|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
คาถาธรรม(44)...อยาก-ไม่อยาก
การแสวงหาความจริง ความหมายของความจริงนั้น มีทั้งความจริง ทั้งคดีโลก มีทั้ง ความจริง ทั้งคดีธรรม คดีโลกนั้น ก็คือ... ความสุขของโลก ที่เขาประกอบไปด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ และความเสพย์สมแห่งโลกียสุข
ผู้ที่เข้าใจแจ่มแจ้งในเหตุผลความจริง และ ซาบซึ้งในรสของโลกียสุขว่า คืออะไร ซาบซึ้ง ในการมีลาภ มียศ มีสรรเสริญ ว่า คืออะไร และเป็นคนพอแล้ว เป็นคนที่ไม่เอาอีกแล้ว เห็นความไม่ตื่นเต้น ไม่ต้องหลงใหล ในลาภ ในยศ ในสรรเสริญ ในการเสพย์สมโลกียสุข ว่าเป็น ความสุขที่สงบยิ่งกว่า ผู้ที่เห็น ในความสุข ที่สงบยิ่งกว่านั้นแหละ คือ ผู้ที่เข้าใจ คดีธรรม เป็นผู้ที่เห็นจริง ของตนเอง พอใจความสุขอันสงบ ที่เรียกว่า วูปสโมสุขนั้น ด้วยตนเอง อย่างแน่จริง แน่ใจ จึงหยุดความลนลาน หยุดความแสวงหา ในโลกธรรม หรือ ในความจริงของโลกได้ และจะเป็นคนที่ไม่วิ่งหาอีก นอกจากไม่วิ่งหาอีกแล้ว
พระพุทธเจ้าของเรา ผู้เป็นปราชญ์เอก ยังเป็นผู้ที่มีพระจิตวิญญาณอันเมตตากรุณา สูงส่ง สอนให้ผู้ที่ไม่ติดโลกนั้น ยังช่วยโลก ยังเกื้อกูล และเอ็นดูคนที่เขาติดโลกนั้นอยู่ และ จะมีจิต เป็นปัญญา มีวิธีการ มีความสามารถ ที่จะช่วยเหลือ ให้คนเหล่านั้นรู้แจ้ง ในการหลงโลก แล้วลดราในเรื่องแย่งโลก ให้เดินทางเข้าสู่โลกุตตระ มาสู่คดีธรรม มาสู่ ความสงบ อันเป็นความสุข อันแสนวิเศษนี้ให้ได้อีกด้วย
ชีวิตที่เหลือของผู้ที่ไม่ติด ความสุขของโลก ไม่ติดความจริงของโลกแล้ว ได้ความจริงของ ธรรมะแล้ว จึงเป็นชีวิต ที่เอ็นดูคนของโลก ช่วยเหลือเกื้อกูลคนของโลก ให้มาเป็น อย่างเราบ้าง เพราะฉะนั้น งานของคนทิ้งคดีโลก ทิ้งความสุขของโลกแล้ว จึงเป็นงาน ที่ช่วยคน ของโลกโดยตรง โดยแท้จริง สิ่งนี้เป็นคุณค่า เพราะผู้ที่ทำนั้น ไม่ได้ทำ เอามาเสพย์ ไม่ว่าจะเป็นโลกียสุข ไม่ว่าจะเป็นเพื่อหลงสรรเสริญ หรือ เพื่อหลงลาภ หลงยศ ทำอย่างไรให้เขารู้ ให้เขาได้ อย่างแท้จริง
ความจริงอันนี้ จึงไม่ใช่เรื่องเป็นการกอบโกยเอา จึงไม่ใช่เรื่องของตัวของตน เป็นเรื่อง เสียสละ เป็นเรื่องไม่เอาเปรียบ เป็นเรื่องไม่เอา เป็นเรื่องให้ เป็นเรื่องของการสร้างสรร เป็นเรื่องของการให้ เป็นเรื่องของจิตบริสุทธิ์ นี้คือ จิตอันสูงสุดของศาสนา ที่ปราชญ์เอก ไม่ว่าปราชญ์ชั้นใดๆ ก็เห็น ก็รู้ และนำพามนุษย์มาสู่จุดนี้ทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้น คุณค่า ของจิต ที่เรียกว่า จิตสูงสุด จะเรียกว่า จิตพระเจ้า จะเรียกว่า จิตพรหม จะเรียกว่า จิตเทวดา ชั้นสูงขนาดไหนก็ตาม ก็คือ จิตเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ที่ช่วยสร้างสรร ให้แก่โลก ช่วยมนุษยโลก และก็สร้างเพื่อเขา ไม่ใช่เพื่อเราเลย จิตบริสุทธิ์อย่างนั้นจริงๆ ไม่เสพย์ ไม่คลุกเคล้า ไม่คลุกคลี จิตสะอาด จิตล่อน ผู้ที่มีได้แล้วจริง หมดปัญหา และ มีชีวิตอยู่ อย่างไม่สงสัย จะเป็นผู้อนุเคราะห์โลก จะเป็นผู้เกื้อกูลโลก เป็นผู้ถึงความจริง ในทางธรรม อันสูงสุด และมีชีวิตอยู่อย่างเบิกบาน แจ่มใส เป็นผู้สร้าง ผู้ให้ เป็นผู้บริสุทธิ์ อยู่ตราบตาย
คาถาธรรมจากครูอาจารย์
Create Date : 05 มกราคม 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 5 มกราคม 2554 19:47:01 น. |
Counter : 1163 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|