|
ตั้งใจดีๆ ในวันปีใหม่
ต้อนรับปีใหม่ที่ใครว่าเป็นปีวัวบ้า เพราะสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ อาจจะทำให้ใครต่อใครเป็นบ้าไปได้ เพราะมองดูรอบตัวแล้ว รายจ่ายที่สูงขึ้นหลายเท่าตัว เมื่อพิจารณาถึงราคาสินค้าเมื่อต้นปีที่ที่แล้ว กับปี 2552 ที่มาถึง มันต่างกันมากมาย ทั้งที่ราคาน้ำมันตอนนี้ตกลงมาก...แต่ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นมันยังไม่ปรับตัวลดลงเลยสักนิด บางคนหรือบางครอบครัวก็ตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ ถูกปลดจากงาน เลิกจ้าง หรือธุรกิจถดถอย ขาดทุน
ระหว่างที่เรากำลังตั้งตัว หรือมองหาลู่ทางใหม่ให้กับชีวิต เราอย่าเพิ่งไปเดือดร้อนกับรายจ่ายที่สูงขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่เรามองดูตัวเราเป็นที่ตั้งก่อนดีกว่าไหมคะ รายจ่ายที่สูงขึ้นนี้เพราะราคาข้าวของมันแพง ดังนั้น รายจ่ายใดที่ไม่จำเป็นหรือลดทอนได้ ก็ลดลงมาสักนิด อย่าคิดว่า เงินสามสี่บาทมันไม่หนักหนาอะไร พอใช้หลายๆวัน มันก็กลายเป็นสิบบาท ร้อยบาทได้เช่นกันค่ะ คติของตัวเองเวลาจะซื้อของตอนนี้บอกกับตัวเองอยู่บ่อยครั้งคือ ของที่จะซื้อนั้น เป็นของจำเป็นต้องใช้....หรืออ้างกับตัวเองว่า จำเป็น... พอบอกแบบนี้ เงินทองก็ออกจากกระเป๋าน้อยลง
....ตอนนี้ โดยส่วนตัวเองที่พยายามลดอยู่ คือรายจ่ายขณะเดินทาง ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ มอเตอร์ไซด์วินที่เพิ่มราคาขึ้นเมื่อคราวน้ำมันขึ้นแต่ไม่ยอมลดราคาเมื่อน้ำมันลง...อันนี้ ไม่ขึ้นแล้วค่ะ เดินเอา ถือว่าออกกำลังไปในตัวด้วย เมื่อก่อนไปไหนก็ขึ้นรถมอเตอร์ไซด์ไป หรือสองสามป้ายก็นั่งรถเมล์ แต่ตอนนี้ มองซ้ายขวา หาทางที่ประหยัดที่สุด เดินไปขึ้นรถตรงนั้นลงเรือทางนี้ เพื่อเซฟเงินในกระเป๋า พวกเสื้อผ้า ก็พยายามไม่ซื้อใหม่ เพราะไม่รู้จะซื้อไปทำไมให้เยอะแยะ ไม่มีโอกาสต้องออกงานอะไร ทุกวันนี้เราใส่เสื้อผ้าที่ซักรีดสะอาดเรียบร้อยเป็นใช้ได้ รองเท้าระยะหลังก็ใส่อยู่คู่เดียวใส่ไปทำงานเพราะใส่สบายเท้าดีแล้ว มีอีกสองคู่ไว้บ้านคือรองเท้าแตะ กับรองเท้าออกงาน ไม่ซื้อใหม่ เพราะไม่จำเป็น จะซื้ออีกทีตอนคู่ที่ใส่ประจำนี้มันพัง เวลาไปเดินห้างเห็นของสวยๆงาม แต่ถามว่าซื้อมาเพื่ออะไร ถ้าไม่มีโอกาสได้ใช้ ก็อย่าไปซื้อ...... หรือคิดแต่ว่าเดี๋ยวพอเดินผ่านแล้วมันจะไม่มาขายอีก.....เหตุผลแบบนี้เก็บลงหีบได้ เพราะถ้าคิดแบบนั้น มันต้องซื้อของหมดทุกชิ้นบนแผงที่มาวางขายแน่ๆค่ะ
ค่ามือถือที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ ก็ใช้แต่พอเหมาะค่ะ smsข้อความข่าวก็รับอยู่เจ้าเดียว เล่นเนตไม่เอา เพราะเปลืองมาก ช้าก็ช้า เล่นเนตตรงๆดีกว่า เซฟได้เยอะ เวลาคุยกับใครมากๆมันเสียเวลา เจอหน้ากันคุยยาวๆดีกว่า เพลงรอสายก็เปลือง ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ตอนนี้ตัดออกหมดเลยค่ะ บางเดือนไม่ถึง สามร้อย ด้วยซ้ำ...นึกถึงเด็กรุ่นใหม่ ที่นิยมทำตามโฆษณาโทรกระหน่ำ ขี้หมูราขี้หมาแห้งก็โทร อยุ่ในรถใต้ดินก็โทร ทั้งที่คนอยู่เต็มพรื่ด ก็เลยรู้หมดว่าก่อนออกจากบ้านทาโรลออนยี่ห้ออะไร ขึ้นรถลงเรือก็โทร ตกกะไดโดนรถทับ ก็เพราะกำลังโทรศัพท์อยู่ทั้งนั้น แบบนี้ มันเปลืองจริงๆค่ะ เปลืองทั้งค่าโทร เปลืองทั้งชีวิต.....ให้ชีวิตพวกเราสงบลงด้วยการหยุดคุยโทรศัพท์บ้าง แล้วหันมาพูดคุยกับคนจริงๆก็จะดีกว่าค่ะ
เวลาไปห้างสรรพสินค้า ก็จะประหยัดเรื่องค่าอาหาร อย่าว่างั้นงี้เลย...ตัวเองเวลาไปห้าง ไม่ทานอาหารในฟู้ดเซนเตอร์หรอกค่ะ หลายๆห้างใน กทม. ราคา สถานที่และเครื่องแบบของพนักงานมันสูงเกินคุณภาพของอาหารที่อยู่ในจาน....ข้าวไข่เจียวแห้งๆติดคอบางห้าง จานละห้าสิบบาท...เอิ๊ก ตอนนี้ก็จะเดินออกไปทานนอกห้างค่ะ เดินเล่นอาบแอร์ แล้วไปหาทานเอาในร้านอาหารข้างๆห้างเอา หรือไม่ก็ซื้อเข้าไปทานค่ะ พนักงานห้างมันจะค้อน จะว่าอย่างไรก็ช่างเขา....ราคาอาหารในห้างมันสูงเกินจริงค่ะ มันขึ้นตอนที่น้ำมันขึ้น จนป่านนี้น้ำมันลดไปกว่า 50% แล้ว ราคาอาหารในห้างไม่ลดเลย.....แบบนี้ทำร้ายผู้บริโภคเกินไปค่ะ ตัวเองเลยไม่อุดหนุน
ยิ่งเรื่องดูหนังในโรงภาพยนตร์ หากคิดถึง ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายกับตั๋วและข้าวโพดคั่ว และเวลาที่ต้องเสียไปในการดูหนัง จะลดปริมาณลงได้จริงๆค่ะ ตอนนี้ที่บ้านก็เสียเฉพาะค่าแผ่นที่ซื้อมาดู แล้วนั่งดูทั้งครอบครัว หิวก็คดข้าวมาทาน คอยฟังเสียงหัวเราะของลูก แล้วก็ค่อยๆสอนเขาไปกับภาพและสื่อ เนื้อหา ที่ปรากฏอยู่ในจอ ไม่ทำให้เิกิดสีงรบกวนคนรอบข้างในโรงภาพยนตร์ แล้วก็ยังเป็นการดูแลเด็กกับสื่อภาพยนตร์ไปพร้อมกันด้วยค่ะ
เรื่องไปเที่ยวระยะหลังนี้ ก็ต้องถามก่อนทุกครั้งว่าจะไปทำไม...ไปเปิดหูเปิดตา หรือไปเพื่อครอบครัว อันนี้ก็คิดหน้าคิดหลังเคาะเรื่องการเดินทางดีๆ ให้ประหยัดน้ำมันไม่หลงทาง และพยายามหาที่พัก ร้านอาหาร ที่สะดวก และสามารถรองรับภารกิจในทัวร์นาเม้นท์นั้นๆได้มากที่สุด เพราะบางทีไปกับครอบครัวที่มีทั้งเด็กและผู้สูงวัย จะให้เดินทางขึ้นเขาลงห้วยทุรกันดาร อันนี้ก็ไม่ค่อยสมควรนัก
รับรองค่ะ ถ้าประหยัดได้จริงๆ ค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวและส่วนตัวเรา จะลดลงอย่างไม่น่าเชื่อ เงินที่มีใช้อยู่ ก็จะดูเพิ่มมูลค่ามากขึ้น แล้วความสุขก็ยังมีคงเดิม..หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะเราได้อยู่ด้วยกัน ใช้เวลาดูแล ใกล้ชิดกันมากขึ้นตามมา
อยากฝากไว้ในปีหน้า คือขอให้อย่าปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสิ่งโฆษณาและปลุกเร้าพวกเราจนเกินไป ทุกวันนี้ตามสื่อต่างๆ หรือสิ่งรอบข้าง...เต็มไปด้วยความยั่วยุเพื่อ ให้เราใช้จ่ายทั้งนั้น ถ้าเราตระหนักได้ และใช้จ่ายอย่างพิจารณา เงินทองของเราก็จะเพิ่มพูนขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
.....และขอมอบคติจากท่าน ว.วชิรเมธี นี้ เป็นขวัญปีใหม่ และกำลังใจแก่ทุกๆคนในปี 2552 ค่ะ
....ขอบคุณ จาก ท่าน ว.วชิรเมธี
ขอบคุณความไม่มี ที่ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้
ขอบคุณความยากจน ที่ทำให้เป็นคนมุมานะ
ขอบคุณความล้มเหลว ที่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ
ขอบคุณความผิดพลาด ที่ทำให้ฉลาดยิ่งกว่าเดิม
ขอบคุณความริษยา ที่ทำให้กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่
ขอบคุณคำวิพากษ์ วิจารณ์ ที่ทำให้ผลิบานอย่างไร้ข้อตำหนิ
ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้จักครูชื่อประสบการณ์
ขอบคุณความผิดหวัง ที่ทำให้ตั้งสติเพื่อลุกขึ้นมาใหม่
ขอบคุณศัตรูที่แกร่งกล้า ที่ทำให้รู้ว่าเรายังไม่ใช่มืออาชีพ
ขอบคุณมหกรรมคอรัปชั่น ที่ทำให้เราอยากสร้างสรรค์การเมืองใหม่
ขอบคุณความป่วยไข้ ที่ทำให้เราตั้งใจดูแลสุขภาพ
ขอบคุณความทุกข์ ที่ทำให้รู้ว่าความสุขมีค่าแค่ไหน
ขอบคุณความพลัดพราก ที่ทำให้เราสละจากความยึดติดถือมั่น
ขอบคุณเพลิงกิเลส ที่ทำให้เรามีเหตุอยากถึงพระนิพพาน
ขอบคุณความตาย ที่ทำให้ฉากสุดท้ายของชีวิตสมบูรณ์แบบ
|
โตมิโต กูโชว์ดะ
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [ ?]
ร่างทรงของ "วรรณวรรธน์" โปรดอย่าถามว่าเป็นใครในอดีต รู้แต่ว่าตอนนี้ยังมีลมหายใจอยู่ เท่านั้นก็มากเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งได้รู้จักกันแล้ว
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30
|