|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
คาถาธรรม(36)...ผู้ทำตน
สำรวมอินทรีย์ โดยมีสติสัมปชัญญะ รู้ตัวทั่วพร้อมอยู่เสมอๆ ทำโพชฌงค์ ๓ มีสติ มีธัมมวิจัย มีวิริยะประกอบให้เกิดบทเกิดบาท ดำเนินไปให้มากที่สุด ทุกขณะที่เราเอง สามารถจะประคองรู้ ประคองทำตน ผู้ที่ได้ปฏิบัติอย่างนั้นชื่อว่า ผู้ที่มีสติปัฏฐาน๔ โพชฌงค์ ๗ ซึ่งเป็นหลักสำคัญที่สุด ของการปฏิบัติอันพึงกระทำ อันพึงเป็นบทที่จะต้อง ระลึกรู้ ในฐานะลูกพระพุทธเจ้า
เมื่อผู้ใดมีสติรู้ตัวทั่วพร้อม มีธัมมวิจัย แล้วก็พากเพียร มีสติสัมปชัญญะ ดูแลทวารทั้ง ๖ และ ดูกิริยา ๓ ไม่ว่ากายกรรม วจีกรรม มโนกรรมของเรา เราก็จะมีธัมมวิจัย พิจารณาดี พิจารณาชั่ว พิจารณาควร หรือไม่ควรทุกกาล เพราะ ทุกอย่าง ไม่เที่ยง องค์ประกอบ ไม่เสมอกัน เราจะต้องพิจารณาเสมอ อยู่ตลอดเวลา ไม่ประมาท ผู้ได้ทำอย่างสังวร สำรวม อย่างนั้นจริงๆ นั่นแหละ เป็นทางปฏิบัติของศาสนาพุทธ ที่เราเรียกว่า สติปัฏฐาน ๔ เอกายนมัคโค หรือจะเรียกว่า ปฏิบัติ โพธิปักขิยธรรม ๓๗ จนกระทั่ง ถึงหลักแกนของ มรรคองค์ ๘ ก็ใช่ด้วย เราได้แนะนำ เราได้พยายาม ทำความเข้าใจ รายละเอียดต่างๆ เพื่อปฏิบัติในระบบในแบบอย่าง ทฤษฎีของพระพุทธเจ้านี้กันมาพอสมควร
ขอให้พวกเราได้สังวร ระวัง กระทำให้ถูก แล้วเราจะได้ประโยชน์ อย่างละเอียดลออต่อวัน ต่อวัน ต่อวันเสมอๆๆ และรู้ตนให้ชัด อย่าเข้าข้างตน มันจะแยบคาย จิตจะแยบคายขึ้น ทุกเมื่อๆๆ แล้วเราจะเห็นความสัตย์ ความจริง เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีจิตแยบคาย มีสติ สัมปชัญญะ สังวร สำรวมอินทรีย์ทั้ง ๖ เป็นตัวกลาง ควบคุมทวาร ๖ และกิริยา ๓ คือ ให้เป็น สุจริต ๓ อยู่ตลอดเวลา นี้เป็นเรื่อง ควบคุมตนเองอยู่แล้วในการปฏิบัติ ส่วนพบกับ สัตบุรุษ และฟังสัทธรรม แล้วเราจะเป็น ผู้เกิดศรัทธาด้วย การปฏิบัติธรรมของเรา ก็จะเป็น ศรัทธาที่เราได้เองด้วย ทุกอย่าง ก็จะครบ สมบูรณ์ ตามสายทางแห่งการปฏิบัติ สู่การละอวิชชา และ สิ้นภวตัณหา ได้ตลอดกาลนาน
คาถาธรรมจากครูอาจารย์
Create Date : 02 มกราคม 2554 |
Last Update : 2 มกราคม 2554 10:11:56 น. |
|
0 comments
|
Counter : 314 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|