Bloggang.com : Papatos : chill out chiangmai (third date)

chill out chiangmai (third date)

เชียงใหม่ 2011 ในวันที่ 3

วันนี้เป็นที่ 3แล้วในเชียงใหม่เวลาผ่านไปรวดเร็วจริงครับ
วันนี้ขอตื่นสายซักหน่อย 6 โมงกว่าๆ ยังตัดสินใจไม่ได้เลย
ว่าจะไปที่ไหนกันดี เพราะเราก็ไปมาหมดเกือบทุกที่แล้ว
แต่ในใจผมนึกถึงสะเมิงขึ้นมาในหัว
อยากไปถ่ายรูปต้นข้าวบาร์เล่ที่สถานีวิจัยข้าวสะเมิง

งั้นไปสะเมิงดีกว่า

แต่ก็ไปแวะหาอาหารเช้าทานกันก่อนเจอร้านนี้เข้าระหว่างทางไปแม่ริม
อยู่ตรงข้ามสนามกอล์ฟล้านนาพอดี

นี่คือร้านโจ้กจอมทัพครับ หาข้อมูลมาจากใน google พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง
นักชิมอย่างเราก็ต้องมาลองกันซักหน่อย

ลักษณะเป็นร้านขายอาหารเช้ามีตั้งแต่กาแฟ ปาท่องโก๋ ไปจนถึงข้าวต้ม

แต่อย่างที่ว่าละครับมาร้านโจ้กจะสั่งอะไรได้ดีไปกว่า "โจ้ก"
อันนี้เป็นโจ้กทะเลครับ ชามใหญ่มากคนกินจุอย่างผมยังเอาไม่ลง
ไม่สามารถเอาชนะมันได้ คุณโมโม่ก็สั่งเหมือนกันแล้วก็ต้องยอมแพ้
เหมือนกัน

อีกอย่างที่สั่งมาก็คือ ปลากระพงลวกจิ้ม อันนี้แนะนำเพราะใน google
เค้าก็แนะนำมาเหมือนกัน
โจ้ก 2 ชาม ปาท่องโก๋ 1 ตัว ปลาลวก 1 จาน เท่ากับ 210 บาท

ทานอาหารเช้าเรียบร้อยก็มุ่งหน้าไปแม่ริมกันเลยเชียว
สะเมิงไปได้ 2 ทางคือ หางดง-สะเมิงหางดง - สะเมิง (ทางหมายเลข 1269)
และ แม่ริม - สะเมิง (ทางหมายเลข 1096) ซึ่งเราไปทางนี้
เส้นทางนี้ก็จะผ่านที่เที่ยวเพียบทั้งปางช้าง น้ำตกแม่สา และอีกมากมาย

ถ้าจำไม่ผิดใช้เวลาไม่ถึงชั่วเคี้ยวหมากแหลกก็เดินทางไปถึงตัวอำเภอเมือง
สะเมิง สิ่งที่เราเจอก็คือเมืองเล็กๆ เล็กจริงเงียบสงบ ไปเจอกิจกรรมยามเช้า
ของคนที่นั้นเสียดายไม่ได้ภายรูปมาซักใบเพราะมัวแต่งงกันอยู่ว่า
ถึงแล้วแล้วยังต่อ

จริงๆควรจะมาซักเดือนพฤษจิกายนเป็นต้นไปเพราะจะเป็นช่วงที่เค้าปลูก
สตอเบอรี่กัน มาช่วงเดือน พฤษภาคม ก็แห้วกันไปไม่มีอะไรแต่อย่างน้อย
ก็ได้มาล่ะกัน เชอะ

หันหัวกลับเพื่อจะไปดูต้นข้าวที่สถาบันวิจัยข้าวก็แห้วซ้ำสอง
สถานีวิจัยข้าวไม่มีข้าว

มีแต่คันนา ก็แน่ละซิก็เล่นมากันไม่ดูเวล่ำ เวลาเลย

เริ่มหมดมุขอีกครั้งมองหน้ากันไปมา แล้วไงไปไหนต่อ

คิดไปคิดมาไปโป่งเดือดแล้วกันพอเริ่มขับไปซํกพักเพิ่งคิดได้ว่ามัน
น่าจะอยู๋เกือบถึงปายไม่ใช่หรอมันจะใกล้เกินไปและ

เลยเปลี่ยนแผนครั้งสุดท้าย ไปต้มไข่กินกันดีกว่า

ที่นี่คือ น้ำพุร้อนสันกำแพง ไกลเหมือนกันนะเนี่ย

อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 34 กิโลเมตร ที่นี่มีที่พัก ห้องอาบน้ำแร่ไว้บริการ
ค่าเข้า 20 บาทต่อคน ส่วนไข่ละก็ชะลอมละ ยี่สิบๆ

ที่บ่อต้มมีวิธีการต้มไว้เสร็จสรรพ ไข่ลวก ยางมะตูม ยางมะตอย แล้วแต่ชอบ

แนะนำว่าไป 2 คนชะลอมเดียวก็พอ ไม่งั้นขึ้นถึงคอแน่ๆ

ลักษณะการเกิดน้ำพุร้อนนั้น ต้นกำเนิดความร้อนเกิดจากหินหลอมเหลว
ความร้อนสูงส่งความร้อนผ่านหินเนื้อแน่น ขึ้นไปยังธารน้ำใต้ดินที่ไหลผ่าน
ทำให้ธารน้ำนั้นร้อนและมีแรงดันแทรกตัวขึ้นมาตามรอยแตกของชั้นหินจน
ทะลุขึ้นมาบนผิวดิน กลายเป็นน้ำพุร้อน
ด้วยคุณสมบัติทางเคมี ทำให้น้ำพุร้อนมีส่วนผสมของแร่ธาตุอันเป็นประโยชน์
เพื่อสุขภาพของร่างกาย โดยเฉพาะการรักษาโรคผิวหนัง

ต่อจากนั้นคิดว่าจะไปบ่อสร้างซึ่งก็อยู่ใกล้กัน แต่ดันขับเลยซะงั้น
เลยไม่ย้อนกลับไป วิ่งเข้าเมืองเลยดีกว่า

ไปดื่มชายามบ่ายแบบ ไฮโซๆ กันดีกว่า ที่นี่เลยจ้า เจียงจูมออน

จูมออนเป็นภาษาเหนือ แปลว่า "สีชมพู" อะไรๆในในร้าน
ก็จะเป็นสีชมพูไปซะหมด รวมถึงหัวใจของเราทั้งสองด้วย

ที่นี่เน้นชาคุณภาพเป็นหลักและก็มีเค้กเนื้อนุ่มๆคู่กันไปด้วย

ร้านจะอยู่ติดกับแม่น้ำปิงเลยทีเดียว บรรยากาศร่มรื่นดี เหมาะที่จะมานั่งสบายๆเวลาบ่ายๆแบบนี้

เน้นสีชมพูตาม concept เวียงจูมออน

เครื่องดื่มมาแล้วของ โมโม่เป็นเก็กฮวยป่าเกิดมาก็เพิ่งเคยชิม
ของผมเป็นชาเวียงจูมออนผสมนมอันนี้เค้า recommend
เค้านะไม่ใช่ผม มันเป็นชาดำและชาขาวผสมกับชินนิมอล พลัม และ กุหลาบ
โรยด้วยผงอะไรซักอย่าง กลิ่นคล้ายๆผงพะโล้แต่อ่อนกว่ารสชาติแปลกดี

ตามด้วยของโมโม่ chocolate banana cake เป็นเค้กกล้วยหอมราดด้วย
ช็อคโกแล็ตอุ่นๆ มาพร้อมกล้วยหอมสดท็อปปิ้งวีปครีบ

ของผมเป็นBlueberry cheese cake ชีสเค้กนุ่มๆราดด้วยซอลบลูเบอร์ซึ่งม๊เนื้อผสมอยู่ด้วยเสริฟพร้อมกับวีปปิ้งครีม

ด้วยความ hiso การดื่มชาแบบผู้ดีอังกฤษดอกนี้โดนไป ห้าร้อยกว่าบาท

จากนั้นก็ไม่รู้จะไปไหนแล้ว เลยเอารถไปคืนเข้าที่พักแล้วก็พักผ่อนตามนิสัย
กันดีกว่า

เดี๋ยวมืดกว่านี้หน่อยมีแผนเอาไว้ว่าจะไปถ่ายรูปที่วัดพระสิงห์
หลังจากแห้วมาแล้ว 2 ดอก คือหนึ่งอาคารซึ่งผมเรียกไม่ถูกว่าคืออะไร
กำลังซ่อม ดอกที่สองวันแรกที่ไปนั่งเฝ้ารอแสงเย็นฝนตกอดถ่ายกลับ
โรงแรมแทบไม่ทัน

ส่วนวันนี้เป็นดอกที่สามคือเจดีย์ไม่เปิดไฟ