... มาแว้วๆ ***ยอดรักนักศิลป์ตอนที่ 26 ทางรอด *** OG 2 ตอน13-ตอนจบ** **คลิกอ่านทุกเรื่องได้ที่เมนูด้านซ้ายเลยจ้า.. ^_^
“ความทุกข์-หากเล่าสู่กันฟังจะลดลงครึ่งหนึ่ง ส่วนความสุข-ถ้าเราแบ่งปันมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า” ขอบคุณลูกบล็อกทุกท่านที่ร่วมสร้างบล็อกแห่งความสุขนี้ขึ้นมา อยากให้พื้นที่ในบล็อกแห่งนี้ได้เป็นที่แบ่งปันทุกข์และสุขร่วมกัน จะไม่มีรักรูปแบบใดที่เป็นไปไม่ได้ ณ ที่แห่งนี้....วอนวอน
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
25 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 

ตอนที่ 8 ให้เธอไปแล้ว..ทั้งใจ

“นี่ป้าพูดว่าอะไรนะ,โบอึนไปไหนเหรอครับ” จุงโจเอ่ยถามคนรับใช้ในบ้านเสียงดังขณะเดินผ่านกลุ่มคนงานที่พูดคุยกันเรื่องของโบอึนบริเวณลานบ้าน
“คุณหนูโบอึนไงคะ, แกไปเรียนต่อเมืองนอกวันนี้ป้าเห็นท่านประท่านกับคุณหนูฮโยซอนไปส่งที่สนามบินตั้งแต่เช้าน่ะคะ” ป้าอุนหัวหน้าแม่บ้านตอบอย่างตกใจกับท่าทีของนายน้อย

จุงโจตกใจมากที่โบอึนไปเรียนต่อโดยที่ไม่บอกเขาซักคำ, มิน่าเมื่อคืนโบอึนมาหาเขาและกอดเขาแน่นแถมไม่ช่างพูดช่างคุยเหมือนวันก่อนๆ“ยายบ้าเอ๊ย,ทำไมเธอถึงไม่บอกอะไรฉันซักคำ” จุงโจคิดอย่างหงุดหงิดหัวใจ ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที เขาคิดว่าฮโยซอนต้องรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี, ไม่ใช่ซิทุกคนต้องรู้เรื่องนี้แต่ไม่มีใครยอมบอกอะไรเขาเลยเกี่ยวกับการตัดสินใจไปไม่บอกไม่กล่าวของหญิงสาว

“ฮโยซอน,พี่สาวเธอเค้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่” จุงโจตะคอกถามฮโยซอนทันทีเมื่อถึงห้องหญิงสาวมือเรียวบีบไล่หญิงสาวแน่นสายตาคมจ้องมองอย่างจับผิด
“นายไปตอนนี้ก็ไม่ทันหรอก,พี่สาวฉันเค้าบินไปเมื่อเช้านี้ตอนตีห้า”
“แล้วเค้าไปเรียนที่ไหน..,ไปกับใคร” จุงโจถามต่อมือเรียวคลายออกจากไหล่บางของหญิงสาวอย่างไร้เรี่ยวแรง.
“พี่สาวฉันเค้าไปเรียนที่อเมริกากับพี่กีฮุน” ฮโยซอนโกหกหน้าตาเฉย, หน้าตาหญิงสาวที่ผ่านการร้องไห้มาหมาดๆทำให้จุงโจเข้าใจผิดคิดว่าฮโยซอนคงจะคิดถึงพี่สาว ถึงแม้หญิงสาวร้องไห้ก็จริงแต่ก็ไม่ใช่เพราะคิดถึงอะไรพี่สาวตัวเองหนักหนาแต่ที่เธอร้องไห้ เพราะหญิงสาวไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับจดหมายที่โบอึนเป็นคนฝากไว้ให้กับชายหนุ่มตรงหน้า ความอิจฉาและกลัวทำให้หญิงสาวเลือกที่จะเก็บจดหมายฉบับนี้ไว้กับตัวเอง
‘…จุงโจ,นายจะหันมามองคนอย่างฉันซักครั้งไม่ได้เหรอ’ ฮโยซอนคิดอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นความผิดหวังร้าวรานจากดวงตาคมที่เคยมองดูคนอื่นอย่างเย็นชาเหยียดหยามฉายแววความผิดหวังให้เพียงพี่สาวเธอคนเดียว, ใครว่าคนอย่างจุงโจไม่มีความรู้สึก,ไม่รู้จักรักและเสียใจ แต่ความรู้สึกแบบนั้นไม่มีวันที่คนอย่างเธอจะได้เห็นเพราะเขาได้ยกให้พี่สาวเธอ“ซงโบอึนไปหมดแล้ว” ไหล่กว้างสง่าของเขาลู่ลงอย่างคนผิดหวัง หญิงสาวมองดูชายหนุ่มเดินออกจากห้องไปช้าๆน้ำตาที่หมดไปเมื่อครู่ไหล่รินจากดวงตากลมโตอีกครั้งอย่างสุดกลั้น

จุงโจไม่รู้ว่าตัวเองเดินมาหยุดอยู่ที่ริมทะเลตั้งแต่เมื่อไหร่, ความเจ็บปวดไหนก็ไม่เท่ากับการถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากคนที่คิดว่ารักเขา. ชายหนุ่มกำมือแน่นอย่างอัดอั้น,น้ำตาลูกผู้ชายจากผู้ชายเย็นชาไร้หัวใจอย่างเขาค่อยๆไหลออกมาอย่างสุดกลั้น. ภาพของโบอึนยามหัวเราะ,ร้องไห้ รอยยิ้มอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น, ก่อนนั้นที่เคยทำให้เขาอิ่มเอมใจยามเมื่อจ้องมอง แต่มาตอนนี้ความอิ่มเอมใจกลับกลายมาเป็นความจริงอันแสนเจ็บปวดเมื่อคิดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงการโกหกหลอกลวง “เธอหลอกฉันมาตลอดเลยใช่มั้ยโบอึน” จุงโจทรุดกายลงอย่างอ่อนล้ามือกำแน่นจนร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ, ผิดหวังร้าวร้านเสียงของโบอึนสะท้อนมาในหัวซ้ำไปซ้ำมา.
“จุงโจอย่าทำร้ายตัวเองอีกนะ..เธอจะยิ้มให้ฉันซักครั้งไม่ได้เหรอ…คนใจร้ายเดินรอฉันด้วยซิ…
ถ้าเธอจะเดินจากฉันไปจริงๆทำไมเธอถึงไม่กล้ามาบอกฉันเอง…เดินเข้ามาเรียกฉันเหมือนที่เธอเคยทำไง โบอึน
“จุงโจอา..จุงโจ…จับมือฉันหน่อยซิ,ฉันเต็มใจที่จะให้เธอจับมือพาฉันไปในทุกที่ขอแค่เธอจับมือฉันไว้”
“ซง..ซงโบอึน..จุงโจเปล่งเสียงเรียกชื่อหญิงสาวอย่างยากลำบากผู้หญิงที่เขาคิดถึงทุกลมหายใจเข้าออกคนที่เอาหัวใจของเขาไปแม้จะเรียกชื่อเธอฉันยังไม่มีแรง,คนอย่างฉันคนที่เธอไม่ให้แม้โอกาสจะให้บอกรักเธอ…โบอึนเสียงของชายหนุ่มเปล่งเสียงเรียกชื่อหญิงสาวที่เขาไม่มีสิทธิ์จะได้สวมกอดอีกแล้ว…เธอไปแล้วจริงๆโบอึน

“อาบน้ำด้วยคนนะ,จุงโจ” เสียงของจางมินยองทำให้จุงโจตื่นจากภวังค์ชายหนุ่มนอนหลับตาในอ่างน้ำอุ่นอย่างผ่อนคลายเขาคิดถึงเรื่องเมื่อสี่ปีก่อนอีกแล้วเช่นทุกครั้งยามใดที่เผลอปล่อยตัวปล่อยใจให้ผ่อนคลายความคิดของเขาก็มักจะวกวนไปถึงเรื่องผู้หญิงคนที่ชื่อโบอึนซ้ำแล้วซ้ำเล่า.แม้ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาชายหนุ่มอย่างเขาจะมีผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวพันไม่ซ้ำหน้าจุงโจก็ไม่อาจลบภาพของโบอึนไปจากใจเขาได้เลย
เปลือกตาของเขาเปิดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียก

“ฉันนึกว่าคุณหลับไปแล้วซะอีก” มินยองค่อยๆถอดชุดคลุมอาบน้ำออกเมื่อเห็นชายหนุ่มลืมตาขึ้นมอง พร้อมยื่นมือเรียวให้เธอได้ช่วยพยุงขณะก้าวลงอ่างเดียวกันกับเขา
“ฉันจะหลับไปได้ยังไงเมื่ออยู่กับเธออย่างนี้” จุงโจตอบเสียงอ่อนโยนยกมือเรียวโอบกอดหญิงสาวจากด้านหลัง
“ปากหวานจังนะคะ” มินยองเอนกายซบอกกว้างของเขา “อ๊ะ,นี่คะรางวัล” หญิงสาวหอมแก้มจุงโจอย่างเอาใจเมื่อเห็นท่าทีอันผ่อนคลายของเขา
“คิดอะไรอยู่เหรอคะถ้าไม่หลับน่ะ” มินยองถามขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มเงียบขรึมลงอีกครั้ง,หญิงสาวเอียงแก้มแนบกับคางสากๆของจุงโจ ขณะที่มือบางค่อยๆช้อนฟองสบู่ถูแขนแข็งแรงของเขาเล่น
“คิดถึงเพื่อนเก่าน่ะ” จุงโจตอบก่อนจะจูบซอกคอขาวนวลของหญิงสาวหนักๆอย่างหยอกเอิน.
“เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชายคะ”
“ถ้าตอบว่าผู้หญิง,เธอจะลงโทษอะไรฉันเหรอมินยอง” จุงโจพูดแกล้งหญิงสาวในอ้อมกอด, มือเรียวยกลูบไล้ช่วงเอวขอดเล็กของหญิงสาวไล่ขึ้นมาอย่างแผ่วเบานุ่มนวล ก่อนที่ชายหนุ่มจะโอบกอดกระชับเคล้าคลึงหน้าอกนุ่มยุ่นของหญิงสาวอย่างหยอกเย้า จนร่างบางในอ้อมกอดครางเสียงแผ่วด้วยความเสียวซ่าน
“ว่าไง…เธอจะลงโทษอะไรฉัน” จุงโจพูดเสียงแหบพร่าขณะไล้ริมฝีปากหยักจูบซับเน้นหนักไปตามซอกคอลงมายังไหล่บาง, ผิวขาวบอบบางของมินยองเป็นรอยแดงจางๆทุกครั้งที่ชายหนุ่มฝังรอยจูบไว้
“ฉะ..ฉันจะทำอะไรคุณได้หล่ะคะ” หญิงสาวตอบตะกุกตะกักรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วร่างกายเพราะหญิงสาวรู้ดีว่าจุงโจแกล้งเธออยู่ เขาชอบทรมานเธอเล่นอย่างนี้ประจำ…บทเพลงรักเร่าร้อนกำลังถูกเขาเริ่มบรรเลงใหม่อีกครั้ง
“เธอทำให้ฉันเหมือนเป็นคนใจร้าย” จุงโจค่อยๆอุ้มร่างบางขึ้นมาบนตักแข็งแรงของเขาเพื่อให้หญิงสาวหันมาเผชิญหน้ากับเขา,ริมฝีปากหยักค่อยๆจูบซับซอกซอนริมฝีปากบางของมินยองอย่างเร่าร้อนเรียกร้องมือเรียวลูบไล้ไปตามสะโพกกลมกลึงแผ่นหลังบางแนบชิด

“คุณก็เลิกเป็นคนใจร้าย,เลิกทรมานฉันซะทีซิคะ..จุงโจ” มินยองตอบเสียงกระเซ้าตาเป็นประกายวาบหวาม.,มือบางยกขึ้นโอบรอบคอชายหนุ่มหญิงสาวยกตัวขึ้นไล้จุมพิศหน้าผาก, ดวงตาคมปลายจมูกโด่งเป็นสันของชายหนุ่มแล้วมาหยุดที่ริมฝีปากหยักได้รูปของเขาที่คอยบรรจงจูบซับไปตามร่างกายของเธออย่างเร่าร้อน มินยองเผยอริมฝีปากบางรอรับ เมื่อจุงโจเงยหน้าขึ้นมาจากทรวงอกที่เขาขบเม้มเบาๆ ก่อนที่จะดูดดื่มด้วยความกระหายแล้วหันมาเชยชมริมฝีปากบางที่เผยอรอรับเขาอยู่แล้ว

ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากให้หญิงสาวในอ้อมกอดเล็กน้อยก่อนที่จะเลิกทรมานหญิงสาวในอ้อมกอดด้วยการไล้จูบกลีบปากบางหอมหวานช้าๆแล้วจึงค่อยๆสอดลิ้นตวัดรัดเรียวควานหาความหวานจากริมฝีปากบางที่สอดลิ้นนุ่มตวัดรัดเรียวตอบกลับมาอย่างเชิญชวน ชายหนุ่มครางต่ำอย่างพอใจ, มือเรียวซุกซนลูบไล้ไปมาตามต้นขาเรียวอย่างอ่อนโยน อกอวบอิ่มของมินยองเบียดแนบชิดกับแผงอกกว้างของชายหนุ่มสองมือบางสอดไล้ไปตามผมยาวอ่อนนุ่มของชายหนุ่มอย่างหลงไหลเมื่อจุงโจก้มลงจูบซับหยอกเย้าหน้าอกอิ่มของเธออีกครั้ง,มินยองไม่สามารถต้านทานแรงปรารถนาที่มีอยู่ในตัวชายหนุ่มได้เลยซักครั้งร่างบางแอ่นรับสัมผัสของเขาอย่างเต็มใจ

“จุงโจอา…” มินยองเรียกชื่อเขาเสียงกระเซ้าเมื่อจุงโจใช้ริมฝีปากหยักร้อนจูบซับครอบครองเนินอกลิ้นอุ่นๆตวัดเคล้นคลึงเร่าร้อน,ใบหน้าหวานแดงสุกเปล่งปลั่ง ร่างบางกระตุกครั้งแล้วครั้งเล่าจากสัมผัสเขา. ผิวขาวบอบบางของมินยองถูกชายหนุ่มฝังรอยแดงจางๆทุกครั้งยามที่ริมฝีปากหยักลากไล้ผ่านเมื่อ จุงโจเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของสาวตรงหน้าตอนนี้กลายเป็นสีแดงก่ำริมฝีปากบางชุ่มช่ำน่าหลงใหลเผยอเรียกร้องจนเขาอดที่จะจรดริมฝีปากหยักเข้ากับริมฝีปากบางอีกครั้งไม่ได้ฝ่ามือเรียวลูบไล้สะโพกเต็มตึงอย่างพอใจก่อนที่จะค่อยๆยกกระชับสะโพกกลมกลึงของร่างบางเคลื่อนเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว

ร่างบางสะดุ้งเฮือกจากความรัดรึงแนบแน่นจนชายหนุ่มค่อยๆกอดกระชับหญิงสาวอย่างปลอบประโลมก่อนจะค่อยๆยกร่างบางเคลื่อนขยับช้าๆ, มินยองกอดร่างจุงโจแน่นหลับตาปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขา พร้อมกับยกสะโพกกลมกลึงขยับเข้าหาเขาอย่างช้าๆนุ่มนวลก่อนที่เธอจะส่งเสียงครางออกมาเบาๆ เมื่อยิ่งขยับความคับแคบรัดรึงน่าอึดอัดในตอนแรกก็ค่อยๆหายไปกลายมาเป็นความวาบหวามรัญจวนใจแบบที่เธอเคยได้รับสัมผัสจากเขา, ร่างบางสะท้านครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนร่างกายลอยขึ้นสูง เมื่อฝ่ามือเรียวกระชับสะโพกกลมกลึงของเธอขยับเข้าหาเขาอย่างรวดเร็วและรุนแรงขึ้นตามอารมณ์ที่เริ่มจะร้อนแรงขึ้นกว่าเก่า…ลมหายใจสาวหอบกระชั้นลืมทุกสิ่งทุกอย่างจำเพียงแต่เขา..เขาเท่านั้นจุงโจผู้ชายที่สร้างความเร่าร้อนวาบหวามให้เธอทุกครั้งยามที่อยู่ใกล้ชิดกัน…เสียงครางเปี่ยมสุขถูกเปล่งออกมาอย่างไม่อาจห้ามใจร่างบางกลับมาเบาหวิวและสุขสม

ชายหนุ่มครางเสียงแหบพร่ารับรู้ถึงความสุขของหญิงสาวมือเรียวกอดหญิงสาวแนบแน่นเขาค่อยๆซบหน้าลงจูบพรมเนินอกของหญิงสาวอีกครั้งอย่างผ่อนคลายเมื่อบทเพลงรักเร่าร้อนจบลง,เหลือเพียงความสุขสมรัญจวนใจเข้ามาแทนที่.มินยองตอบรับเขาด้วยการโอบกอดรอบคอชายหนุ่มมือบางสอดเข้าหาผมยาวนุ่มสลวยของเขาอย่างหลงไหลก่อนจะก้มลงจุมพิศริมฝีปากหยักของจุงโจแล้วปล่อยตัวผ่อนคลายเมื่อชายหนุ่มค่อยๆอุ้มเธอขึ้นมาจากอ่างน้ำอุ่น, ใช้ผ้าขนหนูผืนหนาคลุมร่างเปลือยเปล่าของเธอวางลงบนเตียงหนานุ่มช้าๆ.

“ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอทั้งคืน,เป็นไง?ตอบแทนที่ฉันไม่ได้มาหาเธอซะนาน” จุงโจพูดอย่างอารมณ์ดีขณะใช้ผ้าขนหนูไล้เช็ดความชื้นออกจากตัวหญิงสาวช้าๆ
“จริงๆนะคะ” มินยองยิ้มหวานใบหน้ายังคงแดงระเรื่อ
“อืม..”จุงโจยิ้มบางๆให้หญิงสาวจ้องมองมินยองด้วยดวงตาคม.งานเขายุ่งมากจริงๆที่โรงกลั่นเขาใช้เวลาในห้องแล๊ปเพื่อคิดหาเชื้อยีสต์ตัวใหม่เพื่อช่วยในการหมักเหล้าไวน์ให้กับพ่อของเขาจนแทบไม่มีเวลามาหาหญิงสาวตรงหน้าเลยก็ว่าได้ เขาจึงไม่แปลกใจที่มินยองจะทำสีหน้าดีใจขนาดนั้นเมื่อเขาบอกว่าจะอยู่กับเธอทั้งคืนแบบนี้
“งั้น..ไหนๆคุณก็ใจดีกับฉันแบบนี้แล้วฉัน..ขออะไรอีกอย่างจะได้มั้ยคะ” มินยองซบหน้าลงกับเปลือยเปล่าของจุงโจอย่างออดอ้อน
“อะไรหล่ะ..ถ้าไม่ยากจนคนอย่างฉันจะทำให้ได้,ฉันก็จะทำให้” จุงโจตอบขณะใช้ผ้าห่มหนาคลุมร่างเปลือย
เปล่าของเขากับมินยอง
“ไม่ยากหรอกคะ, แค่คุณอยู่ทานข้าวเช้ากับฉันก่อนที่คุณจะกลับได้มั้ยคะพรุ่งนี้” มินยองผงกศรีษะขึ้นมองชายหนุ่มอย่างรอคำตอบ
“แค่นี้เอง,ได้ซิ ฉันจะอยู่กับเธอทั้งคืนแล้วก็ทานข้าวเช้ากับเธอก่อนกลับ
“โอ้ย..ดีใจจังเลย คุณมีเวลาให้ฉันอย่างนี้ทุกวันก็คงจะดีซิคะ” มินยองซบหน้าลงกับอกกว้างกอดชายหนุ่มอีกครั้งด้วยความดีใจ

ท่าทางของมินยองอดที่จะทำให้จุงโจมองอย่างขบขันเอ็นดูไม่ได้, จะว่าไปแล้วอะไรๆหลายๆอย่างในตัวหญิงสาวยามที่อยู่ใกล้ชิดกันช่างเหมือนโบอึนเสียจนบางครั้งเขาเองก็คิดอยากจะย้อนเวลากลับไปถึงคืนก่อนที่โบอึนจะจากไป..ถ้าเขารู้สักนิดว่าโบอึนจะไปเขาก็จะขอร้องให้หญิงสาวอยู่..อยู่เพื่อเขาถ้าหากผู้หญิงอย่างโบอึนมีใจให้เขาจริงอย่างที่หญิงสาวเพียรแสดงออกมาตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ถึงมินยองจะเหมือนโบอึนเพียงใดแต่ใจของจุงโจก็ได้แต่บอกกับตัวเองว่าแม้หญิงสาวจะดีกับเขาและรักเขาเพียงใดแต่ก็ไม่อาจจะมาแทนที่ผู้หญิงคนเดียวคนนั้นคนที่อยู่ในใจเขามาตลอดสี่ปีได้เลย..มินยองก็คือมินยองไม่มีทางจะมาอยู่แทนที่ผู้หญิงใจร้ายคนนั้นคนที่เขาไม่มีโอกาสแม้จะได้บอกรัก..ผู้หญิงคนเดียวในใจเขา..”ซงโบอึน”

“ป้าคะให้หนูช่วยนะคะ” ฮโยซอนขอป้าอุนแม่บ้านวัยหกสิบทำงานขณะที่เดินมายังลานบ้านที่มีกลุ่มคนงานพากันนั่งซ้าวข้าวกันอย่างขมักเขม้น
“เอ่อ…คุณหนูจะทำจริงๆเหรอคะ” ป้าอุนมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างแปลกใจ
“แน่ใจซิคะ,ป้าบอกหนูหน่อยแล้วกันนะคะว่าจะให้เริ่มทำอย่างไหน,อะไรก่อน” ฮโยซอนพูดขณะนั่งยองๆลงข้างๆป้าอุนท่าทางกระตือรือล้นของหญิงสาวทำให้ป้าอุนเลื่อนอ่างกระเบื้องใบใหญ่มาไว้ตรงหน้านายสาว
“เอาอย่างนี้นะคะ,คุณหนูเคยซาวข้าวมั้ยคะ?”
“อ้อ,ไม่เคยคะ” ฮโยซอนพอจะนึกออกบ้างแต่เธอไม่เคยทำจึงได้แต่ตอบรับอย่างอายๆ
“งั้นดูป้าทำให้ดูเป็นตัวอย่างก่อนนะคะ” ป้าอุนใช้สองมือซาวข้าวในอ่างกระเบื้องตรงหน้าอย่างคล่องแคล่ว
“เห็นมั้ยคะไม่ยากหรอกคะ,คุณหนูลองทำดูนะ”

ฮโยซอนทำตามที่ป้าอุนสาธิตให้ดูแต่ปรากฏว่าหญิงสาวใช้สองมือซาวข้าวด้วยความแรงเกินไปจนทำให้ข้าวกระเด็นออกจากอ่างกระเบื้องกระจายเต็มพื้นไปหมดจนคนงานคนอื่นๆหัวเราะขบขันให้กับการซาวข้าวของคุณหนูฮโยซอน

“เอ่อ..คุณหนูคะ, คุณหนูต้องเบามือกว่านี้หน่อยนะคะตอนซาวข้าวหน่ะคะ, ไม่งั้นข้าวจะกระจายออกจากอ่างเสียของหมดนะคะ” จางอันลูกสาวของป้าอุนเตือนฮโยซอนอย่างเกรงๆเพราะถ้าเปรียบเทียบกันแล้วเธอค่อนข้างจะสนิทสนมกับผู้เป็นพี่สาวของนายสาวคนนี้มากกว่าแต่เพราะเห็นว่าฮโยซอนยอมมาขอช่วยงานทำแบบนี้เธอจึงกล้าที่จะเอ่ยเตือน
“ขอโทษนะคะหนูจะระวังให้มากกว่านี้” ฮโยซอนเอ่ยขอโทษออกไปเมื่อเห็นผลงานของตัวเองเป็นข้าวสารเม็ดงามกระจายเต็มพื้นไปหมด
“ฮโยซอน..ระวังหน่อยนะลูก, ข้าวสารพวกนี้เป็นข้าวสารชั้นดีโรงงานของเขาเนี่ยใช้คนงานคัดเลือกพวกแมลงพวกไรออกจากข้าวด้วยมือคนเลยทีเดียวนะแถมพวกเขาปลูกข้าวโดยไม่ใช้ยาฆ่าแมลงเลยยังไงก็จริงจังหน่อยแล้ว
กันนะลูกข้าวสารแต่ละเม็ดมีค่ามากจริงๆ” แดซุงซึ่งยืนมองดูลูกเลี้ยงสาวอยู่นานอดที่จะเดินมาบอกและสอนอีกคนไม่ได้เพราะความที่เขาพิถีพิถันกับทุกกระบวนการผลิตเหล้าไวน์ของโรงงานมากและวัตถุดิบทุกอย่างเขาก็ต้องเป็นคนเลือกและสรรหาว่าดีและปลอดภัยจริงๆถึงจะนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตเหล้าไวน์ดังนั้นของทุกอย่างจึงค่อนข้างจะมีราคาสูงอยู่พอสมควร เขาจึงไม่อยากให้ใครหรือคนงานคนไหนทำงานกับวัตถุดิบพวกนี้อย่างทิ้งๆขว้างๆ

“ขอโทษคะคุณพ่อ” ฮโยซอนตอบรับเสียงเบาหญิงสาวก้มหน้าก้มตาซ้าวข้าวอย่างระมัดระวังพลางคิดน้อยเนื้อ
ต่ำใจว่าขนาดซาวข้าวเธอก็ยังทำไม่ได้เลย แล้วเธอจะมีหน้าเสนอตัวเองไปขอทำงานในโรงกลั่นของพ่อเลี้ยงเธอได้อย่างไร. เสียงของแม่ยังคงดังอยู่ในหัว “แก..นี่มันไร้ประโยชน์จริงๆ.,งานการก็ไม่รู้จักขวนขวายทำ แกจะเกาะฉันกินไปถึงไหน..ซักวันแกก็จะไม่ได้อะไรจากบ้านหลังนี้,แกเห็นไอ้จุงโจมั้ย..แกจำคำพูดของฉันเอาไว้ให้ดีๆถ้าแกเอาชนะคนอย่างมันไม่ได้, แกก็ต้องทำยังไงก็ได้ให้มันยอมมามองแกบ้าง,ผู้ชายสันดานมันก็เหมือนกันหมดลองถ้ามีผู้หญิงเข้ามาออดอ้อนหน่อย,เอาใจซักนิดต่อให้เป็นเทวดานางฟ้าที่ไหนมันก็จะก้มลงมานอนแทบเท้าแก, แกตื่นขึ้นมาจากความฝันได้แล้วฮโยซอน โลกใบนี้มีแต่คนเข้มแข็งเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอดได้.,เออฉันมีอีกอย่างที่จะบอกแก,พี่สาวแกน่ะเห็นว่าเดือนหน้าจะกลับมาแล้วต่อจากนี้ไปฉันจะจัดการกับพี่สาวแกจริงๆจังๆซะที

แม่ด่าเธออย่างหนักทุกคำพูดของแม่ช่างตอกย้ำให้เธอถึงกับสะอึก แต่ไหนแต่ไรมาก็มีแต่โบอึนพี่สาวที่คอยออกรับแทนให้ทุกครั้งที่แม่ปั้นปึงใส่เธอ,หญิงสาวเป็นคนเรียนไม่เก่ง,ไม่เอาไหนมาตั้งแต่เด็ก พ่อแท้ๆของเธอที่ตายไปกับพี่สาวสองคนนี้เป็นคนที่คอยช่วยเหลือและให้กำลังใจเมื่อวันที่พ่อจากไป เธอจึงติดพี่สาวคนเดียวรักโบอึนยิ่งกว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่เสียอีก ตลอดสี่ปีที่โบอึนไม่อยู่ด้วยแล้วฮโยซอนจึงเหมือนคนไร้ที่พึ่ง แม่เองมักจะเปรียบเทียบเธอกับโบอึนเสมอ หญิงสาวรู้ดีว่าแม่ออกจะรักและทุ่ทเทให้กับพี่สาวของตนมาก, เพียงแต่คนอย่างแม่การแสดงออกเหมือนกับสุนัขจิ้งจอกที่คอยจะคาบคอลูกตัวเองมากกว่าจะเป็นการกอดรัดอุ้มชู้เหมือนแม่คนอื่นๆทั่วไป เมื่อพี่สาวเป็นทั้งหมดของแม่, การกลับมาของโบอึนจึงเหมือนการที่แม่ทำของหายแล้วได้ของสิ่งนั้นกลับคืนมา

ฮโยซอนไม่เคยคิดอิจฉาในความรักของแม่ที่มีให้พี่สาวตนมากกว่าตัวเองหรือข้อเปรียบเทียบอะไรๆก็แล้วแต่ ที่ว่าพี่สาวเธอดีกว่าเธอย่างนั้นอย่างนี้, ความแน่ใจนั้นกลับถูกสั่นคลอนเพียงเพราะเธอไม่สามารถห้ามใจให้มารักผู้ชายคนเดียวกับโบอึนได้ ความเห็นแก่ตัวและอิจฉาจึงทำให้เธอคิดจะเก็บเขาไว้เพียงคนเดียวจากการโกหกของเธอ, ผู้ชายอย่างมุนจุงโจก็ยังคงเมินเฉยและเย็นชาใส่เธอตามเดิม แต่อย่างน้อยตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาฮโยซอนก็แน่ใจว่าคนอย่างมุนจุงโจจะไม่กลับไปหาพี่สาวเธออีกแน่นอน, คนอย่างเขาหยิ่งเกินไปที่จะหยิบของที่ตัวเองโยนทิ้งไปแล้วขึ้นมาใช้อีก

“จองอู,ช่วงนี้นายน้อยแกเขาพักอยู่ไหนเหรอ.,วันๆฉันไม่เห็นว่าเจ้านั่นมันจะกลับบ้านกลับช่องเลย.”แดซุงเดินผ่านผละมาจากกลุ่มคนงานมาหาจองอูที่ยืนขัดไหหมักเหล้าร่วมกับคนงานชายอีกหลายคน
“เอ่อ..ท่านประธาน..คือนายน้อย” จองอูตอบตะกุกตะกักเพราะไม่รู้ว่าจะตอบแบบไหนดีเพราะนายหนุ่มที่ส่วนใหญ่จะหลับนอนที่ห้องเล็กๆที่จัดไว้เป็นสัดส่วนแยกไว้ติดกับห้องแล็ปหรือไม่ก็ห้องผู้หญิง.แต่ข้อหลังนี้จองอูเองก็ไม่สามารถจะให้คำตอบได้เพราะนายหนุ่มไม่เคยจะสนใจหรือคบใครจริงจังซักคน. เขาจึงไม่สามารถบอกได้ว่าห้องหญิงสาวคนไหน

“อะไรของแก..เป็นโรคติดอ่างขึ้นมาเชียว พอฉันถามถึงเจ้านายแก แกไม่ตอบฉันก็พอจะรู้เรื่องมาบ้าง,ถ้ายังไงวันนี้เจ้านั่นโผล่หน้ามาบ้าน..แกก็ช่วยตามมันไปพบฉันที่ห้องทำงานด้วยแล้วกัน” แดซุงสั่งทิ้งท้ายไว้ให้เด็กหนุ่มเขาส่ายหัวอย่างระอาในตัวลูกชายที่นานๆทีจะกลับบ้านวันนี้เขามีเรื่องสำคัญจะคุยกับลูกชายจึงต้องไปหาเด็กรับใช้คนสนิทของลูกชายเพื่อถามไถ่แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ผลอะไรเพราะจองอูออกจะซื่อสัตย์กับนายตนมากกว่าเขาคนที่ชุบเลี้ยงเด็กหนุ่มมาซะอีก จุงโจเอ๊ยย….แกนี่มันเหลือเกินจริงๆ


“กระเด็นไปอยู่ไหนหน่า…เมื่อกี้ยังเห็นอยู่ตรงนี้เลย” มุนจุนซูด็กชายวัยสี่ขวบเดินตามหาลูกบอลที่เขาเตะเล่นอย่างเพลิดเพลินแต่บังเอิญลูกเตะช่วงสุดท้ายเขาเตะแรงไปหน่อยจึงทำให้ลูกบอลกระเด็นหายไป

จุงโจเดินผ่านเข้ามาบริเวณประตูบานใหญ่ของรั่วบ้านแต่เขาก็ต้องหยุดร่างสูงไว้เพราะเท้าบังเอิญไปเตะเข้ากับลูกบอลสีสดใสใบหนึ่งเข้า,ชายหนุ่มจึงค่อยๆก้มลงเก็บลูกบอลใบนั้นขึ้นมา ไม่สงสัยอะไรมากนักเพราะน้องชายคนละแม่ของเขาคงจะออกมาตามเจ้าลูกบอลใบจ้อยนี้อยู่เป็นแน่

“เก็บให้หน่อยครับ,เก็…”เสียงของจุนซูหายไปเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนถือลูกบอลของเขาไว้ในมือ
“อยากได้ก็เดินมาเอาซิ” จุงโจยืนเต็มความสูงมองน้องชายด้วยสายตาคมกระตุกยิ้มมุมปากอย่างแยะเย้ยเพราะเขารู้ดีว่าจุนซูหวาดกลัวเขาเพียงใด ด้วยวัยเพียงสี่ขวบ จุงโจรู้ดีว่าจุนซูเป็นเด็กฉลาดแต่เพราะเป็นเด็กติดแม่และพี่สาวจึงทำให้จุนซูออกจะเป็นเด็กขี้อายและเอาแต่ใจตัวเอง เด็กชายค่อยๆเดินมาหาเขาช้าๆสีหน้าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“อ๊ะ..ก็แค่เนี่ย” จุงโจยื่นลูกบอลกลับคืนให้จุนซู เมื่อเด็กชายรับลูกบอลจากมือพี่ชายเขาก็เตรียมตัวจะวิ่งหนีไปในทันทีแต่ก็ช้ากว่ามือเรียวยาวของพี่ชายที่คว้าคอเสื้อเขาเอาไว้ซะก่อน
“แก..ลืมอะไรไปรึเปล่าจุนซู” จุงโจยังคงแกล้งน้องชายมือเรียวที่ปล่อยคอเสื้อน้องแล้วจับไหล่เล็กของน้องให้หันมาหาเขา
“ละ..ลืมอะไร” เสียงจุนซูสั่นเมื่อคนตัวสูงกว่าก้มหน้าลงมาหาเขา
“ผู้ใหญ่ให้ของต้องพูดว่ายังไงก่อน,แกเนี่ยไม่มีมารยาทจริงๆ” จุงโจพูดด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนักมองหน้าน้องชายด้วยรอยยิ้มจางๆ
“ขอ..ขอบคุณครับ….ไอ้ปีศาจ” จุนซูเมื่อเห็นว่าพี่ชายปล่อยคอเสื้อและได้ลูกบอลกลับมาแล้วก็รีบขอบคุณแต่ก็ยังตะโกนด่าพี่ชายตัวเองเมื่อเห็นว่าตัวเองอยู่ในระยะปลอดภัยแล้ว
“เชอะ..ไอ้เด็กคนนี้แม่แกคงตามใจซะเคยตัว…หึๆๆ” จุงโจไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของน้องชายมากนักเพราะจุนซูก็ไม่เคยเรียกเขาว่าพี่อยู่แล้วชายหนุ่มจึงเดินเข้าบ้านไปอดจะขำกับท่าทางของจุนซูไม่ได้

จองอูซึ่งยืนขัดไหหมักเหล้าใบใหญ่พร้อมกับคนงานคนอื่นๆอยู่นั้นต้องหยุดทำงานเมื่อแทกูหัวหน้างานของเขามาเรียกให้เขาช่วยขับรถไปส่งของให้ตามที่อยู่ที่ชายหนุ่มผู้เป็นนายได้แนบมาให้พร้อมกับจำนวนของทั้งหมดที่ต้องถูกส่งวันนี้

“ทำไมของรอบนี้มันเยอะจังเลยหล่ะครับ, ผมไม่เห็นท่านประธานจะสั่งอะไรผมเลยนี่ครับ” จองอูถามแทกูออกไปเมื่อเห็นจำนวนของและจำนวนร้านค้าในเอกสารที่แทกูยื่นให้
“แกอย่าถามมากเลยจองอู, ร้านค้าก็ร้านเดิมๆที่แกเคยไปส่งนั่นแหละเพียงแต่เค้าสั่งเพิ่ม” แทกูแถไปเรื่องอื่นไม่อยากให้จองอูถามเซ้าซี้อะไรเขามาก เพราะแทกูเองก็ได้รับคำสั่งนี้มาจากนายตัวเองอีกต่อนึงเหมือนกัน.
“แกแน่ใจนะว่าไอ้เด็กจองอูหน่ะมันไว้ใจได้” เสียงมีอำนาจโทรมากำชับงานเขาอีกครั้ง
“แน่ใจครับ,คุณนายไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้เลยนะครับ ไอ้เด็กจองอูเนี่ยมันเป็นคนซื่อไม่มีปากมีเสียงอะไรกับใคร.”แทกูตอบเพิ่มความมั่นใจให้นายตน
“ดีมาก,ส่งรอบนี้เป็นรอบสุดท้ายแกต้องระวังให้มากเข้าใจมั้ย”
“ครับ,คุณนายไม่ต้องเป็นห่วง.ผมจะจัดการเรื่องที่เหลือเอง” แทกูวางสายจากนายหญิงแล้วมาสั่งการเด็กหนุ่มที่ไม่รู้เรื่องราวกับการเข้าร่วมมือทำลายชื่อเสียงของโรงกลั่นแดซุงแม้แต่น้อย

จุงโจเมื่อเดินเข้ามาในห้องนอนตัวเองเรียนร้อยแล้วเขาเองก็ค่อยๆเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ใส่มาจากเมื่อวานเป็นชุดลำลองอยู่บ้านแทน, วันนี้เขาคิดอยากจะอยู่บ้านพักผ่อนซักวัน แต่ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น

“เข้ามาซิ..ประตูไม่ได้ล็อค” จุงโจตะโกนบอกออกไป, ชายหนุ่มคิดว่าคงจะเป็นจองอูที่มาเคาะเรียกเพื่อคุยธุระอะไรจึงไม่ได้คิดมาก, ร่างสูงจึงมีเพียงกางเกงบ็อคเซอร์สวมใส่อยู่เพียงตัวเดียวขณะเลือกเสื้อผ้าในตู้มาสวมใส่
“ว้ายยย..ขอโทษนะ.,ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมากวนนาย..พอดีคุณพ่อให้มาตามน่ะ” ฮโยซอนตอบอย่างเขินอายเมื่อเข้ามาในห้องก็พบว่าชายหนุ่มแต่งตัวไม่เรียบร้อยยืนอยู่จ้องมองมาทางตนโดยไม่มีอาการตกใจอะไรเลย ผิดกับเธอที่อดจะเขินอายไม่ได้ เมื่อลอบมองร่างสูงที่ประกอบไปด้วย ไหล่กว้าง หน้าอกพึ่งผาย หน้าท้องแบนราบ, ผิวที่ขาวจัดของจุงโจตัดกับผมยาวดำขลับที่เขาปล่อยไว้เต็มกลางหลัง แสงแดดอ่อนๆยามเช้าส่องกระทบร่างเขาจนฮโยซอนเผลอมองเขาอย่างเต็มตา แต่แล้วความเพลิดเพลินของเธอก็หมดไปเมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับแววตาคมจ้องมองเธอกลับมา
“อืม…เธอออกไปได้แล้ว..จะมายืนดูผู้ชายแต่งตัวรึไง” จุงโจพูดขณะยืนหันหลังเลือกเสื้อยืดออกมาใส่ไม่ได้สนใจอาการประหม่าเขินอายของหญิงสาว
“คุณพ่ออยู่ที่ห้องทำงานนะ” ฮโยซอนพูดเสียงเบาขณะจะเดินออกจากห้อง“เอ่อ..วันนี้นายจะอยู่ค้างที่บ้านใช่มั้ย.”
“ถามทำไม..พ่อฉันถามหรือว่าเธอ” จุงโจถามขึ้นหลังจากแต่งตัวเสร็จแล้วเดินมายืนเคียงข้างหญิงสาวที่ยังคงรีรออยู่หน้าประตูห้อง
“คือ…ฉันอยากจะทำกับข้าวให้นายทานบ้าง..ฉะ..ฉันว่านายผอมไปนะช่วงนี้” ฮโยซอนพูดขึ้นอย่างขัดเขินเมื่อเห็นจุงโจมายืนอยู่ข้างๆตน
“เธอเป็นห่วงฉันเหรอ..?,ฮโยซอน” จุงโจพูดเสียงเบาตาคมจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าไม่กระพริบ
“ฉะ..ฉัน..ใช่ฉันเป็นห่วงนาย” ฮโยซอนเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม,หญิงสาวรวบรวมความกล้าบอกเขาไปในที่สุดรู้สึกใบหน้าร้อนแผ่วเมื่อมองเขาในระยะใกล้ชิดแบบนี้
“งั้นเหรอ..เธอช่วยแสดงว่าเป็นห่วงฉันมากกว่าการทำกับข้าวให้ดูหน่อยซิ” จุงโจมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาคมเชิญชวน มือเรียวค่อยๆรวบหญิงสาวเข้ามาไว้ในอ้อมแขน, กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวไม่มีท่าทีขัดขืนแม้แต่น้อย
“จุงโจ..” ฮโยซอนรู้สึกว่าตัวเองแทบจะปลิวเข้าไปในอ้อมกอดเขาเลยก็ว่าได้ จุงโจไม่ได้ผอมบางเหมือนที่หญิงสาวเห็น แต่บ่าและอกกว้างของเขาช่างอบอุ่นเสียจริงเมื่อหญิงสาวอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างนี้ ปากหยักได้รูปของเขาช่างน่ามองเสียจนหญิงสาวยกมือบางขึ้นไล้มือไปตามริมฝีปากหยักนั้นอย่างหลงไหล
“ว่าไง…เธอยังไม่ตอบฉันเลย…ว่าจะแสดงอะไรให้ฉันดูว่าเป็นห่วงฉัน” ชายหนุ่มถามขึ้นขณะจูบตอบนิ้วบางที่ไล้แตะริมฝีปากเขา,ชายหนุ่มยังคงสนุกไปกับการแกล้งหญิงสาวในอ้อมกอด
“ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้นายรู้ว่าฉันเป็นห่วงนาย” ฮโยซอนเงยหน้ามองเขาหญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอยเหมือนตัวเองตกอยู่ในห้วงมนต์สะกดให้เห็นแต่เขาผู้ชายที่เธอหลงรักมานานแสนนาน
“ไม่ยากหรอก..“จุงโจพูดเสียงกระซิบค่อยๆโน้มใบหน้าเข้าหาริมฝีปากอิ่มที่เผยอขึ้นอย่างเชิญชวน

ลมหายใจของฮโยซอนเหมือนจะขาดหายไปเมื่อเห็นเขาค่อยๆโน้มใบหน้าลงมาหา ลมหายใจอุ่นของเขาและเธอผสมผสานกันด้วยความใกล้ชิดแค่คืบ,หญิงสาวหลับตาลงรอคอยเขาด้วยหัวใจที่เต้นแรง, แรงซะจนเขาอาจจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอ
“ไปเถอะ..พ่อฉันเขารออยู่..ทีหลังถ้าไม่ใช่ฉันอย่าเที่ยวไปเข้าห้องผู้ชายที่ไหนอีก.”จุงโจพูดเตือนหญิงสาวขึ้นขณะที่ผละอ้อมกอดออกจากร่างบาง, ตอนนี้เขาเริ่มหมดสนุกที่จะแกล้งหญิงสาวแล้ว. จุงโจไม่ได้หันกลับมามองว่าฮโยซอนจะรู้สึกหรือมองเขาเดินออกจากห้องไปด้วยสายตาแบบไหน แต่ชายหนุ่มไม่อยากให้ฮโยซอนต้องทำตัวง่ายๆแบบนี้กับผู้ชายที่ไหน เพราะยังไงเขาเองก็เป็นผู้ชายย่อมรู้ดีว่าผู้ชายคิดอะไรอยู่และอย่างน้อยการที่เขาเองและหญิงสาวก็เหมือนพี่น้องกันไปแล้ว จุงโจจึงไม่อยากเห็นฮโยซอนต้องมานั่งเสียใจกับความมักง่ายของผู้ชาย ซึ่งจุงโจไม่อาจยอมให้หญิงสาวอ่อนต่อโลกอย่างฮโยซอนได้เรียนรู้ด้วยตัวเองเป็นแน่

“พ่อดีใจนะที่แกกลับบ้านมาได้…นึกว่าจะต้องรอนานกว่านี้ซะอีก เรื่องสำคัญอย่างนี้., พ่อไม่อยากจะคุยทางโทรศัพท์” แดซุงเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อลูกชายนั่งลงตรงข้ามเขา
“ท่านประธานจะคุยเรื่องอะไรกับผมเหรอครับ” จุงโจตอบพ่อเสียงเรียบหลังจากที่คนรับใช้นำชาร้อนมาเสริฟ์ให้
“พ่ออยากให้แกแบ่งเวลามาช่วยพ่อบริหารงานที่โรงกลั่นบ้าง” แดซุงเอ่ยขึ้น รู้สึกลำบากใจที่ต้องยัดเยือดงานที่ลูกชายไม่ชอบ แต่เขาไม่มีทางเลือกจริงๆในเมื่อเขามีจุงโจเพียงคนเดียวที่เขาพอจะไว้วางใจได้มากที่สุด
“ตอนนี้ท่านประธานก็รู้ไม่ใช่เหรอครับว่าผมเองก็มีงานที่ห้องแล๊ปไม่น้อยเลยทีเดียว” จุงโจพูดก่อนที่จะยกถ้วยชาขึ้นจิบ
“พ่อจะบอกเรื่องที่พ่อกังวลให้แกฟังตามตรงก็ได้” แดซุงพูดด้วยน้ำเสียงเบาลงแต่จริงจังมองหน้าลูกชายอย่างวาดหวัง
“ทางฮังจูกาพยายามติดต่อมาซื้อโรงกลั่นของเรามาหลายปีแล้ว,เรื่องนี้พ่อคิดว่าแกก็น่าจะรู้มาบ้าง”
แดซุงพูดต่อไปเมื่อเห็นว่าจุงโจกำลังนั่งฟังเขาอยู่
“แล้วมันจะผิดปกติตรงไหนล่ะครับในเมื่อคนไม่รู้จักพออย่างท่านประธานฮังและลูกชายจะอยากได้โรงกลั่นเล็กๆอย่างเราที่มียอดขายเหล้าโซจูเป็นอันดับหนึ่งในเขตคยองกี” จุงโจยังคงนั่งจิบชาไปเรื่อยๆแต่น้ำเสียงจริงจังผิดกับท่าทางอันแสนผ่อนคลายของเขา ใบหน้าเรียบเฉยของชายหนุ่มทำให้ผู้เป็นพ่อเดาไม่ถูกว่าเขารู้เรื่องอะไรมาบ้าง
“ถ้าเป็นการติดต่อขอซื้อแบบซึ่งๆหน้าอย่างเดียวพ่อก็จะไม่กังวลอะไรมากขนาดนี้หรอก,แต่พ่อเริ่มกังวลอีกอย่างก็คือเรื่องการเปิดตลาดใหม่ของเราที่ญี่ปุ่น พ่อกลัวว่าทางฮังจูกาจะหาทางเล่นงานเรา” แดซุงพูดความกังวลที่มีในใจให้ลูกชายฟัง

“ถ้าท่านประธานจะมากังวลเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น,ท่านเอาเวลาไปคิดแผนการตลาดเพื่อเปิดตลาดในญี่ปุ่นไม่ดีกว่าเหรอครับ” จุงโจพูดเตือนผู้เป็นพ่อเมื่อเห็นสีหน้าและแววตาที่ฉายแววกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“พ่อรู้ดีว่าพูดอะไรเหมือนเป็นคนโง่,ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นนักธุรกิจอยู่แล้วแต่กลับกลัวอะไรไม่เข้าท่า” แดซุงอดจะละอายใจไม่ได้เมื่อเห็นสายตาจริงจังของลูกชายมองตนมาแบบนี้
“แต่สาเหตุหลักไม่ใช่ว่าพ่อกลัวฮังจูกา, แต่แกไม่คิดเหรอว่าจู่ๆบริษัทใหญ่อย่างฮังจูกาที่มีบริษัทลูกมากมายแต่กลับสนใจมาติดต่อซื้อโรงกลั่นของเรา”
“เรื่องนี้มันน่าจะจบไปตั้งแต่วันที่แม่แกตาย, แต่พ่อก็ไม่คิดว่าปู่ของแกเขายังจะต้องการทำลายพวกเราอยู่แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานแล้วก็ตาม. แกจำปู่ของแกได้มั้ย?..จุงโจ”
“ครับ..” ชายหนุ่มตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยตามเดิม

‘ทำไมเขาจะจำปู่ของเขาไม่ได้…ผู้ชายคนนั้น..คนที่ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มเมื่อเห็นหน้าหลานชายคนแรกของตระกูล..สีหน้าและแววตามีอำนาจมองเด็กชายจุงโจอย่างเย็นชาเหยียดหยาม บ้านหลังนั้นใหญ่โตเสียจนเขาต้องเกาะกุมมือแม่แน่นๆเหมือนตัวเองอยู่ในปราสาทที่มีแต่คนใจร้ายอาศัยอยู่…มุนฮันซุงมองดูหน้าแม่ของเขาอย่างดูแคลนด้วยเพราะเป็นลูกสะใภ้ใหญ่ที่ไม่ได้มากจาการยอมรับของตระกูล แต่เพราะความรักที่พ่อแม่ของเขามีให้กันทำให้พ่อเขาต้องยอมทิ้งทุกอย่างและยอมจมตัวเองลงให้พ้นสายตาผู้เป็นพ่อ แล้วมาอยู่กับโรงงานเล็กๆนอกเมืองแทน…เท่านี้คงยังไม่พอกับเกียรติยศชื่อเสียงที่ปู่ของเขาเสียไปกระมั้งถึงได้ตามมาทำลายพ่อของเขาอีก..’

“ฮังจูกาคงจะได้ข้อเสนอมาจากจินเรียวคอปเปอร์เรชั่นมาช่วยด้วยอีกแรง,เหตุผลน่าจะพอฟังขึ้นมั้ยครับท่านประธาน” จุงโจเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นพ่อนั่งมองอยู่ด้วยแววตาเหมือนซ่อนความกังวลบางอย่างออกมาให้เห็นเพียงแต่เขาไม่แน่ใจว่าพ่อยังจะกังวลเรื่องอะไรไปมากกว่านี้อีก ในเมื่อพ่อเองก็น่าจะรู้ว่าศัตรูได้เริ่มเปิดเผยตัวขึ้นอย่างที่สงสัยแล้ว
“แก..รู้ตัวมั้ย,จุงโจ..นับวันแกก็ยิ่งเหมือนปู่ขึ้นไปทุกวัน” แดซุงพูดขึ้นเหมือนคนละเมอ แต่ใจเขากลับคิดหนักกับการแข่งขันอะไรแบบนี้, ความตั้งใจที่มาเปิดโรงงานและปักหลักที่นี่ก็เพราะเขาไม่อยากจะอยู่โซล เพราะยังไงการเผชิญหน้ากับผู้เป็นพ่อคงจะหนีไม่พ้น ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจมาอยู่เมืองเล็กๆเพื่อจะได้ไม่ต้องมารับรู้ว่าผู้เป็นพ่อทำอะไรบ้างและเพื่อความปลอดภัยของครอบครัวเขาเองด้วย

“เลือดมันข้นไปหน่อย..ต่อให้ท่านประธานมุนฮันซุงจะไม่ยอมรับว่าผมเป็นหลานแต่ท่านเองก็คงหนีความจริงข้อนี้ไปไม่ได้” จุงโจยิ้มเยาะให้กับตัวเอง นึกสนุกที่จะได้ท้าทายราชสีห์อย่างปู่เขา “แต่ตอนนี้เราเองยังไม่มีข้อมูลมากพอที่จะบอกให้แน่ชัดได้ว่าจินเรียวคอปเปอร์เรชั่นร่วมมือกับฮังจูการึเปล่า, ท่านประธานเองก็อย่าเพิ่งกังวลไป เรื่องที่จะให้ผมไปช่วยงาน..ผมขอเวลาอีกซักพัก..ก็แล้วกันนะครับ” จุงโจพูดก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อขอตัวกลับไปที่ห้องของตัวเอง
“จุงโจ…พ่อมีแกอยู่ด้วยทั้งคนจะกังวลอะไรได้อีกล่ะ ลูก ขอบใจแกมากนะที่ยอมอยู่ที่นี่..” แดซุงมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน…
“หนูโบอึนเค้าจะกลับมาเดือนหน้านี้แล้วนะ”…แดซุงเอ่ยขึ้นมาอีกเมื่อเห็นจุงโจจะเดินออกจากห้อง

ชายหนุ่มยืนชะงักเหมือนโดนสะกดเพียงเพราะชื่อผู้หญิงคนนั้นคนเดียว..อารมณ์สับสนว้าวุ่นเกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ท่านประธาน..,พยายามอย่าพูดถึงชื่อผู้หญิงคนนั้นต่อหน้าผมจะดีกว่านะครับ” จุงโจหันกลับมาพูดกับพ่อเสียงเรียบ ดวงตาคมมองอย่างแข็งกร้าวก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“จุงโจ..,แกจะฟังอะไรให้จบก่อนไม่ได้เหรอไงนะ..ไอ้ลูกคนนี้” แดซุงมองตามหลังลูกชายอย่างอ่อนใจ


ทางด้านคนที่อยู่อีกซีกโลก ตอนนี้หัวใจกำลังเบ่งบานเต็มที่เพราะอีกไม่ถึงเดือนหญิงสาวก็จะได้กลับบ้าน, บ้านที่มีคนที่เธอรักและรักเธอรออยู่ เขาจะเป็นยังไงบ้างนะ,ความห่างไกลเป็นเวลาหลายปีจะทำให้ความรู้สึกของจุงโจเปลี่ยนไปจากเธอมั้ยหนอ…
โบอึนมองดูรูปชายหนุ่มคนที่เธอเฝ้าคิดถึงมาตลอดเวลาที่อยู่ห่างกัน…
เขา….คนที่ไม่มีแม้รอยยิ้มแต่กลับเป็นคนที่เธอทำให้เธอยิ้มได้มากที่สุด
เขา….คนที่ใครก็ว่าไม่มีความรู้สึก เลือดเย็น แต่กลับมีอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นให้เธอเสมอในยามโหยหา
เขา….คนที่ทำให้เธอเสียน้ำตาแค่เพียงเขาหมางเมินใส่
เขา….คนที่ทำให้เธอรู้จักคำว่าคิดถึง
และเขา….คนที่ทำให้เธอรู้จักคำว่า…..รัก

“ยังไม่นอนอีกเหรอจ้ะ..โบอึน” อึนโซถามขึ้นเมื่อเห็นไฟในห้องของหลานสาวยังคงเปิดอยู่
“ยังคะ..พอดีนั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่น่ะคะ” โบอึนเงยหน้าขึ้นมองอาอึนโซที่เดินมายืนอยู่ข้างๆเธอ
“ตื่นเต้นล่ะซิท่า,จะได้กลับบ้านแล้ว” อึนโซเอามือลูบหัวหลานสาวอย่างรักใคร่ โบอึนสวยและน่ารักกว่าที่เธอเคยคิดเอาไว้มาก ครั้งแรกที่หลานชายบอกให้เธอช่วยดูสร้อยข้อมือให้กับผู้หญิง ตอนนั้นหัวใจของอึนโซเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นไม่ได้ เพราะจุงโจไม่เคยจะให้ความใส่ใจและสนใจผู้หญิงที่ไหนมาก่อนเลย, เธอจึงภาวนาทุกวันเพื่อขอให้จุงโจพาหญิงสาวคนนั้นมาแนะนำให้เธอได้รู้จักสักวัน แต่เธอก็นึกไม่ถึงว่าหญิงสาวคนนั้นจะเป็นคนเดียวกับที่นั่งอยู่ข้างๆตอนนี้เธอ…หลานชายเธอเลือกคนไม่ผิดจริงๆ..โบอึนสวยและน่ารัก ผู้หญิงบางคนก็มีแต่สวยแต่ขาดความน่ารัก แต่ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างโบอึน..
อึนโซจำได้ดีถึงความตื่นเต้นและความเขินอายของเด็กสาวตรงหน้าเมื่อเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้,อึนโซได้มีโอกาสถามเด็กสาววันนึงตอนที่ไปเลือกซื้อของด้วยกัน
“โบอึนจ้ะ..ทำไมถึงไม่อยู่ห้องที่อาเตรียมไว้ให้ล่ะ..หลานไม่ชอบเหรอจ้ะ” อึนโซเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย
“เอ่อ..คือ..คุณอาอย่าเข้าใจหนูผิดนะคะที่หนูขอไปอยู่ที่ห้องจุงโจแทน..” ใบหน้าของหญิงสาวอ่อนเยาว์กว่าเริ่มแดงระเรื่อ
“นั่นแหละที่อาสงสัย..ห้องผู้ชายจะมีอะไรนอกจากหนังสือ ยิ่งห้องของเจเจด้วยแล้วหนังสือเยอะซะยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด” อึนโซพูออย่างอามรณ์ดีเมื่อพูดถึงหลานชายคนโปรด
“หนูแค่อยากรู้ว่า..ผู้ชายอย่างจุงโจเค้าเป็นคนยังไงกันแน่น่ะคะ อย่างน้อยการที่ได้อยู่และสัมผัสกับของที่เขาเคยใช้เคยอยู่มา…เอ่อ..อย่างน้อยหนูก็อุ่นใจเหมือนว่ามีเขาอยู่ใกล้ๆน่ะคะ” โบอึนตอบอย่างเขินอาย เมื่อเห็นอาของจุงโจยืนมองตนพูดอย่างตั้งใจ
“เจเจโชคดีนะจ้ะที่มีหนูเป็นคนรัก…” อึนโซพูดทิ้งท้ายให้โบอึนได้อายหน้าแดงกว่าเก่าก่อนที่จะชวนกันไปเลือกซื้อของต่อ

เวลาสี่ปีที่อึนโซได้มีโอกาสใกล้ชิดกับหลานสาวคนนี้ทำให้เธอเปลี่ยนใจอยากจะมีลูกสาวขึ้นมากับเค้าบ้างแล้ว คงเพราะห่างกับจุงโจมานานเกินไปหรือเปล่าที่ทำให้ความน่ารักอ่อนโยนของสาวน้อยตรงหน้าเข้ามาเป็นเหมือน
น้ำทิพย์ชโลมจิตใจ ให้กับหัวใจเหงาๆของคนที่ไม่มีโอกาสจะได้เป็นแม่อย่างเธอ

“เอ๊ะ..รูปนี้หนูโบอึนเอามาใส่กรอบไว้เลยเหรอจ้ะ” อาอึนโซถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นรูปใคร
“หนูชอบรูปนี้คะ…พอดูรูปนี้แล้วทำให้ยิ้มออกเวลาที่เครียดๆกับเรื่องเรียนน่ะคะ” โบอึนมองดูรูปที่ใส่กรอบไว้อย่างดีบนโต๊ะหนังสือ
“รูปนี้..ถ้าอาจำไม่ผิดอาเป็นคนถ่ายเอง..เจเจอายุแค่สิบสามเองเริ่มจะไว้ผมยาวแล้วเป็นหนุ่มน้อยเชียวนะเนี่ย” อึนโซหยิบรูปหลานชายขึ้นมาดูด้วยสายตาเปี่ยมรัก
“เค้าชอบนั่งอ่านหนังสือท่านี้..เวลาเผลอทีไรมือซ้ายจะกำแน่นเวลาเขียนหนังสือแบบนี้ประจำ…รูปนี้ใครๆเห็นก็นึกว่าอามีหลานสาว” อึนโซอมยิ้มกับรูปหลานชาย
“นั่นซิคะ..จุงโจหน้าเหมือนผู้หญิงเอามากๆเลยคะ” โบอึนอดจะอมยิ้มร่วมไปด้วยอีกคน เพราะอะไรเธอก็ไม่สามารถบอกได้ว่าทำไมถึงชอบรูปนี้มากที่สุด อาอึนโซเป็นอาที่วิเศษอย่างที่จุงโจบอกเธอ เพราะนอกจากอาอึนโซจะรักและเอาใจใส่กับจุงโจแล้ว อาอึนโซยังเป็นคนที่มีจิตใจดีและมีความคิดดี การที่จุงโจอยู่กับคนที่วิเศษแบบนี้ถือว่าเขาเป็นคนที่โชคดีมาก…โบอึนตั้งใจจะขอรูปนี้กับอาอึนโซก่อนวันที่เธอจะเดินทางกลับ แม้ว่าหญิงสาวจะได้เจอชายหนุ่มคนที่ถูกถ่ายรูปไว้แล้วก็ตาม แต่เธออดที่จะคิดถึงรูปนี้ไม่ได้เพราะอย่างน้อยรูปนี้ก็อยู่เป็นเพื่อนเธอมาตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่สี่ปีเต็มๆ

“อาเพิ่งจะวางสายจากเจเจ,เค้าโทรมาหาอา..” อึนโซเอ่ยขึ้นใบหน้าที่ระบายรอยยิ้มเมื่อครู่ค่อยๆหายไปก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“เจเจคงจะมีเรื่องกลุ้มใจ…เค้าโทรมาหาอา..ขอร้องให้อาช่วยเล่าเรื่องตอนที่อาไปตกปลากับพ่อของอาที่ทะเลสาบเวียวาลด์ให้ฟังอีกครั้งได้มั้ย..แค่นี้อาก็รู้แล้วว่าเจเจมีเรื่องให้เขาต้องทุกข์ใจ”
“แค่พูดแค่นี้อาก็รู้เลยเหรอคะ..” โบอึนถามขึ้นอย่างสงสัยแปลกใจ
“ไปตกปลาครั้งนั้นมันเป็นช่วงเวลาอันแสนวิเศษที่อาได้อยู่กับพ่อตั้งสิบวันแน่ะ,เราใช้เวลาอยู่ร่วมกันมีอากับพ่อแค่สองคน งานของพ่อยุ่งมากการที่มีเวลาสิบวันร่วมกันสองคนพ่อลูกจึงเป็นเหมือนกับฝันไปเลยหล่ะ.เจเจจะให้อาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังถ้าวันไหนเขาไม่สบายใจขึ้นมา…วันนี้เจเจคงจะมีเรื่องให้ทุกข์ใจแน่ๆ” อึนโซพูดเสียงเศร้ามองดูรูปหลานชายก่อนที่จะวางลงที่เดิม
“โบอึน…รักเจเจให้มากๆนะจ้ะ…” อึนโซพูดเสียงอ่อนโยนมือบางยกขึ้นลูบผมหยักโศกยาวสลวยของโบอึนแผ่วเบาดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเธอมองผู้เป็นหลานสาวอย่างอบอุ่น
“หนูเป็นคนที่มีพรวิเศษ,หลานชายอาเค้าโชคดีที่มีหนูเป็นคนรัก…” อึนโซส่งยิ้มให้กับหลานสาว

มีเพียงรอยยิ้มจากคนใบหน้าหวานซึ้งที่ส่งกลับไปให้อาของคนที่เธอรัก แม้มีคำพูดร้อยพันก็คงไม่เท่ากับรอยยิ้มและความจริงใจที่สื่อส่งผ่านให้กันและกันของสองสาวสองวัย ที่รักและหวังดีให้กับผู้ชายคนเดียวกัน โบอึนคิดถึงพรวิเศษที่อาอึนโซเอ่ยถึง ถ้าหากเธอมีพรวิเศษเช่นนั้นจริง เธอก็อยากจะขอให้จุงโจผู้ชายที่เธอรักได้รับพรวิเศษนี้ความสุขของเธอ….คือพรวิเศษ…รู้มั้ยจุงโจ…

มินยอง กิ๊กเจเจค่ะ อิอิ



ส่วนนี่ก็เจเจ สมัยละอ่อนค่ะ^ ^




 

Create Date : 25 พฤศจิกายน 2553
13 comments
Last Update : 5 มกราคม 2554 20:26:02 น.
Counter : 1396 Pageviews.

 

มาเร็วได้ใจจริงๆครับท่านอุ้ม ท่านสาฯ
ขอบคุณมากมายขอรับ

อ่านจบเมื่อไร จะมาเม้นท์ให้นะครับ

 

โดย: ซินยุนบกน้อย IP: 192.168.20.143, 203.154.236.3 25 พฤศจิกายน 2553 16:27:27 น.  

 

ว้าวววว เจิมๆ
ขอบคุณมากนะคะท่านผอ. ^^
บทหวีตกะสาวอื่นนี่ ทำไมท่านอุ้มสร้างซ้าอุ่นอุณหภูมิน้ำจนเดือดเลยล่ะคะ อิอิ เขินๆ
แถมกิ๊กก็แหม.... คู่แข่งเจ๊ชัดๆค่ะ

ว่าแต่ท่านซินยุนบกน้อย อ่านถึงตรงไหนแล้วค่ะนี่ อิอิ แซวเล่นน้า

ขอบคุณสำหรับเม้น
ขอบคุณนะคะ ท่านอุ้ม สู้ๆน้า^__^

 

โดย: สาวก2มุน IP: 202.12.97.100 25 พฤศจิกายน 2553 23:21:48 น.  

 

วะววาาว ว เจิมด้วยคน

ขอบคุงก๊าบ ^^

 

โดย: zliiz IP: 61.90.100.95 26 พฤศจิกายน 2553 1:01:20 น.  

 

มาทักทายยามดึกคะ

ในที่สุดฟิคเรื่องนี้ก็เดินทางมาถึงตอนที่ 8 กันแล้วนะคะถูกใจกันบ้างรึเปล่า...

ตอนที่ 8 จะเล่าถึงตัวละครอย่างจุงโจที่โตเป็นผู้ใหญ่และมีความรับผิดชอบสูงขึ้น ตอนนี้ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่านอย่าแอบงอนจุงโจนะคะที่นอกใจโบอึนนางเอกของเรา ขอให้ติดตามอ่านกันตอนต่อๆไปก่อนนะคะ เรื่องใจปรารถนา ข้าน้อยให้จุงโจ เป็น นายซินเดอเรลล่า ที่มีเจ้าหญิงอย่างโบอึนคอยช่วยเหลือ และมีอุปสรรคเยอะแยะมากมายให้ทั้งคู่ต้องร่วมฝ่าฟันช่วยเหลือกันไปตลอด.เพราะยิ่งโต ก็ยิ่งมีสิ่งที่ให้เราต้องเผชิญ เหมือนกับความรักของ จุงโจและโบอึน...(ขอเกริ่นไว้แค่นี้ก่อนนะคะ ถ้าบอกหมด กลัวจะไม่มีใครติดตาม..อิอิ)

ตอนนี้ ขอพูดถึงตัวละครที่เป็นนางเอกของเราบ้างนะคะ

ซงโบอึน
นางเอกแสนสวยน่ารักของเรา โบอึนมีรูปเป็นทรัพย์และมีความฉลาดในการใช้ชีวิต

พ่อแท้ๆของโบอึนตายตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นหญิงสาวจึงเติบโตมากับแม่ผู้ซึ่งต้องทำงานเป็นเสาหลักให้ครอบครัวเพียงลำพัง โบอึนจึงเป็นคนที่เข้มแข็งและเป็นทุกอย่างให้น้องสาวอย่างฮโยซอน การพูดจาดีและความเอาใจใส่ในตัวน้องสาว บ่งบอกถึงตัวนางเอกเราเป็นคนอ่อนโยนเพียงใด ไม่อย่างนั้นตอนที่เจอพระเอกใหม่ๆ ก็คงไม่ยิ้มไม่ทักทายใส่แม้รู้ทั้งรู้ว่าพระเอกไม่ชอบตนเพียงไร

ความรักของ โบอึนกับจุงโจ ตั้งแต่ตอนที่สองจนถึงตอนที่แปด ท่านผู้อ่านจะเห็นว่า มีแต่โบอึนนางเอกคอยแต่ตามห่วงใยพระเอกของเราก่อนเสมอและดูเหมือนว่า โบอึนจะรักจุงโจก่อนที่พระเอกเราจะรักนางเอกซะอีก ข้าน้อยอยากบอกว่า ใช่คะ เพราะ ตอนที่โบอึนเจอจุงโจครั้งแรกก็รักจุงโจเลย แต่โบอึนรักและห่วงใยจุงโจแบบน้องชายเพราะ พระเอกอายุน้อยกว่า นางเอกของเราเลยคิดว่า ความห่วงใยนี้คือความห่วงใยแบบพี่น้อง ข้าน้อยถึงแต่งให้เห็นว่าจะทำอะไรก็จะให้โบอึนนึกถึงจุงโจไปด้วย แล้วอะไรที่ทำให้ทั้งคู่รักกันข้าน้องคนแต่งก็ไม่สามารถตอบได้เหมือนกัน(งงมั้ยคะเนี่ย) คงเป็นความเหมือนที่แตกต่าง
โบอึนกับจุงโจ มีสิ่งที่เหมือนกันคือ คนที่รักตายไปตั้งแต่ยังเด็ก มีครอบครัวที่ไม่อบอุ่นตั้งแต่เด็ก แต่สิ่งที่แตกต่างคือ โบอึนเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างคนที่มองในโลกในแง่ดี มองไปถึงอนาคตที่ดีกว่าข้างหน้า โบอึนเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างคนที่เข้มแข็ง รักดีและเป็นคนที่ให้โอกาสตัวเอง ชีวิตของโบอึนน่าจะหดหู่กว่าของพระเอกซะอีก แต่การที่เป็นคนที่มีมองโลกในแง่ดี ทำให้การแสดงออกของโบอึนกับจุงโจ ต่างกัน

ถ้าจะให้พูดถึงตัวนางเอกแล้วคงใช้เวลาสามวันถึงจะเล่าให้ฟังจบนะคะ ข้อดีเยอะเหลือเกิน อิอิ.

ยังไงก็ขอขอบคุณทุกท่านนะคะที่คอย ให้กำลังใจและติดตามอ่านฟิคเรื่องนี้ ขอบคุณจริงๆจากใจคะ ข้าน้อยจะพยายามแต่งทุกตอนให้ออกมา สมกับที่ทุกท่านรอคอยและให้กำลังใจนะคะ

ขอบคุณ ท่านผอ ที่ ต้องคอยรบกวนแปะเรื่องนี้ให้ทุกตอนไป ขอบคุณมากๆคะ
และ ท่านสาที่เป็นทั้งเพื่อน และ น้องสาวที่คอยให้กำลังใจและก่อกวนใจ คอยกระทุ้ง ยามที่ตอนต่างๆในเรื่องเริ่มจะช้าเกินไป..และสุดท้าย เป็นรีไรท์เตอร์ ที่น่ารักที่สุด แก้ไปบ่นไป (5555) ขอบคุณมากๆคะท่านสา

 

โดย: อุ้ม IP: 91.84.104.187 26 พฤศจิกายน 2553 6:49:58 น.  

 

อ่านจบแล้วขอรับ ท่านสาฯ
องศาเดือดเหมือนที่ท่านว่าไว้จริงขอรับ

เข้าใจว่าท่านอุ้มรักในตัวละครโบอึนมาก คงภาพนางเอกแสนดีไว้ เห็นด้วยขอรับ ดังนั้นบทวาบหวามจึงไปตกที่เหล่าบรรดากิ๊กแทน(พูดเหมือนมีแยะเลยนะครับ) ไม่เป็นไร ระหว่างจุงโจ และโบอึนขอเป็นรักหวานๆ โรแมนติก อบอุ่น อบอุ่น แฟนคลับอย่างพวกเราก็อ่านไปยิ้มไปอยู่แล้วครับ

อิจฉาจุงโจตอนนี้จัง มินยองจะน่ารักยังไง ข้าน้อยก็ยังเทคะแนนให้เจ๊ของเราอยู่ดี

อ้อ...ภาพเฮียเขียนหนังสือ และกำมือซ้ายแน่นตามที่ท่านบรรยายไว้ เท่ห์ชะมัด..ขอรับ

 

โดย: ซินยุนบกน้อย IP: 192.168.20.143, 203.154.236.3 26 พฤศจิกายน 2553 15:51:10 น.  

 

เพิ่งว่างมาอ่านตอนเลิฟซีน ไม่เป็นไรหรอกลงไปแล้วนี่นา ท่านอุ้มท่านสา มิต้องเกรงใจค่ะ มีไรก็ส่งมาให้ลงได้เลยค่ะ ยินดีที่สุด แต่ ผอ จะไม่อยู่ครึ่งเดือนนะคะ ไปญี่ปุ่น ระยะนี้ถ้าส่งเรื่องมาคงต้องรอลงตอนกลับมากลางเดือน ธันวา เลยนะคะ

 

โดย: albatross11 26 พฤศจิกายน 2553 21:31:00 น.  

 

ถ้าโบอึนกลับมาจะเป็นไงต่อขอรับ

 

โดย: จิง IP: 222.123.117.49 27 พฤศจิกายน 2553 15:43:12 น.  

 

เรื่องราวเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ

จะรอตอนต่อไปนะท่านอุ้ม


^___________^

 

โดย: mai.ka IP: 223.205.78.134 28 พฤศจิกายน 2553 12:58:46 น.  

 

ขอบคุณท่านอุ้มครับ สนุกมากและตอนนี้ขอบอกว่าแอบอิจฉาจุงโจ แบบว่าหลงรักมินยองเข้าเสียแล้วสิ ไม่เข้าใจเลยทำไมพระเอกถึงเจ้าชู้จริงๆๆ สงสารมินยองจังครับ 555+ชอบมากมายฉากวาบหวิวแต่งได้ยอดเยี่ยมจริงๆ

 

โดย: เกษตรศิลป์ IP: 115.87.147.93 1 ธันวาคม 2553 14:31:40 น.  

 

มาเป้นกำลังใจขอรับไม่ได้มาดูตั้งนานแล้วสู้ๆนะขอรับท่าน...ข้าน้อยยังเป็นกำลังใจให้เสมอขอรับ....สู้ๆนะขอรับ

 

โดย: จิง IP: 222.123.186.176 21 ธันวาคม 2553 20:47:47 น.  

 

ข้าน้อยมาอีกแล้วขอรับ...ติมากเลยน่ะขอรับ

ขออภัยด้วยขอรับที่มารบกวนท่านบ่อยๆ

 

โดย: จิง IP: 117.47.198.236 24 ธันวาคม 2553 22:20:29 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ขอรับท่าน

เอ่อ...คือว่า...ท่านกลับมาจากการไปดู

Yes or No รึยังขอรับข้าน้อยยังเป็นกำลังใจอยู่นะขอรับท่าน

 

โดย: จิง IP: 222.123.191.164 1 มกราคม 2554 17:28:14 น.  

 

ท่านคะขออภัยที่มาอีกแล้ว

แต่ว่า...ติดจริงๆคะท่าน

ติดมากด้วย

สู้ๆนะคะท่าน...ขอน้อยยังคงรอได้

 

โดย: จิง IP: 223.207.136.196 4 มกราคม 2554 14:21:38 น.  


albatross11
Location :
สุรินทร์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




รักกันเพียงใดก็ต้องพลัดพราก หวงไว้เพียงใดก็ต้องจำจาก ข้ามาคนเดียวข้าไปคนเดียว ไม่มีใครเป็นอะไรของใคร ต่างคนมาต่างคนไป ยิ่งยึดยิ่งทุกข์ ปล่อยวางได้จึงเบาสบาย... เมื่อปัญญาแจ่มแจ้งจะสลัดคืน เมื่อมาจากดิน ท้ายที่สุดก็สลายกลายเป็นดิน ยึดเอาไว้ก็ได้แต่ทุกข์ตอบแทน อยากโง่ก็ยึดต่อไป คิดได้ก็วางเสีย พุทธทาสภิกขุ............ .............................. .............................. ความทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจนั้น เป็นเรื่องทรมานยิ่ง และเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพรากก็เป็นสิ่งสุดวิสัย... ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ที่พอใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง...พุทธโอวาท --------------------------- พระราชดำรัส ในรัชกาลที่ 7 เมื่อทรงสละพระราชสมบัติ เพื่อประชาชน ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจ อันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิม ให้แก่ราษฎรทั่วไป ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจโดยสิทธิ์ขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร
New Comments
Friends' blogs
[Add albatross11's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.