... มาแว้วๆ ***ยอดรักนักศิลป์ตอนที่ 26 ทางรอด *** OG 2 ตอน13-ตอนจบ** **คลิกอ่านทุกเรื่องได้ที่เมนูด้านซ้ายเลยจ้า.. ^_^
“ความทุกข์-หากเล่าสู่กันฟังจะลดลงครึ่งหนึ่ง ส่วนความสุข-ถ้าเราแบ่งปันมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า” ขอบคุณลูกบล็อกทุกท่านที่ร่วมสร้างบล็อกแห่งความสุขนี้ขึ้นมา อยากให้พื้นที่ในบล็อกแห่งนี้ได้เป็นที่แบ่งปันทุกข์และสุขร่วมกัน จะไม่มีรักรูปแบบใดที่เป็นไปไม่ได้ ณ ที่แห่งนี้....วอนวอน
Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
14 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
บทที่3 แสนเสียดายเมื่อเหลือเพียงอดีต


สนามบินนานาชาติอินชอนยังคงคับคั่งไปด้วยผู้คนมากมายทั้งมีความสุขกับการรอใครซักคนที่กำลังจะมาถึงหรือบางคนที่ต้องโศกเศร้ากับการต้องลาจากกับใครซักคนแต่สำหรับจิตใจอันพองโตของมุนแดซุงตอนนี้สถานที่อันวุ่นวายวันนี้มันไม่ได้ทำให้อารมณ์เขาขุ่นมัวลงได้เลยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มตลอดการเดินทางออกจากบ้านเพื่อมารอรับลูกชายของเขาจนฮันจองอูเด็กหนุ่มที่แดซุงหมั้นหมายไว้จะให้คอยดูแลรับใช้ลูกชายเขาอดที่จะมองดูอย่างตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้คืนก่อนหน้านั้นจองอูขอดูรูปว่าที่นายน้อยของเขาเพราะได้แต่ฟังท่านประธานเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟังเลยอยากจะเห็นหน้านายน้อยของเขาเพื่อจะได้คอยช่วยมองหาลูกชายท่านประธานด้วยอีกแรงที่สนามบินอันแสนวุ่นวายวันนี้

“เอ้….จองอูแกแน่ใจนะว่าเครื่องที่จุงโจนั่งมาถึงตอนแปดโมงครึ่งน่ะ” แดซุงถามย้ำจากจองอูอีกครั้งอย่างกระวนกระวาย
“ท่านประธานครับผมแน่ใจครับเพราะผมไปดูที่บอร์ดมาสามรอบแล้ว…ใจเย็นๆเถอะนะครับนี่ก็แปดโมงครึ่งแล้วเดี่ยวนายน้อยก็เดินออกมาครับ นี่ผมอุตสาห์ทำป้ายชื่อมาไว้ให้ด้วยเผื่อนายน้อยมาถึงจะได้เห็นชื่อไงครับ”
จองอูไม่พูดเปล่าเขายังชูป้ายชื่อจุงโจให้ท่านประธานมุนของเขายิ้มออกมาอย่างขบขันกับความคิดของเด็กหนุ่ม

ฝ่ายคนที่กำลังมาถึงพอเครื่องลงจอดชายหนุ่มก็ได้แต่ทำหน้าอย่างเบื่อหน่ายออกมาเขานั่งเครื่องมานานหลายชั่วโมงก็จริงแต่ก็ไม่ได้เบื่อมากมายเท่ากับที่จะได้มาเจอกับผู้เป็นพ่อในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ชายหนุ่มมีแค่กระเป๋าเป้ใบเดียวจึงไม่ต้องรอรับกระเป๋าเหมือนผู้โดยสารคนอื่นๆโชคดีที่เครื่องที่เขานั่งมาไม่ค่อยวุ่นวายมากนักอีกอย่างอาของเขาก็อุตส่าห์จองตั๋วชั้นนักธุรกิจให้อีกชายหนุ่มจึงนอนมาตลอดการเดินทาง เขาโทรไปบอกอาทั้งสองทันทีที่เดินเข้าตัวอาคารผู้โดยสารเพราะอาอึนโซย้ำแล้วย้ำอีกให้เขาโทรกลับทันทีที่มาถึง ร่างสูงๆของเขาค่อยๆเดินตามทางผู้โดยสารขาเข้าเพื่อเดินออกไปเจอพ่อที่ไม่ได้เจอกันนานนับสิบๆปีเขาแทบจะลืมหน้าผู้ชายคนนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ เขารู้มาตลอดว่าการหลบเลี่ยงที่จะกลับมายังที่ๆเขาจากมาไม่ได้แต่แล้วตอนนี้เขาพร้อมแล้วเหรอที่จะเจอหน้าพ่อ จุงโจได้แต่เดินคิดมา ตลอดทางที่เดินผ่านมา

“ท่านประธานครับ…ใช่ผู้ชายตัวสูงๆคนนั้นมั้ยครับ? จองอูสังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากทางออกดูท่าทางคล้ายกับคนๆเดียวกับในรูปที่แดซุงเคยนำมาให้ดูก็เลยลองถามดูให้แน่ใจ
“อ้า…ใช่จุงโจจริงๆด้วย..ใช่แล้วคนนั้นแหละ” แดซุงมองตามคนที่จองอูพูดถึงเขาจำลูกชายของเขาได้เป็นอย่างดีถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมานานจนจุงโจเติบโตเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนเขาก็จำลูกชายเขาได้เป็นอย่างดี หัวใจเขาตอนนี้พองโตดีใจจนแทบอยากจะวิ่งเข้าไปกอดลูกชายเขาแน่นๆด้วยความคิดถึง
“งั้นเดี่ยวผมเดินไปรับนายน้อยนะครับท่านประธาน” จองอูเอ่ยขณะรีบวิ่งออกไปรับจุงโจที่เดินตรงมาที่ที่พวกเขายืนอยู่.

จุงโจสังเกตุเห็นผู้ชายสองคนโดยคนหนึ่งที่ดูหนุ่มกว่าในมือมีกระดาษที่เขียนชื่อเขาเอาไว้พอเขาเห็นจึงเดินตรงไปที่สองคนนั้นยืนอยู่ ผู้ชายอีกคนต้องเป็นพ่อของเขาแน่ๆชายหนุ่มยังคงทำหน้านิ่งขณะที่คนที่ดูหนุ่มกว่าวิ่งเยาะๆตรงมาที่เขา

“นายน้อยจุงโจใช่มั้ยครับ?ผมฮันจองอูเป็นเด็กรับใช้ของท่านประธานมุนยินดีที่ได้รู้จักครับ” จองอูกล่าวแนะนำตัวอย่างสุภาพเมื่อยืนอยู่ตรงหน้านายน้อยของเขาเมื่อเห็นชายหนุ่มที่เป็นนายมองมาที่เขาอย่างงุนงง เขาสังเกตชายหนุ่มที่เป็นนายน่าจะสูงมากเพราะเขาเองก็เป็นคนสูงอยู่แล้วแต่เมื่อมายืนคู่กับผู้เป็นนายเขาเองก็ยังดูสูงน้อยกว่าซะอีก หน้าตาที่ขาวสะอาดสะอ้านคมคายของนายน้อยช่างถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่ออย่างไม่มีผิดเพี้ยนเขาคิดในใจว่าสาวๆที่นี่คงจะแอบปลื้มหรือไม่ก็แอบมองนายน้อยของเขาไม่น้อยเลยทีเดียวความคิดนี้พลันให้เขาอมยิ้มขึ้นมา

“อืม…ใช่ฉันเอง” จุงโจอดจะแปลกใจที่จู่ๆก็มีคนมาเรียกเขาว่านายน้อย.นี่เขาไปเป็นนายใครตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“งั้นให้ผมช่วยถือกระเป๋านะครับ” จองอูถามขึ้นเตรียมจะเอามือไปช่วยถือกระเป๋าแต่ก็ต้องยกมือค้างไว้อย่างนั้นเพราะ
“ไม่เป็นไรกระเป๋าแค่นี้ฉันถือเองได้.เรารีบเดินเถอะ.”จุงโจปฏิเสธเสียงเรียบแล้วเดินออกนำหน้าจองอูที่รีบเดินตามมาอย่างงงๆ

แดซุงและจุงโจยืนสบตากันเนินนานราวกับว่าเวลาจะหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้นสองสายตาประสานกันดวงตาคู่หนึ่งที่ฉายแววรักใคร่อบอุ่นเต็มเปี่ยมไปด้วยรักแตกต่างจากดวงตาอีกคู่ที่กลับว่างเปล่าเย็นชา แดซุงมองมาที่ลูกชายด้วยความรักและความคิดถึงจนคำพูดที่เตรียมจะมาพูดกับลูกชายนั้นเขาลืมไปหมดไม่รู้จะพูดอะไรในตอนนี้
จุงโจเองก็เอาแต่มองพ่อโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาจนในที่สุดชายหนุ่มโค้งคำนับพ่อของเขาแล้วก็สังเกตว่าพ่อของเขาแก่ลงแต่หน้าตาเบิกบานมีความสุขเขาคิดไปเรื่อยเปื่อยว่าพ่อดีใจที่เขากลับมาหรือว่าคิดถึงงานแต่งงานที่จะมาถึงในอาทิตย์หน้านี้กันแน่ สองพ่อลูกยืนมองหน้ากันอยู่นานจนทำให้จองอูซึ่งยืนอยู่อีกด้านพูดขัดขึ้นเพื่อให้คนที่เป็นนายทั้งสองได้ตื่นจากภวังค์

“เอ่อ…ท่านประธานครับ…นายน้อยมานานแล้วครับ” จองอูเดินเข้าไปสะกิดบอกแดซุง จนแดซุงยิ้มแก้เก้อออกมา
“อืม..จุงโจ…ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะลูก” แดซุงค่อยๆเดินเข้าไปกอดลูกชาย.เขาโอบกอดลูกชายแน่นรู้สึกโล่งใจที่ได้เขากลับคืนมาในอ้อมกอดตัวเองอีกครั้ง เขาโตขึ้นมากเลยทีเดียวแดซุงคิดเมื่อคลายอ้อมกอดมามองหน้าจุงโจทำให้เขาคิดถึงยุนอาขึ้นมาทันทีเขาเอามือลูบใบหน้าลูกอย่างเอ็นดูรักใคร่ ความรู้สึกอบอุ่นผ่านเข้ามาในหัวใจอันเย็นชาของจุงโจได้อย่างประหลาดจนเขาต้องลดมือของพ่อออกอย่างเบามือเมื่อคิดได้ว่าพวกเขาสองคนยืนอยู่ที่นี่นานแล้ว จองอูจึงเอ่ยขอตัวเพื่อไปนำรถมารับเมื่อเห็นคนทั้งคู่ทักทายกันเสร็จ จุงโจกับแดซุงเดินเคียงข้างกันออกไปด้านนอกสนามบินเพื่อรอจองอู เกาหลีเปลี่ยนแปลงไปมากจุงโจคิดขณะที่พวกเขาสามคนนั่งอยู่บนรถมุ่งหน้ากลับบ้าน นานๆทีชายหนุ่มก็แกล้งทำเป็นหลับเพื่อไม่ให้ผู้เป็นพ่อได้เอ่ยถามอะไรจนในที่สุดรถเบนซ์สี
ดำคันหรูที่ทั้งสามคนนั่งมาก็มาจอดบริเวณหน้าบ้านทันทีที่รถจอดสนิทจองอูก็รีบลงจากรถมาเปิดประตูรถให้ท่านประธานแล้วเขาก็รีบเดินอ้อมมาเพื่อจะเปิดประตูรถอีกด้านให้นายน้อยแต่ก็ช้าไปเมื่อนายอีกคนของเขาออกมายืนสูงเด่นนอกรถเรียบร้อยแล้ว

“อ้า….ถึงซะทีนะ…มาลูกเข้าบ้านกันเถอะ” แดซุงกล่าวพร้อมโอบไหล่ลูกชาย

เมื่อจุงโจและแดซุงเดินผ่านมายังลานบ้านกลุ่มพวกคนงานที่กำลังทำงานกันอยู่ก็ต่างพากันมาแสดงความยินดีและทักทายนายน้อยของบ้านเพราะทุกคนก็อยากจะเห็นหน้าลูกชายของท่านประธานกันทั้งนั้นกว่าที่คนทั้งสองจะผ่านกลุ่มพวกคนงานมาได้สองคนพ่อลูกก็โค้งรับคำทักทายกันแทบไม่ทัน แดซุงพาจุงโจเดินมาถึงตัวบ้านด้านในขณะที่แดซุงกำลังจะก้มลงถอดรองเท้าเสียงของซงคังซุกก็เอ่ยทักเสียงสดใสให้สองคนพ่อลูกเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกัน

“กลับมากันแล้วเหรอคะ” เมื่อเห็นแดซุงและจุงโจที่หน้าบ้านซงคังซุกถามด้วยเสียงอันสดใส
“อืมๆมาแล้วๆฮะฮ่า.เป็นไงบ้างรอนานมั้ย?” แดซุงตอบอย่างอารมณ์ดีขณะก้มถอดรองเท้า
ซงคังซุงเมื่อได้ยินเสียงรถนางก็กระตือรือร้นเดินออกมารับว่าที่สามีและลูกเลี้ยงทันทีโดยไม่ลืมที่จะเอ่ยให้ผู้เป็นลูกสาวทั้งสองให้เดินตามนางออกมาด้วย โบอึนกับฮโยซอนต่างมองหน้ากันไปมาอย่างรู้ทันนิสัยมารดา

ทันทีที่สองสาวลูกเลี้ยงเดินตามมาสมทบแดซุงก็ส่งยิ้มกล่าวทักทายอีกรอบอย่างอารมณ์ดีจัด
“ไม่ถอดรองเท้าก่อนเหรอคะ” โบอึนกล่าวเสียงสดใสบอกจุงโจเบาๆให้ชายหนุ่มพอได้ยินจนทำให้ชายหนุ่มถอดรองเท้าของตัวเองด้วยท่าทางเก้อๆด้วยเพราะเขาเคยชินกับการใส่รองเท้าเข้ามาในบ้าน แดซุงเห็นอาการเก้อๆของลูกชายก็ได้แต่อมยิ้มเขารอจนจุงโจถอดรองเท้าเสร็จจึงพาชายหนุ่มออกเดินนำหน้าสามสาวไปที่ห้องรับแขก

“หล่อจังเลยนะพี่ลูกของคุณลุงแดซุงน่ะตัวจริงหล่อกว่าในรูปอีก” ฮโยซอนกระซิบชมชายหนุ่มผู้มาใหม่ให้โบอึนฟัง
“นี่ไปจ้องหน้าเขาขนาดนั้นเลยเหรอ” โบอึนแกล้งดุน้องสาว
“โธ่…พี่ก็ ไม่ต้องแอบหรอกคะสองตานายนั่นแทบจะไม่มองใครเลยหยิ่งชะมัด” แม้ฮโยซอนจะกล่าวชมจุงโจในทีแรกก็อดจะค่อนขอดไม่ได้กับท่าทีของชายหนุ่มที่ดูหยิ่งเฉยชา

โบอึนเข้าใจท่าทีของชายหนุ่มดีเธอเองก็ไม่แปลกใจที่จะได้เห็นท่าทีแบบนั้นจากชายหนุ่มด้วยเพราะฐานะของเธอและเขาก็อยู่ในฐานที่ยากจะเป็นมิตรกันได้ง่ายๆการที่จะญาติดีกันคงต้องใช้เวลาพอสมควรแต่ที่แปลกก็คงจะเป็นใจของเธอเองนั้นต่างหากที่กลับเต้นแรงผิดจังหวะเพียงแค่ชายหนุ่มหันหน้ามามองเธอด้วยตาคมดำจัดฉายแววตามามองที่เธอเพียงแว้บเดียวก่อนที่ชายหนุ่มจะก้มถอดรองเท้า.หญิงสาวคิดในใจอย่างเงียบๆขณะเดินตามไปห้องรับแขกพร้อมฮโยซอน

เมื่อทุกคนมานั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันที่ห้องรับแขกแดซุงก็เอ่ยแนะนำว่าที่ภรรยาเขา ซงคังซุกและสองสาวลูกเลี้ยงโบอึนและฮโยซอนให้จุงโจได้รู้จักอย่างเป็นทางการ ชายหนุ่มมองมาที่สามสาวสามวัยด้วยใบหน้าอันเรียบเฉยตามเดิมไม่มีแม้แต่คำทักทายตอบกลับไปแม้แต่น้อย

“เอ้….ฮโยซอนกับจุงโจปีนี้อายุ18เท่ากันซินะ” แดซุงเอ่ยขึ้นในที่สุดเมื่อบรรยากาศเริ่มจะเงียบลงด้วยเพราะลูกชายไม่ยอมจะพูดจาอะไร
“ใช่คะคุณลุง” ฮโยซอนตอบอย่างอารมณ์ดีส่งยิ้มมาให้ชายหนุ่ม
“งั้น…โบอึนก็มีน้องชายเพิ่มมาอีกคนซินะ” แดซุงเย้าโบอึนอย่างอารมณ์ดีต่อเนื่องเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศเขาจึงต้องหาข้อสนทนาขึ้นมาพูด

“การเดินทางเป็นยังไงบ้างจ้ะจุงโจ” คังซุกถามอย่างเป็นมิตร จุงโจที่นั่งฝั่งตรงข้ามกลับยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมพูดจาแม้ว่าคังซุงจะถามเขาอย่างสุภาพตั้งแต่ไหนแต่ไรจุงโจไม่ชอบที่จะต้องรู้จักใครใหม่ไม่ชอบบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคยโดยเฉพาะตอนนี้เขาต้องมาทำความรู้จักกับผู้หญิงคนที่จะเข้ามาแทนที่แม่ของเขาด้วยแล้วมันทำให้ชายหนุ่มอึดอัดจนต้องหันหน้าหนีด้วยอารมณ์อันหลากหลายภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย

“จุงโจ..น้าเขาถามน่ะลูก” แดซุงเรียกจุงโจเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเริ่มจะเสียมารยาท
“ก็ดี” จุงโจจึงตอบออกไปอย่างเสียมิได้ “ผมขอตัวก่อนนะครับ ผมอยากพักผ่อน” จุงโจกล่าวจบก็ลุกขึ้นยืน.
“อ้อ…งั้นเดี่ยวพ่อให้จองอูพาเดินไปที่ห้องนะลูก” แดซุงเข้าใจว่าลูกชายคงจะเพลียกับการเดินทางจึงไม่คิดจะรั้งเขาไว้อีกทั้งเขาก็มาอยู่ที่นี่แล้วคงได้มีเวลาทำความคุ้นเคยกับทุกคนได้ไม่ยาก
“จองอูแกพานายน้อยไปที่ห้องหน่อยนะ” แดซุงเอ่ยสั่งเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆจุงโจ
“ครับ” จองอูรับคำจากแดซุงก็ออกเดินนำหน้านายน้อยไปที่ห้องของผู้เป็นนายที่จัดเตรียมไว้

เมื่อเห็นจุงโจและจองอูเดินผ่านไปแล้วแดซุงก็เอ่ยขอโทษคังซุกอย่างออกตัวแทน “พี่ต้องขอโทษเธอด้วยนะที่จุงโจแกเสียมารยาท”
“ฉันเข้าใจค่ะดูท่าทางแกคงทั้งเหนื่อยและเพลียและอีกอย่างแกคงไม่ใช่คนช่างพูดด้วย” คังซุกพูดออกไปอย่างนั้นแต่ในใจนางคิดเกลียดชังจุงโจตั้งแต่แรกเห็นเด็กอะไรไม่มีสัมมาคารวะหยิ่งจองหองแผงฤทธิ์ใส่ฉันตั้งแต่วันแรกแกรู้จักฉันน้อยไปแต่คนกร้านโลกอย่างนางซงคังซุกการจะปั้นหน้าแสร้งทำดีใส่เป็นเรื่องง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก.คนที่เข้าใจดีก็คงหนีไม่พ้นหญิงสาวสองคนที่นั่งดูเหตุการณ์อย่างเงียบๆ

หลังจากจุงโจแยกตัวออกมาจากวงสนทนา เขาก็ตรงไปอาบน้ำล้มตัวลงนอนทันทีที่หัวถึงหมอนการเดินทางหลายชั่วโมงทำให้เขาเพลีย,กว่าชายหนุ่มจะตื่นเวลาก็ล่วงเลยมาจนเย็น จุงโจยังคงนั่งอยู่บนเตียงหลังจากตื่นเขามองไปรอบๆห้องยังจำได้ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนจองอูเล่าว่าห้องนี้ลูกเลี้ยงพ่อเขาที่ชื่อโบอึนเป็นคนจัดให้ข้าวของๆเขาถูกส่งกลับมาที่บ้านล่วงหน้าก่อนที่เขาจะมาเป็นเดือนๆโชคดีที่ของของเขามาถึงเมื่ออาทิตย์ที่แล้วจึงพอได้มีเวลาให้ได้ตกแต่งและจัดเก็บห้องไปด้วยพร้อมๆกัน เขามองดูรอบๆห้องจนเพลินจนได้ยินเสียงจองอูเคาะประตูเรียกเขาเบาๆชายหนุ่มจึงเดินไปเปิดประตู

“นายน้อย…คือท่านประธานให้มาตามไปทานข้าวน่ะครับตั้งแต่มาถึงนายน้อยยังไม่ได้ทานอะไรเลย” จองอูกล่าวอย่างห่วงใย
“อืม…งั้น แกรอเดียวฉันหาเสื้อใส่ก่อน” จุงโจตอบเสียงเรียบ

ไม่ถึงห้านาทีจุงโจก็มานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร จุงโจนั่งขัดสมาธิอย่างลำบากแม้เขาจะเกิดและโตที่นี่แต่การที่ต้องใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกเป็นเวลานานก็ทำให้เขาไม่ค่อยชินกับเรื่องง่ายๆที่เคยทำตอนเด็ก และนี่ก็เป็นอีกเรื่องแล้วที่ทำให้โบอึนอมยิ้มกับท่าทางเก้อๆของจุงโจ

“นั่งได้มั้ยลูก..เราเปลี่ยนไปนั่งทานที่โต๊ะในห้องทำงานพ่อดีมั้ย?” แดซุงอดถามขึ้นไม่ได้เมื่อเห็นจุงโจเปลี่ยนท่านั่งบ่อยๆ
“ไม่เป็นไรครับ” จุงโจตอบหน้าตายขัดกับท่าทางการนั่งที่ไม่สบายของเขา
“ฝีมือพี่โบอึนทำเป็นยังไงบ้างจ้ะ” คังซุกถามจุงโจขณะที่คีบอาหารให้แดซุงอย่างเอาใจ
จุงโจที่เพิ่งตักซุปเข้าปากก็เลิกคิ้วอย่างรู้ทันผู้เป็นแม่เลี้ยงเขาคิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้เล่นไม่เลิกเขาอุตสาห์ไม่สนใจไม่ยอมพูดจาด้วยแล้วก็ยังตามตอแย จุงโจได้แต่นึกในใจสีหน้ายังคงไม่ยินดียินร้ายกับคนถาม
“ฝีมือโบอึนอีกแล้วเหรอเนี่ย มิน่ารสชาติคุ้นๆอร่อยจริงๆ” แดซุงรีบพูดออกตัวแทนลูกชายเพราะกลัวบรรยากาศจะเป็นซ้ำรอยอย่างเมื่อตอนเช้า โบอึนเจ้าของฝีมือก็เอ่ยปากขอบคุณเบาๆเมื่อได้ยินแดซุงเอ่ยชมเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบเกินไป

อาหารอร่อยถูกปากชายหนุ่มมากจนอดที่จะเหลือบมองเจ้าของฝีมืออย่างแปลกใจไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้อีกแล้วเหรอที่ทำอะไรๆให้เขากับพ่อ อาหารง่ายๆหลายอย่างพร้อมซุปผักพร้อมข้าวอุ่นๆส่งกลิ่นหอมจนทำให้จุงโจคิดถึงบรรยากาศอาหารค่ำที่มีแม่เขาเป็นคนทำท่ามกลางเสียงหัวเราะและความอบอุ่นในยามที่พ่อแม่เคียงข้างทานข้าวในตอนเย็นพร้อมหน้าพร้อมตาช่วงเวลาแห่งความสุขแบบนั้นเขาคงไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับมันอีกแล้ว หลังอาหารค่ำแดซุงเอ่ยชวนจุงโจมานั่งดื่มชาด้วยกันแต่ชายหนุ่มปฏิเสธผู้เป็นพ่อจึงไม่ได้รั้งไว้จึงขอตัวไปเตรียมเอกสารในการประชุมงานของเขาในวันรุ่งขึ้น

ส่วนจุงโจหลังจากแยกกับทุกคนแล้วก็พาร่างสูงๆของตนออกเดินดูบริเวณบ้านรอบๆเขาเดินมาถึงบริเวณบ้านที่มีชานบ้านยื่นออกมาด้านหลังดูสงบผ่อนคลายเขาเห็นผู้หญิงสองคนนั่งอ่านหนังสือเสียงเพลงเบาๆดังลอยมาให้ได้ยินคงไปใครไม่ได้นอกจากลูกเลี้ยงสองคนของพ่อเขาชายหนุ่มได้แต่เดินผ่านไปโดยไม่ได้หันหน้าไปมอง

“จุงโจ…จุงโจ” โบอึนไม่ได้เรียกชายหนุ่มเฉยๆแต่ยังกวักมือเรียกเขาอีกเมื่อเห็นเขาหยุดเดินแล้วหันหน้ามามองก็ส่งยิ้มอ่อนหวานให้
จุงโจหันหน้ามามองหญิงสาวอย่างเต็มตาด้วยใบหน้าเรียบเฉยพร้อมคิดรำคาญกับรอยยิ้มของโบอึนยิ้มแบบนี้อีกแล้วเธอมีความสุขมากรึไง
“มานั่งดื่มชากับพวกเรามั้ย หรือไม่ก็มานั่งฟังเพลงกัน” โบอึนยิ้มพลางกวักมือเรียก
“นี่เธอ…ยิ้มทำไม?มีความสุขมากรึไง” จุงโจอดที่จะเหน็บแนบหญิงสาวไม่ได้ตั้งแต่เช้าแล้วที่หญิงสาวคนนี้เผยรอยยิ้มแบบนี้ส่งมาให้เขา
“คนเราเวลายิ้มก็ต้องมีความสุขซิ แล้วเธอล่ะเหตุผลที่เธอยิ้มเป็นเพราะอะไร”โบอึนยังคงคุยโต้ตอบเขาอย่างล้อเลียน.ฮโยซอนซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามเห็นหน้าจุงโจมองมาอย่างเอาเรื่องก็ได้แต่ดึงชายเสื้อพี่สาวเบาๆ
“งั้นตอนนี้เธอมีความสุขมากซินะ” จุงโจพูดจบก็เดินผ่านไปเบื่อที่จะต้องพูดกับหญิงสาวที่ยังคงเรียกชื่อเขาจนเขาเดินผ่านไปเกือบจะสุดมุมบ้านก็ได้ยินหญิงสาวฮัมเพลงเบาๆเสียงไพเราะอ่อนหวานของโบอึนกลับสะกดให้จุงโจหยุดยืนพิงตัวบ้านจิตใจล่องลอยไปไกลลมเย็นๆตอนกลางคืนพัดผ่านแต่จิตใจเขากลับรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด

“แม่ครับ…ทางนี้หรือเปล่าครับที่แม่อยากให้ผมเดินตามมา.”ทางกลับบ้านใช่มั้ยครับ” จุงโจพูดออกมาจากส่วนลึกๆในจิตใจขณะฟังเสียงหวานของหญิงสาวขับกล่อมเพลงในคืนอันเงียบเหงาของเขา.

“บ้านหลังนี้ยังมีที่ให้ผมยืนอยู่มั้ยครับแม่”





Create Date : 14 กันยายน 2553
Last Update : 27 กันยายน 2553 10:43:45 น. 14 comments
Counter : 697 Pageviews.

 
ว้าว ตอนใหม่มาแล้ว ขอบคุณท่านอุ้มมาก กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ น่าติดตามๆ


โดย: luckyD IP: 119.31.86.96 วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:21:10:40 น.  

 
ยามสาคะ รูปย่อไม่ได้เลยค่ะ ช่วยส่งรูป .jpg ขนาดไม่เกิน 450 x 450 มาให้ ผอ ใหม่นะคะ ตอนนี้ไม่ได้อยู่บ้านค่ะ ใช้คอมที่อื่นไม่มีโปรแกรมคุ้นเคยให้ใช้

ส่วนเพลงก็จะลงให้พร้อมรูปนะคะ (รอโกะเอาเพลงลงเวปให้ก่อนค่ะ)


โดย: วอนวอน (albatross11 ) วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:21:17:07 น.  

 
เรื่องราวเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ
แล้วจะรอตอนต่อไป
สู้ๆนะท่านอุ้ม ท่านยาม


^__________^



โดย: mai.ka IP: 114.128.90.132 วันที่: 15 กันยายน 2553 เวลา:13:08:59 น.  

 
โบอึน กะ จุงโจ
เจอกันครั้งแรก
หัวใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะเลยเหรอ
แบบนี้หรือเปล่าน๊า ที่เขาเรียกว่า
รักแรกพบ
คนอ่านจิ้นไปไกลแล้วนะ
จิ้นไปก่อนคนเขียนอีก
ว่าแต่เมื่อไหร่อ่ะ จุงโจ
จะยอมละลายใจที่เย็นชาซะที
โบอึน สู้ สู้
ท่านอุ้ม + ท่านสา สู้สู้


โดย: กบน้อย IP: 58.136.8.172 วันที่: 15 กันยายน 2553 เวลา:13:11:07 น.  

 
เข้ามาเป็นคนที่ห้า 555555555 บ้าไปแล้ว


โดย: ppp IP: 111.84.193.56 วันที่: 15 กันยายน 2553 เวลา:14:21:01 น.  

 
“แม่ครับ…ทางนี้หรือเปล่าครับที่แม่อยากให้ผมเดินตามมา.”ทางกลับบ้านใช่มั้ยครับ”

ประโยคนี้อ่านแล้ว รับรู้ได้ถึงความรู้สึกเหงา-ว้าเหว่ที่ฝังอยู่ลึกๆในใจของจุงโจเลย

เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆเลย ยิ่งอ่านยิ่งหนุกอ่ะ
น้องอุ้มกะน้องเล็ก สู้ๆนะ
ไม่ต้องเร่งไม่ต้องรีบ แต่มาต่อให้ไวนะ^^"


โดย: is IP: 114.128.49.99 วันที่: 16 กันยายน 2553 เวลา:15:54:59 น.  

 
LOVE IT


โดย: POP IP: 202.162.29.16 วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:10:56:58 น.  

 
อืม ท่านอุ้มท่านสาฝีมือแต่งฟิคสุดยอดมากได้สัมผัสถึงแก่นของอารมณ์ของตัวละครเลย ขอบคุณครับสำหรับผลงานดีๆๆ เป็นกำลังใจให้นะครับ


โดย: เกษตรศิลป์ IP: 58.11.8.162 วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:12:56:49 น.  

 
เฮ้อ....มาถึงตอนที่3แล้วนะคะเนี่ย..(แอบถอนหายใจป่นโล่งอก)ขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆและน้องๆสำหรับเม้นท์ที่มีให้กับใจ..ปรารถนานะคะ..และข้าน้อยหวังว่าจะติดตามความรักของหนุ่มสาวอย่างจุงโจและโบอึน,ความรักของพ่อที่มีต่อลูก,ความรักที่อยากได้ครอบครองแบบกีฮุนและฮโยซอน,ความรักแบบไม่ต้องการผลตอบแทนแบบจองอูและยอนจู.และความรักที่มีให้กับเพื่อนและที่สำคัญฟิคเรื่องนี้ข้าน้อยตั้งใจอยากจะสื่อให้เห็นความรักหลายๆแบบ...โดยเฉพาะรักใครก็แล้วแต่,หรือรักแบบไหนก็ได้แต่สิ่งที่สำคัญคือการรักตัวเอง(รักตัวเองไม่ได้หมายถึงการเห็นแก่ตัวนะคะ)แต่หมายถึงการที่รักและเลือกสิ่งที่ดีๆให้กับตัวเองการรู้จักมองดูตัวเองในแง่ดีการให้กำลังใจตัวเอง,ไม่ดูถูกตัวเองว่าต่ำต้อยและมีความสุขกับชีวิตทุกๆวันที่เรายังมีโอกาสหายใจ...ขอให้ฟิคเรื่องใจ..ปรารถนาได้ให้อะไรดีๆสำหรับทุกท่านด้วยนะคะ..ขอบคุณท่านผอและทุกท่านที่ติดตามผลงานเรื่องนี้..ข้าน้อยจะพยายามอย่างถึงที่สุด.
และท้ายสุดขอบคุณท่านสาที่เป็นแรงใจให้ทุกตอนของฟิคนี้เป็นจริง(ไม่ได้ท่านสาหล่ะแย่เลยขอบคุณจริงๆคะ


โดย: อุ้ม IP: 91.84.94.170 วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:4:00:06 น.  

 
ฝนตกๆ อากาศเย็นสบาย
มานั่งรอฟิค ^__^


โดย: is IP: 112.142.160.93 วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:13:39:38 น.  

 
ขอบคุณท่านอุ้ม ที่แต่งฟิคใจ..ปรารถนา
มาลงในบล๊อคให้เพื่อนๆได้อ่านกัน

ชิรีย์เรื่อง..นี้ ..ที่นำมาเอ่ย เป็นบทนำเรื่องเพื่อจะวางตัวละครจากเค้าโครงเรื่องนี้
ได้ดูจบไปนานแล้ว สนุกดี กึนยองเล่นเก่งมากๆ พระเอกก็หล่อแมนดี ชอบตัวละครทุกๆคนเลยค่ะ

ท่านอุ้ม วางพล๊อตเรื่องได้น่าติดตามมากๆ
แถมยังมีท่านยามสา เป็นที่ปรึกษายิ่งน่าอ่านยิ่งๆขึ้น
เพราะสำนวนของท่านยามสา ทันสมัยสละสลวยว่องไว ลีลาการสื่อออกจะคล้ายๆท่านทมยันตีมากๆ

พอมาอ่านท่านอุ้มเดินเรื่องแล้ว ก็อ่านแล้วมาแนวเดียวกับท่านยามสา
เพราะเดินเรื่องได้น่าอ่าน กระชับดี และตัวเอกของเรื่องน่าสนใจมากๆ
ชอบอ่านพระเอกหยิ่ง นางเอกฉลาดทันสมัย
จะชวนให้เรื่องราวน่าอ่านเป็นอันดับแรก
การปูพื้นเดินเรื่องของเรื่องราวที่ชวนติดตาม ท่านอุ้ม วางได้ลงตัวดีทีเดียว
ช่วงเว้นวรรคช่องไฟติดกันไปสักหน่อย แต่แก้ไขได้ค่ะ

ฮาๆจินตนาการกึนยอง มาดแมนไม่ออกอ่ะ
เพราะไปติดตาพระเอกเนื้อเรื่องนี้ซะติดใจพระเอกคนนี้แล้ว
ลบไม่ออกไปจากความทรงจำไม่ได้...แย่เลยอ่ะ

ขอบคุณท่านอุ้ม ท่านยามสา ที่แต่งฟิคดีๆมาให้อ่านค่ะ



โดย: สุเกียง IP: 125.24.156.11 วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:23:18:29 น.  

 
เพลงร่าเริ่งมาเชียว เหตุเพราะข้าน้อยส่งเพลงให้ท่านผอ. ผิดค่า เลยไม่เข้ากะเฮียตอนท้ายเลย งืมๆ แต่โบอึนคงอยากบอกว่า
นี่ผู้ชายของฉันนะ 55 เลยเอาเพลงนี้มันซะเลย

ขอบคุณสำหรับเม้นมากนะึคะ


โดย: สาวก 2มุน IP: 202.12.97.100 วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:23:32:07 น.  

 
ท่านอุ้ม ท่านสาขอรับ

ดีจริงครับพระ-นางได้พบกันแล้ว
แต่จุงโจเนี่ยซิครับ เย็นมาก freeze มาเลยครับ เครียดครับ เครียดได้อีก

จิ้นเฮียเป็นจุงโจ เหนื่อยมากขอรับ พยายามอยู่อย่างหนัก

ขอรูปเฮียแมนๆ ในคราบจุงโจช่วยการจิ้นด้วยขอรับ


โดย: ซินยุนบกน้อย IP: 61.47.114.194 วันที่: 21 กันยายน 2553 เวลา:17:18:03 น.  

 
ท่านอุ้ม พี่ยามสาเมื่อไหร่จะมาอัพตอนต่อไปอ่ะคะ อยากรู้จังว่าโบอึนกะจุงโจจะเป็นอย่างไรเรื่องความสัมพันธ์ (เร็วไปป่าวอ่ะเนี้ย แหะๆ) มาอัพเร็วๆนะคะ สู้ๆ ^^


โดย: tanjang IP: 183.89.234.93 วันที่: 24 กันยายน 2553 เวลา:22:02:42 น.  

albatross11
Location :
สุรินทร์ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




รักกันเพียงใดก็ต้องพลัดพราก หวงไว้เพียงใดก็ต้องจำจาก ข้ามาคนเดียวข้าไปคนเดียว ไม่มีใครเป็นอะไรของใคร ต่างคนมาต่างคนไป ยิ่งยึดยิ่งทุกข์ ปล่อยวางได้จึงเบาสบาย... เมื่อปัญญาแจ่มแจ้งจะสลัดคืน เมื่อมาจากดิน ท้ายที่สุดก็สลายกลายเป็นดิน ยึดเอาไว้ก็ได้แต่ทุกข์ตอบแทน อยากโง่ก็ยึดต่อไป คิดได้ก็วางเสีย พุทธทาสภิกขุ............ .............................. .............................. ความทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจนั้น เป็นเรื่องทรมานยิ่ง และเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพรากก็เป็นสิ่งสุดวิสัย... ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ที่พอใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง...พุทธโอวาท --------------------------- พระราชดำรัส ในรัชกาลที่ 7 เมื่อทรงสละพระราชสมบัติ เพื่อประชาชน ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจ อันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิม ให้แก่ราษฎรทั่วไป ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจโดยสิทธิ์ขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร
New Comments
Friends' blogs
[Add albatross11's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.