ที่โซลอาจไม่มีจิตวิญญาณ แต่มันมี "หัวใจ" ของใครหลายคนอยู่ที่นั่น
วันนี้จากการเข้าไปเที่ยวเล่นในเว็บที่เกี่ยวกับเคป๊อป ที่ชื่อ allkpop.com ฉันก็ได้พบกับโฆษณาชิ้นใหม่ที่การท่องเที่ยวของ กรุงโซล เพิ่งเปิดตัวออกมา เพื่อประชาสัมพันธ์และเชื้อเชิญให้ชาวต่างชาติ ไปเที่ยวในเมืองหลวงของประเทศบ้านเกิดของทงบังชินกิ ขอสารภาพตามตรงว่าฉันไม่เคยไปโซล ... แต่พี่ในออฟฟิศที่เคยไป กลับมาเล่าให้ฟังว่า เขาไม่เห็นว่าโซลจะมีเสน่ห์ที่ตรงไหน เพื่อนนักถ่ายรูปชาวอเมริกัน ผู้เดินทางท่องไปทั่วเอเชีย ก่อนจะเลือกปักหลักที่กรุงเทพฯ เพราะตกหลุมรักสาวไทย ก็เคยพูดกับฉันไว้ว่า "There isn't any soul in Seoul." ฉันไม่รู้หรอกว่า โซล จะมี "จิตวิญญาณ" หรือไม่ .. แต่ที่ต้องยอมรับกันแบบไม่อายก็คือ ทันทีที่เห็นโฆษณาชิ้นนี้ (และอีกหลายชิ้นในชุดเดียวกัน) มันทำให้ฉันอยากโทรไปจองตั๋วการบินไทย เพื่อบินไปตามหาหัวใจที่โซลเสียเดี๋ยวนั้นเลย ท่ามกลางกระแสเคป๊อป (ซึ่งย่อมาจาก Korean Pop Music*) ที่กำลังถาโถมเข้าสู่ภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก (เอเชียฝั่งตะวันออก, แอฟริกาตอนเหนือ, ยุโรป, อเมริกาใต้, หรือแม้กระทั่งอเมริกาเอง) นับได้ว่า ผู้บริหารการท่องเที่ยวของกรุงโซล ฉลาดมาก ที่เลือกศิลปินเคป๊อป ที่กำลังเป็นที่รู้จักดีไปทั่วเอเชีย (ฝั่งตะวันออก) อย่าง ทงบังชินกิ, ซูเปอร์จูเนียร์, และ ซอโนชิแด (หรือที่คนไทยรู้จักในนาม เกิร์ลส์ เจเนอเรชั่น) มาเป็นส่วนหนึ่งของโฆษณา เพราะนั่นทำให้เมืองที่ "ไม่มีจิตวิญญาณ" ในสายตาของเพื่อนอเมริกันของฉัน กลายเป็นเมืองที่ "มีหัวใจที่เราทำหล่นหาย" ในสายตาของใครหลายคนขึ้นมาทันที จริงๆ แล้ว โฆษณาชิ้นนี้ ซึ่งมีทั้งหมด 7 เวอร์ชั่น 3 ภาษา (อังกฤษ, จีนกลาง, ญี่ปุ่น) และเริ่มกระจายฉายไปแล้วในจีนและญี่ปุ่น ไม่ถือเป็นแคมเปญจน์โฆษณาชุดแรก ที่ทางคณะทำงานของกรุงโซล สร้างสรรค์ออกมา เพราะก่อนหน้านี้ กรุงโซลเคยได้ปล่อยโฆษณาชุด "From Seoul - Soul of Asia" ที่ได้เชื้อเชิญผู้มีชื่อเสียงในวงการช่างภาพ, ศิลปะ, หนัง ฯลฯ ของเอเชีย มาร่วมถ่ายทอดเสน่ห์ของโซล โดยคนไทยที่ได้รับการติดต่อให้เข้าร่วมการถ่ายทำโฆษณาชิ้นนี้ คือ พี่อนุชัย ศรีจรูญพู่ทอง** ช่างภาพชื่อดังผู้เป็นหนึ่งในช่างภาพที่ร่วมบันทึก เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของปวงชนชาวไทยในงานฉลองศิริราชสมบัติ 60 ปี เมื่อปี 2549 ฉันเคยได้พูดคุยกับพี่อนุชัยครั้งนึง (คุยประเด็นอื่น แต่พี่อนุชัยลากเข้าประเด็นนี้ด้วย :) หนึ่งในช่างภาพชื่อดังของไทยคนนี้ ได้เ่ล่าให้ฟังว่า ตลอดช่วงเวลาในการถ่ายทำโฆษณานั้น คณะทำงานของกรุงโซลได้ให้การต้อนรับและให้เกียรติพี่เค้าอย่างดีมาก จนพี่อนุชัยรู้สึกประทับใจใน"จิตวิญญาณ" ของโซล และเกาหลีใต้ จนสามารถถ่ายทอดความประทับใจนี้ออกมาในโฆษณาได้อย่างไม่เสแสร้ง ... เรียกได้ว่า สิ่งที่พี่เค้าพูดเกี่ยวกับเสน่ห์ของโซลในโฆษณา เป็นสิ่งที่พี่เค้ารู้สึกจริงๆ สารภาพอีกครั้งว่าฉันไม่เคยไปโซล ... และจนถึุงทุกวันนี้ ฉัีนก็รู้สึกว่า กรุงเทพฯ น่าจะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ และมากไปด้วยความน่าค้นหา มากกว่ากรุงโซลเป็นไหนๆ แต่ทำไม... ทำไม.... และทำไม "โซล" ถึงได้ทำให้เรารู้สึกอยากไปเยี่ยมชมและลัลลา กับเมืองที่แสนไร้เสน่ห์ในสายตาเพื่อนอเมริกันของฉันขึ้นมาได้ล่ะ? นั่นอาจเป็นเพราะ ... รัฐบาลเกาหลีใต้ รวมถึงผู้บริหารแห่งกรุงโซล รู้จักวิธีที่จะใช้สื่อสมัยใหม่เจาะลึกเข้าไปสู่ "จิตวิญญาณ" ของคนต่างชาติต่างภาษานั่นเอง เพราะเมื่อมองดูโฆษณาทุกชิ้น ทั้่งแคมเปญจน์เก่าและใหม่ เราจะเห็นได้ว่า พวกเขาได้ใส่ความเป็น "สมัยใหม่" เข้าไปในเสน่ห์ของความเป็นโซลด้วย ลองคิดในทางกลับกัน ... หากรัฐบาลไทย หรือ กทม. จะทำโฆษณาเกี่ยวกับเมืองกรุงฯ ออกมาประชาสัมพันธ์กับชาวต่างชาติสักชิ้น เราคงได้เห็นภาพ "ฟ้อนไทย", "ลอยกระทง", หรือ "มวยไทย" ออกมาให้เห็นในซีนหลักๆ เป็นแน่ การใส่ภาพประเพณีไทยเดิม หรือการพยายามจะอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย และสื่อสารให้ชาวต่างชาติได้รับรู้ถึงเสน่ห์ของบ้านเมืองเรานั้นเป็นสิ่งที่ดี เพราะัมันก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการทำให้ชาวยุโรปอยากเดินทางมาเมืองไทยนักต่อนักแล้ว แต่การจะยึดติดกับภาพแบบนี้ตลอดไป อาจทำให้ กรุงเทพฯ และเมืองไทย พลาดการโน้มน้าวให้กับคนรุ่นใหม่บางกลุ่ม ซึ่งมีกำลังเงินที่จะสามารถเดินทางมาตามหา "จิตวิญญาณ" ที่กรุงเทพฯ ... ไปให้กับเมืองอย่าง "โซล" ได้ การประชาสัมพันธ์ และแผนการตลาด ควรเป็นสิ่งที่ถูกวางไว้สนับสนุนกันและกัน เมื่อจะทำการประชาสัมพันธ์สิ่งใด เราก็ไม่ควรละเลยการวางแผนการตลาดที่ดี เข้าถึงหัวใจ และจิตวิญญาณของคนอื่นได้ และคงไม่ผิด หากจะใช้ "ความรัก" มาเป็นตัวล่อ... เฉกเช่นที่คณะทำงานของกรุงโซลได้ทำกับ "Infinitely yours, Seoul" แคมเปญจน์นี้ เพราะมันทำให้ใครบางคนถึงกับรู้สึกว่า "There isn't any soul in Seoul, but my heart is there." ...คงจะดี ถ้าเราทำให้ใครหลายคนรู้สึกอยากเดินทางมาตามหา "หัวใจ" ที่กรุงเทพฯ ได้บ้าง... หรือท่านผู้่ว่าฯ และท่านนายกฯ ว่าอย่างไรคะ? หมายเหตุ *จากวิทยานิพนธ์ เรื่อง K-Pop in the cultural economy of Asian pop ของ Shin Hyunjoon แห่ง มหาวิทยาลัย Sungkonghoe ได้ให้นิยามของคำว่า K-Pop ไว้ว่า หมายถึง Korean Popular Music ซึ่งเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของ Korean Waves (รวมวัฒนธรรมทุกอย่างจากเกาหลี ทั้งอาหารการกิน, หนัง, ละคร, แฟชั่น, ดนตรี ฯลฯ) แต่โดยตัวของ K-Pop เองนั้น ไม่ใช่ทั้งหมดของ Korean Waves แต่อย่างใด ** โฆษณาชุด "From Seoul, Soul of Asia" ที่พี่อนุชัย ศรีเจริญพู่ทอง ได้รับเชิญให้เป็นส่วนหนึ่ง
Create Date : 12 มิถุนายน 2552
9 comments
Last Update : 12 มิถุนายน 2552 1:08:02 น.
Counter : 900 Pageviews.
เราเคยไปโซลมาแล้ว ถ้าไม่เปรียบกับประเทศอื่น(เช่นญี่ปุ่น)
โซลก็มีอะไรน่าประทับใจไม่น้อยค่ะ ผู้คนก็ยังน่ารัก อาหารอร่อย
ถ้ามีโอกาสเราก็จะกลับไปอีกนะ ยังเที่ยวไม่ทั่วเลย