“การคลั่งไคล้เคป๊อปนั้นไม่ได้ไร้สาระ ... แต่มันเป็นพฤติกรรมที่ซุกซ่อนนัยการเมือง สังคม และวัฒนธรรมได้อย่างสำคัญ"

<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
18 กุมภาพันธ์ 2553
 

แฟนคลับ – พิธีกรรม – และการรู้สึกถึง “พลานุภาพของการเป็นผู้กระทำ” ในโลกของเคป๊อป


แฟนคลับ – พิธีกรรม – และการรู้สึกถึง “พลานุภาพของการเป็นผู้กระทำ” ในโลกของเคป๊อป


By kpopletter - kpopletter.wordpress.com



อันยอง คุณน้องตระกูลคิมมาด้วยความนับถือ

อกอีแป้นของคุณน้องนั้นอาจแล่นลึกเข้าตึก SM ไปในฉบับก่อน แต่ฉับพลันที่คุณพี่ได้อ่านจดหมายคุณน้อง อกไม่ค่อยแป้นของคุณพี่ก็แล่นเว้าเข้าร้านไทม์เอาท์เจลาโต้ สาขาสุขุมวิท 24 ไปเลยค่ะคุณน้องขา ค่าที่คุณน้องถึงกับงัดเอาวรรณคดีไทยขึ้นมาขยายความถึงรูปแบบ “ผู้ชายอันเป็นที่นิยมของชนชั้นสูงไทย” ในสมัยก่อนปู๊น เพื่ออรรถาธิบายเรื่องว่าด้วย ความเป็นแม่ ความเป็นเมีย พิธีกรรม ตัวตน พื้นที่ บลาๆๆๆๆ โอ้ย คุณพี่ปวดหัวค่ะ

ด้วยความที่คุณพี่ก็มีความรู้เท่ากับหางหมาฮารัง (น้องหมาพันธุ์อลาสกันมูลามิวท์ ของมิกกี้ ยูชอน ผู้ชายหน้าแป๊ะเสียงโลว์บาริโทน แห่งวงดงบังชินกิ ค่ะ – อุ้ย! วงนี้ยังมีอยู่อยู่ใช่ไหมคะ พอดีคุณพี่ไม่ค่อยคุ้ยเคยสักเท่าไหร่น่ะค่ะ ^^) จะสานต่อในประเด็นอันเต็มไปด้วยความรู้ต่อไป ก็ใช่ว่าจะมีปัญญา ลำพังแค่จะเสาะหาเงินทองมาฟาดซื้ออัลบั้ม Best Selection 2010 ของวงธรรมด๊าธรรมดาวงหนึ่ง ก็ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว อย่ากระนั้นเลย คุณพี่หาเรื่องเบี่ยงเบนให้เราไปคุยกันในประเด็นอื่นดีกว่านะคะ

คุณพี่ขอย้อนไปขุดคุ้ยจุดเริ่มต้นของพวกเราในการ (สะเออะ) เขียนบล็อกว่าด้วยเคป๊อปขึ้นมาเสียหน่อยนะคะ ในการคิดเพ้อเจ้อขึ้นมาครั้งแรกๆ เหมือนพวกเราจะอยากใช้บล็อกนี้เป็นพื้นที่ในการอรรถาธิบายปรากฏการณ์เคป๊อปที่กำลังครอบคลุมพื้นที่สังคมไทยอยู่หลายหัวระแหง (จริงๆ แล้ว ข่าวเขาลือกันว่า เคป๊อปนั้นกระจายไปครอบคลุมพื้นที่หลายแห่งทั่วโลกอยู่เหมือน กันนะคะ) ด้วยว่า ถ้าเราเข้าใจ “ความเป็นเคป๊อป” มากขึ้นเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งนำส่วนดี (หรือร้าย?) ของเขามาปรับใช้กับ “กระแสไทยๆ ไปไกลทั่วโลก” (คล้ายๆ “ครัวไทยไปไกลทั่วโลก”) ได้มากเท่านั้น

เอาล่ะค่ะ คุณพี่ “แถ” พาคุณน้องออกมานอกเรื่องได้หน่อยนึงแล้ว คุณพี่ก็อยากเปลี่ยนประเด็นให้มันทันสถานการณ์ ด้วยการอัพเดทข่าวสารว่าด้วยเรื่องคอนเสิร์ตของวงชื่อประหลาดอีกวงนึง ที่เพิ่งมาสร้างความระทึกหัวอกให้กับสาวไทยหัวใจเคป๊อปกันเมื่อไม่กี่วันก่อนอย่าง วง SS501 (อ่านว่า ดับ-เบิ้ล-เอส-ไฟว์-โอ-วัน ค่า) แหม…ก็จะไม่ให้ระทึกหัวใจเต้นตึกตักเป็นจังหวะ “รักเธอ” ได้ยังไงกันล่ะค่ะ ก็หัวหน้าวงแม่งหล่อออร่ากระจายไปถึงดาวพลูโตได้เสียเยี่ยงนั้น

แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญที่จะพูดถึงค่ะ แต่สาระสำคัญก็คือ การได้ตามดูรูปดูคลิปของคอนเสิร์ต SS501 Persona 1st Asia tour in Bangkok นี้ ทำให้คุณพี่ได้ทึ่งอึ้งเสียวกับคลื่นพลัง “สีเขียว” ที่ปรากฏอยู่ในฮอลล์อิมแพ็คอารีน่า อยู่ครามครัน




ก็รู้ๆ กันอยู่นี่คะว่าคอนเสิร์ตนี้บัตรขายไม่ออก เยอะจะตาย อุ๊บส์!!! พูดผิดค่า หมายความว่า ก็รู้ๆ กันอยู่นี่คะ ว่าสีประจำวงของวง “ดั๊บ” (ชื่อย่อของ SS501) นี่คือสีเขียว และเพื่อเป็นการแสดง “พิธีกรรมของความรัก” เหล่า “ทริปเปิ้ลเอส” (ชื่อแฟนคลับของวงดั๊บ) ก็เลยต้องนำแท่งไฟสีเขียวๆ ไปโบกชูในคอนเสิร์ต เพื่อประกาศศักดาของ “ความรัก” ที่พวกเขามีต่อศิลปินวงนี้ จนทำให้ฮอล์คอนเสิร์ตรอบเดียวในวันนั้น เต็มไปด้วยทะเลสีเขียวมรกต – งดงามสุดๆ ไปเลยค่า ^^

แต่ไม่ใช่แค่คอนเสิร์ตของวงดั๊บเท่านั้น ที่มีปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้น อย่างที่คุณน้องก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่า ปรากฏการณ์ “ทะเลแท่งไฟ” เรืองแสงนั้น เป็นปรากฏการณ์ที่มักจะเกิดขึ้นเกือบเป็นประจำอยู่แล้วกับคอนเสิร์ตเคป๊อป คอนเสิร์ตของวงบิ๊กแบง (Bigbang) ที่เพิ่งผ่านมาในโซล หรือแม้กระทั่งคอนเสิร์ตล่าสุดเมื่อปลายปีของวงชะนีน้อย ซอโนชิแด (SNSD) นั่นก็ล้วนเต็มไปด้วยทะเลแท่งไฟ แตกต่างกันแค่ว่า สีของแท่งไฟของแต่ละคอนเสิร์ตแตกต่างกัน เพราะสีประจำวงของแต่ละวงนั้น แตกต่างกันนั่นเอง

อันว่าจะพูดอย่างนี้ก็อาจเป็นการเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนแก่คุณน้องตระกูลคิมก็ได้ (ถ้าเข้าใจไม่ผิดคุณน้องน่าจะชอบมะพร้าวนะคะ ใช่ไหม?) ก็อย่างที่คุณน้องรู้ (อีกแล้ว) น่ะค่ะ ว่า “สีประจำวง” และ “แท่งไฟ” นั้นเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของวงการเคป๊อป พอๆ กับที่ การมี “ชื่อแฟนคลับ” เป็นของตัวเอง ก็นับเป็นหนึ่งในสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า วงเคป๊อปวงนั้น ได้สร้างสมบารมีมาจนมีแฟนคลับมากมายจนพอที่จะตั้งชื่อให้เหล่าแฟนๆ ได้แล้ว (จริงๆ แล้ว วงญี่ปุ่นบางวง คุณพี่ก็สืบรู้มาว่ามีชื่อให้แฟนคลับด้วยนะคะ) สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่นับได้ว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญของวงไอดอลสายเคป๊อปมากๆ เป็นสิ่งที่ใครก็ตามเมื่อแวะเวียนมาสู่วงการเคป๊อปก็ย่อมต้องได้รู้ได้เห็นได้ประสบพบเจออยู่บ่อยๆ

หรือจะเรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ของวงการนี้อยู่หน่อยๆ ก็ได้นะคะ

การมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยการรู้จักสร้างกลุ่ม “วัฒนธรรมชุมชน” ให้เหล่าแฟนคลับได้รู้สึกถึงการมีตัวตนในชีวิตศิลปิน ด้วยการตั้งชื่อให้พวกเขา และมีสีประจำวงให้พวกเขานี้ นับเป็นหนึ่งในความชาญฉลาดอันแยบยลของคนในวงการเคป๊อปเสียจริงเชียว คุณพี่นั้น เคยได้เผลอตัวไปขุดกรุประวัติศาสตร์ว่าด้วยสีประจำวงมาหนหนึ่ง ได้ทราบมาว่า วงที่มีสีประจำวงเป็นวงแรกนั้นคือวงบอยแบนด์ในตำนานอย่าง H.O.T (อ่านว่า เอช.โอ.ที ค่า) แห่งค่าย SM Entertainment (ค่ายเดียวกับซูเปอร์จูเนียร์ ซอโนชิแด และชายนี่) โดยสีประจำวงคือสีขาว และในอดีตกาลย้อนไปหลายปีอยู่นั้น มหกรรม Dream Concert ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีของเกาหลีใต้นั้น ครึ่งหนึ่งของสนามจัดคอนเสิร์ตต่างเต็มไปด้วย “ลูกโป่งสีขาว” ที่เหล่าแฟนคลับของวง H.O.T ต่างถือเชียร์ทั้งนั้นนะคะ (ขอโทษที่คุณพี่เลอะเลือนเกินกว่าจะจำได้แล้วว่าชื่อแฟนคลับของวง “ร้อนแรง” วงนี้นั้น มีชื่อว่าอะไรนะคะ)

นั่นแหละค่ะ จุดเริ่มต้นของสีประจำวงและชื่อแฟนคลับ ที่ใครสักคนในวงการคงเห็นแล้วว่ามันเวิร์ค เขาจึงได้ทำตามหรือมีตามกันมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นเอกลักษณ์ แต่ในข้อดีของมันก็คือทำให้แฟนคลับได้รู้สึกว่าตัวเองมีส่วนเชื่อมโยงกับศิลปินที่ตนเองรัก แหม…ก็ถึงขั้นตั้งชื่อให้กัน แถมยังมีสีประจำใจ “เรา” อีกต่างหาก (อย่างกับเวลาที่แฟนสาวแฟนหนุ่ม ชอบตั้งชื่อเล่นกันว่า “อ้วน” แล้วหา “ตุ๊กตาหมีพูห์” ตัวอวบใหญ่ มาเป็นสื่อแทน “สองเรา” อย่างไงอย่างนั้นเลย) เมื่อเป็นดังนี้แล้วนั้น จะไม่ให้แฟนคลับมีความหวัง และโมเมเหมาเอาเองว่า ตัวเองเป็น “คนรัก” ของศิลปินได้อย่างไร

และเมื่อเชื่อมโยงตนเองเป็น “คนรัก” ได้แล้ว คนรักก็ย่อมต้องแสดงออกซึ่งความรักต่อ “คนรัก” อีกฝั่งของพวกเขา ด้วยการประกอบ “พิธีกรรมแห่งความรัก” ในคอนเสิร์ตด้วยโปรเจ็คต์ต่างๆ นานา อันไล่มาตั้งแต่ การสร้างสรรค์ “ท่อนแฟนเชียร์” (หรือที่เมืองไทยนิยมเรียกว่า “ท่อนอังกอร์”) มาจนถึง การแปรอักษรแท่งไฟให้เป็นรูปนั้นนี้ (ยกตัวอย่างเช่น รูปดาวในคอนเสิร์ตซูเปอร์จูเนียร์ที่เมืองไทยหนล่าสุด) หรือ การเปลี่ยนแท่งไฟพร้อมพรึ่บทั้งฮอลล์ให้เป็นสีอื่นๆ อันมีความหมายพิเศษในช่วงพิเศษของคอนเสิร์ต (เช่นช่วงโซโล่เดี่ยวของสมาชิกในวง หรือช่วงเพลงช้า) เป็นต้น

จริงๆ แล้ว ในกระบวนการกว่าที่เหล่าแฟนคลับจะพัฒนาความรู้สึกมามากจนกระทั่งกล้าแสดงตนเป็น “คนรัก” นี้นั้น มันมักจะถูกกระตุ้นให้เกิดพัฒนาการมาจากสิ่งที่เรียกว่า “แฟนเซอร์วิส” ที่ฝ่ายศิลปินเป็นคนทำขึ้น (แต่ “แฟนเซอร์วิส” จะเป็นสิ่งที่เราจะพูดถึงในภายหลังแล้วกันนะคะ — พอดีคุณพี่เริ่มขี้เกียจแล้วน่ะค่ะ >///<) ซึ่งพอมีการทำแฟนเซอร์วิส เพื่อเชื่อม “สองเรา” ให้ผูกพันกันมากขึ้นแล้ว เหล่าแฟนคลับซึ่งแอบอิงตัวเองเข้ากับสถานะ “คนรัก” แล้วก็เริ่มจะเริ่มแสดงออกถึงความรักมากขึ้น โดยอาจ “กระทำการ” ในการแสดงความรักนี้ในหลายๆ รูปแบบ ไล่ไปตั้งแต่ สร้างสรรค์ท่อน “แฟนเชียร์” ไว้เชียร์ยามศิลปินทำการแสดงบนเวที, การทำป้ายผ้าเขียนแสดงความรักต่างๆ, การทำป้ายไฟ (ที่ราคาทำจริงก็หลายร้อยไปถึงหลักพันบาท) เพื่อให้ศิลปินมองมาเห็นความรัก, การขนขนมไปให้ถึงโรงแรมที่พักหรือฮอลล์คอนเสิร์ต ฯลฯ และอื่นๆ อีกมากมาย สุดแท้แต่ว่าจะสรรหาคิดกันออกมาได้ค่ะ





ถามว่านี่เป็นพฤติกรรมที่พบเห็นกันได้บ่อยไหม ในโลกของวงการดนตรีอื่นๆ … ก็สามารถตอบได้ว่า พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก นอกจากสายดนตรีแนวป๊อปของโซนเอเชียแล้ว ก็ไม่ค่อยพบวัฒนธรรม “การแสดงออกถึงความรัก” ของเหล่าแฟนคลับด้วยกิจกรรมมากมายอย่างนี้สักเท่าไหร่ (แฟนคลับของ A.F. ก็น่าจะจดจำสิ่งเหล่านี้มาจากสาย เจป๊อปและเคป๊อป อีกทีนึง) หรือนัยหนึ่งที่เราพูดได้ก็คือ แฟนคลับสายเคป๊อป (และบางทีก็รวมเจป๊อปเข้าด้วยนั้น) นั้น มักจะไม่รู้สึก “เติมเต็ม” หากต้องยอมทำตัวเป็น “คนดู” ที่นั่งนิ่งๆ เพื่อรับชม “มหรสพ” แต่ฝ่ายเดียว (การกรี๊ดตามบัญชาศิลปินสั่ง ก็ไม่เพียงพอที่จะตอบสนอง “อินเนอร์” ของเหล่าแฟนคลับสายเคป๊อป (และอาจรวมถึงเจป๊อป) ได้ค่า) แต่พวกเขาจะรู้สึกอิ่มเอมมากกว่า หากได้ “ประกอบพิธีกรรม” แห่งความรัก ให้แก่ศิลปินอันเป็นที่รักของตนขึ้นมา

นั่นเองอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เราพบเจอ ทะเลแท่งไฟ, วัฒนธรรมการชูป้ายฝ้า, การมีป้ายไฟไว้ติดมือ ในคอนเสิร์ตสายเคป๊อปอยู่เนืองๆ

บางทีนั่นอาจเป็นเพราะ ลึกๆ แล้ว มนุษย์ทุกผู้คน พึงใจกับการได้เป็น “ผู้กระทำ” หรือเปล่านะ? อยู่ๆ คุณพี่ก็คิดอย่างนี้ขึ้นมาค่ะคุณน้อง ด้วยอันที่ว่า เมื่อพิจารณากิจกรรมทั้งหลายที่เหล่าแฟนคลับสรรหากันตาเหลือกเพื่อทำให้กับศิลปินแล้ว เสียทั้งแรง เสียทั้งทรัพย์ เสียทั้งตัว เอร้ยย อันหลังไม่ใช่แล้ว (อันนั้นน่ะ ถ้าเสียไป จะดีใจมากกว่าเสียใจแน่ๆ อ่ะ) หากว่า ทำไปโดยที่ไม่ได้ “ฟูลฟีล” ตัวเองเลยนี่ มันก็คงไม่มีใครอยากไปทำให้เสียเหงื่อเสียเงินเปล่าๆ ปลี้ๆ หรอกมั้งคะ

ทั้งนี้เพราะว่า เวลาที่มนุษย์เราได้ “กระทำ” นั้น มันทำให้เราเข้าถึง “อำนาจ” มากกว่าหรือเปล่า? แม้ว่าการกระทำนั้น จะเป็นไปด้วยเหตุผล (หรือข้ออ้าง) ว่าเป็น “การกระทำเพื่อความรัก” ก็ตามทีเถอะ แต่ยังไงเสีย มันก็คือ “การกระทำ” ที่ถ้าหากเราได้เป็นฝ่ายกุมอำนาจในการกระทำ เราย่อมต้องรู้สึกว่าตัวเองช่างสำคัญ มีอำนาจเปี่ยมล้น จะหว่านเงินแจกคนสักหมื่นล้านบาท หรือต่อท่อน้ำเลี้ยงให้ม็อบขบวนไหน ก็ล้วนทำได้ อร้ายยยย …. เริ่มไปไกลแล้ว กลับมาค่ะกลับมา >///<

คุณน้องซึ่งเป็นหญิงสาวที่นิยมชมชอบ “การทำกิจกรรม” ต่างๆ นานาตั้งแต่เมื่อครั้นยังละอ่อนใสอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยนั้น น่าจะยังจดจำได้ดีถึงความรู้สึกอิ่มเอมในยามที่ได้ “ทำ” ให้เกิดอะไรอันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา อาทิเช่น ได้เป็นผู้ทำให้กิจกรรมงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ลุล่วงไปได้ แทนที่จะนั่งสวยๆ เริ่ดๆ เชิดๆ หยิ่งๆ ใช้เงินฟาดเข้าไปดูฟุตบอลฝั่งสนามในร่มเฉยๆ โดยไม่ได้ทำอะไร – ซึ่งไอ้พฤติกรรมอย่างหลัง (การไม่ทำอะไรเลย) ไม่น่าจะทำให้คุณน้องอิ่มเอมหรือประทับจิตกับงานบอลครั้งนั้นจนเอามาเล่าให้ลูกหลานเหลนโหลนฟังได้ทุกครั้งที่เห็นทีวีช่อง 9 เค้าถ่ายทอดงานบอลหรอกมั้งคะ




และ “การได้กระทำ” นี่เอง ที่เป็น “พ้อยนท์” (point) สำคัญ ในองค์ประกอบของวงการเคป๊อป ที่ทำให้แฟนคลับต่างรู้สึกถึงพลานุภาพอำนาจของตนเอง พวกเขาจะรู้สึกทั้งอิ่มเอมและตัวพองโตหลังจากที่ได้ “กระทำการ”ต่างๆ เพื่อศิลปินที่รักยิ่งชีพแล้ว (ไม่ว่าจะต้องเสียเหงื่อกี่เม็ด หรือเสียค่าขนมไปกี่วอนเพื่อขนป้ายไฟมาฮอลล์คอนเสิร์ตก็ตาม) พวกเขาจะรู้สึกสุขสมประหนึ่งการได้มีเซ็กซ์อันสุดยอดโดยที่ไม่ได้เป็นฝ่ายนอนรอแต่เพียงถ่ายเดียว (ก็แหม…เซ็กซ์ที่ดีนั้น ควรเกิดจากทั้งความรัก และการยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่ายใช่ไหมคะ? อุ้ย จะโดนกระทรวงวัฒนธรรมมาเซนเซอร์อีกไหมคะเนี่ย?) และเมื่อพวกเขารู้สึกฟูลฟีลในการบรรลุถึงพลังอำนาจอันเกิดจากการได้เป็นผู้กระทำแล้ว พวกเขาก็จะยิ่ง “รัก” ยิ่ง “หลง” ศิลปินมากขึ้น หรือพูดให้ถูกก็คือ พวกเขาอาจจะไม่ได้รักหลงศิลปินมากขึ้น แต่พวกเขาจะหลง “ความรู้สึกฟูลฟีลอันเต็มไปด้วยอำนาจ” นี้ จนพวกเขาไม่คิดจะถอนตัว และก็ปักหลักรักมั่นคง อยู่เป็นเสาหลักหนึ่งที่ทำให้เคป๊อปดำรงคงอยู่อย่างเชิดหน้าชูตาในกระแสโลกาภิวัฒน์ของโลกได้ต่อไป

ก็ในเมื่อสิ่งเหล่านี้ มันฟูลฟีลพวกเขาแล้ว แล้วจะให้พวกเขาย้ายหนีไปไหนอีกล่ะ?

ยกเว้นก็แต่ว่า จะมีโจทย์อื่นๆ มาตอบสนองและให้ “อำนาจในการกระทำ” แก่พวกเขาได้มากกว่านั่นแหละ

อ้อๆ อย่าลืมล่ะว่า การได้ “กระทำการเพื่อความรัก” ก็นับรวมอยู่กับ “อำนาจในการได้เป็นผู้กระทำ” ด้วยนะคะ อิอิ

ใช้สมองอันกลวงเปล่าแถจนจบแล้วค่ะ จึงอันยองปิดท้ายมาด้วยความคิดถึง ^^

คุณพี่ตระกูลปาร์ค












Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2553 18:31:33 น. 2 comments
Counter : 938 Pageviews.  
 
 
 
 
ยังจำกันได้มั๊ยเอ่ย

ไม่น่าเชื่อตอนช่วงเวลาหนึ่งเป็นแฟนคลับนักว่ายน้ำอย่างเหนียวแน่น(ตอนนี้ก็ยังรัก)

ตอนนี้กลับมาเจออีกครั้งก็แนวเดียวกันอีกแล้ว

คิดถึงจ้า
 
 

โดย: บี IP: 203.144.144.164 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:11:49 น.  

 
 
 
หวัดดีจ๊ะบี จำได้สิ เป็นไงบ้างล่ะ? ไม่เจอกันนานเลยทีเดียว ^^
เรายังรักพี่ณุกอยู่เสมอนะ ฮ่าฮ่าฮ่า
 
 

โดย: tiktok IP: 203.146.83.163 วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:15:22:32 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

tiktokthailand
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add tiktokthailand's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com