|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
บทที่3 แสนเสียดายเมื่อเหลือเพียงอดีต
สนามบินนานาชาติอินชอนยังคงคับคั่งไปด้วยผู้คนมากมายทั้งมีความสุขกับการรอใครซักคนที่กำลังจะมาถึงหรือบางคนที่ต้องโศกเศร้ากับการต้องลาจากกับใครซักคนแต่สำหรับจิตใจอันพองโตของมุนแดซุงตอนนี้สถานที่อันวุ่นวายวันนี้มันไม่ได้ทำให้อารมณ์เขาขุ่นมัวลงได้เลยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มตลอดการเดินทางออกจากบ้านเพื่อมารอรับลูกชายของเขาจนฮันจองอูเด็กหนุ่มที่แดซุงหมั้นหมายไว้จะให้คอยดูแลรับใช้ลูกชายเขาอดที่จะมองดูอย่างตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้คืนก่อนหน้านั้นจองอูขอดูรูปว่าที่นายน้อยของเขาเพราะได้แต่ฟังท่านประธานเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟังเลยอยากจะเห็นหน้านายน้อยของเขาเพื่อจะได้คอยช่วยมองหาลูกชายท่านประธานด้วยอีกแรงที่สนามบินอันแสนวุ่นวายวันนี้
เอ้
.จองอูแกแน่ใจนะว่าเครื่องที่จุงโจนั่งมาถึงตอนแปดโมงครึ่งน่ะ แดซุงถามย้ำจากจองอูอีกครั้งอย่างกระวนกระวาย ท่านประธานครับผมแน่ใจครับเพราะผมไปดูที่บอร์ดมาสามรอบแล้ว
ใจเย็นๆเถอะนะครับนี่ก็แปดโมงครึ่งแล้วเดี่ยวนายน้อยก็เดินออกมาครับ นี่ผมอุตสาห์ทำป้ายชื่อมาไว้ให้ด้วยเผื่อนายน้อยมาถึงจะได้เห็นชื่อไงครับ จองอูไม่พูดเปล่าเขายังชูป้ายชื่อจุงโจให้ท่านประธานมุนของเขายิ้มออกมาอย่างขบขันกับความคิดของเด็กหนุ่ม
ฝ่ายคนที่กำลังมาถึงพอเครื่องลงจอดชายหนุ่มก็ได้แต่ทำหน้าอย่างเบื่อหน่ายออกมาเขานั่งเครื่องมานานหลายชั่วโมงก็จริงแต่ก็ไม่ได้เบื่อมากมายเท่ากับที่จะได้มาเจอกับผู้เป็นพ่อในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ชายหนุ่มมีแค่กระเป๋าเป้ใบเดียวจึงไม่ต้องรอรับกระเป๋าเหมือนผู้โดยสารคนอื่นๆโชคดีที่เครื่องที่เขานั่งมาไม่ค่อยวุ่นวายมากนักอีกอย่างอาของเขาก็อุตส่าห์จองตั๋วชั้นนักธุรกิจให้อีกชายหนุ่มจึงนอนมาตลอดการเดินทาง เขาโทรไปบอกอาทั้งสองทันทีที่เดินเข้าตัวอาคารผู้โดยสารเพราะอาอึนโซย้ำแล้วย้ำอีกให้เขาโทรกลับทันทีที่มาถึง ร่างสูงๆของเขาค่อยๆเดินตามทางผู้โดยสารขาเข้าเพื่อเดินออกไปเจอพ่อที่ไม่ได้เจอกันนานนับสิบๆปีเขาแทบจะลืมหน้าผู้ชายคนนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ เขารู้มาตลอดว่าการหลบเลี่ยงที่จะกลับมายังที่ๆเขาจากมาไม่ได้แต่แล้วตอนนี้เขาพร้อมแล้วเหรอที่จะเจอหน้าพ่อ จุงโจได้แต่เดินคิดมา ตลอดทางที่เดินผ่านมา
ท่านประธานครับ
ใช่ผู้ชายตัวสูงๆคนนั้นมั้ยครับ? จองอูสังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากทางออกดูท่าทางคล้ายกับคนๆเดียวกับในรูปที่แดซุงเคยนำมาให้ดูก็เลยลองถามดูให้แน่ใจ อ้า
ใช่จุงโจจริงๆด้วย..ใช่แล้วคนนั้นแหละ แดซุงมองตามคนที่จองอูพูดถึงเขาจำลูกชายของเขาได้เป็นอย่างดีถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมานานจนจุงโจเติบโตเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนเขาก็จำลูกชายเขาได้เป็นอย่างดี หัวใจเขาตอนนี้พองโตดีใจจนแทบอยากจะวิ่งเข้าไปกอดลูกชายเขาแน่นๆด้วยความคิดถึง งั้นเดี่ยวผมเดินไปรับนายน้อยนะครับท่านประธาน จองอูเอ่ยขณะรีบวิ่งออกไปรับจุงโจที่เดินตรงมาที่ที่พวกเขายืนอยู่.
จุงโจสังเกตุเห็นผู้ชายสองคนโดยคนหนึ่งที่ดูหนุ่มกว่าในมือมีกระดาษที่เขียนชื่อเขาเอาไว้พอเขาเห็นจึงเดินตรงไปที่สองคนนั้นยืนอยู่ ผู้ชายอีกคนต้องเป็นพ่อของเขาแน่ๆชายหนุ่มยังคงทำหน้านิ่งขณะที่คนที่ดูหนุ่มกว่าวิ่งเยาะๆตรงมาที่เขา
นายน้อยจุงโจใช่มั้ยครับ?ผมฮันจองอูเป็นเด็กรับใช้ของท่านประธานมุนยินดีที่ได้รู้จักครับ จองอูกล่าวแนะนำตัวอย่างสุภาพเมื่อยืนอยู่ตรงหน้านายน้อยของเขาเมื่อเห็นชายหนุ่มที่เป็นนายมองมาที่เขาอย่างงุนงง เขาสังเกตชายหนุ่มที่เป็นนายน่าจะสูงมากเพราะเขาเองก็เป็นคนสูงอยู่แล้วแต่เมื่อมายืนคู่กับผู้เป็นนายเขาเองก็ยังดูสูงน้อยกว่าซะอีก หน้าตาที่ขาวสะอาดสะอ้านคมคายของนายน้อยช่างถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่ออย่างไม่มีผิดเพี้ยนเขาคิดในใจว่าสาวๆที่นี่คงจะแอบปลื้มหรือไม่ก็แอบมองนายน้อยของเขาไม่น้อยเลยทีเดียวความคิดนี้พลันให้เขาอมยิ้มขึ้นมา
อืม
ใช่ฉันเอง จุงโจอดจะแปลกใจที่จู่ๆก็มีคนมาเรียกเขาว่านายน้อย.นี่เขาไปเป็นนายใครตั้งแต่เมื่อไหร่กัน งั้นให้ผมช่วยถือกระเป๋านะครับ จองอูถามขึ้นเตรียมจะเอามือไปช่วยถือกระเป๋าแต่ก็ต้องยกมือค้างไว้อย่างนั้นเพราะ ไม่เป็นไรกระเป๋าแค่นี้ฉันถือเองได้.เรารีบเดินเถอะ.จุงโจปฏิเสธเสียงเรียบแล้วเดินออกนำหน้าจองอูที่รีบเดินตามมาอย่างงงๆ
แดซุงและจุงโจยืนสบตากันเนินนานราวกับว่าเวลาจะหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้นสองสายตาประสานกันดวงตาคู่หนึ่งที่ฉายแววรักใคร่อบอุ่นเต็มเปี่ยมไปด้วยรักแตกต่างจากดวงตาอีกคู่ที่กลับว่างเปล่าเย็นชา แดซุงมองมาที่ลูกชายด้วยความรักและความคิดถึงจนคำพูดที่เตรียมจะมาพูดกับลูกชายนั้นเขาลืมไปหมดไม่รู้จะพูดอะไรในตอนนี้ จุงโจเองก็เอาแต่มองพ่อโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาจนในที่สุดชายหนุ่มโค้งคำนับพ่อของเขาแล้วก็สังเกตว่าพ่อของเขาแก่ลงแต่หน้าตาเบิกบานมีความสุขเขาคิดไปเรื่อยเปื่อยว่าพ่อดีใจที่เขากลับมาหรือว่าคิดถึงงานแต่งงานที่จะมาถึงในอาทิตย์หน้านี้กันแน่ สองพ่อลูกยืนมองหน้ากันอยู่นานจนทำให้จองอูซึ่งยืนอยู่อีกด้านพูดขัดขึ้นเพื่อให้คนที่เป็นนายทั้งสองได้ตื่นจากภวังค์
เอ่อ
ท่านประธานครับ
นายน้อยมานานแล้วครับ จองอูเดินเข้าไปสะกิดบอกแดซุง จนแดซุงยิ้มแก้เก้อออกมา อืม..จุงโจ
ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะลูก แดซุงค่อยๆเดินเข้าไปกอดลูกชาย.เขาโอบกอดลูกชายแน่นรู้สึกโล่งใจที่ได้เขากลับคืนมาในอ้อมกอดตัวเองอีกครั้ง เขาโตขึ้นมากเลยทีเดียวแดซุงคิดเมื่อคลายอ้อมกอดมามองหน้าจุงโจทำให้เขาคิดถึงยุนอาขึ้นมาทันทีเขาเอามือลูบใบหน้าลูกอย่างเอ็นดูรักใคร่ ความรู้สึกอบอุ่นผ่านเข้ามาในหัวใจอันเย็นชาของจุงโจได้อย่างประหลาดจนเขาต้องลดมือของพ่อออกอย่างเบามือเมื่อคิดได้ว่าพวกเขาสองคนยืนอยู่ที่นี่นานแล้ว จองอูจึงเอ่ยขอตัวเพื่อไปนำรถมารับเมื่อเห็นคนทั้งคู่ทักทายกันเสร็จ จุงโจกับแดซุงเดินเคียงข้างกันออกไปด้านนอกสนามบินเพื่อรอจองอู เกาหลีเปลี่ยนแปลงไปมากจุงโจคิดขณะที่พวกเขาสามคนนั่งอยู่บนรถมุ่งหน้ากลับบ้าน นานๆทีชายหนุ่มก็แกล้งทำเป็นหลับเพื่อไม่ให้ผู้เป็นพ่อได้เอ่ยถามอะไรจนในที่สุดรถเบนซ์สี ดำคันหรูที่ทั้งสามคนนั่งมาก็มาจอดบริเวณหน้าบ้านทันทีที่รถจอดสนิทจองอูก็รีบลงจากรถมาเปิดประตูรถให้ท่านประธานแล้วเขาก็รีบเดินอ้อมมาเพื่อจะเปิดประตูรถอีกด้านให้นายน้อยแต่ก็ช้าไปเมื่อนายอีกคนของเขาออกมายืนสูงเด่นนอกรถเรียบร้อยแล้ว
อ้า
.ถึงซะทีนะ
มาลูกเข้าบ้านกันเถอะ แดซุงกล่าวพร้อมโอบไหล่ลูกชาย
เมื่อจุงโจและแดซุงเดินผ่านมายังลานบ้านกลุ่มพวกคนงานที่กำลังทำงานกันอยู่ก็ต่างพากันมาแสดงความยินดีและทักทายนายน้อยของบ้านเพราะทุกคนก็อยากจะเห็นหน้าลูกชายของท่านประธานกันทั้งนั้นกว่าที่คนทั้งสองจะผ่านกลุ่มพวกคนงานมาได้สองคนพ่อลูกก็โค้งรับคำทักทายกันแทบไม่ทัน แดซุงพาจุงโจเดินมาถึงตัวบ้านด้านในขณะที่แดซุงกำลังจะก้มลงถอดรองเท้าเสียงของซงคังซุกก็เอ่ยทักเสียงสดใสให้สองคนพ่อลูกเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกัน
กลับมากันแล้วเหรอคะ เมื่อเห็นแดซุงและจุงโจที่หน้าบ้านซงคังซุกถามด้วยเสียงอันสดใส อืมๆมาแล้วๆฮะฮ่า.เป็นไงบ้างรอนานมั้ย? แดซุงตอบอย่างอารมณ์ดีขณะก้มถอดรองเท้า ซงคังซุงเมื่อได้ยินเสียงรถนางก็กระตือรือร้นเดินออกมารับว่าที่สามีและลูกเลี้ยงทันทีโดยไม่ลืมที่จะเอ่ยให้ผู้เป็นลูกสาวทั้งสองให้เดินตามนางออกมาด้วย โบอึนกับฮโยซอนต่างมองหน้ากันไปมาอย่างรู้ทันนิสัยมารดา
ทันทีที่สองสาวลูกเลี้ยงเดินตามมาสมทบแดซุงก็ส่งยิ้มกล่าวทักทายอีกรอบอย่างอารมณ์ดีจัด ไม่ถอดรองเท้าก่อนเหรอคะ โบอึนกล่าวเสียงสดใสบอกจุงโจเบาๆให้ชายหนุ่มพอได้ยินจนทำให้ชายหนุ่มถอดรองเท้าของตัวเองด้วยท่าทางเก้อๆด้วยเพราะเขาเคยชินกับการใส่รองเท้าเข้ามาในบ้าน แดซุงเห็นอาการเก้อๆของลูกชายก็ได้แต่อมยิ้มเขารอจนจุงโจถอดรองเท้าเสร็จจึงพาชายหนุ่มออกเดินนำหน้าสามสาวไปที่ห้องรับแขก
หล่อจังเลยนะพี่ลูกของคุณลุงแดซุงน่ะตัวจริงหล่อกว่าในรูปอีก ฮโยซอนกระซิบชมชายหนุ่มผู้มาใหม่ให้โบอึนฟัง นี่ไปจ้องหน้าเขาขนาดนั้นเลยเหรอ โบอึนแกล้งดุน้องสาว โธ่
พี่ก็ ไม่ต้องแอบหรอกคะสองตานายนั่นแทบจะไม่มองใครเลยหยิ่งชะมัด แม้ฮโยซอนจะกล่าวชมจุงโจในทีแรกก็อดจะค่อนขอดไม่ได้กับท่าทีของชายหนุ่มที่ดูหยิ่งเฉยชา
โบอึนเข้าใจท่าทีของชายหนุ่มดีเธอเองก็ไม่แปลกใจที่จะได้เห็นท่าทีแบบนั้นจากชายหนุ่มด้วยเพราะฐานะของเธอและเขาก็อยู่ในฐานที่ยากจะเป็นมิตรกันได้ง่ายๆการที่จะญาติดีกันคงต้องใช้เวลาพอสมควรแต่ที่แปลกก็คงจะเป็นใจของเธอเองนั้นต่างหากที่กลับเต้นแรงผิดจังหวะเพียงแค่ชายหนุ่มหันหน้ามามองเธอด้วยตาคมดำจัดฉายแววตามามองที่เธอเพียงแว้บเดียวก่อนที่ชายหนุ่มจะก้มถอดรองเท้า.หญิงสาวคิดในใจอย่างเงียบๆขณะเดินตามไปห้องรับแขกพร้อมฮโยซอน
เมื่อทุกคนมานั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันที่ห้องรับแขกแดซุงก็เอ่ยแนะนำว่าที่ภรรยาเขา ซงคังซุกและสองสาวลูกเลี้ยงโบอึนและฮโยซอนให้จุงโจได้รู้จักอย่างเป็นทางการ ชายหนุ่มมองมาที่สามสาวสามวัยด้วยใบหน้าอันเรียบเฉยตามเดิมไม่มีแม้แต่คำทักทายตอบกลับไปแม้แต่น้อย
เอ้
.ฮโยซอนกับจุงโจปีนี้อายุ18เท่ากันซินะ แดซุงเอ่ยขึ้นในที่สุดเมื่อบรรยากาศเริ่มจะเงียบลงด้วยเพราะลูกชายไม่ยอมจะพูดจาอะไร ใช่คะคุณลุง ฮโยซอนตอบอย่างอารมณ์ดีส่งยิ้มมาให้ชายหนุ่ม งั้น
โบอึนก็มีน้องชายเพิ่มมาอีกคนซินะ แดซุงเย้าโบอึนอย่างอารมณ์ดีต่อเนื่องเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศเขาจึงต้องหาข้อสนทนาขึ้นมาพูด
การเดินทางเป็นยังไงบ้างจ้ะจุงโจ คังซุกถามอย่างเป็นมิตร จุงโจที่นั่งฝั่งตรงข้ามกลับยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมพูดจาแม้ว่าคังซุงจะถามเขาอย่างสุภาพตั้งแต่ไหนแต่ไรจุงโจไม่ชอบที่จะต้องรู้จักใครใหม่ไม่ชอบบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคยโดยเฉพาะตอนนี้เขาต้องมาทำความรู้จักกับผู้หญิงคนที่จะเข้ามาแทนที่แม่ของเขาด้วยแล้วมันทำให้ชายหนุ่มอึดอัดจนต้องหันหน้าหนีด้วยอารมณ์อันหลากหลายภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย
จุงโจ..น้าเขาถามน่ะลูก แดซุงเรียกจุงโจเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเริ่มจะเสียมารยาท ก็ดี จุงโจจึงตอบออกไปอย่างเสียมิได้ ผมขอตัวก่อนนะครับ ผมอยากพักผ่อน จุงโจกล่าวจบก็ลุกขึ้นยืน. อ้อ
งั้นเดี่ยวพ่อให้จองอูพาเดินไปที่ห้องนะลูก แดซุงเข้าใจว่าลูกชายคงจะเพลียกับการเดินทางจึงไม่คิดจะรั้งเขาไว้อีกทั้งเขาก็มาอยู่ที่นี่แล้วคงได้มีเวลาทำความคุ้นเคยกับทุกคนได้ไม่ยาก จองอูแกพานายน้อยไปที่ห้องหน่อยนะ แดซุงเอ่ยสั่งเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆจุงโจ ครับ จองอูรับคำจากแดซุงก็ออกเดินนำหน้านายน้อยไปที่ห้องของผู้เป็นนายที่จัดเตรียมไว้
เมื่อเห็นจุงโจและจองอูเดินผ่านไปแล้วแดซุงก็เอ่ยขอโทษคังซุกอย่างออกตัวแทน พี่ต้องขอโทษเธอด้วยนะที่จุงโจแกเสียมารยาท ฉันเข้าใจค่ะดูท่าทางแกคงทั้งเหนื่อยและเพลียและอีกอย่างแกคงไม่ใช่คนช่างพูดด้วย คังซุกพูดออกไปอย่างนั้นแต่ในใจนางคิดเกลียดชังจุงโจตั้งแต่แรกเห็นเด็กอะไรไม่มีสัมมาคารวะหยิ่งจองหองแผงฤทธิ์ใส่ฉันตั้งแต่วันแรกแกรู้จักฉันน้อยไปแต่คนกร้านโลกอย่างนางซงคังซุกการจะปั้นหน้าแสร้งทำดีใส่เป็นเรื่องง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก.คนที่เข้าใจดีก็คงหนีไม่พ้นหญิงสาวสองคนที่นั่งดูเหตุการณ์อย่างเงียบๆ
หลังจากจุงโจแยกตัวออกมาจากวงสนทนา เขาก็ตรงไปอาบน้ำล้มตัวลงนอนทันทีที่หัวถึงหมอนการเดินทางหลายชั่วโมงทำให้เขาเพลีย,กว่าชายหนุ่มจะตื่นเวลาก็ล่วงเลยมาจนเย็น จุงโจยังคงนั่งอยู่บนเตียงหลังจากตื่นเขามองไปรอบๆห้องยังจำได้ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนจองอูเล่าว่าห้องนี้ลูกเลี้ยงพ่อเขาที่ชื่อโบอึนเป็นคนจัดให้ข้าวของๆเขาถูกส่งกลับมาที่บ้านล่วงหน้าก่อนที่เขาจะมาเป็นเดือนๆโชคดีที่ของของเขามาถึงเมื่ออาทิตย์ที่แล้วจึงพอได้มีเวลาให้ได้ตกแต่งและจัดเก็บห้องไปด้วยพร้อมๆกัน เขามองดูรอบๆห้องจนเพลินจนได้ยินเสียงจองอูเคาะประตูเรียกเขาเบาๆชายหนุ่มจึงเดินไปเปิดประตู
นายน้อย
คือท่านประธานให้มาตามไปทานข้าวน่ะครับตั้งแต่มาถึงนายน้อยยังไม่ได้ทานอะไรเลย จองอูกล่าวอย่างห่วงใย อืม
งั้น แกรอเดียวฉันหาเสื้อใส่ก่อน จุงโจตอบเสียงเรียบ
ไม่ถึงห้านาทีจุงโจก็มานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร จุงโจนั่งขัดสมาธิอย่างลำบากแม้เขาจะเกิดและโตที่นี่แต่การที่ต้องใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกเป็นเวลานานก็ทำให้เขาไม่ค่อยชินกับเรื่องง่ายๆที่เคยทำตอนเด็ก และนี่ก็เป็นอีกเรื่องแล้วที่ทำให้โบอึนอมยิ้มกับท่าทางเก้อๆของจุงโจ
นั่งได้มั้ยลูก..เราเปลี่ยนไปนั่งทานที่โต๊ะในห้องทำงานพ่อดีมั้ย? แดซุงอดถามขึ้นไม่ได้เมื่อเห็นจุงโจเปลี่ยนท่านั่งบ่อยๆ ไม่เป็นไรครับ จุงโจตอบหน้าตายขัดกับท่าทางการนั่งที่ไม่สบายของเขา ฝีมือพี่โบอึนทำเป็นยังไงบ้างจ้ะ คังซุกถามจุงโจขณะที่คีบอาหารให้แดซุงอย่างเอาใจ จุงโจที่เพิ่งตักซุปเข้าปากก็เลิกคิ้วอย่างรู้ทันผู้เป็นแม่เลี้ยงเขาคิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้เล่นไม่เลิกเขาอุตสาห์ไม่สนใจไม่ยอมพูดจาด้วยแล้วก็ยังตามตอแย จุงโจได้แต่นึกในใจสีหน้ายังคงไม่ยินดียินร้ายกับคนถาม ฝีมือโบอึนอีกแล้วเหรอเนี่ย มิน่ารสชาติคุ้นๆอร่อยจริงๆ แดซุงรีบพูดออกตัวแทนลูกชายเพราะกลัวบรรยากาศจะเป็นซ้ำรอยอย่างเมื่อตอนเช้า โบอึนเจ้าของฝีมือก็เอ่ยปากขอบคุณเบาๆเมื่อได้ยินแดซุงเอ่ยชมเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบเกินไป
อาหารอร่อยถูกปากชายหนุ่มมากจนอดที่จะเหลือบมองเจ้าของฝีมืออย่างแปลกใจไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้อีกแล้วเหรอที่ทำอะไรๆให้เขากับพ่อ อาหารง่ายๆหลายอย่างพร้อมซุปผักพร้อมข้าวอุ่นๆส่งกลิ่นหอมจนทำให้จุงโจคิดถึงบรรยากาศอาหารค่ำที่มีแม่เขาเป็นคนทำท่ามกลางเสียงหัวเราะและความอบอุ่นในยามที่พ่อแม่เคียงข้างทานข้าวในตอนเย็นพร้อมหน้าพร้อมตาช่วงเวลาแห่งความสุขแบบนั้นเขาคงไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับมันอีกแล้ว หลังอาหารค่ำแดซุงเอ่ยชวนจุงโจมานั่งดื่มชาด้วยกันแต่ชายหนุ่มปฏิเสธผู้เป็นพ่อจึงไม่ได้รั้งไว้จึงขอตัวไปเตรียมเอกสารในการประชุมงานของเขาในวันรุ่งขึ้น
ส่วนจุงโจหลังจากแยกกับทุกคนแล้วก็พาร่างสูงๆของตนออกเดินดูบริเวณบ้านรอบๆเขาเดินมาถึงบริเวณบ้านที่มีชานบ้านยื่นออกมาด้านหลังดูสงบผ่อนคลายเขาเห็นผู้หญิงสองคนนั่งอ่านหนังสือเสียงเพลงเบาๆดังลอยมาให้ได้ยินคงไปใครไม่ได้นอกจากลูกเลี้ยงสองคนของพ่อเขาชายหนุ่มได้แต่เดินผ่านไปโดยไม่ได้หันหน้าไปมอง
จุงโจ
จุงโจ โบอึนไม่ได้เรียกชายหนุ่มเฉยๆแต่ยังกวักมือเรียกเขาอีกเมื่อเห็นเขาหยุดเดินแล้วหันหน้ามามองก็ส่งยิ้มอ่อนหวานให้ จุงโจหันหน้ามามองหญิงสาวอย่างเต็มตาด้วยใบหน้าเรียบเฉยพร้อมคิดรำคาญกับรอยยิ้มของโบอึนยิ้มแบบนี้อีกแล้วเธอมีความสุขมากรึไง มานั่งดื่มชากับพวกเรามั้ย หรือไม่ก็มานั่งฟังเพลงกัน โบอึนยิ้มพลางกวักมือเรียก นี่เธอ
ยิ้มทำไม?มีความสุขมากรึไง จุงโจอดที่จะเหน็บแนบหญิงสาวไม่ได้ตั้งแต่เช้าแล้วที่หญิงสาวคนนี้เผยรอยยิ้มแบบนี้ส่งมาให้เขา คนเราเวลายิ้มก็ต้องมีความสุขซิ แล้วเธอล่ะเหตุผลที่เธอยิ้มเป็นเพราะอะไรโบอึนยังคงคุยโต้ตอบเขาอย่างล้อเลียน.ฮโยซอนซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามเห็นหน้าจุงโจมองมาอย่างเอาเรื่องก็ได้แต่ดึงชายเสื้อพี่สาวเบาๆ งั้นตอนนี้เธอมีความสุขมากซินะ จุงโจพูดจบก็เดินผ่านไปเบื่อที่จะต้องพูดกับหญิงสาวที่ยังคงเรียกชื่อเขาจนเขาเดินผ่านไปเกือบจะสุดมุมบ้านก็ได้ยินหญิงสาวฮัมเพลงเบาๆเสียงไพเราะอ่อนหวานของโบอึนกลับสะกดให้จุงโจหยุดยืนพิงตัวบ้านจิตใจล่องลอยไปไกลลมเย็นๆตอนกลางคืนพัดผ่านแต่จิตใจเขากลับรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด
แม่ครับ
ทางนี้หรือเปล่าครับที่แม่อยากให้ผมเดินตามมา.ทางกลับบ้านใช่มั้ยครับ จุงโจพูดออกมาจากส่วนลึกๆในจิตใจขณะฟังเสียงหวานของหญิงสาวขับกล่อมเพลงในคืนอันเงียบเหงาของเขา.
บ้านหลังนี้ยังมีที่ให้ผมยืนอยู่มั้ยครับแม่
Create Date : 14 กันยายน 2553 |
Last Update : 27 กันยายน 2553 10:43:45 น. |
|
14 comments
|
Counter : 697 Pageviews. |
|
|
|
โดย: luckyD IP: 119.31.86.96 วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:21:10:40 น. |
|
|
|
โดย: วอนวอน (albatross11 ) วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:21:17:07 น. |
|
|
|
โดย: mai.ka IP: 114.128.90.132 วันที่: 15 กันยายน 2553 เวลา:13:08:59 น. |
|
|
|
โดย: กบน้อย IP: 58.136.8.172 วันที่: 15 กันยายน 2553 เวลา:13:11:07 น. |
|
|
|
โดย: ppp IP: 111.84.193.56 วันที่: 15 กันยายน 2553 เวลา:14:21:01 น. |
|
|
|
โดย: is IP: 114.128.49.99 วันที่: 16 กันยายน 2553 เวลา:15:54:59 น. |
|
|
|
โดย: POP IP: 202.162.29.16 วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:10:56:58 น. |
|
|
|
โดย: เกษตรศิลป์ IP: 58.11.8.162 วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:12:56:49 น. |
|
|
|
โดย: อุ้ม IP: 91.84.94.170 วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:4:00:06 น. |
|
|
|
โดย: is IP: 112.142.160.93 วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:13:39:38 น. |
|
|
|
โดย: สุเกียง IP: 125.24.156.11 วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:23:18:29 น. |
|
|
|
โดย: สาวก 2มุน IP: 202.12.97.100 วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:23:32:07 น. |
|
|
|
โดย: ซินยุนบกน้อย IP: 61.47.114.194 วันที่: 21 กันยายน 2553 เวลา:17:18:03 น. |
|
|
|
โดย: tanjang IP: 183.89.234.93 วันที่: 24 กันยายน 2553 เวลา:22:02:42 น. |
|
|
|
|
|
|
รักกันเพียงใดก็ต้องพลัดพราก
หวงไว้เพียงใดก็ต้องจำจาก
ข้ามาคนเดียวข้าไปคนเดียว
ไม่มีใครเป็นอะไรของใคร
ต่างคนมาต่างคนไป
ยิ่งยึดยิ่งทุกข์
ปล่อยวางได้จึงเบาสบาย...
เมื่อปัญญาแจ่มแจ้งจะสลัดคืน
เมื่อมาจากดิน
ท้ายที่สุดก็สลายกลายเป็นดิน
ยึดเอาไว้ก็ได้แต่ทุกข์ตอบแทน
อยากโง่ก็ยึดต่อไป
คิดได้ก็วางเสีย
พุทธทาสภิกขุ............
..............................
..............................
ความทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจนั้น
เป็นเรื่องทรมานยิ่ง และเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพรากก็เป็นสิ่งสุดวิสัย...
ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ที่พอใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง...พุทธโอวาท
---------------------------
พระราชดำรัส ในรัชกาลที่ 7 เมื่อทรงสละพระราชสมบัติ เพื่อประชาชน
ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจ อันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิม ให้แก่ราษฎรทั่วไป ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจโดยสิทธิ์ขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร
|
|
|
|
|
|
|