The Blue Oyster

จำได้ว่าเคยบ่นเรื่องอ่านหนังสือข้าวเกรียบไปแล้วในบล๊อคเก่าๆ....มาถึงคราวนี้หลังจากทำงานทะเลทรายเสร็จ งานที่ไม่คิดว่าจะยาก ก็ทำให้มันยากเข้าไส้จนต้องเข้า รพ. เปื่อย ......หะเหน็ด..หะเหนื่อย.......(จะบ่นทำไม๊ )

ตอนนี้มีเวลาว่างมากขึ้นค่ะ ระหว่างนอนพักฟื้น เลยต้องรีบทำการบ้าน เพื่อขึ้นเรื่องใหม่

เพราะอะไรนะหรือคะ.....เพราะรู้ตัวเองมีข้อจำกัดเรื่อง"คำ" ที่จะนำมาใช้นะสิคะ ตอนนี้เริ่มจำกัดมากขึ้นเมื่อลงมือเขียนหนังสือไปมากๆ คำหมื่นๆคำที่มีอยู่ในหัวมันไม่เพียงพอกับความต้องการของตัวเองค่ะ คำที่นำมาใช้ในหนังสือ มันวนไปมา สำนวนมันติดยึดอยู่กับที่ ไม่ดิ้น...แพรวพราว อย่างที่ตัวเองอยากให้เป็น เรื่องหน้าอยากทำให้ดีขึ้นไปค่ะ แต่การทำงานเขียนพอทำมากเรื่องเข้ามันต้องขยายฐาน "คำ" ให้มากขึ้นเพื่อพอกับเรื่องราวที่เราจะเล่าและอรรถรสที่คนอ่านจะได้รับรู้ ดังนั้น ก็ต้องหาสำนวนและ คำ มาเพิ่มในสมอง
แต่ครั้นจะไปหยิบหนังสือการ์ตูนที่มีในตู้มาอ่าน........ต้องเจอด่าไล่หลังแหงๆ

ก็เลยเลือกหนังสือเรื่อง "เที่ยวเมืองพะม่า" พระนิพนธ์ของ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มาอ่านเป็นการบ้านค่ะ



เที่ยวเมืองพม่า สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงพระนิพนธ์เมื่อครั้งได้เสด็จจากเมืองปีนังไปยังเมืองพม่า เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๘ แล้วแต่งถวายเป็นตอนๆแด่ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

ตามประเพณีพะม่า มิได้เรียกบ้านเมืองของตนว่า"ประเทศพะม่า" ใช้นามประเทศว่า "กรุงอังวะ" พระนามพระเจ้าแผ่นดินพะม่าก็เรียกแต่ว่า "พระเจ้าอังวะ"มาแต่โบราณ ดูประหลาดที่เหมือนกับประเพณีไทยเราเรียกนามประเทศว่า "กรุงศรีอยุธยา" และใช้พระนามพระจ้าแผ่นดินว่า "พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา" มาแต่โบราณอย่างเดียวกันจนถึงรัชกาลที่ ๔ ไทยจึงได้เปลี่ยนเรียกว่า "ประเทศสยาม"และใช้พระนามพระเจ้าแผ่นดินฉะเพาะพระองค์...

รายละเอียดเพิ่มเติม พิมพ์ครั้งแรก : ๒๔๘๙

ที่พิมพ์ครั้งแรกใช้ชื่อว่า "เที่ยวเมืองพะม่า" แต่พิมพ์ครั้งใหม่ สนพ. มติชนแก้เป็น "เที่ยวเมืองพม่า" ก็ต่างกันไป แต่ตัวเองชอบแบบเดิมมากกว่า โดยเฉพาะปกพิมพ์ครั้งแรก มีตราประทับของสมเด็จพระยาดำรงฯด้วย ดูขลังที่สุด

หนังสือเก่าๆของสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ นอกจากอ่านจะได้ความรู้แล้ว ยังได้เรื่องของภาษาอย่างมากค่ะ

ช่วงนี้มีเวลาเถิดเทิง เพราะอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล แต่คงจะไม่ใช้ให้นานนัก ตัวเองโดนเขม่นหลายทางเต็มที ว่ามัวแต่เอาสนุกกับอ่านหนังสือ ค้นข้อมูล........แต่ไม่ยอมลงมือเขียน....555555

คราวนี้ตั้งอกตั้งใจทำมากๆๆค่ะ ยังไม่รู้จะเป็นอย่างไรเหมือนกัน แล้วเดี๋ยวก็จะลงมือค่ะ ขอเวลาไหว้ครู อ่าน เก็บ ข้อมูลสักระยะหนึ่งก่อน

วันก่อนได้ไปคุยกับเพื่อนนักอ่านกลุ่มหนึ่ง ที่เขาไม่ชอบอ่านนิยายไทย เขาบอกว่า เขาอ่านนิยายไทยแล้วไม่ได้อะไรใหม่ๆ คนอ่านก็เอาแต่เรียกร้องให้เขียนเรื่องรักๆใคร่ๆแบบนั้น อือม์...แรกๆที่ฟัง มันจี๊ดๆ เหมือนกันค่ะ แต่มองโดยภาพรวมก็เออเน๊อะ คงเป็นอย่างนั้นที่เขาว่า แต่เราต้องอธิบายให้ฟังว่า จริงๆแล้ว ไม่ใช่นักอ่านนิยายไทยที่ต้องการแบบนั้นอย่างเดียว เขาเองก็มีความต้องการอ่านงานที่หลากหลายด้วยเช่นกัน การมองปัญหาเรื่องคุณภาพงานเขียนนิยายบ้านเราต้องมององค์ประกอบหลายอย่าง

หนังสือของต่างประเทศเวลาเขาจัดพิมพ์กันประเภท Best Seller คือหลัก ล้านเล่ม ไม่ใช่ หมื่นเล่มอย่างตลาดหนังสือเมืองไทย

ขนาดหนังสือที่ได้รางวัลซีไรต์ ที่มีปัจจัยเรื่องราคาที่ถูกมาเป็นตัวช่วย ขายได้(โคตรอีจะ..) ถล่มทลาย ยังจำหน่ายได้แค่ หลักแสน ยังไม่เคยถึงล้านเล่ม เพราะอะไรนะหรือคะ เพราะจำนวนคนอ่านภาษาไทย ไม่ได้มากเหมือนภาษาอังกฤษนี่คะ ดังนั้น ค่าตอบแทนของนักเขียนชาวไทย ทุกวันนี้มันจึงอยู่ในปริมาณที่ 'พอเพียง' ไม่ใช่ 'ล่ำซำ'

อยากรวย ไปเล่นหุ้น..ดีกว่าค่ะ (ต๊าย.....อิฉันพูดอะไรออกไป)


นอกจากนั้น หากนักเขียนต่างประเทศ จะมีการทุ่มเทในการเขียนงานแต่ละชิ้น ทั้งค้นคว้าข้อมูลชนิดเอาเป็นเอาตาย หรือชนิด ตายไม่ว่าขอให้ข้าได้ข้อมูลมาเขียนนิยายแบบ นิยายฝรั่งอย่างนั้น หรือ ยังไงก็ยอมเขียนแม้จะถูกฟ้องร้องไล่หลัง แบบ นักเขียนต่างประเทศเขาทำกัน เขาก็ย่อมกล้าเสี่ยงที่จะกระทำ เพราะผลตอบแทนของเขาสูงกว่านักเขียนเมืองไทยไม่ทราบว่ามากมายเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

ตัวเองก็ไม่เชื่อว่า คนอ่านบ้านเรา ต้องการอ่านงานที่มีแต่เรื่องรักหวานๆอย่างเดียว คนอ่านนิยายบ้านเรามีความรู้มากขึ้นทุกวัน เขาย่อมต้องเสพงานที่รองรับกับความรู้ของเขา เขาอ่านงานต่งประเทศมามาก เขาก็ย่อมมองหางานของไทยที่ใกล้เคียงกัน ถึงแม้ตัวเองไม่ได้ว่าทำได้ดีขนาดนั้นก็จริง แต่ก็ถือว่าทุกวันนี้ที่ทำงานเขียน....ก็ทำเพราะต้องการจะให้มันเป็นงานที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับของต่างชาติให้ได้ค่ะ แต่จะเขียนแบบลอกๆ หนังสือไกด์ท่องเที่ยวมาใส่อย่างเดียวก็คงไม่ไหว ต้องมีเปรียบเทียบวิเคราะห์และค้นคว้าเชิงลึก เบื้องหลังอย่างละเอียด เพราะคนอ่านของเราส่วนหนึ่ง ก็คือคนที่อยู่กับข้อมูลพวกนั้น และหลายๆท่านก็อาจจะรู้จริงรู้ลึกกว่าเรา เราทำออกไปก็ต้องพร้อมที่จะยอมรับการถกเถียงทางวิชาการ หากมีการโต้แย้งกันเกิดขึ้นภายหลัง

บางคนก็บอกว่า เขียนเรื่องเบาๆง่ายๆบ้างก็ได้ (จะได้ขายทำละครบ้าง 5555) ก็ตอบไม่ถูกค่ะ....

สงสัยกลัว รวย!!



เหมือนเขียนบล๊อค ระทมยังไง ไม่รู้สิ.......เฮ้อ

นึกๆแล้ววันนี้ขอเปลี่ยนชื่อเป็น The Blue Oyster สักวันเถอะค่ะ



Create Date : 14 เมษายน 2550
Last Update : 15 เมษายน 2550 7:42:42 น.
Counter : 798 Pageviews.

13 comments
  
แวะมาขอสาดน้ำวันสงกรานต์

ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ
โดย: เพียงแค่เหงา วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:18:24:07 น.
  
กำลังคิดอย่างพี่โตมิฯ อยู่พอดีค่ะ พอเขียนงานไปมากๆ คำเริ่มซ้ำแล้วล่ะ

กะว่าพอเขียนเรื่องที่ค้างๆ เสร็จ จะพักยาว ทำการบ้านเพิ่มเติมเช่นกันค่ะ ^^
โดย: Clear Ice วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:18:28:45 น.
  
มาเป็นขวัญและกำลังใจเช่นเคยค่ะ...
โดย: ...กิ๊ก... IP: 125.25.61.112 วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:18:34:51 น.
  
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ
โดย: สายลมอิสระ วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:19:24:42 น.
  
อ่านมาจนจบ จึงเอวังว่า "The Blue Oyster คืออะไร" ด้วยประการฉะนี้

พักผ่อนมากๆ ค่ะคุณพี่โตมิฯ ---- สู้ๆ
(กำลังจะไปนอนสลบสักสามวันไม่อยากตื่นค่ะ เพิ่งส่งงานล็อตสุดท้ายไป ทาสเป็นไทเสียทีปีนี้)
โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:19:50:22 น.
  
เป็นกำลังใจให้พี่โตมิด้วยอีกคน
โดย: NickyNick IP: 61.90.160.163 วันที่: 15 เมษายน 2550 เวลา:9:23:42 น.
  
แวะเข้ามา สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ,

แถมยังเป็นกำลังใจให้อยู่เสมอนะคะ แต่ให้สงสัย??? กลัวรวยจริงๆเหรอคะพี่สาว อิ อิ
โดย: เชอรี่ IP: 58.9.158.249 วันที่: 15 เมษายน 2550 เวลา:14:58:41 น.
  
สวัสดีศรีสงกรานต์ค่ะพี่ ขอบคุณที่แวะไปทักทายที่บล็อคนะคะ

เรื่องงานเขียนแนวรักๆ แบบไม่มีอะไรมากมายสไตล์นิยายไทยที่พี่พูดถึงมา อังว่างานของอังก็เข้าข่ายอยู่หน่อยๆ แฮ่ๆ ^^" คงเป็นเพราะเรื่องที่อังเขียนไม่ต้องการข้อมูลอะไรมาก หรือถ้าอยากเขียนเรื่องที่ต้องค้นข้อมูลอังก็จะพยายามเลี่ยงเอา นิสัยไม่ดีเลยเนอะ

แบบว่าอังอยากเขียนเรื่องให้อ่านเพลินๆ มากกว่า สิ่งที่สอดแทรกไว้ อยากจะให้เป็นแง่คิดมากกว่าข้อมูล งานเขียนเลยออกมาในลักษณะนี้

ขณะเดียวกัน ในฐานะคนอ่าน บางทีอังก็ต้องการเรื่องที่มีสาระบ้าง เรื่องคลายเครียดบ้าง แล้วแต่อารมณ์ เพราะฉะนั้น อังจึงอ่านหลากหลาย ไม่ได้อ่านเฉพาะนิยายไทย หรือนิยายนอก แต่จะอ่านปนๆ กันไป อย่างนี้ไงคะ นักเขียนถึงได้มีหลายแนว หลายไสตล์ เพื่อคนอ่านจะได้เลือกอ่านตามรสนิยม

แต่ถ้าใครมาว่างานของพี่ว่าเข้าข่ายนี้นะ อังเถียงใจขาดดิ้นเลย ของพี่ขอจะปึ้กทั้งข้อมูล สาระและบันเทิงซะขนาดน้าน อย่าให้ความคิดเห็นส่วนเล็กๆ นี้กระทบต่อกำลังใจในการทำงานนะคะ

ถ้าอยากรวยก็ไปเล่นหุ้นแล้วล่ะ อิอิ
โดย: พิมลพัทธ์ วันที่: 16 เมษายน 2550 เวลา:14:45:15 น.
  
คุณเพียงแค่เหงา ขอบคุณที่มาทักทายเช่นกันค่ะ มีความสุขมากๆนะคะ

คุณ Clear Ice เหะ เหะ พี่เองก็ทำแบบตามประสาอยากจะทำค่ะ คุณไอซ์ อะไรถูกผิดก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ก็ผลุบๆโผล่ๆ แบบนี้ละค่ะ

คุณ ...กิ๊ก... รู้สึกภาวะนี้ต้องการกำลังใจเยอะมากเป็นพิเศษเช่นกันค่ะ... รู้สึกช่วงนี้ บรรยากาศรบตัวแปลกๆพิกล หุหะ หุหะ

คุณ สายลมอิสระ ขอให้มีความสุขปีใหม่ไทยเช่นกันค่า ขอบคุณมากค่ะ

คุณแพนด้ามหาภัย ขอบคุณมากค่ะ ขอให้คุณ แพนด้ามหาภัย พักผ่อนเยอะๆ มีความสุขมากๆๆเช่นกันนะคะ

คุณNickyNick มารับกำลังใจจากพี่นิค เช่นกันค่า ขอบคุณมากค่ะ

คุณเชอรี่ แหมคุณน้องขา ถามแบบนี้....พี่ก็คงตอบได้แต่ว่า ก็ระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะรวยไปกว่านี้ละค่ะ....5555

คุณ พิมลพัทธ์ น้องอังขา...ข้อเขียนของน้องอัง พี่ปลื้มมาก ปลื้มจนต้องขอขอบพระคุณมากๆๆเลยค่ะอัง

อ่านความเห็นน้องอัง แล้ว พี่อยากแลกเปลี่ยนอะไรยาวๆ สักนิดจะได้ไหม หุ หุ จริงๆแล้วช่วงนี้พี่ต้องบอกว่าเจออะไรเข้าไปเยอะ.... เจอมาหนัก บางทีก็ยิ้มรับได้ บางทีก็ยืนกำหมัดกัดลิ้นรับก็มีหลายหน แต่ที่แน่ๆ คือ การออกมาเผชิญหน้าคนอ่าน หรือการพูดคุยในเวบสาธารณะนี้ พี่ให้คิดทุกครั้งว่าเหมือนกับเรากำลังยืนแก้ผ้าอยู่ต่อหน้าผู้คน เขาอาจจะติติงไฝฝ้า แก้มก้นห้อยย้อยตรงไหนของเรา ก็สามารถพูดได้ทุกอนูขุมขน
ถามว่า....แค่ไหน ที่รับได้ แค่ไหนที่รับไม่ได้ บางทีคนพูดวิพากษ์วิจารณ์ เขามองจากมุมมองของเขา มองดูเราที่มีงานเขียน ไม่ได้มองจากมุมมองของเราที่เป็นคนทำงานว่าอยู่ในบริบทไหนในแวดวงนี้ทั้งหมด แต่เราก็ถูกเขาตัดสินอยู่ดี การวิจารณ์เป็นสิ่งทีเราอยากฟังเพราะรู้ว่ามีคนอ่านงานของเรา..แต่....แต่.....แต่คำวิจารณ์บางครั้ง รุนแรงจริงๆ ค่ะ รุนแรงจนเจอหลายๆครั้ง จนเราเผลอลืมตัว ..... คิดว่าตัวเองกลายพันธ์เป็นตัวอะไรไปเสียแล้ว....ก็มีค่ะ

บางคนมายืนวิจารณ์งานพี่เป็นฉากๆ ว่าเรื่องนี้มันเหมือนเรื่องนั้น ไม่น่ารักเท่าเรื่องนู้น...บลา บลา บลา.....คุยไปคุยมา ปรากฏว่าอ่านแค่คำโปรยกับเปิดผ่านๆเฉพาะฉากที่เขาอยากจะอ่าน...แล้วมาสรุปใส่หน้าเรา พี่ก็โอเคนะ...รับฟัง เพราะเขามีวิสัยในการอ่านแบบนั้น จะไปเปลี่ยนนิสัยให้มันทำไม

คนอ่านบางคนก็มีความรู้เยอะ.....อยากแสดงออก มาแสดงความเป็นนักวิชาการทางภาษาของเขาถึงขนาดมาขีดเส้นแก้ไขรูปสำนวนที่เป็นเหมือนเอกลักษณ์เฉพาะของพี่ พี่รู้ก็ได้แต่อึ้ง (มันเป็นสำนวนเฉพาะของตรู แก้ทำม้ายยยย) พี่ก็ไม่คิดว่าตัวเองเป็นกูรู จะรู้ไปทั้งหมด แต่บางจุด เห็นเขาแก้แล้วของก็ขึ้นนะ ว่าเฮ้ย...นี่มันงานตรู....สำนวนตรู ภาษาไทยไม่ได้วิบัติเพราะ วรรณวรรธน์ มันจะเขียนคำๆนั้นใส่ลงไปในประโยคนั้นหรอก (อารมณ์แบบนี้พี่ก็มี แต่พยายามไม่เรียกให้มันออกมาบ่อย)

บางคนมาตำหนิแรงๆ แบบเหมาโหล ก็โอเค....รู้เจตนาว่าเขาทำเพื่อดิสเครดิตเรา (ยังตกใจเลยที่รับรู้ทีแรก....อุตส่าห์เขียนงานไม่ให้มีนางอิจฉาแล้วนะ........ ชีวิตจริงกลับเจอแฮะไม่น่าเชื่อ 5555)

บางคนสวดเหมาทั้งระบบของการทำงานจนถึงด้านตลาดสาวยส่ง ฯลฯ พี่ก็ได้แต่รับ มันต้องรับผิดชอบ รับในฐานะที่เป็นคนทำงาน ตอบโต้ไม่ได้ นอกจากเราจะมีเหตุผลและเชื่อว่าเขายอมที่จะฟังเราบ้าง (คนบางคนต่อให้พูดเท่าไหร่ เขาก็ไม่ฟัง....เพราะเขาแค่อยากด่าๆๆๆ เท่านั้น.......คนแบบนี้มีจริงๆนะ จะบอกให้ )

พี่ไม่เห็นความจำเป็นที่เราต้องออกมาปกป้องผลงานของตัวเอง เพราะบางคนที่มาติเรา... เพราะเขาต้องการจะติ...ติเท่านั้น เขาไม่ได้อยากฟังคำแก้ตัวจากเรา ดังนั้น การแก้ตัวหรือโต้ตอบทาง เวบบอร์ดสาธารณะ หรือ ที่ใดที่หนึ่ง พี่ยังเห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่จะไปเสียเวลาทำ นอกจากจะแก้ตัวต่อศาล หรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะนั่นคือการขอคำตัดสินทางกระบวนการยุติธรรม

ตอนแรกพี่ไม่รู้หรอกว่า การเผชิญหน้ากับคนอ่านมากๆนั้นเป็นอย่างไร แต่หลายๆครั้งเข้า พี่ก็คนธรรมดาเหมือนกันค่ะ ไม่ใช่ตึก หรือกำแพง อารมณ์ที่ถูกกระทบเข้าแรงๆซ้ำๆ จิตตกได้เหมือนกัน 55555

มาในวันนี้ หันไปมองดูคุณหญิงป้าอี๊ด คุณหญิง วินิตา คุณพี่หนูนาอาริตา พี่กิ่งฉัตร และ ใครต่อใคร ที่เป็นนักเขียนเดินมาบนทางเส้นนี้อย่างยาวนานนับสิบๆปี อยากถามทุกๆท่านมากๆเลยว่า ตลอดเวลาอันยาวนานที่ท่านทั้งหลายได้ทำงานแต่ละชิ้นออกมา ได้มายืนคุย แลกเปลี่ยนกับคนอ่านได้มากมายและหลากหลาย ขนาดนี้ พวกท่านทนได้อย่างไรกัน.....55555

ทุกวันนี้ได้แต่ปลอบตัวเอง ว่า การทำงานเขียนแม้จะต้องอาศัยความอดทนและลูกบ้าลูกอึดแล้ว การใช้ชีวิตบนเส้นทางของคนเขียนหนังสือเมืองไทยยังต้องใช้ความอดทน และอดกลั้นมากกว่า เวลาทำงานหลายร้อยเท่าจริงๆ ค่ะ

ระยะหลังพี่เก็บตัวเก็บงานเขียนมากขึ้น ไม่ใช่อะไรหรอก เหนื่อย เหนื่อยกับการที่กลัวคนมาลอกงานในเนตแล้ว ยังเหนื่อยกับผู้คนมากมาย ไม่รู้ว่ามีเจตนาดีร้ายกันแค่ไหน ดูยากขึ้นทุกวัน รับมือหลายๆแบบมันเครียดนะ ปัสสาวะเหลืองหลายตลบ สู้ไม่รับมือเลยดีกว่า อยากทำอะไรเอาเลย อยากพุดวิจารณ์อะไร ก็ตามสบาย เพราะถือว่าหน้าที่ของพี่หมดลงแล้วเมื่อหนังสือไปถึงมือคนอ่าน ตอนนี้ก็หาที่อยู่เป็นที่เป็นทาง พอไม่มีใครพูดถึงงานตัวเอง แบบนี้.....กลับรู้สึกสบายใจ....... 55555

ปล. ถึงคนอื่นๆ ........ ข้อความในบล๊อคนี้ เป็นความลับนะคะ ไม่ได้ต้องการเผยแพร่ ไม่อย่างนั้นคงนำไปลงหน้าเวบตัวเองแล้ว แต่ถ้าคุณอ่านแล้วจะโต้เถียงหรือจะตำหนิอะไร ขอความกรุณาว่าพอเถอะค่ะ ปิดบล๊อคนี้ทิ้งแล้วลืมไปเลยเถิด ช่วงนี้ จขบ. ไม่อยู่ในภาวะที่จะทำตัวดีๆน่ารักได้ .....ใส่หน้ากากไม่เป็น และไม่อยากโต้เถียงกับใครด้วยค่ะ
โดย: โตมิโต กูโชว์ดะ วันที่: 16 เมษายน 2550 เวลา:20:13:15 น.
  
มากราบสวัสดีปีใหม่คุณพี่ค่ะ (ช้าไปหน่อย อภัยให้คนอยู่บ้านนอกคอกนานะคะ)

ขอให้คุณพี่สุขสำราญ โรคภัยหนีหาย สุขภาพแข็งแรง และมีความสุขทั้งครอบครัวค่ะ

และขอบคุณมากค่ะที่ไปอวยพรฬีที่บล็อก
โดย: ฬีค่ะ IP: 125.24.162.11 วันที่: 18 เมษายน 2550 เวลา:11:28:43 น.
  
สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่วรรณ
ขอเป็นกำลังใจให้พีวรรณค่ะ ยังไงคำพูดนี้(เป็นทั้งพุทธพจน์ และพระราชดำรัส) ที่ว่า ในสังคมเรามีทั้งคนดีและคนไม่ดี ........(ขอคั๊ทประโยคแค่นี้แล้วกันค่ะ) เรื่องแบบนี้เป็นความจริงมาทุกยุคทุกสมัย ก็อย่างที่พี่วรรณบอกพี่ยืนอยู่ในมุมสว่าง(ย้ำว่าสว่างมั๊กๆ) และแน่นอนมันก็ย่อมทำให้บางคนรู้สึกที่เป็นแบบว่าปมอะไรสักอย่างก็ได้ (บางทีเข้าอาจอยากสว่างบ้างก็ได้) ก็นะเปรียบพี่วรรณเป็นพระอาทิตย์(แต่มะอยากเป็นก็เป้นโลกแทนก็ได้) ยังต้องถูกอดาวหางชนเลย ประสาอะไรกับคนเรา คนโบราณเค้าเลยพูดกันว่าอะไรน้า...ประมาณาว่า ทำดีได้แต่อย่าเด่น เด่นจะเป็นภัย อะไรประมาณนี้ (ฉะนั้น พี่วรรณเลยต้องรับมลพิษทางเสียงไปโดยปริยาย) แต่ยังไงอย่าท้อนะค่ะ ยังมีกำลังใจอยู่แถวนี้อีกตั้งหลายคน(ถ้าพี่วรรณท้อแล้วหนูนวลจาหาอ่านงานดีๆได้ทีไหน อย่าบอกแบบนางเอกตอนงอนนะค่ะ ว่าคนอื่นยังมี ก็หนูชอบสำนวนแบบพี่วรรณนี่ค่ะ มีเอกลักษณ์ดีออกค่ะ สำนวนใครสำนวนมัน (ถ้าเขียนแบบสำนวนแบบแผนก็หาอ่านจากงานวิชาการถ้าจะเวิร์คกว่า)
สรุป หนูนวลยืนข้างพี่วรรณ คอยเป็นกำลังใจให้ซาเหมอค่า ขอร้องเพลง จาเป็นกำลังให้เธอหายเหนื่อย จาเป็นดังสายลมพัดมาห่วงใย(คิดซะว่าหนูร้องเพราะเหมือนเจมส์ละกัน) พี่วรรณสู้ๆๆ
ป.ล. อย่าท้อมากจนจิตตกนะค่ะ รักษาสุขภาพด้วย (อย่าให้คำพูดคนอื่นมาทำร้ายตัวเรา ) ขอให้มีความสุขกับลู่วิ่งออกกำลังนะค่ะ

แหะๆๆ เขียนบ่นซะยืดยาว ทำใจหน่อยนะค่ะพี่วรรณหนูเขียนมะเก่งง่ะ อย่ารำคาญหนูก่อนนะค่ะ
โดย: ป้านวล IP: 203.155.115.230 วันที่: 22 เมษายน 2550 เวลา:5:23:26 น.
  
พี่วรรธน์อย่าไปสนใจเลยค่ะกะคำพูดของคนไม่กี่คน เพราะนั่นอาจะเป็นค่านิยมของเค้าที่รู้สึกว่าอ่านงานเขียนที่ไม่ใช่งาน
ของคนไทย และไม่ใช่งานที่เป็นเรื่องรักโรแมนติกแล้วรู้สึกว่าตัวเองมีคลาส มีสาระขึ้นมาก็ได้ (ตัวจริงอาจจะเป็นคนไม่มีสาระเลยต้อง หาสาระมาใส่ตัวงัยคะ) ชีวิตจริงคนเราก็ครียดพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องหาเรื่องอะไรมาให้เครียดมากว่าเดิมอีกหรอกค่า แล้วงานทุกชิ้นจริงๆ แล้วมีสาระแฝงในตัวของมันเองขึ้นอยูกับว่าใครจะมองเห็น
แล้วหยิบยกมาใช้ประโยชน์ได้มากน้องเพียงไหน เก๋อ่านหนังสือทุกประเภท นิยายแปลของฝรั่งก็อ่านก็ไม่ได้ต่างจากของเรามากเท่าไหร่หรอกค่ะ
เพราะฉะนั้นอย่าท้อสู้ สู้นะคะ รักษาสุขภาพด้วย จะคอบเป็นกำลังใจให้ค่ะ
เห็นด้วยกะป้านวลค่ะที่ว่าอย่าคำพูดของคนอื่นมาทำร้ายตัวเรา
เราเป็นอย่างไรเราย่อมรู้จักตัวเองดี่ที่สุด งานของพี่วรรธน์เป็นนิยานรักโรแมนติกที่เต็มไปด้วยสาระ
ควรค่าแก่การเก็บสะสมค่ะ ^ - ^ สู้ต่อไปไอ้มดแดง อิอิ


โดย: Kae IP: 58.64.45.31 วันที่: 22 เมษายน 2550 เวลา:16:35:24 น.
  


ขอบพระคุณ ทุกๆท่านมากๆๆค่ะ......

ตัวเองจะพยายามนะคะ กัดฟันแล้วค่ะ ตอนนี้พยายามทำตัวหนักแน่น ไม่รับรู้อะไรมากไปนัก.....หัวใจจะได้โล่งสบาย จะได้หันมาทำงานเต็มที่ค่ะ

สู้ ค่ะ สู้ตาย
โดย: โตมิโต กูโชว์ดะ วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:19:01:50 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

โตมิโต กูโชว์ดะ
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ร่างทรงของ "วรรณวรรธน์" โปรดอย่าถามว่าเป็นใครในอดีต รู้แต่ว่าตอนนี้ยังมีลมหายใจอยู่ เท่านั้นก็มากเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งได้รู้จักกันแล้ว
New Comments
เมษายน 2550

2
3
5
6
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
 
 
14 เมษายน 2550
All Blog