ทั้งตัวเลข “2046” ที่หลายคนอาจเจอมันมาแล้วใน In the Mood For Love , และสำหรับในเรื่องนี้ 2046 อาจเป็นทั้งชื่อหนังสือ, ชื่อสถานที่, ชื่อห้อง, ชื่อปี แต่หนึ่งสิ่งที่ผู้กำกับแฝงนัยยะไว้ก็คือ 2046 คือวาระครบรอบ 50 ปีที่ฮ่องกงได้รับเอกราชจากอังกฤษ – “ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปเท่าไหร่ แต่ทุกสิ่งใน 2046 ยังคงเหมือนเดิม” -- 50 ปีที่ฮ่องกงได้ถูกมอบคืนให้แก่ประเทศจีน จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น !!!??!!

พักเรื่องตัวเลขไว้ก่อน (เพราะ จริงๆ แล้วผมคิดว่า 2046 มันก็คือตัวเลข ตัวเลขหนึ่ง ที่ผู้กำกับอย่าง “หว่องกาไว” นำมาใช้ เพื่อล้อกับความคิดคนดูอย่างเรา ให้ปวดหัวกันเล่นๆเท่านั้น), แล้วกลับมาดูกันที่ตัวเนื้อหากันดีกว่า เรื่องนี้ แม้จะมีส่วนเชื่อมโยงกับเรื่องราวในอนาคต (ปี 2046) แต่พอเอาเข้าจริงแล้ว มันก็ยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องราวในยุค 60 อยู่ดี -- Days of Being Wild, In The Mood For Love และปิดท้ายไตรภาคที่เรื่องนี้ “2046” – ซึ่งปิดท้ายได้อย่างสวยงาม และลงตัวเป็นอย่างมาก --

สามเรื่องนี้ มีหลายอย่างที่เชื่อมโยงให้ข้องเกี่ยวกันอย่างบอกไม่ถูก ไม่ว่าจะเป็นตัวละครชื่อซ้ำๆ อย่าง “ซูไหล่เจิน” ใน Days of Being Wild, “ซูไหล่เจิน” ใน In the Mood For Love, และ “ซูไหล่เจิน” อีกครั้งใน “2046” , หรือจะเป็นเรื่องราว (รวมถึงตัวละคร) ที่ยังคงย้อนหาอดีต โหยหาเรื่องราวแต่หนหลัง (ยุค 60) -- สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะบอกว่าไม่สำคัญ ก็ใช่ , แต่... สำหรับผมแล้ว มันมีอะไรมากมายแฝงไว้อยู่ในสิ่งเหล่านี้ มันเหมือนราวกับ “หว่องกาไว” ต้องการบอกเราว่า “อดีต” ที่ผันผ่านไปนั้น เป็นสิ่งที่งดงามและล้ำค่า และเค้าอยากย้อนเวลากลับไปเพื่อแก้ไข, รำลึกถึง และค้นหาความจริง ????

เราจะเห็นประเด็นซ้ำๆ เหล่านี้ ในหนังหลายๆ เรื่องของหว่องกาไว เหมือนว่ายังไงๆ เค้าก็ยังรักและโหยหาอดีตอยู่ , สังเกตจาก ตัวเลสลี่ จาง ใน Days of Being Wild (ขออนุญาตไม่เอ่ยถึง) และตัวเอกของสองเรื่องหลังในไตรภาคอย่าง “โจวมู่หวัน” (เหลียงเฉาเหว่ย) ที่ใน In the Mood For Love นั้น เค้าตกอยู่ในห้วงแห่งรัก แต่พอมาในเรื่องนี้ เค้าคือชายผู้ช้ำรัก ที่ไม่อาจสลัดอดีตรักอันขมขื่นเหล่านั้นไปได้..... แม้ว่าจะพานพบหญิงมากมายเพียงใด และเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน 10 ชม. 100 ชม. 1000 ชม. จิตใจของเค้าก็ยังคงยากที่จะเปลี่ยนแปลง

การจมกับอดีตอย่างนี้ดีหรือ??? บางคนบอกว่า อย่าไปสนกับเรื่องของอดีต ทำเรื่องของปัจจุบัน และอนาคตให้ดีที่สุดก็พอ, บางคนก็บอกว่า หากเราไม่รำลึกถึงอดีต เราก็ไม่สามารถมีวันนี้ได้ ..... แล้วอย่างไหนถึงจะถูกล่ะ??? คำตอบก็คือ มันคงไม่มีอะไรที่เป็น 100% solution หรอก เพราะแม้กระทั่ง “โจวมู่หวัน” ที่จมอยู่แต่เรื่องราวในอดีตนั้น จริงๆ แล้ว ลึกๆ ไปในใจของเขาก็ยังคงมีความคิดที่ขัดแย้งกันในตัวอยู่

การเขียน 2046 หรือ 2047 เพื่อรำลึกถึงอดีต
การบอก “ซูไหล่เจิน” อีกคน ว่า
“สลัดอดีตให้พ้น แล้วตามหาผม”
จะเห็นว่าคำพูดเหล่านี้ มีทั้งสอดคล้องและขัดแย้งกันในตัว คนเราในบางทีก็โหยหาอดีตกันแทบตาย เพื่อรำลึกถึงความหลัง และ...ความเจ็บปวด แล้วพอรู้สึกเจ็บปวด ก็ต้องการสลัดอดีตนั้นทิ้ง เฮ่อ... มนุษย์หนอมนุษย์ จิตใจช่างยากแท้ หยั่งถึง

หนังเต็มไปด้วยภาพเหงาๆ เศร้าๆ แต่สวยงาม
ภาพหญิงสาวคนแล้วคนเล่า ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของ “โจวมู่หวัน” ทั้งลูลู่, ซูไหล่เจิน (กงลี่) หรือไบ๋หลิงคนสวย (แสดงโดย จางซิยี่) ก็มิอาจทำให้ “โจวมู่หวัน” สลัดรักของเค้าจาก “ซูไหล่เจิน” คนเดิม (จางมั่นอวี้) ของเค้าได้

รักของไบ๋หลิง ที่มีต่อโจวมู่หวันนั้น มันช่างงดงามเหลือเกิน ท่าทีในตอนแรกและตอนสุดท้ายของเธอที่ได้เจอโจวมู่หวันช่างแตกต่างกันสิ้นเชิง , สีหน้าท่าทาง การร่ำไห้ มันช่างชวนให้เรารับรู้ถึงความรักที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม แต่....เมื่อรักนั้นมิอาจได้รับการตอบสนองได้ มันย่อมลงท้ายด้วยเรื่องเศร้าๆ อย่างนี้แหละ

เปรียบเหมือนอีกฝ่าย “เฟย์ หว่อง” ที่เดินอยู่บนทางคู่ขนานกับ “โจวมู่หวัน” , เธอมีหลายอย่างที่ชวนให้นึกถึงซูไหล่เจินคนเดิม (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องราวการแต่งกำลังภายใน) แต่เธอก็ยังคงเป็นตัวเธอ ไม่ใช่ซูไหล่เจิน เธอจึงมิอาจรักโจวมู่หวันได้, เธอยังคงมีอดีตอันปวดร้าว กับรักอันไม่สมหวังกับหนุ่มญี่ปุ่น ด้วยมีพ่อกีดกัน แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความยึดมั่นในรักของเธอ ก็ทำให้ในท้ายเรื่อง.... เธอก็ได้พบกับผลของรักแท้นั้นจนได้

แล้วภาพแอนดรอยด์ตัวนั้น (ที่รับบทโดยเฟย์ หว่องเช่นกัน) ที่ยืนเหม่อ เฝ้ามองผ่านกระจกรถไฟนั้นเรื่อยๆ ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด นั้นหมายถึงอะไรหรือ????

การรอคอยในรัก ที่ไม่สมหวังในรักอย่างนั้นหรือ???? หรือรักคือการรอคอย.......... แต่ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็สมหวังในรักมิใช่หรือ แต่เหตุใดกัน โจวมู่หวัน จึงมิอาจเปลี่ยนตอนจบของ 2047 ได้, หรือจะเหมือนที่เค้าบอกว่า นักเขียนมิอาจทรยศต่อตัวละครของเค้าได้ , เอ... หรือจะเป็นอย่างที่ตัวละครในเรื่องพูด "ความรักเป็นเรื่องของกาลเวลา จึงไร้ประโยชน์หากเราเจอคนที่ใช่เร็วหรือช้าเกินไป" ฉะนั้นก็เหม่อรอออกไปนอกหน้าต่างต่อไปนะจ๊ะ

ยิ่งพิมพ์ ยิ่งมีแต่น้ำท่วมทุ่ง เพราะสำหรับผมแล้ว เรื่องนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก และคำถามมากมาย ???????????????????????????

เป็นคำถาม ที่แต่ละคนต่างมีคำตอบแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความรู้ ความคิด วุฒิภาวะ และประสบการณ์ของแต่ละคน

ซึ่งแม้ว่าตัวละคร จะพูดในสิ่งที่คิด แต่การที่คำถามเหล่านี้ยังผุดขึ้นมากมาย.... ก็เพราะพวกเค้ายังคง "ปกปิด" อะไรบางอย่างเอาไว้, มันอาจไม่ได้เป็นลักษณะที่คลุมเคลือ เคลือบแคลงเหมือน In the Mood For Love และไม่ได้พูดออกมาทุกสิ่งเหมือน Days of Being Wild แต่มันเป็นลักษณะเฉพาะตัวของเรื่องนี้ ที่ผมคิดว่าต่างจากสองเรื่องข้างต้น -- เพราะสิ่งที่เรารับรู้จากตัวละคร อาจเป็นเพียงภาพฝันหรือจินตนาการเท่านั้น มิได้เป็นเรื่องจริง, เราเป็นเพียงบุคคลที่สามในเหตุการณ์ สิ่งที่เราเห็น เรารู้สึก ก็เป็นเพียงสิ่งที่มาจากการคาดเดาทั้งนั้น -- คำตอบที่แท้จริงของคำถามมากมายในหัวของผมตอนนี้ คงมีแต่ "หว่องกาไว" เท่านั้นที่จะตอบได้.....

เอ... หรือต้องรอคอยให้ "กาลเวลา" เป็นเครื่องพิสูจน์ของคำตอบเหล่านั้นนะ
10 ชม. ผ่านไป (ผมยังคงนั่งนิ่ง)
100 ชม. ผ่านไป (ผมก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม)
1000 ชม. ผ่านไป (ผมก็ยังคงครุ่นคิดอยู่เหมือนเดิม)

ไม่ใช่ละๆ ถ้าเป็นอย่างงั้นคงตายแน่ๆ

แต่... ช้าก่อน เรื่องที่ผมจะเขียนยังไม่หมดแค่นี้ (ต้องพิมพ์ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง) 2046 ยังเต็มไปด้วยความประทับใจหลายๆสิ่งที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้

ทั้งการดำเนินเรื่อง, การถ่ายภาพ ที่ยังคงสไตล์ "แบบหว่องๆ"อยู่อย่างครบถ้วน , หลายคนอาจคิดว่า "พี่หว่อง" แกกั๊กอีกแล้ว ขนสไตล์แบบเดิมๆ มาเพียบ ทั้ง In the Mood For Love, Days of Being Wild, Chunking Express หรือแม้กระทั่ง Happy Together ก็ไม่เว้น

แต่ผมกลับไม่คิดอย่างนั้น เพราะ การนำสไตล์เดิมๆ มาใช้ มันก็ยังคงใช้ได้ "ผล" กับผมเสมอ (เช่น ฉากบนรถระหว่างโจวมู่หวัน และซูไหล่เจิน, การใช้กลอน, เรื่อง "นกไร้ขา",เรื่องราวของการเก็บความลับไว้กับซอก โพรงแล้วเอาดินเหนียวกลบ เป็นต้น) นอกจากนี้ มันยังทำให้เราหวนรำลึกถึง "อดีต" ถึงหนังเรื่องเก่าๆ ของเค้าอีกด้วย ซึ่งเข้าคอนเซ็ปต์ (Concept) กันดีกับสิ่งที่หนังเรื่องนี้ต้องการบอกเล่า ....

การถ่ายภาพ ก็สวยมากครับ แม้หลายฉากเราจะคุ้นตามาจากหนังเรื่องก่อนๆ ของ "หว่องกาไว" แต่คริสโตเฟอร์ ดอยล์ ก็สามารถครับ เค้างัดทุกกลยุทธมาใช้ ผสานเข้ากับการใช้ CG แบบไม่ยัดเยียด ทำให้ทุกฉากแม้จะดูเหมือนเรื่องก่อนๆ แต่กลับให้ความรู้สึกที่มีบางส่วนแตกต่างกันออกไป พูดง่ายๆ คือ มันคุ้นตา แต่ไม่คุ้นใจน่ะครับ (งงไปกันใหญ่???) มีหลายฉากที่โดดเด่นมาก เช่น ฉากในอนาคต สวยหมดจดจริงๆ ครับ -- ตัวแอนดรอยด์สาว (เฟย์ หว่อง) ที่ปกติเธอก็มีเสน่ห์อยู่แล้ว แต่พอมาดูเรื่องนี้ ยิ่งทำให้เธอแลดูสง่าและสวยจริงๆ ครับ ทั้งหมดนี้ต้องยกเครดิตให้การถ่ายภาพ (กับการเลือกมุมกล้องสวยๆ, การเคลื่อนกล้องอย่างมีลีลา), รวมถึงเครื่องแต่งกายด้วย (ชุด, รองเท้า โดดเด่นมีสไตล์ และสวยมาก) .....คงเป็นอีกภาพ ที่หลายคนจะจดจำไปอีกนาน

นึกถึงภาพ "เฟย์ หว่อง" ภาพนั้น
แล้วหวนนึกถึงภาพในหนังอีกหลายๆ ช็อตที่สวยงาม, คลอไปกับเสียงดนตรีโอเปร่าอันโหยหวน ตัดสลับไปมาระหว่างเหตุการณ์ในอนาคต และอดีต.... ผ่านตัวละครมากมาย.....
ทำให้เรื่องราวดูเหมือนจะซับซ้อนและเข้าใจยากมากยิ่งขึ้น แต่พอดูไปเรื่อยๆ ปล่อยใจไปกับภาพที่อยู่เบื้องหน้า ก็ทำให้อารมณ์ของเราล่องลอย หวนคิดไปถึงภาพในอดีต, ภาพที่กำลังจะเกิดขึ้น, และภาพที่ปรากฎ ณ ปัจจุบัน.....

2046 เป็นการปิดท้ายไตรภาคยุค 60 ได้อย่างสวยงามจริงๆ ครับ



ป.ล. แม้ว่าจะเคยอ่านโปสเตอร์ Art Film ของคณะอักษรฯ ที่เขียนเอาไว้ว่า "อย่าหยุดหนังดีของคุณไว้แค่ที่ หนังของหว่องกาไว" , คำพูดนี้จริงครับ แต่...พอผมดูหนังเรื่องนี้จบ "หนังดี" ของผมคงต้องหยุดไว้ที่หนังของ "หว่องกาไว" จริงๆ แหละครับ


Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2548
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2548 8:40:50 น. 5 comments
Counter : 830 Pageviews.  
 
 
 
 


แวะมาทักทายจ๊ะ





แวะมาเยี่ยมหน่อยนะค่ะ

 
 

โดย: อยู่ไกลบ้าน วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:13:33:15 น.  

 
 
 
ยังไม่ได้ดูเลย ไว้ต้องไปหามาดูบ้าง
 
 

โดย: น้องดีดี วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:17:05:07 น.  

 
 
 
ยินดีด้วยครับที่ได้ดูเสียที
 
 

โดย: merveillesxx วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:16:17:33 น.  

 
 
 
ไม่รู้นะคะ..ว่าจะคิดได้ถูกรึเปล่า
แต่อยากจะบอกบ้าง เพราะจี๊ดใจกับฉากนี้มากค่ะ
ฉาก 1224-1225 ฉากที่ทักกอดหุ่นเฟย์หว่อง แล้วต้องติดเทปพันแผลทั้งตัว
...โอย..
มันทำให้เราคิดได้ว่า เราจะโอบกอดคนที่ไร้ความรู้สึกได้อย่างไรโดยที่ไม่หลงเหลือบาดแผลไว้ให้เจ็บแสบ...

จี๊ด..มาก..ค่ะ
 
 

โดย: FeministFey IP: 203.150.217.113 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:20:06:41 น.  

 
 
 
โอ.. ความจริงก็จี๊ดกับฉากนี้มากๆ นะครับ
ยิ่งอ่านที่คุณ FeministFey วิเคราะห์ ยิ่งจี๊ดไปกันใหญ่
จี๊ดรับวาเลนไทน์เลย :-)
 
 

โดย: it ซียู IP: 161.200.82.176 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:10:47:11 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

it ซียู
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]








Google




ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
[Add it ซียู's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com