chill out chiangmai ( first day )

วันมาถึง
ภาพโดย : tosdy
เนื้อเรืองโดย : Momo

วันแรกของการเดินทางมาชิล ชิล กันที่เชียงใหม่ No Program มั่วๆ กันไปตามเคย

การเดินทางครั้งนี้เป็นการขึ้นเหนือครั้งที่ 2 ในรอบปี 2011
หลังจากคราวที่แล้วไปเชียงรายมา

คราวนี้เรานั่งรถของนครชัยแอร์ รถ 32 ที่นั่ง Gold Class
บริการดีมากๆ แถมขนมเยอะอีกตะหาก ราคา 605 บาทถ้วน
ล้อหมุนตอน 22.00น. ไม่มีเลทเลย ตรงเวลาสุดๆค่ะ
ถึงเชียงใหม่เวลา 7.30 น.

พอมาถึงอาเขตเชียงใหม่ก็นั่งรถแดง ราคา 80 บาทถ้วน( แพงมากเลย )
ไปที่พักของเราทั้ง 3 คืน นั่นก็คือ อิม ท่าแพ จ้า


พิกัดของโปรด โมโม่
ที่เราเลือก อิม ท่าแพ นอกจากราคาไม่แพงแล้วยังอยู่ใกล้ ถนนคนเดิน ทั้ง 2 วัน
วันเสาร์มีที่ถนนวัวลาย และวันอาทิตย์ที่ ถนนท่าแพ หน้าที่พักเราเลย อิอิ


้ด้านหน้าที่พักของเราค่ะ ค้อนข้างสะดวกในหลายๆเรื่อง
อยู่ใกล้แหล่งอาหาร ใกล้ 7-11 ใกล้แหล่งรถเช่าอีกด้วย


มาถึงก็ Check in เข้าทีพักกันเลย
Imm Thaphae เราจองในเว็บ เลยได้ราคา 778 บาท ไม่รวมอาหารเช้า เพราะเราคิดว่ามาเหนือทั้งที่จะต้องหาอะไรกินที่เหนือๆ ค่ะ ^^


บรรยากาศภายใน อิมท่าแพ
ตรงนี้เป็นที่ทานอาหารเช้าค่ะ เป็นบุฟเฟ่ต์ ค่ะ


ส่องขึ้นไปด้านบน อิมท่าแพมีห้องพัก 3 ชั้น
ส่วนชั้นที่ 4 เป็นดาดฟ้าเอาไว้ ซักรีด
ไม่แน่ใจว่ามีเครื่องซักผ้าหยอดเหรีญข้องบนรึเปล่าเพราะเราไม่ได้ขึ้นไปดูค่ะ


มองลงมาด้านล่าง
ที่นี่มี internet ไว้บริการนาทีละ 1 บาท
แต่ก็มี wifi ฟรีอีกเช่นกันค่ะ เค้าจะให้ password มาพร้อม keycard


ห้องที่เราได้อยู่ชั้น 3 ค่ะ เพราะเช็คอินก่อน 8 โมง เลยได้อยู่บนสุดเลย
ที่นี่ไม่มีลิฟท์นะค่ะ เพราะมีแค่ 4 ชั้นเอง


ห้องเป็นห้องสี่เหลี่ยมโง่ๆ อุปกรณ์ภายใน จะไม่มีอะไรมากกว่า สิงจำเป็นพื้นฐานของคนที่มาเที่ยว
ก็จะมีทีวี แอร์ เซฟเก็บของ


ภายในห้องน้ำค่ะ มีชักโครก มีเครื่องทำน้ำอุ่น
แต่ไม่มีสายชำระ (ทำไมไม่มีไม่เข้าใจ)


สำหรับที่จอดรถสะดวก สบาย กว้างน่าจะจอดได้มากว่า 20 คัน


ทางเข้าโรงแรม จากที่จอดรถ มีพี่แมคโดนัลด์ ต้อนรับด้วย เพราะด้านล่างของโรงแรมมีแมคฯ ขาย 24 ชม.เลยค่ะ


เก็บข้าวของเสร็จ เราก็ลุยกานเลย
เราโทรไปเช่ารถมอเตอร์ไซด์ ร้าน bikky
วันละ 200 บาท ค่าส่ง 100 บาท เช่า 4 วันรวมค่าส่งเป็นเงิน 900 บาทถ้วนค่ะ
รอประมาณ 20 นาทีรถก็มาถึง

จุดหมายแรก คือ ร้านเฮือนเพ็ญ จ้า น่าจะเป็นร้านยอกนิยมของนักท่องเที่ยว
อยู่แล้ว แต่ในช่วงโลว์แบบนี้ คนโล่งมว๊ากกกค่ะ

ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 112 ถ.มรรคา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เปิดบริการสองช่วงเวลาคืออาหารกลางวันบริการตั้งแต่เวลา 8.30 น.- 16.00 น. ส่วนอาหารค่ำ บริการตั้งแต่เวลา 17.00 น. - 22.00 น. ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ตรงข้ามโรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่
เบอร์โทรร้านคือ 053-814548 , 053-277103
ร้านเปิดมานานกว่า 40 ปีแล้วนะ
เป็นอาหารพื้นเมือง โดยแท้ รสชาติอร่อยใช้ได้ค่ะ


อากาศร้อนมั่ก กินน้ำ่ก่อนเลย


ลาบเหนือค่ะ รู้สึกจะเรียกลาบคั่วหมู ^^ อันนี้ของโปรดอร่อยดีค่ะ


ข้าวซอยเนื้อของคุณ Tosdy


จอผักกาด ของขาดไม่ได้


ข้าวเงี้ยว ค่ะ อร่อยดี


ง่ำๆ เช็คบิล ราคาทั้งหมด 210 บาทถ้วนค่ะ


พออิ่มจากของคาวแล้ว เราก็ไปของหวานต่อค่ะ
ร้าน I Berry ของพี่โน้สสสส อุดม นั่นเอง
โดยหวังไว้ว่าจะได้เจอเ้จ้าของร้าน
พิกัดจ้า


แต่ได้เจอน้องหมา ต้อนรับ


สั่งของแล้วก็จะได้รับป้ายโต๊ะ รอไอติมมาเสิร์ฟค่ะ


สั่งไอศกรีมนมเย็น กะลิ้นจี่ อร่อยมั๊ก
จริงๆแล้วมี บราวนี่กับไอศรีมมะม่วงด้วย





ที่นั่งมีให้เลือกเต็มที่ เพราะไม่มีคนเลย อาจจะเป็นเพราะยังไม่เที่ยงวันเลย


โมโม่ไม่ได้ซื้อขอจับก็ยังดี หมีไส้แตก อยากได้ แต่แอบแพง


นั่งชิล ถ่ายรูปได้เต็มที่ เป็นข้อดีของการมาตอนที่ไม่้ใช้หน้าพีค ^^
เคยมาเมื่อต้นปีช่วงเย็น โต๊ะแทบไม่มีนั่งเรื่องถ่ายรูปก็ไม่ต้องพูดถึงค่ะ


หลังจากเข้าโรงแรมไปพักผ่อนเล็กน้อยแล้ว
บ่ายซักหิวอีกแล้ว
จุดหมายต่อไป คือ เฝ่อ เวียงจันทน์ จ้า
เป็นร้านอาหารเวียดนาม รสชาติพอใช้ได้ค่ะ
เปิดมา 11 ปีแล้ว อยู่ถนนช้างคลาน
โทร.053-127-214


ข้าวเกรียบปากหม้อ อันนี้แนะนำเลย อร่อยค่ะ


เฝ่อ หมูยอ รถชาติเหมือนก๋วยเตี๋ยวทั่วไปนี่เอง


ยำวุ้นเส้นหมูยอ ค่ะ อันนี้ไม่ผ่าน


กุ้งพันอ้อย รสชาติโอเคค่ะ ไม่มีอะไรพิเศษ
โดยรวมให้ 5/10 ค่ะ


จุดหมายต่อไปคือ วัดอุโมงค์ค่ะ

วัดอุโมงค์(อุโมงค์เถรจันทร์) เป็นชื่อเรียกวัดเก่าที่ "พระเจ้ากือนาธรรมิกราช"
ทรงสร้างอุโมงค์ขึ้นเพื่อถวายเพื่อให้พระมหาเถรจันทร์
ผู้เชี่ยวชาญในพระไตรปิฏกอาศัย

ประวัติของวัดวัดอุโมงค์ ไม่แน่ชัดนัก ต้องอาศัยหลักการทางโบราณคดี
และประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่เข้าช่วยจึงได้ความชัดขึ้น


สวนพุทธธรรม เป็นชื่อใหม่ที่ ภิกขุ ปัญญานันทะ ประธานวัดอุโมงค์
ในสมัยนั้น (2492-2509) ตั้งขึ้นเรียกสถานที่ป่าผืนใหญ่ที่ปกคลุมวัดร้างโบราณ
ซึ่งมีทั้งหมดประมาณ 150 ไร่ ที่พุทธนิคมเชียงใหม่จัดขึ้นเป็นที่อยู่ของภิกษุ
สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ผู้แสวงหาความสงบ


บรรยากาศร่มรื่นดีค่ะ


พระเจดีย์สร้างโดยพระเจ้ามังราย เป็นแบบลังกา


รูปคู่ซะหน่อย


ไปต่อกันที่วัดสวนดอกค่ะ

วัดสวนดอกในอดีตนั้นป็นสวนดอกไม้ (ต้นพยอม) ของเจ้านายฝ่ายเหนือใน
ราชวงศ์เม็งราย โดยในปี พ.ศ. 1914 (ศักราชนี้ถือตามหนังสือชินกาลมาลีปกรณ์
ของพระรัตนปัญญาเกตุ) พระเจ้ากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่ง ราชวงศ์เม็งราย
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็น "พระอารามหลวง" เพื่อให้เป็นที่จำ
พรรษาของ "พระมหาเถระสุมน" ผู้ประดิษฐานพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์
ในแผ่นดินล้านนา และสร้างองค์พระเจดีย์เพื่อประดิษฐาน "พระบรมสารีริกธาตุ"
1 ใน 2 องค์ ที่ "พระมหาเถระสุมน" อัญเชิญมาจากสุโขทัย ในปี พ.ศ. 1912
(องค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ในพระเจดีย์ ใน วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร)

ในสมัย ราชวงศ์เม็งราย วัดสวนดอก มีความเจริญรุ่งเรืองมาก แต่หลังจากสิ้น
ราชวงศ์เม็งราย บ้านเมืองตกอยู่ในอำนาจพม่า ทั้งเกิดจลาจลวุ่นวาย วัดนี้จึง
กลายสภาพเป็นวัดร้างไป วัดสวนดอก ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่อีกครั้ง
ในรัชสมัย พระเจ้าบรมราชาธิบดีกาวิละ แห่ง ราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ (เจ้าเจ็ด
ตน) และได้รับการทำนุบำรุงจาก เจ้านายฝ่ายเหนือ และประชาชนเชียงใหม่มา
โดยตลอด


กู่เจ้านายฝ่ายเหนือ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2450 โดยพระดำริใน พระราชชายา
เจ้าดารารัศมี ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้านายฝ่ายเหนือใน
ราชตระกูล ณ เชียงใหม่ ซึ่งทรงเห็นว่าทำเลที่ตั้งของวัดสวนดอกกว้างขวาง
จึงโปรดให้อัญเชิญรวบรวมพระอัฐิของ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
และ พระประยูรญาติ มาประดิษฐานรวมกัน ณ ที่นี่ รวมทั้งได้ประทานทรัพย์ให้
การทำนุบำรุงมาโดยตลอดพระชนม์ชีพ หลังจาก พระราชชายา เจ้าดารารัศมี
สิ้นพระชนม์ ได้มีการแบ่งพระอัฐิของพระองค์มาประดิษฐานไว้
ณ กู่เจ้านายฝ่ายเหนือ แห่งนี้ (อีกส่วนหนึ่งแบ่งประดิษฐานไว้ใน สุสานหลวง
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร) ปัจจุบัน กู่เจ้านายฝ่ายเหนือ
แห่งนี้ ได้ถูกจดทะเบียนให้เป็นโบราณสถานสำคัญ ภายใต้การกำกับดูแล ของกรมศิลปากร
ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ ในราชกิจจานุเบกษา
เล่มที่ 52 ตอนที่ 75 ลงวันที่ 8 มีนาคม 2478



จบวันแรกกันด้วยภาพนี้
ต่อจากนั้นเราก็ไปเดินเล่นวันพระสิงห์ และไปต่อถนนคนเดินวัวลาย โมโม่ช้อปเพลินมากกกก อิอิ ของมันชอบอ่ะ ^^




Link ในวันต่อมา









Create Date : 02 มิถุนายน 2554
Last Update : 21 กรกฎาคม 2555 23:04:04 น. 3 comments
Counter : 4693 Pageviews.

 
เข้ามาชมภาพสวยๆจ้า ถ่ายภาพมาน่ารักเชียวค่ะ
อยากได้ภาพคมกริบอย่างงี้บ้างจัง


โดย: Tick Juntavaro วันที่: 3 มิถุนายน 2554 เวลา:0:24:26 น.  

 
มาเยี่ยมชม ครับ


โดย: Kavanich96 วันที่: 3 มิถุนายน 2554 เวลา:7:17:24 น.  

 
น่าตามรอยเป็นอย่างยิ่ง ^^


โดย: nim IP: 124.122.59.24 วันที่: 18 สิงหาคม 2554 เวลา:8:32:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Papatos
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


















Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
2 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Papatos's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.