... มาแว้วๆ ***ยอดรักนักศิลป์ตอนที่ 26 ทางรอด *** OG 2 ตอน13-ตอนจบ** **คลิกอ่านทุกเรื่องได้ที่เมนูด้านซ้ายเลยจ้า.. ^_^
“ความทุกข์-หากเล่าสู่กันฟังจะลดลงครึ่งหนึ่ง ส่วนความสุข-ถ้าเราแบ่งปันมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า” ขอบคุณลูกบล็อกทุกท่านที่ร่วมสร้างบล็อกแห่งความสุขนี้ขึ้นมา อยากให้พื้นที่ในบล็อกแห่งนี้ได้เป็นที่แบ่งปันทุกข์และสุขร่วมกัน จะไม่มีรักรูปแบบใดที่เป็นไปไม่ได้ ณ ที่แห่งนี้....วอนวอน
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
31 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
ตอนที่ 6 ไม่นึกเสียใจเมื่อรักเธอ

“นี่คุณ จะไปทำงานอีกเหรอเนี่ยพักซักวันเถอะนะ” แดซุงเอ่ยอย่างห่วงใยเมื่อเห็นภรรยาแต่งตัวจะไปทำงานอย่างเคย
“ไม่เป็นไรหรอกคะคุณ บ่ายๆฉันก็กลับแล้ววันนี้มีประชุมบอร์ดผู้บริหารด้วยนะคะถ้าฉันไม่ไปก็กะไรอยู่” คังซุกพยายามพูดให้แดซุงวางใจเเละเห็นดีด้วยเพราะการประชุมนี้ค่อนข้างสำคัญ การแต่งงานของเขาและเธอผ่านมาหลายเดือนแล้วก็จริงแต่คังซุกก็ไปทำงานบ้างไม่ไปบ้าง เพราะเห็นว่าตัวเองได้แต่งงานกับแดซุงซึ่งมีบริษัทใหญ่โตและมั่นคง

แต่เหตุผลที่ช่วงนี้เธอต้องเข้าบริษัททุกวันก็เพราะฮังกีฮุนลูกชายของท่านประธานฮังแห่งบริษัทที่เธอเป็นหุ้นส่วนอยู่ได้เกริ่นกับเธอเรื่องการที่เขาอยากจะเปิดบริษัทใหม่นั่นเอง แต่การที่ฮังกีฮุนสนใจนั่นไม่ใช่แค่การจะเปิดบริษัทใหม่เท่านั้น แต่มันเกี่ยวข้องกับบริษัทของสามีเธอนี่ซิ ทำให้สาวใหญ่อย่างคังซุกถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม้เธอเองอยากจะได้บริษัทของแดซุงแค่ไหนแต่เพราะเธอกับเขาเพิ่งจะแต่งงานกันความไว้วางใจและการที่เธอเองขาดความสามารถในการบริหารงานก็เป็นเหตุผลสำคัญที่คังซุกยังคงรีรออยู่ แต่เมื่อฮังกีฮุนเด็กหนุ่มอนาคตไกลอย่างเขาเอ่ยขอความช่วยเหลือจากเธอในการช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับฮังจูกาในบริษัทของสามีก็เหมือนเขาคิดแผนตัดหน้าเธอไปอย่างเห็นได้ชัด สิ่งเดียวที่เธอจะได้จากการที่ยอมเป็นนกสองหัวให้กับฮังจูกาคือเธอสามารถผัดผ่อนหนี้สินที่พ่อของลูกสาวสองคนเป็นคนทิ้งไว้ให้ก่อนที่เขาจะยิงตัวตายนั่นเอง คังซุกซึ่งนั่งแต่งหน้าอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาอย่างน้อยเธอเองก็ยังมีหมากตัวสุด
ท้ายที่เธอจะยังพอมีไว้ต่อรองกับฮังกีฮุน ความคิดนี้ดีจนเธออดที่จะยิ้มออกมาให้กับคนในกระจกไม่ได้

“เอ่อ..,งั้นให้คนขับรถขับไปส่งคุณดีกว่านะ” แดซุงผู้แสนอ่อนโยนพูดอย่างเอาใจภรรยา
“ไม่เป็นไรคะที่รัก..,แค่ขับรถแค่นี้เอง..อีกอย่างฉันต้องไปรับร่างบทสวดจากท่านคิมเพื่อใช้ทำพิธีในวันพฤหัสหน้าอีกนี่คะ..ฉันขับไปเองจะดีกว่า..อย่าเป็นห่วงเลยนะคะ” คังซุกเอ่ยขณะเดินมาตบหลังมือแดซุงเพื่อคลายความกังวลของเขา
“เอาอย่างนั้นก็ได้,..แต่คุณขับรถระวังๆหน่อยนะจ้ะ” แดซุงเอ่ยเตือนเมื่อเห็นภรรยากำลังจะออกจากห้อง
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ..ฉันจะรีบกลับ” แดซุงมองส่งภรรยาอย่างรักใคร่ พร้อมกับยิ้มให้กับคำพูดของเธอ

มุนคังซุกใช้เวลาขับรถไม่ถึงสี่สิบนาทีก็มานั่งประชุมร่วมกับผู้บริหารคนอื่นๆในเครือบริษัทฮังจูกา การประชุมไม่มีอะไรมากไปกว่าการสรุปผลกำไรประจำปีและการขยายตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศอย่างญี่ปุ่น หลังจากการประชุมท่านประธานฮังขอคุยกับมุนคังซุกเป็นการส่วนตัวเพราะเขาต้องการคำตอบเกี่ยวกับบริษัทสามีเธอ

“ขอเวลาให้ดิฉันอีกซักหน่อยเถอะค่ะท่าน” คังซุกอธิบายอย่างยากเย็นให้ฮังฮันซอกเมื่อมานั่งเผชิญหน้ากับเขาเพียงลำพังเช่นนี้
“คุณจะให้ผมยืดเวลาไปนานแค่ไหนกัน ยิ่งปล่อยไว้นานโรงกลั่นแดซุงก็ยิ่งแข็งแกร่งและมั่นคงขึ้นทุกวัน” ท่านประธานฮังพูดช้าชัด น้ำเสียงเรียบแข็ง และแววตาก็แข็งกร้าวไม่ต่างกัน
“ตอนนี้ลูกสาวคนโตของดิฉันเค้าไปฝึกงานในบริษัทของพ่อเลี้ยงเขา ซึ่งดิฉันเห็นว่าเราสามารถจะใช้เธอเป็นหมากตัวสำคัญให้กับทางเราได้นะคะ” คังซุกรีบอธิบาย “อีกอย่างดิฉันก็ทำงานที่นี่ การจะทำอะไรมันคงไม่ค่อยสะดวกนัก”

“คุณน้าพูดก็มีเหตุผลนะครับคุณพ่อ อีกอย่างโรงกลั่นแดซุงก็ใช่จะเพิ่งเปิดความมั่นคงของบริษัทนั้นแทบจะเทียบเท่ากับฮังจูกาเราได้เลยนะครับ ผมเห็นด้วยที่คุณน้าจะอยู่เฉยแล้วให้โบอึนลูกสาวคนโตของคุณน้าเป็นคนประสานงานและรวบรวมข้อมูลของทางโรงกลั่นแดซุงมาให้เรา…” ฮังกีฮุนที่ยืนอยู่ข้างๆท่านประธานฮังผู้เป็นพ่อช่วยชี้แจให้คังซุกอีกแรง
“ฉันอยากให้พวกเธอทั้งสองคนร่วมมือกันทำอย่างไรก็ได้ให้ได้โรงกลั่นแดซุงมา เรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วง” ท่านประธานฮังยังคงวางสีหน้าไม่ได้ดีไปกว่าตอนแรกสั่งเสียงเข้ม

หลังจากออกจากห้องทำงานของฮังฮันซอก มุนคังซุกได้แวะเข้าไปคุยเรื่องงานต่อกับฮังกีฮุนอีกครั้งก่อนที่เธอจะกลับ

“ขอบคุณเธอจริงๆเลยนะกีฮุน ที่ช่วยน้า”
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยนะครับ..,โรงกลั่นแดซุงน่ะเปิดมานานไม่ใช่ใครจะแย่งมาได้ง่ายๆถ้าเราวางแผนไม่ดีและไม่รอบคอบพอ เราเองนั่นแหละที่จะลำบาก” กีฮุนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“เธอพูดอย่างนี้เหมือนมีแผนการเตรียมเอาไว้แล้วอย่างนั้นแหละ”
“ในเมื่อคุณน้าบอกว่าโบอึนเข้าไปฝึกงานที่โรงกลั่นแดซุงผมเห็นว่าเหมาะอย่างมากเลยเพราะเราจะใช้โบอึนนี่เเหละครับเป็นตัวแทนของฮังจูกาในโรงกลั่นแดซุง โดยที่โบอึนเองก็จะไม่รู้ตัวเลยว่าเราใช้เธออยู่ ส่วนเรื่องเวลาและเงินทุนผมจะขอคุณพ่อเข้ามาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวผมเอง.คุณน้าวางใจเถอะนะครับ”
“ถ้าเธอพูดอย่างนี้น้าเองก็ค่อยโล่งใจหน่อย” คังซุกแสร้งยิ้มให้กีฮุน
ด้วยวัยที่ล่วงมาสี่สิบแล้วประสบการณ์ชีวิตได้สอนให้เธอเรียนรู้ที่จะโอนอ่อนผ่อนตามเพื่อให้ตัวเองได้อยู่รอดแม้ว่ามันจะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดของใครก็ตามแต่ การที่กีฮุนดีกับเธอก็เพราะเขาอยากได้โรงกลั่นแดซุงและลูกสาวเธอจนตัวสั่นลองถ้าเธอเองไม่มีอะไรที่ชายหนุ่มคราวลูกนี้หวังจะได้ เขาก็คงจะใช้วิธีบางอย่างบีบให้เธอฆ่าตัวตายอย่างสามีเธอเพื่อหนีหนี้สินก็เป็นได้
คังซุกรู้ดีว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าฉลาดเป็นกรด ทักษะในการทำงานและฝีปากของเขาในทางธุรกิจนั้นเยี่ยมยอดขนาดไหน บริษัทฮังจูกาเจริญเติบโตมาได้ขนาดนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากความฉลาดของฮังกีฮุนด้วยจนเขาเองตอนนี้สามารถทำงานและตัดสินใจอะไรๆในบริษัทได้โดยท่านประธานฮังเห็นชอบด้วย โดยไม่ต้องรอความเห็นจากหุ้นส่วนคนอื่นๆ คังซุกจึงภาวนาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันให้โบอึนลูกสาวรีบเรียนให้จบแล้วแต่งงานไปกับกีฮุนเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเพื่อตัดปัญหาเรื่องเงินที่เธอเป็นหนี้สินให้หมดสิ้นไปเสียที

ด้วยความที่ต้องนั่งพูดคุยเรื่องงานกับสองพ่อลูกตระกูลฮังแล้วไหนจะจากการประชุม ความเหนื่อยล้าของคังซุกทำให้เธอลืมไปพบท่านคิมเพื่อรับบทสวดเพื่อใช้ทำพิธีในวันพฤหัสหน้าเสียสนิท สาวใหญ่อย่างคังซุกเลยใช้เวลาในช่วงบ่ายไปกับการทำสปาและพบปะเพื่อนฝูงเพื่อคลายความตึงเครียดของตัวเอง

“พี่รู้มั้ยวันนี้น่ะงานรับน้องสนุกมากๆเลยนะ ฉันรู้จักเพื่อนใหม่ๆเยอะแยะไปหมด” ฮโยซอนยังจ้อไม่หยุดเรื่องการรับน้องมาตั้งแต่กลับมาบ้านให้โบอึนฟัง
“ว่าแต่พี่รู้มั้ยว่านายจุงโจน่ะไม่ยอมไปมหาลัยวันนี้กับเค้าด้วยนะ”
“อืมงั้นเหรอ..,แต่เค้าก็ไม่ได้บังคับนี่ว่าต้องไปทุกคน” โบอึนที่นั่งเช็ดผมอยู่หน้ากระจกแกล้งพูดว่าไม่รู้เรื่องของชายหนุ่ม ทั้งๆที่เธอเเละยอนจูอุตสาห์ไปมหาลัยตั้งแต่เช้าเพื่อไปขอร้องฮุนชอนซุกเพื่อนที่เรียนนิติปี3ให้ช่วยดูแลจุงโจด้วยแต่เขาก็ไม่ไปมหาลัยวันนี้ซะงั้น..จะทำตัวเหมือนคนอื่นๆเป็นมั้ยนะ…จุงโจ โบอึนได้แต่นึกเคืองจุงโจอย่างไม่มีเหตุผล

ทางด้านคนที่ถูกสองสาวเอ่ยถึงก็นั่งอ่านหนังสืออย่างไม่เป็นสุขเพราะจองอูลูกน้องคนสนิทคอยแต่ถามนั้นถามนี่จนจุงโจอดรนทนไม่ไหวต้องเดินหนีออกมาเดินเล่นข้างนอกบ้าน ชายหนุ่มเดินคิดอะไรเพลินๆมารู้ตัวอีกทีขาสองข้างก็พาเขามาเจอกับระเบียงหลังบ้านที่ๆเขาเจอกับเจ้าของเสียงหวานอันอบอุ่นที่ใบหน้าของหญิงสาวมักมีรอยยิ้มส่งมาให้เขาอยู่เสมอๆ พลันความคิดก็พาให้เขานึกไปถึงคืนที่เขาสวมกอดหญิงสาวอย่างแนบแน่น ร่างนุ่มอุ่นๆในอ้อมกอด เสียงหวานที่เอ่ยเรียกชื่อเขามันยังก้องอยู่ในจิตใจ.ผู้หญิงอย่างเธอเป็นคนแบบไหนกันนะ..โบอึน.


“โอ..เทพเจ้าสีเขียวแห่งทิศตะวันออก.,
“โอ..เทพเจ้าสีแดงแห่งทิศใต้.,
“โอ..เทพเจ้าสีขาวแห่งทิศตะวันตก.,
“โอ..เทพเจ้าสีดำแห่งทิศเหนือ.,
“โอ..เทพเจ้าสีเหลืองแห่งส่วนกลาง.,
“วันที่8เมษายน..,ข้าพเจ้ามุนแดซุงผู้เป็นเจ้าของขอน้อมถวายเพื่อเริ่มต้นการหมักไวน์และจะทำก้อนข้าวหลายพันก้อน,เราใช้พลังงานแห่งแผ่นดินนี้เพื่อเปลี่ยนมันให้เป็นน้ำหมักชั้นดี เราขอคาราวะระหว่างที่น้อมถวายไวน์เหล่านี้มันจะพร้อมทันทีที่การหมักไวน์เกิดขึ้น.,ขอให้แมลงช่วยขจัดความดึงดูดที่มากเกินความจำเป็นระหว่างการผลิตไวน์.,ขอให้มันช่วยให้คนที่ได้ดื่มร่าเริง.,ขอให้มันช่วยสงบความโมโห,ปลุกคนที่ง่วงเหงาและช่วยกล่อมให้คนได้หลับสบาย.ทั้งหมดที่ข้าพเจ้าพูดไม่ได้เป็นความเท็จหรือแต่งขึ้นแต่อย่างใด.ข้าแต่พระเจ้าได้โปรดฟังคำขอของข้าและช่วยทำเราให้สำเร็จลุล่วงด้วยเทอ”

พิธีสวดเพื่อขอพรให้การหมักไวน์เป็นไปได้ด้วยดี ครอบครัวตระกูลมุน,พนักงานและคนรับใช้ในบ้านต่างมาร่วมพิธีสำคัญวันนี้กันพร้อมหน้า โดยมีท่านประธานมุนเป็นคนอ่านบทสวดขอพรอันสำคัญนี้ด้วยตัวเอง จุงโจยืนดูพ่อทำพิธีด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อย ชายหนุ่มยืนนิ่งมีเพียงสายตาที่ดูคนอื่นทำพิธีการอันสำคัญนี้อย่างสนใจ ในระหว่างพิธีนั้นชายหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกมองอยู่เขาจึงหันหน้าไปมองแล้วเขาก็พบกับดวงหน้าหวานซึ้งที่ส่งสายตามองเขาอยู่ สองสายตาสบประสานกันอยู่เนินนานจนคนที่ยืนอยู่กั้นกลางคนทั้งสองอย่างฮโยซอนวางหน้าไม่ถูก

แม้หญิงสาวจะไม่ชอบความหยิ่งของจุงโจในตอนแรกที่เจอกัน แต่ก็เป็นเพราะเขาที่ทำให้เธอสอบผ่านเข้ามหาลัยได้ การได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดระหว่างที่เขาช่วยติวหนังสือทำให้ ฮโยซอนเปลี่ยนความคิดในแง่ลบต่อชายหนุ่มกลายเป็นความชื่นชมแทน หญิงสาวถึงกับไปหาซื้อนาฬิกามาให้เขาเพื่อเป็นการตอบแทนที่เขามีน้ำใจช่วยเหลือเธอ แต่ฮโยซอนก็ถึงกับน้ำตาซึมเมื่อจุงโจเมินของที่เธอซื้อให้ แถมยังโดนจุงโจตำหนิที่เธอยังขอเงินพ่อแม่ใช้แต่เอากลับเงินไปซื้อของแพงเกินตัวและเขายังบอกให้หญิงสาวกลับไปขอบคุณพี่สาวตัวเองแทนที่จะเป็นเขา โดยที่ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะเเกะกล่องดูด้วยซ้ำว่าของที่เธอซื้อให้เป็นอะไร นั่นสร้างความน้อยใจให้เธอเป็นอย่างมาก และพอเล่าเรื่องที่ถูกชายหนุ่มตำหนิให้พี่สาวฟังแทนที่พี่สาวจะปลอบเธอกลับอมยิ้มกับคำบอกเล่าของเธอ

ฮโยซอนเองพอจะดูออกว่าพี่สาวของตนชอบพอและสนใจในตัวจุงโจมากแค่ไหนฮโยซอนดูออกจากการเอาใจใส่ที่ผู้หญิงเรียบร้อยอย่างพี่สาวตนไม่เคยทำให้ผู้ชายคนไหนมาก่อนแม้แต่ฮังกีฮุนคนที่คอยตามจีบอยู่ก็ตาม. นานวันความมั่นใจของฮโยซอนก็ยิ่งชัดเจนโดยเฉพาะวันนี้เวลานี้ที่ทั้งสองคนยืนสบตากัน.พวกเขาทั้งคู่สบตากันอย่างกับมีเพียงกันและกันอยู่บนโลก.รู้สึกเจ็บภายในใจลึกๆมันเป็นความรู้สึกที่หญิงสาวเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นแบบใด จุงโจผู้ชายที่แสนจะเย่อหยิ่ง,สายตาที่มองก็มีแต่ความเย็นชาเหยียดหยาม แต่ทำไมผู้ชายแบบนี้ถึงทำให้ฮโยซอนเกลียดผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้เขาได้ หญิงสาวคิดขณะเบนสายตาตัวเองไปมองพิธีที่อยู่ตรงหน้าแทน.หลังสิ้นสุดพิธีสวด พนักงานและคนรับใช้ไม่เว้นแม้แต่ท่านประธานมุนที่เป็นผู้อ่านบทสวดต่างก็พากันแยกย้ายกลับไปทำหน้าที่ของตนตามปกติ.

“ฮโยซอน ไปรอพี่ที่รถก่อนนะเดี่ยวพี่ตามไป” โบอึนรีบบอกน้องสาวก่อนที่ตัวเองจะออกวิ่งตามชายหนุ่มผู้เป็นนายน้อยของบ้านไป
“อ้าว..แล้วนี่พี่จะไปไหน?”
“พี่มีธุระจะคุยกับจุงโจเค้าหน่อยนะ.,แป๊ปเดียวเอง,เธอไปรอพี่ที่รถก่อนนะ โบอึนตะโกนบอกน้องสาว
“เหรอคะ..งั้นฉันไปรอพี่ที่รถแล้วกัน..เร็วๆนะพี่เดี่ยวเราไปเรียนสาย” ฮโยซอนพูดจบก็เดินออกไปรอที่รถทันที
“อืมๆ..” โบอึนรับคำน้องสาวเสร็จก็รีบวิ่งตามร่างสูงๆของชายหนุ่มไปทันทีเช่นกัน

ด้วยความที่รีบวิ่งมาหาชายหนุ่มทำให้โบอึนถึงกับต้องยืนหอบพร้อมกับหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนที่จะส่งเสียงเรียกชายหนุ่มไว้ก่อนที่เขาจะเดินไปไกลกว่านี้
“จุงโจ..จุงโจ..รอด้วยซิ” เสียงของหญิงสาวทำให้จุงโจหยุดแล้วหันมามองอย่างแปลกใจ.,ไม่เข้าใจว่าหญิงสาวเรียกเขาไว้ทำไม เมื่อหันมองชายหนุ่มก็เจอกับดวงหน้าหวานคุ้นตาที่ใบหน้าของหญิงสาวตอนนี้กลายเป็นสีชมพูจัดเพราะความเหนื่อย
“เดินตามฉันมาทำไม..,มีธุระอะไรกับฉันเหรอ?” ชายหนุ่มถามขึ้นเสียงเรียบ
“เธอจะไปมหาลัยมั้ยวันนี้?” โบอึนถามขึ้นรู้สึกหงุดหงิดกับความเฉยของเขาเสียจริงๆ
“ก็ไปซิ..,ฉันกำลังจะเดินไปเอากระเป๋าที่ห้อง เธอมีอะไรก็ว่ามา”
“งั้นเธอรอฉันที่ห้องเธอก่อนได้มั้ย.,ฉันมีอะไรจะให้น่ะ” โบอึนบอกเขาไว้ก่อนที่จะรีบวิ่งกลับไปเอาของที่เตรียมไว้มาให้เขา จุงโจรอหญิงสาวตามที่เธอขอไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น จุงโจเดินไปเปิดประตูก็พบใบหน้าหวานส่งยิ้มมาให้
“เธอมีอะไรก็ว่ามา” หญิงสาวหุบยิ้มทันทีเมื่อเขาพูดอย่างไม่มีเยื่อใย
“คนอะไรหยิ่งชะมัด” โบอึนเห็นจุงโจแต่งตัวเรียบร้อยเป็นพิเศษด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีดำสวมทับเสื้อยืดสีขาวชายเสื้อถูกปล่อยไว้นอกกางเกงสแลคสีดำแทนกางเกงยีนขาเดฟขาดๆ ที่เขาชอบใส่ผมยาวสลวยของเขาถูกรวบไว้อย่างเรียบร้อย., ตุ้มหูก็ถอดเก็บออกเกือบหมดเหลือเพียงตุ้มสีดำอันจิ๋วที่ใบหูด้านซ้ายอันเดียว รอยยิ้มที่หายไปเมื่อครู่ระบายอยู่บนใบหน้าหวานอีกครั้งเพราะการแต่งตัวของชายหนุ่ม คนถูกมองจึงเลิกคิ้วเข้มขึ้นเป็นเชิงเตือนให้หญิงสาวตรงหน้ารีบพูดธุระออกมาได้แล้ว

“เธอสอบติดทั้งทีฉันมีของจะให้” โบอึนยิ้มให้เขาพร้อมยื่นซองหนังสีน้ำตาลส่งมาให้เขา
“เธออย่าเพิ่งปฏิเสธมันเลยนะของเนี่ยฉันไม่ได้ซื้อมาเองหรอก” โบอึนกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดจึงรีบพูดออกตัวไว้ก่อน.
“นี่มันอะไรเหรอ?” จุงโจถามอย่างแปลกใจที่หญิงสาวมอบของขวัญให้เขา
“เธอเปิดออกดูซิ” ชายหนุ่มจึงค่อยๆเปิดซองหนังที่มีสายหนังสีเดียวกันรัดไว้ พอแกะออกเขาก็พบว่าในซองหนังนั้นเป็นปากกาด้ามสีบลอนด์ทองทั้งด้ามสวยงามถึงจะดูเก่าแต่ก็ยังดูดีและสวยเก๋ไปอีกแบบ
“ปากกาด้ามเนี่ยเป็นของพ่อฉันเอง ฉันให้เธอไปตัวเองก็รู้สึกเสียดายเหมือนกันนะ อายุของมันอาจจะมากกว่าเราทั้งคู่อีก..เธอเก็บมันไว้ดีๆนะ เธอเรียนกฏหมายอาจจะต้องได้เขียนโน่นเขียนนี่เยอะแยะ ปากกาด้ามนี้คงเหมาะกับเธอมากกว่า” โบอึนพูดถึงปากกาด้ามงามด้วยเสียงสั่นเครือ เพราะปากกาด้ามนี้ทำให้หญิงสาวคิดถึงพ่อแท้ๆของตัวเอง
“ขอบใจนะ” จุงโจขอบคุณหญิงสาวสั้นๆเขาค่อยๆเก็บปากกาไว้ในซองหนังตามเดิมแล้วนำมันไปเก็บในลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือ
“ฉันจะใช้มันอย่างคุ้มค่า สมกับที่มันเป็นของๆพ่อเธอ ขอบใจนะ” จุงโจมองสบตาหญิงสาวใบหน้าเขาดูอ่อนโยนกว่าทุกครั้งที่โบอึนเคยเจอจนหญิงสาวอดจะรู้สึกขัดเขินไม่ได้ เมื่อถูกเจ้าของดวงตากลมโตมองมาอย่างอ่อนโยนแบบนี้
“เราไปมหาลัยกันเถอะ” โบอึนพูดขึ้นเมื่อรู้สึกว่าหน้าของตัวเองเริ่มร้อน อีกอย่างน้องสาวของเธอก็รอนานแล้ว
“เดี่ยวซิ..ฉันยังไม่ได้ให้อะไรเธอเหมือนกัน..แต่ฉันไม่เคยซื้อของให้ผู้หญิงมาก่อน เธออยากได้อะไรหล่ะ?” จุงโจพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฉันไม่อยากได้อะไรหรอก..มีอย่างเดียวที่อยากได้คือ..แค่เราไม่ทะเลาะกันก็ดีถมเถไปแล้ว เธอทำให้ฉันได้รึเปล่าหล่ะ” โบอึนไม่ได้อยากจะได้คำตอบจากชายหนุ่มเพียงแต่เธอนึกสนุกที่จะได้พูดแกล้งเขาบ้างก็เท่านั้น
“ไปกันเถอะ..เดี่ยวก็สายหรอก” โบอึนรีบชวนเขาออกจากห้อง
“งั้นเราไปมหาลัยพร้อมกัน” จุงโจพูดจบก็เดินจูงมือหญิงสาวออกจากห้องไปหน้าตาเฉย

“อ้าว..แล้วก็ปล่อยให้เรารอ” ฮโยซอนบ่นออกมาเมื่อเห็นพี่สาวนั่งซ้อนท้ายจุงโจที่ขับรถมอเตอร์ไซด์ผ่านหน้าไป

จุงโจขับรถมอเตอร์ไซด์พาหญิงสาวไปมหาลัยอีกครั้งแต่คราวนี้เขาขับรถช้าลง เพราะเขายังจำได้ว่าครั้งก่อนหญิงสาวกลัวแค่ไหนเมื่อเขาขับรถเร็ว แต่ถึงอย่างไรความที่โบอึนไม่ชินกับการนั่งมอเตอร์ไซด์อาการตัวสั่นก็ยังมีอยู่จนคนที่ขับอยู่รู้สึกได้จึงลดมือลงมาจับมือหญิงสาวที่สวมกอดเขาไว้อย่างปลอบประโลม
“นี่ฉันจะได้เจอลูกชายพ่อเลี้ยงเธอวันนี้เหรอ?” ยอนจูถามย้ำกับเพื่อนรักขึ้นอีกครั้งขณะที่สองสาวมารอชายหนุ่มที่โรงอาหาร
“ก็ใช่น่ะซิ..ถามเหมือนไม่เชื่อกันเลย..แล้วเธอทำไมถึงดูตื่นเต้นนักหนาเนี่ย” โบอึนอมยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของยอนจูโบอึนเอ่ยชวนจุงโจให้มาทานข้าวพร้อมกันเพื่อเธอจะได้แนะนำยอนจูให้เขาได้รู้จัก หญิงสาวรู้ดีว่าเขาไม่ชอบสุงสิงกับใคร แต่จุงโจคงอยากจะตามใจเธอสักวันเมื่อเขานึกถึงของที่เธอให้จึงรับปากตามคำชวน
“ก็ต้องตื่นเต้นซิ..เธอไม่รู้อะไรน้องชายเธอน่ะสอบได้คะแนนสูงสุดของนักเรียนที่สอบเข้ามหาลัยเราปีนี้เลยนะ”
ยอนจูเล่าขณะที่นั่งลงข้างเพื่อนรักเพื่อรอชายหนุ่มคนที่กล่าวถึง

“นี่นายเป็นเด็กปีหนึ่งใช่มั้ย?ชื่ออะไรน่ะเรา” รุ่นพี่คนหนึ่งในคณะใช้ไม้เบสบอลชี้มาที่เขา จุงโจไม่ได้สนใจเขาเพียงเดินผ่านไปอย่างไม่ยินดียินร้าย
“เฮ้ย…เรียกแล้วทำเป็นไม่สนใจอีกเว้ย” รุ่นพี่อีกคนวางมาดเสริมให้เพื่อนๆในกลุ่มเห็นชอบด้วย จนคนที่เอ่ยเรียกชายหนุ่มคนแรกเดินเข้าไปจับบ่าเพื่อหยุดเขาไว้
“เฮ้ย..รุ่นพี่ถามแกไม่ได้ยินเหรอ..หูหนวกรึไงวะ”
จุงโจเพียงแต่หันมามองชายหนุ่มรุ่นพี่ด้วยหางตาแล้วค่อยปลดมือเขาออกจากบ่าอย่างรำคาญก่อนจะเดินต่อไป
“เฮ้ย…ไอ้นี่กูถามว่ามึงชื่ออะไร” ชายหนุ่มรุ่นพี่ถามอย่างเหลืออดเอามือขยุ้มคอเสื้อจุงโจอย่างหาเรื่อง
“ชื่อพ่อมึงชื่ออะไร กูก็ชื่อนั่นแหละ ปล่อยเสื้อกูได้แล้ว” จุงโจตอกกลับหน้าตาเฉย.
“อ้าว..ไอ้เหี้ยนี่กวนตีนแล้วมึง” รุ่นพี่เตรียมง้างหมัดจะต่อยจุงโจแต่ก็ต้องชะงักไว้ด้วยเสียงของอาจารย์ท่านหนึ่งที่เดินผ่านมาเห็นเข้า
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” รุ่นพี่ชี้หน้าพูดไล่หลังเขาอีกเมื่อเห็นว่าอาจารย์ท่านนั้นยังคงยืนมองอยู่ ส่วนจุงโจเขาไม่ได้ใส่ใจกับเพื่อนรุ่นพี่แก็งค์นั้นเขารีบเดินไปที่โรงอาหารทันที

“ทำไมถึงมาช้าจังเลยจุงโจ” โบอึนทักเขาทันทีที่เขานั่งลงตรงข้ามตนเอง
“เธอพูดเหมือนฉันเหาะได้.,ไหนๆก็มาแล้วเธอทานข้าวต่อเถอะ”
“จะตอบดีๆกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้” โบอึนตอบด้วยน้ำเสียงเง้างอน ยอนจูมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความทึ่งกับความหน้าตาดีของเขา แต่ที่ทำให้เธอทึ่งมากกว่านั้นก็คือการพูดคุยของเพื่อนรักกับชายหนุ่มตรงหน้าที่ดูยังไงก็มากเกินพี่น้องทั่วไป
ชายหนุ่มตรงหน้าเธออาจจะไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่กับเพื่อนรักของเธอแล้วยอนจูบอกได้เลยว่าโบอึนไม่เคยมองใครด้วยสายตาแบบนี้มาก่อน เพื่อนของตนยังคงคุยอยู่กับชายหนุ่ม ยอนจูกระแอมเตือนเพื่อนที่คงลืมเธอไปแล้ว หลังจากการปรากฏตัวของเขา
“เอ่อ..นี่เพื่อนฉันเอง..คิมยอนจู” โบอึนรีบแนะนำยอนจูให้จุงโจได้รู้จักเมื่อได้ยินเพื่อนกระแอมขึ้น
“ยินดีที่ได้รู้จักนะน้องชาย” ยอนจูเอ่ยทักอย่างเป็นมิตร
“อืม” ชายหนุ่มตอบสั้นๆก่อนที่จะขอตัวไปซื้ออาหารมาทานบ้าง
“อะไรของเขาเนี่ย,ฉันอุตสาห์ทักด้วยดีๆ เด็กอะไร๊ตัวสู๊งสูง” ยอนจูบ่อนออกมาทันทีที่จุงโจเดินผ่านไป
“เค้าก็เป็นแบบนี้แหละ,ขอโทษแทนเค้าด้วยก็แล้วกันนะ,ยอนจู” โบอึนรีบกล่าวขอโทษเพื่อนทันทีเธอคงชินกับอารมณ์ของชายหนุ่มไปแล้วละมั้งจึงเห็นเรื่องเมื่อครู่เป็นแค่เรื่องธรรมดา แต่กับยอนจูคงต้องให้รู้จักกับจุงโจนานกว่านี้หญิงสาวถึงจะเข้าใจว่าทำไมแค่นี้ถึงเป็นเรื่องธรรมดา

“กลับบ้านพร้อมฉันนะ.,โบอึน” จุงโจบอกหญิงสาวก่อนที่ตัวเองจะแยกกลับไปเรียนต่อในภาคบ่าย
โบอึนจึงต้องรอกลับบ้านพร้อมเขาในขณะที่ยอนจูแยกตัวกลับบ้านก่อนเพราะหญิงสาวทั้งสองไม่มีเรียนในภาคบ่าย.โบอึนจึงใช้เวลาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดฆ่าเวลาในขณะที่รอจุงโจ พอถึงเวลาที่จุงโจเรียนเสร็จโบอึนก็รีบลงมารอชายหนุ่มที่ลานจอดรถ

“เธออยากไปไหนต่อรึเปล่า?” จุงโจถามขึ้นขณะสตาร์รถมอเตอร์ไซด์
“ไปโรงกลั่นพ่อเธอไง.ฉันเป็นเด็กฝึกงานของที่นั่นแล้วนะเธอรู้มั้ย” หญิงสาวคิดในใจดีเหมือนกันจะได้พาเขาไปดูโรงกลั่นของพ่อตัวเองด้วย
“อืม” จุงโจบิดคันเร่งมุ่งหน้าไปตามที่หญิงสาวบอก วันนี้ฉันจะตามใจเธอสักวันนะยายบ๊อง
……………………………………..

“อะไรนะครับ.ตอนนี้ลูกชายผมอยู่ที่โรงพักเหรอครับ.เอ่อ..ครับๆผมจะรีบไปเดี่ยวนี้” แดซุงได้รับสายจากนาย
ตำรวจคนหนึ่งเขาแจ้งว่าลูกชายเขาถูกจับกุ้มด้วยข้อหาทะเลาะวิวาท
“อันที่จริงลูกชายคุณเค้าก็ไม่ได้ทำอะไรผิดมากหรอกครับ ที่ผมต้องคุมตัวเขาไว้ก็เพราะพ่อแม่ของคู่กรณีลูกชายคุณน่ะ.,เค้าจะเรียกร้องค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาล”
“แล้วเรื่องมันเป็นไงมาไงครับเนี่ย ลูกชายผมเข้าถึงได้ก่อเรื่อง” แดซุงยังตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น.
“เรื่องก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ.,เรื่องของเด็กวัยรุ่นทะเลาะวิวาทกัน แต่เพราะเด็กพวกนั้นเข้ารุมทำร้ายลูกชายคุณผมถึงบอกว่าลูกชายคุณเค้าไม่ผิดไง ก็มีแค่ฟกช้ำกันไปตามๆกันที่หนักหน่อยก็มีดนเดียวครับที่แขนหัก”
นายตำรวจที่รับเรื่องอธิบายให้แดซุงฟังด้วยเห็นเป็นเรื่องธรรมดาของวัยรุ่น
“ยังไง..ผมก็ต้องขอโทษแทนลูกชายผมด้วยนะครับ ส่วนเรื่องค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาลผมยินดีชดใช้ให้เต็มที่ครับ” แดซุงรีบพูดขอโทษทันทีหลังจากได้ฟังเรื่องราว รู้สึกโล่งใจที่ลูกเขาไม่ใช่ตัวต้นเหตุ
“ยังไงก็อย่าให้เกิดเรื่องขึ้นอีกแล้วกันนะครับ..,ยังเรียนหนังสือกันอยู่แท้ๆ วัยรุ่นทำอะไรไม่ค่อยคิด ถ้าคุณยินดีจะรับผิดชอบเรื่องมันจะได้จบๆไป ผมเองจะได้ปิดคดีนี้ไปเลยแล้วกันนะครับ”
“ครับๆผมขอโทษแทนลูกชายอีกครั้งนะครับ” แดซุงเอ่ยขอโทษอย่างนอบน้อม ขณะที่จุงโจนั่งนิ่งอยู่ข้างๆพ่อเขาคิดอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อเขาต้องไปขอโทษคนพวกนั้นด้วยเขาไม่ผิดแท้ๆ

พอจัดการเรื่องต่างๆที่โรงพักเรียบร้อยสองพ่อลูกมุนก็พากันมุ่งหน้ากลับบ้านโดยมีฮันจองอูขันอาสาขับรถให้ สองพ่อลูกไม่ยอมคุยกันแม้แต่คำเดียว ต่างคนต่างนั่งมองออกนอกหน้าต่างรถด้านที่ตัวเองนั่งโดยไม่ได้สนใจอีกฝ่ายว่าจะเป็นยังไง จองอูมองสองพ่อลูกมุนผ่านทางกระจกมองหลังขณะขับรถใจก็คิดว่างานนี้ท่านประธานมุนคงจะโกรธมาก เพราะเขาอยู่ที่บ้านมุนมานานเด็กหนุ่มรู้ดีว่ายามใดที่ท่านประธานมุนที่แสนใจดีบทจะโมโหขึ้นมาอะไรก็ขวางท่านไม่ได้ ‘เฮ้ยยย..สองพ่อลูกเนี่ยช่างเหมือนกันทุกอย่างจริงๆ สมแล้วที่เกิดเป็นพ่อลูกกัน’ จองอูคิดหนักด้วยความเป็นห่วงนายน้อยของตน

“เป็นยังไงบ้างคะคุณ” คังซุกรีบวิ่งออกมารับสองพ่อลูก แดซุงไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่เดินมาจับมือภรรยาตบที่หลังมือเบาๆเป็นเชิงว่าเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว คังซุกจึงรีบแสร้งปรับสีหน้าเข้าไปหาจุงโจที่เดินตามหลังพ่อมาช้าๆ
“จุงโจเป็นยังไงบ้างลูก..นี่ถึงกับคิ้วแตกเลยเหรอเนี่ย ไหนขอแม่ดูหน้าหน่อยนะลูก” คังซุกเดินเข้าไปหาจุงโจพยายามจะเข้ามาจับใบหน้าเขาเพื่อดูแผลเย็บที่หางคิ้ว
“ทำอะไรของคุณเนี่ย อย่ามายุ่ง มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ ” จุงโจปัดมือของคังซุกออกอย่างแรงพร้อมกับที่คัวซุกแกล้งทำทีเป็นล้มลงด้วย แดซุงถึงกับร้องเสียงหลงด่าลูกชายเมื่อเขาเห็นเข้า
“มารยา” จุงโจอดจะพูดเหน็บแหนมด้วยถ้อยคำหยาบคายไม่ได้ ต่อให้เด็กอนุบาลยังรู้เลยว่ายายนี่เสแสร้ง เขาหันหน้าเมินไปทางอื่นก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้าน
“จุงโจ.. แกไปรอพ่อที่ห้องทำงานด้วย.แกกับฉันมีเรื่องต้องคุยกัน” แดซุงตะโกนไล่หลังลูกชายก่อนที่เขาจะเข้าบ้าน

ทางด้านสองสาวเมื่อได้ยินเสียงแดซุงก็พากันยืนแอบดูอยู่หลังประตูแทนเพราะพวกเธอไม่เคยเห็นมุนแดซุงโกรธจัดแบบนี้มาก่อน ท่าทางจุงโจจะเอานิสัยโมโหร้ายแบบนี้มาจากแดซุงแน่ๆ โบอึนมองดูสองพ่อลูกอย่างห่วงใย เธอรู้ทันแม่ของตนเองดีว่าคังซุกไม่ได้ห่วงใยอะไรในตัวลูกเลี้ยงอย่างจุงโจเลย เพราะขนาดโบอึนที่เป็นลูกสาวคังซุกแท้ๆ คังซุกก็ไม่เคยมีทีท่าว่าจะห่วงใยอะไรแล้วนับประสาอะไรกับจุงโจ จุงโจเองก็คงจะดูออกถึงทำท่าทางรัง
เกียจแม่เธอขนาดนั้น แต่กับแดซุง โบอึนไม่กล้าจะคิดอะไรเพราะถึงอย่างไรเขาเองก็ดีกับแม่ของเธอ.

ภายในห้องทำงานของมุนแดซุง สองพ่อลูกยืนมองหน้ากันโดยไม่คิดจะมีใครหลบสายตาใคร
“แกทำอย่างนี้คิดว่าตัวเองเก่งมากรึไง.. แกคิดได้ยังไงไปมีเรื่องกับคนเยอะขนาดนั้น ถ้าเกิดแกเป็นอะไรไปจะทำยังไง..มันคุ้มกันมั้ยกับคนพวกนั้น แกยังมีอนาคตดีๆรอแกอยู่ ทำอะไรหัดคิดซะบ้างซิ” แดซุงเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อนเขาด่าลูกชายเสียงดังจนคนในบ้านมุนได้ยินเสียงเขาชัดเจน ผิดกับจุงโจที่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จา การนิ่งของเขาทำให้ผู้เป็นพ่อโมโหหนักเข้าไปอีก
“นี่ฉันพูดกับแกอยู่.,ได้ยินมั้ย” แดซุงขึ้นเสียงดังกว่าเดิม.
“พูดจบแล้วใช่มั้ย.. ถ้าพูดจบแล้วผมจะได้ออกไป” จุงโจไม่สนใจเขาเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างไม่ยีหระ
“หยุดเดี่ยวนี้เลยนะ..นั่นแกจะไปไหน” แดซุงตะคอกใส่หน้าลูกชายหนที่สอง” นี่ถ้าแม่แกเค้ายังมีชีวิตอยู่เขาคงจะเสียใจมากที่ลูกชายเค้าไปเป็นนักเลง” แดซุงอ้างถึงแม่ของจุงโจ คำพูดของเขาหยุดจุงโจไว้ได้
คำพูดนี้ช่างบาดลึกเข้าไปในจิตใจของชายหนุ่มยิ่งนัก พ่อไม่ถามเขาซักคำว่าเหตุใดเขาต้องไปมีเรื่องกับคนพวกนั้น พ่อก็คิดเองเออเองทั้งนั้น พวกรุ่นพี่ในมหาลัยคอยหาเรื่องเขามาตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาเองก็พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดแต่มันก็ยิ่งเพิ่มความคึกคะนองให้กับคนพวกนั้น จนถึงกับขนพวกเข้ามาทำร้ายเขา.ความอดทนของเขาจึงสิ้นสุดและเขาเองก็ต้องการเพียงแค่ป้องกันตัวเองเท่านั้น เขาไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายคนอื่นถ้าเขาไม่สู้คนกลุ่มนั้นก็คงไม่ปล่อยเขาไว้แน่ ดังนั้นเขาจึงต้องสู้และสั่งสอนพวกนั้นไม่ให้มายุ่งกับเขาอีกอย่างเด็ดขาด เรื่องถึงบานปลายจนชาวบ้านแถวนั้นโทรไปแจ้งตำรวจ พ่อของเขาจึงต้องแบกหน้าไปประกันตัวเขาแถมยังต้องเสียค่าปรับและค่ารักษาพยาบาลให้กับรุ่นพี่ที่มหาลัยอีก จุงโจคิดๆแล้วก็สะใจอยู่ลึกๆที่เห็นพ่อตัวเองหัวเสีย สงสัยชีวิตพ่อคงจะเรียบง่ายเกินไปก่อนที่เขาจะมาอยู่ที่นี่

“ท่านประธานหมายถึงแม่คนไหนหล่ะ ผมมีแม่เต็มไปหมดไม่ใช่เหรอ” จุงโจตอกกลับด้วยคำพูดเย้ยหยันเจ็บแสบไม่แพ้กัน
“แกนี่มันไม่สำนึกจริงๆเลย.,ฉันน่าจะเลี้ยงแกด้วยตัวฉันเอง แกจะได้ไม่มาทำจองหองใส่ฉันแบบนี้” แดซุงโกรธจนหน้าแดง
“อย่ามาพูดอะไรที่มันผ่านมาแล้วเลย.,ท่านประธาน.มันไม่มีประโยชน์” จุงโจจ้องหน้าพ่อด้วยสายตาแบบเดียวกัน
“แกฟังฉันให้ดีๆต่อไปอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก.. แล้วแกก็ต้องไปขอโทษคุงซุกเค้าด้วยเรื่องที่แกเสียมารยาทกับเขา”
“จะให้ผมไปขอโทษผู้หญิงคนนั้นเพื่ออะไร”
“นี่แก..” แดซุงโกรธจัดไม่คิดว่าลูกชายจะกล้าพูดจายอกย้อนได้ถึงเพียงนี้
“ผู้หญิงคนนั้นที่แกพูดถึงเค้าเป็นเมียฉันและเขาก็มีฐานะเป็นแม่แกถึงจะไม่ใช่แม่แท้ๆแกก็ไม่มีสิทธิ์ไปเรียกเขาแบบนั้น”
“ท่านประธานจะแต่งงานกับเทพธิดา นางฟ้าที่ไหนผมก็ไม่สน.. ช่วยบอกผู้หญิงของท่านประธานด้วยแล้วกันว่าอย่ามายุ่งกับผมอีก”
“นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ ไอ้ลูกคนนี้ แกนี่มันเหลือเกินจริงๆ” แดซุงชี้หน้าด่าลูกชาย “แกไปรังเกียจเค้าอะไรนักหนา”
“ฮึ..อย่าเรียกว่ารังเกียจเลยดีกว่า คำนี้มันยังดีเกินไปสำหรับผู้หญิงคนนั้น..ท่านประธานเองก็เถอะระวังตัวไว้ดีๆความรักที่ท่านมีให้ผู้หญิงแบบนั้น มันจะกลับมาทำร้ายท่านเองซักวัน…” ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบประโยคฝ่ามือของผู้เป็นพ่อก็ฟาดเข้าเต็มใบหน้าด้านซ้ายจนชายหนุ่มหน้าชาไปทั้งซีกหน้าด้วยแรงที่ฟาดมา เขาค่อยๆหันมามองหน้าพ่อช้าๆมองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาเย็นชา ความรักของพ่อที่มีต่อเขาคงตายไปพร้อมกับเด็กชายจุงโจเมื่อสิบเอ็ดปีก่อนเป็นแน่

จุงโจเดินออกจากห้องไปช้าๆโดยไม่แม้จะหันกลับมาดูว่าพ่อจะรู้สึกหรือมองเขาด้วยสายตาแบบไหน แดซุงมองลูกชายเดินออกจากห้องไปด้วยหัวใจที่ปวดร้าวเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะตบหน้าลูก ตบหน้าจุงโจเขาอาจจะเจ็บที่หน้าแต่หัวใจของผู้เป็นพ่ออย่างแดซุงร้าวระบม ความเครียดจากเรื่องงานและความสงสัยหวาดระแวงในตัวภรรยาที่เขาเก็บง่ำไว้ลึกๆในจิตใจได้ถูกลูกชายกระเทาะด้วยคำพูดเย้ยหยันถากถาง

แดซุงโกรธตัวเองที่ขาดสติ.ความกลัวภายในใจลึกๆเด็กอายุสิบแปดอย่างจุงโจยังรับรู้ได้ เขาไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของตัวเองกับลูกชายต้องมีช่องว่างเพิ่มขึ้นมากไปกว่านี้ เพราะทุกวันนี้ตั้งแต่จุงโจกลับมาคำว่าพ่อซักคำจุงโจก็ไม่เคยเรียก เขาเองก็พยายามทำทุกอย่างให้คำว่าครอบครัวกลับมาเป็นดังเดิม เขารู้ดีว่าอย่างน้อยจุงโจก็จะไม่รู้สึกเดียวดาย อย่างน้อยๆเขาก็ยังมีแม่และพี่สาวน้องสาว ทำไมลูกชายเขาถึงไม่เปิดใจยอมรับกับสิ่งที่เขาทำบ้าง.จุงโจเป็นเด็กดื้อมาแต่ไหนแต่ไรถ้าลองเค้าปิดกั้นและไม่ยอมรับกับเรื่องอะไรก็ตามหรือทำอะไรที่เค้าเชื่อว่าเขาไม่ผิดแล้วล่ะก็ ถึงตีให้ตายจุงโจก็ไม่ยอมเชื่อหรือปริปากขอโทษ แดซุงทรุดกายลงนั่งมองดูรูปภรรยาเก่าด้วยความเสียใจ กลัดกลุ้ม
“ผมจะทำยังไงกับลูกชายเราดียุนอา,ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขาเสียใจเลยจริงๆ” แดซุงเอ่ยทั้งน้ำตา

ทางด้านชายหนุ่มเมื่อเดินออกจากห้องมา เขาเดินออกจากบ้านเพื่อมาสงบสติอารมณ์ที่โรงเก็บไหบ่มเหล้า มือขวาของเขามีเลือดซึมออกมาไหลไม่หยุดด้วย เพราะความโมโหอัดอั้นทำให้เขาระบายความโกรธของตัวเองด้วยการชกผนังโรงบ่มซะจนมือขวาของเขาสั่นเทิ้มเลือดของเขาติดผนังกำแพงเป็นวง จุงโจไม่รู้สึกเจ็บมือเท่ากับเจ็บที่หัวใจในสมองของเขามันมึนไปหมดความสับสนมากมายบวกกับความคิดฝังใจวัยเด็กตีกันในหัวยุ่งไปหมด เขาทรุดกายลงนั่งพิงชั้นวางไหอย่างหมดเรี่ยวแรง

“จุงโจอา..จุงโจ” เสียงหวานคุ้นหูเอ่ยเรียกชื่อเขาเบาๆเมื่อเขาลืมตาขึ้นก็พบว่าเจ้าของเสียงทรุดกายลงนั่งข้างๆเขา ใบหน้าของหญิงสาวซีดขาวเหมือนตกใจกับอะไรบางอย่างมา
“เธอ…เป็นอะไร..ร้องไห้ทำไม” จุงโจเอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มมีน้ำตา
“มือเธอ…น่ะ..เลือดไหลใหญ่แล้ว..ทำแผลก่อนเถอะนะ” หญิงสาวพูดเสียงสั่น.เขาจึงก้มลงมองมือตัวเองที่ตอนนี้เป็นแผลแตกเลือดยังคมซึมออกมาไม่หยุด อย่าบอกนะว่าเธอร้องไห้เพราะเห็นมือของฉัน จุงโจคิดโดยที่มองมือตัวเองอย่างไม่ใส่ใจ
“เดี๋ยวฉันไปเอากล่องยามาทำแผลให้นะ” หญิงสาวพูดจบพลางเช็ดน้ำตาก่อนที่จะรีบลุกไปเอากล่องยามาทำแผลให้ชายหนุ่ม โบอึนแอบดูสองพ่อลูกมุนทะเลาะกันอย่างรุนแรง หญิงสาวเดาเอาเองว่าเขาอาจจะมาหลบอยู่ที่นี่หลังจากเดินออกจากห้องพ่อเขามา.เธอจึงรีบเดินตามเขามา แต่หญิงสาวไม่กล้าเข้ามาห้ามชายหนุ่มตอนที่เขาโมโหจนชกกับผนังอย่างรุนแรง โบอึนรอจนเขาสงบลงจึงค่อยๆเปิดประตูเข้ามาเห็นชายหนุ่มนั่งหลับตาพิงชั้นวางไหมือขวาที่แตกวางชั้นเข่าไว้ แผลที่มือเขาเลือดไหลออกมาเยอะจนโบอึนตกใจ หญิงสาวจึงเอ่ยเรียกเขาเบาๆ ใจหนึ่งก็กลัวว่าเขาจะพาลโกรธเธอไปด้วย แต่ก็เปล่าชายหนุ่มยังเอ่ยถามเธออย่างอ่อนโยนอีกทำให้โบอึนไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้ จึงรีบวิ่งออกมาเพื่อมาเอากล่องยาไปทำแผลให้เขา โบอึนรู้สึกผิดมากที่เธอกับแม่เข้ามาทำให้คนดีๆสองคนต้องมาเสียใจ เสียงของป้าของพ่อเลี้ยงเธอดังเข้ามาในหัวของหญิงสาว..
“ผู้หญิงคนนั้นจะนำความโชคร้ายมาให้เธอ” โบอึนยังจำคำเตือนนั้นฝั่งใจ “ขอโทษนะจุงโจฉันขอโทษแทนแม่ฉันด้วย.”โบอึนยืนร้องไห้อยู่หน้าประตูซักพักก่อนจะทำใจเปิดประตูเข้ามาทำแผลให้ชายหนุ่ม

“เธอร้องไห้ทำไม..ยังไม่ตอบฉันเลยนะ” จุงโจเอ่ยถามย้ำอีกครั้งขณะที่หญิงสาวกำลังทำแผลที่มือให้เขา
“ไม่มีอะไรหรอก” หญิงสาวตอบเขาสั้นๆไม่กล้าสบตาเขาขณะนั่งทำแผลให้ “อย่าทำร้ายตัวเองอีกนะจุงโจ.แค่นี้มือเธอก็คงจะเจ็บไปหลายวันเลย”
“ก็แค่พูดว่าเป็นห่วง.มันยากนักรึไง” จุงโจพูดด้วยน้ำเสียงเรียบก็จริงแต่หางเสียงแฝงไปด้วยความคาดคั้น.ดวงตาคมโตของเขามองมาที่หญิงสาวเป็นประกาย.
“ถ้าฉันพูดว่าเป็นห่วงแล้วเธอเลิกทำร้ายตัวเองฉันก็จะพูด”
“เธอเองก็หยุดร้องไห้ได้แล้ว” จุงโจใช้มือข้างที่ไม่เจ็บเช็ดน้ำตาให้หญิงสาวอย่างเบามือ มือเรียวของเขาค่อยๆเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าหวานช้าๆ ใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าช่างนุ่มนิ่มเสียจนจุงโจลูบไล้ใบหน้าหวานอย่างเพลิดเพลินเขาใช้มือเรียวเกลี่ยผมที่ปกหน้าหญิงสาวออก สายตาคมมองริมฝีปากบางที่ดูอวบอิ่มสีชมพูระเรื่ออย่างอดใจไม่ไหวมือเรียวลูบไล้ริมฝีปากบางช้าๆ ก่อนที่เขาจะค่อยๆโน้มใบหน้าจรดริมฝีปากได้รูปของตัวเองเข้ากับริมฝีปากบางนุ่มอย่างนุ่มนวล มือเรียวยาวโอบกอดหญิงสาวขึ้นมาบนตักช้าๆเพื่อให้เขาได้ชิมรสริมฝีปากบางได้ถนัดขึ้น ริมฝีปากได้รูปบดคลึงริมฝีปากบางอย่างชุ่มช่ำเร่าร้อน ก่อนที่เขาจะค่อยๆถอนริมฝีปากออกเพื่อมองหน้าหญิงสาวในอ้อมกอดช้าๆใบหน้าหวานตอนนี้แดงระเรื่อริมฝีปากอมชมพูกลายเป็นแดงจัดชุ่มช่ำจนเขาอดใจไม่ไหวจรดริมฝีปากจูบหญิงสาวอีกครั้งอย่างเร่าร้อนกว่าเดิม หญิงสาวยกมือบางดันอกเขาไว้ ริมฝีปากบางเผยอเรียกชื่อเขาแผ่วเบา ก่อนที่จะถูกชายหนุ่มบดริมฝีปากบางของเธออีกครั้งแต่ครั้งนี้ริมฝีปากของเขาแทรกลึกด้วยลิ้นนุ่มตวัดรัดเรียวลิ้นนุ่มหวานของหญิงสาวอย่างช่ำชอง จนหญิงสาวในอ้อมกอดหายใจติดขัดเพราะเขาไม่ยอมปล่อยให้เธอได้คิดอะไรนอกจากเขา

จูบที่มีทั้งความนุ่มนวลอ่อนหวานแต่ก็แฝงไว้ด้วยความดุดันเร่าร้อนและเอาแต่ใจ สองมือแข็งแรงโอบกอดหญิงสาวบนตักแนบชิด โบอึนจูบตอบเขาอย่างเงอะงะแต่กลับสร้างความพอใจให้กับชายหนู่มจนเขาครางออกมาอย่างพอใจ มือยาวเรียวค่อยๆยกขึ้นไล้ฝ่ามือแทรกผ่านเสื้อของหญิงสาว ฝ่ามืออุ่นๆเคล้าคลึงหน้าอกนุ่มยุ่นของโบอึนอย่างเบามือ ขณะที่ริมฝีปากก็ค่อยๆไล้จูบซอกซอนเพื่อชิมความหวานจากริมฝีปากบางที่กลายเป็นสีแดงจัด จุงโจค่อยๆถอนริมฝีปากหยักได้รูปออกช้าๆ เขามองหญิงสาวด้วยสายตาเป็นประกายหวาบหวามจนคนถูกมอง.,หน้าเริ่มกลับมาแดงจัดอีกครั้งหลังจากถูกเขาจูบเนินนาน โบอึนขัดเขินสายตาของเขาจึงได้ซบหน้าลงบนอกกว้างของเขาแทน จุงโจจึงกระชับกอดหญิงสาวแน่นขึ้น โบอึนมองดูสร้อยที่เขาใส่อย่างสนใจ หญิงสาวเอามือลูบอักษรตัวเจสองตัวที่สร้อยเขาเล่น จนจุงโจก้มลงมองมือบางที่ลูบจี้ที่สร้อยเขาอยู่

“อาฉันสั่งทำสร้อยพร้อมจี้อันนี้ให้ฉันตอนวันเกิดปีที่แล้ว” จุงโจเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวยังคงลูบมันอย่างเพลิดเพลิน จุงโจเล่าให้หญิงสาวฟังอย่างผ่อนคลายเขาเอาปลายคางหนุนศรีษะกลมทุยของหญิงสาวเสียงทุ้มนุ่มของเขาช่างฟังแล้วอ่อนโยนจนโบอึนอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้ ไม่อยากให้เขากลับไปเป็นจุงโจคนเก่าที่ดูเย่อหยิ่งและเย็นชา โบอึนอยู่ในอ้อมกอดเขาเนินนาน สองคนประคองกอดกันภายในโรงบ่มที่มีเพียงไฟดวงเล็กๆเปิดไว้ จู่ๆจุงโจก็จับมือโบอึนแบมือของหญิงสาวออกแล้วเขาค่อยๆหยิบถุงกำมะหยี่สีดำวางลงบนมือของหญิงสาว

“เปิดออกดูซิ ไม่รู้ว่าเธอจะชอบมันรึเปล่า” จุงโจบอกหญิงสาวเมื่อเห็นเธอเงยหน้าขึ้นมองเขาเป็นเชิงถาม โบอึนเปิดถุงกำมะหยี่สีดาออกดูก็พบว่าของข้างในเป็นสร้อยข้อมือทองคำขาวสีดำรูปหัวใจดวงเล็กๆร้อยต่อกันตลอดเส้น แถมมีอักษรตัวบีห้อยเป็นจี้ไว้ด้วยอย่างสวยสะดุดตา
“จุงโจ” โบอึนเรียกชื่อเขาเมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าดวงตาคมก้มลงมองตนอยู่ก่อนแล้ว
“เธอชอบมั้ย มันถูกส่งมาไกลนะเพิ่งจะมาถึงวันนี้เอง ฉันฝากให้อาสะใภ้เลือกให้ ก็อย่างที่บอกฉันไม่เคยซื้อของให้ผู้หญิงมาก่อนเลยให้อาช่วยซื้อส่งมาให้” จุงโจเล่าให้หญิงสาวฟังขณะกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น เขายังคงวางปลายคางบนหน้าผากกลมมนของหญิงสาว
“จุงโจ..มันคงจะแพงมากเลยนะ…ฉัน…”
“เธอต้องใส่มันไว้ห้ามถอดเด็ดขาด..นี่คือคำสั่งของฉัน..เข้าใจมั้ย” จุงโจสวมสร้อยข้อมือบนข้อมืองามของหญิงสาวทันทีโดยไม่รอให้โบอึนได้พูดอะไรออกมาอีก พอเขาสวมมันให้โบอึนเสร็จจุงโจก็ยกมือหญิงสาวขึ้นจรดริมฝีปากหยักสวยของตัวเองบนหลังมือของโบอึนอย่างแผ่วเบา
“ขอบใจนะจุงโจ..” โบอึนส่งยิ้มหวานให้กับเขา โบอึนมองดูการกระทำของเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง จุงโจทำไมถึงอ่อนโยนกับเธอถึงขนาดนี้ถ้าตอนนี้เธอกำลังฝัน โบอึนก็ไม่อยากจะตื่น เธออยากจะนอนหลับแล้วฝันว่าได้อยู่กับจุงโจผู้แสนอ่อนโยนคนนี้อย่างนี้ตลอดไป
“อยู่กับฉันที่นี่..คืนนี้เถอะนะโบอึน..” จุงโจพูดเสียงแผ่วขณะริมฝีปากได้รูปของเขาเคล้าคลออยู่ที่หน้าผากของหญิงสาว โบอึนไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ยกแขนบางโอบรอบกอดคอชายหนุ่มไว้แทนคำตอบ สองร่างแนบชิดอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน โบอึนเปรียบเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจที่แห้งแล้งของเขาให้กลับมาชุ่มช่ำอีกครั้ง.เขาอยากจะหยุดเวลาไว้ที่ตรงนี้ ฉันจะหยุดเวลาไว้ตอนนี้เวลานี้อยู่กับเธอ,กอดเธอไว้อย่างนี้..โบอึน..โบอึน..”
……………………………………

ส่วนนี่รูปรถที่จุงโจขับซิ่งให้สาว(โบอึน)กอดนะคะ อิอิ




Create Date : 31 ตุลาคม 2553
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2553 11:56:11 น. 8 comments
Counter : 957 Pageviews.

 
ขอบคุณสำหรับบทส่งท้ายที่หวานไม่แพ้คราวก่อนนะค่ะ
คืนนี้นอนฝันดีอีกแล้ว
และแล้วพ่อจุงโจก็ขโมยจูบและหัวใจของโบอึนไปเกือบหมดทั้งดวงแล้วรึเปล่าหรือได้ไปหมดแล้วนะ
ร้ายนะเนี้ยจูบซะไม่เกรงใจคนอ่านเลยนั่งเกร็งจนมือจะเป็นตะคริวแล้วนะนี่


โดย: wewill IP: 125.27.27.103 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2553 เวลา:0:22:23 น.  

 
ขอบคุณครับท่านอุ้ม สุดยอดอีกแล้ว โหแต่งแบบนี้อยากบอกเยี่ยมมาก ไม่รู้จะบรรยายแบบไหนดีเลย แต่ว่ามอไซด์เท่ห์มากๆ55+ชอบมอไซด์มากๆๆรุ่นนี้ชาติก้อไม่มีปัญญาซื้อ เงินเดือนน้อยเสียด้วยสิครับ ขอเป็นกำลังใจให้นะครับท่านอุ้มท่านสา


โดย: เกษตรศิลป์ IP: 115.87.147.247 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:47:43 น.  

 
ว้าว ลงแล้วๆ เจิมๆ อิอิ

ขอบคุณท่านผอ.มากค่า ที่ลงให้ รบกวนอยู่เรื่อยเลย ขอบคุณมากนะคะ

ขอบคุณสำหรับเม้นนะคะ เป็นกะลังใจให้ท่านอุ้มมากจิงๆ อิอิและยังเผื่อแผ่มาให้ข้าน้อยอีก ขอบคุณมากค่ะ

ปล. ตอนนี้ถือว่ายังน้อยไปค่ะ ^ ^// มีหวานกว่านี้อีกๆๆๆ รอๆนะคะ อิอิ


โดย: สาวก2มุน IP: 202.12.97.100 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2553 เวลา:21:44:47 น.  

 
ขอบคุณท่านอุ้ม ท่านสาฯ มากมายคร้าบบ สำหรับความหวานในตอนนี้

ยังมีหวานกว่านี้อีกเหรอครับ ชอบครับชอบ จัดมาเลย จะรอนะครับ

จะว่าไป ข้าน้อยเริ่มจิ้นเฮียกึนเป็นจุงโจได้ทีละนิด ทีละนิดแล้วขอรับ พลังการจิ้นจะเพิ่มตามดีกรีความหวานที่เพิ่มขึ้นนั่นแหละครับ อิ อิ

แต่เอ๊ะ... มอเตอร์ไซค์คันนั้นดูยังไง ยังไง (ตีลังกาดูก็แล้ว) ก็ที่นั่งเดียว โบอึนกับจุงโจนั่งกัน...ท่าไหนหว่า?


โดย: ซินยุนบกน้อย IP: 192.168.20.143, 203.154.236.3 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2553 เวลา:8:58:58 น.  

 
นั่งได้คะแต่แบบว่าเบียดกันไปนิ๊ด(เหอะๆ.,ความคิดคนแต่งอ่ะ)


โดย: อุ้ม IP: 91.85.170.241 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2553 เวลา:2:10:44 น.  

 
ในที่สุดก็มาถึงตอนนี้ ( อิอิ )
ว่าแต่ จุงโจ ขอร้องให้โบอึนอยู่ด้วยอ่ะ
คิดทำไรโบอึนป่าว
ร้ายจริงๆนะพ่อจุงโจ

ชอบๆๆๆ น่ารักกก


โดย: กบน้อย IP: 58.136.8.169 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:06:56 น.  

 
มีหวานกว่านี้อีกหรอท่านยาม

รอ รอ รอ



^______^


โดย: mai.ka IP: 117.47.191.65 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2553 เวลา:16:59:49 น.  

 
ไม่ได้เข้ามาทักทายทุกท่านอย่างจริงๆจังๆซักที.วันนี้ได้โอกาสแหละ(เหอะๆ)

ขอพูดถึงเรื่องใจ..ปรารถนาอีกซักครั้งนะคะ
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ข้าน้อยแต่งขึ้น เป็นเรื่องแรกที่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาซึ่งถ้าไม่มีท่านสาและท่านผอ ก็คงไม่มีใจปรารถนาเหมือนกันและที่สำคัญลูกบล็อคพี่น้องที่น่ารักทุกท่านที่เป็นกำลังใจมาให้ฟิคเรื่องนี้ ทุกตอนที่แต่งออกมาอยากให้เรื่องนี้ให้มากกว่าความเพลิดเพลินคะ อยากให้ทุกท่านเห็นการเติบโตของตัวละคร อย่างจุงโจและโบอึน การตัดสินใจและความคิดที่เติบโตขึ้นตามกาลเวลา ภาระหน้าที่ของคนที่เป็นลูก และการจัดการกับความรู้สึกและอารมณ์ของตัวเองในยามคนที่รักจากไป...

จุงโจ เป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมไปทุกอย่าง เป็นผู้ชายที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ใฝ่ฝัน แต่จุงโจก็เป็นเด็กที่ครอบครัวขาดจุดศูยน์รวมความรักไปอย่างแม่ของเขา. มุนแดซุงไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ยามเมื่อคนที่เขารักสุดดวงใจจากไปอย่างกะทันหัน เขาถึงส่งลูกชายคนเดียวให้ไปไกล โดยหารู้ไม่ว่า สิ่งที่เด็ก7ขวบอย่างจุงโจต้องการมากที่สุดนั้นก็คือ ความรักจากผู้เป็นพ่อ มากกว่าจะเป็นจากอาทั้งสอง การกลับมาเกาหลีอีกครั้งของจุงโจในวัย 18แล้วนั้นยิ่งเพิ่มความห่างเหินและเพิ่มช่องว่างให้กับเขาและพ่อขึ้นมาก,ผ่านการแสดงออกที่เฉยชา (ไม่สนใจในสิ่งพ่อพูดและสอน)และ หลบหลีก(การไม่เรียก พ่อ แต่เรียกท่านประธานและไม่ต้องการมีส่วนร่วมใดๆที่จะต้องเกี่ยวข้องกับพ่อเขาโดยเฉพาะครอบครัวใหม่ของพ่อ)
แต่คำว่า สายเลือด มันย่อมข้นกว่าน้ำแน่นอน ถึงจุงโจ จะหลีกหนีเฉยชาเพียงใดเขาก็หลีกหนีหน้าที่ของคนที่เป็นลูกไปไม่พ้น
ตอนที่6 นี้จะเห็นได้ว่า จุงโจเป็นคนน้ำนิ่งไหลลึก จุงโจไม่ได้เป็นคนใจเย็น และด้วยวัยที่ยังเป็นวัยรุ่น การตัดสินใจและคำพูดย่อมไม่ได้ผ่านการกลั่นกรองมาก่อนแน่นอนยามที่มีเรื่องกระทบอามรมณ์ร้อนๆของเขา

ตัวละครอย่างจุงโจนี้จะเติบโตขึ้นแน่นอนคะจุงโจเป็นตัวละครที่ ข้าน้อยหลงรักมาตั้งแต่เริ่มแต่งเพราะ รู้สึกว่า คนอย่างนี้ถ้าได้รับการเลี้ยงดูและและได้รับความรักความอบอุ่นจากครอบครัวที่ดีแล้ว จุงโจจะเป็นคนที่วิเศษที่สุดแต่ถ้า คิดในทางกลับกัน ได้รับการเลี้ยงดูมาแบบผิดๆ แล้ว จุงโจก็จะกลายเป็นอีกคนที่สามารถทำเรื่องเลวร้ายต่างๆได้โดยไม่แม้แต่จะคิดถึงคุณธรรมใดๆในโลกได้(เวอร์อีกแหละ.เหอะๆ)


วันนี้ขอแค่ตัวละครจุงโจก่อนนะคะ
เอาไว้จะมาพูดถึงตัวละครตัวหลักตัวอื่นๆในตอนต่อไป
ขอบคุณมากๆคะ


โดย: อุ้ม IP: 82.152.253.202 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2553 เวลา:4:52:27 น.  

albatross11
Location :
สุรินทร์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




รักกันเพียงใดก็ต้องพลัดพราก หวงไว้เพียงใดก็ต้องจำจาก ข้ามาคนเดียวข้าไปคนเดียว ไม่มีใครเป็นอะไรของใคร ต่างคนมาต่างคนไป ยิ่งยึดยิ่งทุกข์ ปล่อยวางได้จึงเบาสบาย... เมื่อปัญญาแจ่มแจ้งจะสลัดคืน เมื่อมาจากดิน ท้ายที่สุดก็สลายกลายเป็นดิน ยึดเอาไว้ก็ได้แต่ทุกข์ตอบแทน อยากโง่ก็ยึดต่อไป คิดได้ก็วางเสีย พุทธทาสภิกขุ............ .............................. .............................. ความทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจนั้น เป็นเรื่องทรมานยิ่ง และเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพรากก็เป็นสิ่งสุดวิสัย... ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ที่พอใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง...พุทธโอวาท --------------------------- พระราชดำรัส ในรัชกาลที่ 7 เมื่อทรงสละพระราชสมบัติ เพื่อประชาชน ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจ อันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิม ให้แก่ราษฎรทั่วไป ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจโดยสิทธิ์ขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร
New Comments
Friends' blogs
[Add albatross11's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.