|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
เพลงรัก กับ งานแต่งงาน
:เรื่องนี้เกี่ยวพันกับเพลงรัก ... แต่ไม่รับประกันว่าจะเกี่ยวข้องกับ "คนรัก" แต่อย่างใด :)
แม้จะเป็นหญิงสาวที่ตอนนี้อยู่ในจุดที่ไม่ได้ใฝ่ฝันถึงการตัดเค้กในงานแต่งงาน (ทำไม คนไทยต้องตัดเค้กงานแต่งด้วย???) แต่ทว่า ... วันก่อนนู้น ฉันคนเดียวกันนี้ ก็ได้ทำเรื่องขัดแย้งสุดๆ ด้วยการส่ง sms ไปร่วมตอบคำถามเรื่องงานแต่งงานในฝันที่คลื่นวิทยุ ชื่อ เก็ท 102.5 เอฟเอ็ม ตั้งโจทย์ถามมาด้วย
ใน sms ที่ได้รับเกียรติจากดีเจ เก็ทดีว่า อ่านออกอากาศนั้น เขียนไปว่า
I want to get marry in the cinema. All guests will dress in characters from all kinds of movies. And the songs which play in the wedding, must be only from the Beatles !!!
หรือ
ฉันอยากแต่งงานในโรงภาพยนตร์ โดยที่แขกทุกคนแต่งตัวตามแบบตัวละครต่างๆ ในหนัง และเพลงที่เปิดในงานต้องเป็นเพลงของ เดอะ บีทเทิลส์ เท่านั้น!!! (แม้แต่เพลง ทงบังชินกิ ก็ไม่ได้ :)
เอาล่ะ.. ฉันไม่แน่ใจหรอกนะคะ ว่าฉันจะมีโอกาสได้แต่งงานเช่นสาวๆ คนอื่นหรือไม่ แต่คนเราก็มีฝันกันได้ไม่ใช่เหรอ? ... จริงๆ ฉันน่ะไม่ได้พิศวาส หรืออยากจนเนื้อเต้น ที่จะได้ใส่ชุดขาวและตัดเค้ก (ที่ก็เป็นเค้กจริงแค่ส่วนปลาย ไอ้ฐานน่ะ มันของปลอมทั้งเพ!!!) สักเท่าไหร่หรอก .. และถ้าตัดเรื่องการได้จัดงานในโรงภาพยนตร์ (ที่เป็นเสมือนโบสถ์อันศักดิ์สิทธิ์ในสายตาของฉัน) ออกไปแล้วล่ะก็ ... เหตุผลเดียว ที่พอจะทำให้ฉันอยากฝันถึงงานแต่งของตัวเองขึ้นมาบ้าง
นั่นก็เพราะ ฉันอยากจัดงานอะไรสักงานของตัวเอง ที่เปิดแต่เพลงของเดอะ บีทเทิลส์ ซ้ำไปซ้ำมาก็เท่านั้น
....เพราะนั่นคือวงที่ฉันตกหลุมรักตั้งแต่ได้ฟังเพลง In my life เป็นครั้งแรกในช่วงบ่ายอันอบอ้าวของวัย 16 ปี .... บ่ายที่ไม่รู้ว่าตัวเองหนีเรียนกลับมานั่งฟังวิทยุ หรือเพราะโรงเรียนปล่อยให้เลิกเร็วกันแน่
แต่นับตั้งแต่วันนั้น ... ฉันก็ฝันถึงการเปิดเพลง In my life เพื่อเป็นการสารภาพรักกับใครสักคนมาตลอด
ใครสักคน .. ที่อาจเดินปะปนมากับฝูงคนมากมายที่เราเอ่ยปากบอก รัก ... แต่คนคนนี้ กลับเป็นคนเดียวที่เรา รักมากที่สุด ในชีวิต
ท่ามกลางโลกใบที่มีประชากรไม่น้อยกว่าหมื่นล้านคน ... ฉันค้นพบว่า เพลงนี้สามารถสื่อสารสิ่งที่หัวใจฉันอยากจะเอ่ยบอกออกไป ...ได้ไพเราะและงดงาม รวมถึงอบอุ่นมากกว่าเพลงไหนๆ
และไม่รู้เป็นโชคชะตาหรือฟ้าลิขิตหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ เมื่อบ่ายแก่ๆ ของเมื่อวาน เพื่อนสาวคนสนิทคนหนึ่ง ที่เพิ่งตัดสินใจเดินกุมมือหนุ่มบังคลาเทศ เดินข้ามพรมแดนของเชื้อชาติและศาสนา มาสู่สถานะ ภรรยา-สามี ซึ่งจะจัดพิธีในปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ได้โทรมาสอบถามถึงไฟล์แบบ MP3 ของเพลง In my life
หากแต่ครั้งนี้เวอร์ชั่นที่เพื่อนรักสอบถาม ... มันกลับกลายเป็นอีกเวอร์ชั่นนึง ของ Judy Collins
ในตอนนึงของบทสนทนา ... ฉันทำเสียงตกใจถามไปว่า อย่าบอกนะว่าแกจะใช้เพลงนี้เปิดในงานแต่งงาน? และน้ำเสียงสูงๆ นั้นเอง คงทำให้เพื่อนเข้าใจผิดอะไรไปบางอย่าง จึงมีการส่งคำถามกลับมาว่า ทำไมเหรอ? หวงหรือเปล่า?
... เปล่า ... ไม่ใช่หวงเลย ... แต่ที่ฉันต้องทำเสียงสูงออกไปผ่านสายโทรศัพท์ขนาดนั้น นั่นก็เพราะฉันรู้สึกดีใจต่างหาก ... ที่เพื่อนรักของฉัน เลือกหนึ่งในเพลงที่ในชีวิตนี้ ฉันรักมันมากที่สุด ไปเปิดในวันที่สำคัญที่สุดของเธอ
โดยไม่มีอคติต่อเจ้าบ่าวและเจ้าสาวคู่อื่นๆ แต่อย่างใด ... ทว่าสารภาพตรงๆ ว่าเวลาไปร่วมงานแต่งงานไหน แล้วเจอเค้าร้องเพลง หยุด ของวงกรู๊ฟ ไรเดอร์ ให้แก่กันและกันทีไร .. มันมักจะทำให้ฉันปวดหัว คลื่นไส้ ต้องการเอามือปิดหูปิดตาเอาไว้ พร้อมอยากจะกรี๊ดให้ลั่น และขอให้เค้าเปิดเพลง Marry U ของ ซูเปอร์ จูเนียร์ ไปแทนเลยดีกว่ามั้ยฮึ?!?
ฉันเข้าใจว่า เรื่องบางเรื่องมันก็เป็นความแตกต่างของรสนิยม ... แต่พอไปงานแต่งงานบ่อยเข้า .... ได้ฟังเพลงหวานๆ ของพี่บุรินทร์ (ที่ไม่ได้ร้องด้วยเสียงหวานเช่นที่พี่บุรินทร์ร้อง) เกือบทุกครั้ง มันก็ชวนให้เบื่อหน่าย (เหมือนที่ใครแถวนี้บ่นว่าเบื่อ เคป๊อป นั่นแหละค่ะ ... หุหุ) ได้เหมือนกันนะ
ฉันเลยรู้สึกดีใจแบบสุดๆ ที่เพื่อนรักของฉัน .... เลือกแล้วที่จะไม่หยุดที่เพลง หยุด แต่ ในชีวิตของเธอ กลับเลือกอีกเพลงที่มีประโยคเรียบง่าย...ไม่ซับซ้อน แต่ก็สะท้อนความยากลำบากของกำแพงเชื้อชาติและม่านศาสนาที่ทั้งคู่ฝ่าด่านกันมาได้
เพลงที่เมื่อย้อนไป 12 ปีก่อน ในบ่ายอันอบอ้าววันหนึ่ง .... เด็กสาวคนหนึ่งบังเอิญได้ฟังมันผ่านวิทยุ และตกหลุมรักเพลงนี้ ในชีวิตของเธอ มานับแต่นั้น
เพลงที่ฉันไม่แน่ใจว่า หวาน เทียบเท่ากับเพลงรักเพลงอื่นไหม?
แต่ที่แน่ใจได้ ... ในชีวิตของคนเรา คงเคยรักและหวานใส่ใครไปจำนวนหลายคนอยู่บ้าง
แต่คงมีแค่คนเดียวเท่านั้น ที่เราจะรักได้....มากกว่า
จนเราอยากเปิดเพลงนี้ให้เขาฟัง
เขา .... คนที่แม้ในตอนนี้เราอาจจินตนาการถึง ภาพงานแต่ง ในอนาคตด้วยกันไม่ออก
แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ในเมื่อเพลงนี้ไม่ได้มีเนื้อว่า In my wedding, I love you more. เสียหน่อย...
แต่มันร้องว่า In my life, I love you more. ต่างหาก
..................... ไม่ใช่เหรอ? :)
ปล. แล้วคุณล่ะคะ .... ฝันอยากเปิดเพลงอะไรในงานแต่งของตัวเองบ้างคะ :)
Create Date : 09 มิถุนายน 2552 |
|
6 comments |
Last Update : 10 มิถุนายน 2552 10:06:34 น. |
Counter : 1127 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: โยเกิตมะนาว วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:18:47:13 น. |
|
โดย: Err IP: 202.29.60.210 วันที่: 10 มิถุนายน 2552 เวลา:8:46:12 น. |
|
โดย: grappa IP: 58.9.183.205 วันที่: 10 มิถุนายน 2552 เวลา:10:22:25 น. |
|
โดย: tiktok IP: 58.8.8.6 วันที่: 10 มิถุนายน 2552 เวลา:10:36:12 น. |
|
โดย: ส้ม IP: 203.159.3.50, 203.159.36.13 วันที่: 10 มิถุนายน 2552 เวลา:11:34:47 น. |
|
โดย: โยเกิตมะนาว วันที่: 10 มิถุนายน 2552 เวลา:17:29:34 น. |
|
| |
|
tiktokthailand |
|
|
|
|