|
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
The Shape of Things - การยั่วยวนคือศิลปะแขนงหนึ่ง
จริงๆ กะแปะไว้ในช่องแสดงความคิดเห็นเฉยๆ ครับ แต่เผอิญพิมพ์ไปพิมพ์มา แล้วมันยาวขึ้นเรื่อยๆ น่ะครับ เลยเอามาโพสต์เป็นบล็อกใหม่เลยดีกว่า :D
The Shape of Things (Neil LaBute, USA/UK/France, 2003)
- เฮ่อ.. ในที่สุด ก็สอบเสร็จแล้วครับ :D (อย่างไรก็ดี ข้อสอบก็ยังทำไม่ได้เหมือนเดิม 555) (และก็ยังคงเหลืองานที่ต้องส่งอาทิตย์หน้าอีก เฮ่อ..... สรุป สอบเสร็จก็เหมือนไม่เสร็จอยู่ดี)
- แต่น่าตลกอยู่อย่าง ตรงที่ในขณะที่วิชานี้เพิ่งสอบเสร็จ แต่อีกวิชา ....เกรดกลับออกแล้ว !!! (ฮือๆ และเกรดที่ออก ก็ยังคงเป็น Nightmare ของข้าพเจ้าอยู่ดี เศร้า)
- เมื่อวาน หลังจากสอบเสร็จก็เลยไปดู The Shape of Things เป็นการแก้เครียดซะเลย หุหุ
- แต่... ไม่รู้ว่าจะช่วยแก้เครียดได้หรือไม่? เพราะดูไปก็ต้องกุมขมับไป (หนังมันช่างใช้คำพูดได้เสียดแทงใจดีเหลือเกินครับ)
- The Shape of Things เป็นหนังที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับเอเวอลีนและอดัม ...อดัมเจอเอเวอลีนครั้งแรกที่พิพิธภัณฑ์ เพียงแว่บแรกที่เขาพบเจอเธอ ก็ดูเหมือนว่าเขาจะตกหลุมรักเธอเข้าให้แล้ว
...เมื่อวันเวลาผันผ่าน อดัมจึงพยายามสานต่อ ความสัมพันธ์ ระหว่างเขากับเอเวอลีน ...อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่า สิ่งที่เรียกว่า ความสัมพันธ์ ของพวกเขา จะมีเงื่อนงำอะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่
นั่นคือ... เมื่อเริ่มคบกันไปเรื่อยๆ เราจะเห็นว่า ความสัมพันธ์ของพวกเขา ในที่สุด มันก็ได้กลายมาเป็นกรอบ ทำให้อดัมต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเขาเอง! ....เขาถึงขั้นยอมเปลี่ยนทรงผม, เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย, ยอมฝ่าฝืนกฎศาสนา (เช่นตอนที่ไปสักคำว่า EAT) , ศัลยกรรม หรือแม้กระทั่งเลิกคบเพื่อน สรุปแล้วนี่มันคือ ความสัมพันธ์ หรือเป็นเพียงแค่ เกม
- เพียงแค่พล็อตย่อๆ ของหนังก็น่าสนใจแล้วนะครับ อย่างไรก็ดี โดยส่วนตัว ผมคิดว่าไม่ว่าเรื่องราวจะจบลงด้วยเหตุผลเช่นไร นั่นคงไม่สำคัญเท่าไหร่ เพราะสิ่งที่สำคัญและน่าสนใจมากยิ่งกว่า คือ วาทกรรม, คำพูด หรือ Statement ต่างๆ ที่ตัวละครในเรื่องได้กล่าวออกมานั่นเอง
- ซึ่งหากจะว่ากันตามจริง หนังจู่โจมเราตั้งแต่ฉากแรกเลยทีเดียวครับ ...ในฉากแรก เราจะเห็นว่า หนังให้เอเวอลีน ฝ่าฝืนกฎ ก้าวข้าม boundary ต่างๆ , เธอก้าวล้ำกรอบและพื้นที่ต้องห้ามอย่างน่าตกใจ และยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เธอกระทำ ก็น่าตกใจไม่แพ้กัน ...เพราะเธอกำลังพยายามถ่ายรูปและแต้มสี จู๋ ของรูปปั้นที่เธอเห็นว่าไม่สมจริงอยู่นั่นเอง ! (โอว์ อึ้งไปเลย)
- ซึ่งเมื่อมีคน (ซึ่งก็คือ อดัม) มาถามว่าทำไมเธอต้องทำแบบนี้? เธอกลับตอบด้วยข้อความ (Statement) ประหลาดๆ ว่า เธอคือนักศิลปะ และเธอไม่ชอบ ของที่ไม่จริง และก็พูดต่อว่า blah , blah , blah (ประมาณเรื่องของ รูปทรงสัณฐานของไอ้นั่นและอื่นๆ ว่าเหตุใดมันจึงเป็นเช่นนี้, ทำไม รูปปั้นถึงต้องปกปิดเอาไว้? และยังมีเรื่องอื่นๆ อีกมากมายที่ฟังแล้วปวดหัวเป็นอย่างมากครับ)
- แต่... ใช่ว่านี่จะเป็นฉากที่แรงของเรื่อง เพราะพ้นจากนี้ หนังยังมีอะไรๆ หลายอย่างให้เราได้ปวดหัวอีกเยอะครับ (แต่ก็เป็นความปวดหัวบนความสนุก แสบสันนะครับ อิอิ)
- อย่างไรก็ดี ดูไป ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ตกลง The Shape of Things เนี่ย มันคือรูปทรงของอะไร? หรือมันจะเป็นรูปทรงสัณฐานของทุกๆ สิ่งบนโลกใบนี้ ที่คนยึดมั่น ถือมั่น ว่าสิ่งนี้ ต้องมีรูปทรงอย่างนี้ ....ผู้ชาย สรีระ ต้องมีรูปทรงแบบนี้, หากคุณเกิดมา มีรูปทรงเป็นอีกแบบ (นั่นคือเป็นผู้หญิง) ก็ต้องเข้าใจว่า เป็นเพศที่เป็นช้างเท้าหลัง ไม่สามารถก้าวข้ามพรมแดน มาเสมอภาคกับชายได้ อย่างนั้นรึเปล่า?
เพราะเท่าที่ดู จากคำพูดของเอเวอลีน ...จากพฤติกรรมที่พยายามแหวกนอกกรอบของเธอ ดูเหมือนเธอต้องการจะปฏิวัติรูปทรงเดิมๆ ที่เราเคยยึดถือ (รึเปล่า?) (ชอบที่เธอบอกในตอนแรกว่า ถ้าชั้นไม่ยอมทำตามคำสั่งแล้วอะไรจะเกิดขึ้น? แล้วยังพูดอีกว่า ถ้าชั้นไม่กล้าเสี่ยง แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นแบบไหน)
- แต่เอาเถอะครับ เมื่อหนังดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ .... The Shape of Things ก็เริ่มปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด ...ทั้งรูปทรงภายในจิตใจของเอเวอลีน ที่มีเงื่อนงำหลายอย่างแอบแฝง, รูปทรงภายนอกของอดัม ที่มี เปลือก อะไรบางอย่างห่อหุ้ม (กับวัตถุภายนอกร่างกายที่เอเวอลีน คะยั้นคะยอ (แต่ไม่ได้บังคับนะครับ) ให้เขาเป็น), และที่สำคัญ กับการที่เจนนี่ เริ่มหันกลับมาชอบ รูปทรง และ รูปลักษณ์ภายนอก ของอดัมอีกครา (โอ งงจริงๆ)
จากนี้จะเป็น SPOILER เต็มๆ นะครับ
- และเมื่อความจริงเปิดเผย ว่าทุกสิ่งที่เอเวอลีนทำเป็นเพียง การทดลอง สำหรับงานวิทยานิพนธ์ ...โลกของอดัมก็ถึงกาลต้องแปรเปลี่ยน (รวมถึงโลกของคนดู ที่คงช็อกไปตามๆ กัน ; แต่อันที่จริง มันก็พอเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วแหละครับ ว่าสิ่งที่เอเวอลีนทำ ทำไปเพื่ออะไรกัน?)
- รู้สึกสงสารอดัมมาก... เพราะการถูกหลอกมาทำอย่างนี้ มันดูไม่จืดเลย
- คือ ตอนแรก ก็ชอบๆ ในสิ่งที่เอเวอลีนพูดนะครับ รู้สึกว่า วาทกรรมของเธอ ช่างเด็ดขาดดีจริงๆ (เช่น การพูดเรื่อง จู๋, เรื่องการไม่ชอบ ศิลปะที่ไม่จริง , เรื่องเพศ ฯลฯ) แต่พอถึงเวลาที่เธอเปิดเผยความจริงปุ๊บ ก็อดคิดไม่ได้ว่า การที่เธอบอกว่า การยั่วยวนคือ ศิลปะแขนงหนึ่ง และ ศิลปะ ต้องสะท้อนสิ่งที่เป็นจริง นั้นจริงหรือ?
เพราะอันที่จริง เราจะเห็นว่า ศิลปะที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อชิ้นนี้ แม้จะเป็นความจริง แต่มันกลับได้มาซึ่งวิธีที่ไม่จริง ! (เพราะเอเวอลีนโกหกในเกือบทุกๆ สิ่ง)
- หรือมันจะเป็นอย่างที่เธอเขียนบอกไว้ใน Exhibition ของเธอ
Moralists have no place in art gallery! นักจริยธรรมไม่มีที่ให้อยู่ในนิทรรศการศิลปะ ...โอว์ ทำไมคนเราช่างใจร้าย ใจดำแบบนี้นะ
- แต่เอาเถอะ นี่คงได้เปิดเผยรูปทรงในจิตใจของเอเวอลีนได้เป็นอย่างดี ว่าเธอมีหัวใจเป็นสีดำแค่ไหน? เธอเห็นว่าความรัก (ของอดัมที่มีต่อเธออย่างหัวปักหัวปำ) มันมีรูปร่างเป็นเพียงแค่ลมที่พัดเข้าหาหน้า (ที่ไม่มีค่า ไม่มีราคาใดๆ ทั้งสิ้น), เธอเห็นว่า ชีวิตของคนอื่น มีสัณฐานเป็นเพียงความว่างเปล่า เป็นเพียงรูปทรงที่เธอไม่จำเป็นต้องสนใจ (ว่าเธอได้ทำลายชีวิตคู่ของเจนนี่และเพื่อนของอดัมลงไปแล้ว) เฮ่อ... คนหนอคน !
- แต่กระนั้น เมื่อย้อนกลับมาตรงที่เธอเรียกตัวเองว่าเป็นพวกศิลปะ ก็อดคิดต่อไม่ได้ว่า ตกลง ศิลปควรทำเพื่อศิลป จริงหรือ? (คือ สื่อศิลปะ ควรสะท้อนศิลปะ โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับอะไรใดๆ ทั้งสิ้น รึเปล่า?)
- เพราะเราจะเห็นว่าสิ่งที่เอเวอลีนทำ น่าจะเข้าข่ายของ ศิลปเพื่อศิลป เป็น Pure Art ที่ไม่สนใจอะไรใดๆ ทั้งสิ้น (ไม่สนใจแม้กระทั่งจริยธรรม) (ไม่เหมือน ศิลปเพื่อประชาชน แบบที่จิตร ภูมิศักดิ์กล่าวไว้) - แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หากลองมองในอีกมุมหนึ่ง เราก็จะพบว่า นี่แหละคือปรากฏการณ์ที่ก่อให้เกิดการต่อล้อต่อเถียงขึ้น , มันคือ ศิลป (ขออนุญาตสะกดตามที่คุณจิตร ภูมิศักดิ์เขียนไว้นะครับ) ที่จุดประกายให้ไอเดียหลายๆ อย่างได้เกิดขึ้น ทั้งนี้ มันคงจริงอย่างที่เอเวอลีนได้กล่าวไว้กระมังครับ - ความแตกต่างนี่แหละเป็นสิ่งที่ดี - ความเห็นที่ไม่เหมือนกัน ทำให้เราได้ประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ๆ ตั้งเยอะ, หากไม่มีคนคิดนอกกรอบ (Out of the Box Thinking) หากทุกๆ คนเห็นเหมือนกันหมด (และเพิกเฉย) หลายๆ สิ่งคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
- สรุป จากตอนแรก ด่าเอเวอลีนซะสาดเสียเทเสีย ไปๆ มาๆ เริ่มกลับมาชอบเธออีกครั้งแล้ว (ฮา!)
หมายเหตุ: - รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้เปรี้ยวมากครับ นอกจากหลายๆ ข้อที่ได้กล่าวไป ยังชอบในส่วนไตเติ้ลตอนต้นเรื่องอีกด้วย ที่ขึ้นชื่อนักแสดงเป็น Actor และ Actress (แบ่งเพศชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้นเลย :D)
- อยากรู้จังครับ ว่าประโยคที่เอเวอลีนกระซิบข้างหูอดัม คือคำว่าอะไร? (แหะๆ ตอนดู ก็ไม่ได้สังเกตรายละเอียด)
- ว่าไป พอพูดถึงเรื่อง "คิดนอกกรอบ" แล้วนึกถึงงานชิ้นครับ (เป็นผลงานการถ่ายภาพของน้องวีและน้องป๋อม นิเทศฯ #3 ครับ)
ขอเรียกว่าภาพถ่ายชุด Unidentified Ordinary Objects ละกัน
ลองทายกันดูนะครับ ว่าจริงๆ แล้ววัตถุชิ้นนี้ มันคืออะไร?
(ตัวอย่างภาพบางส่วน)
- อ่อ วันนี้ 3-Iron เข้าแล้วนะครับ แนะนำให้ไปดูกัน ตัวผมก็อาจจะไปดูอีกรอบเหมือนกันครับ (ถ้ามีเวลา)
- ตอนนี้ ขอกลับไปทำงานต่อดีกว่า (อู้งานมานานแล้ว 555)
Create Date : 13 ตุลาคม 2548 |
Last Update : 13 ตุลาคม 2548 17:59:05 น. |
|
20 comments
|
Counter : 3727 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: suparatta วันที่: 13 ตุลาคม 2548 เวลา:11:21:12 น. |
|
โดย: merf1970 วันที่: 13 ตุลาคม 2548 เวลา:11:45:36 น. |
|
โดย: it ซียู วันที่: 13 ตุลาคม 2548 เวลา:12:01:14 น. |
|
โดย: yyswim วันที่: 13 ตุลาคม 2548 เวลา:12:16:52 น. |
|
โดย: ปีกที่ไม่อาจจะโบยบิน (WhaT iT'S W๐l2tH ) วันที่: 13 ตุลาคม 2548 เวลา:19:45:38 น. |
|
โดย: I am just fine^^ IP: 202.28.181.7 วันที่: 13 ตุลาคม 2548 เวลา:20:37:43 น. |
|
โดย: it ซียู วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:15:37:09 น. |
|
โดย: it ซียู วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:15:39:51 น. |
|
โดย: quin toki วันที่: 15 ตุลาคม 2548 เวลา:19:59:34 น. |
|
โดย: grappa วันที่: 16 ตุลาคม 2548 เวลา:23:08:50 น. |
|
โดย: cottonbook วันที่: 21 ตุลาคม 2548 เวลา:22:51:39 น. |
|
โดย: chocolateสอดไส้มิ้นต์ผสมถั่ว IP: 61.90.97.232 วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:23:46:25 น. |
|
โดย: ปุ่น IP: 58.8.26.116 วันที่: 29 ตุลาคม 2548 เวลา:5:15:41 น. |
|
โดย: คน IP: 203.156.34.181 วันที่: 18 เมษายน 2550 เวลา:16:30:22 น. |
|
โดย: สวยแซ็ง IP: 203.156.34.181 วันที่: 18 เมษายน 2550 เวลา:16:33:26 น. |
|
โดย: koreaserie (loveyoupantip ) วันที่: 6 สิงหาคม 2554 เวลา:13:12:03 น. |
|
| |
|
it ซียู |
|
|
|
|