.ครูหรือมาสเตอร์ต้องมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งคือ เมื่อเห็นได้เห็นมวยอะไรก็ตามเขาสามารถ "แกะท่า"
แล้วนำมาประยุกต์เป็นของตนได้ในทันที
อย่างนี้เรียกว่า "ถึง"
.
ที่เป็นเช่นนั้น เพราะระดับครูหรือมาสเตอร์
เขาฝึกหนักจนเข้าถึง "หลักการ"
"รูปแบบ" ของมวยจึงเป็นเพียงเรื่องผิวเผิน
เพราะรูปแบบเป็นเพียงเครื่องแยกแยะ
ความแตกต่างระหว่างวิชาเท่านั้น
แต่หลักการมันให้เกิดความแตกต่าง
ของระดับผู้เรียนกับครู
และระดับของครูด้วยกันเอง
.
ระดับครูหรือมาสเตอร์นั้น
เมื่อได้รับความรู้ใหม่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง
ขึ้นอย่างใดอย่างหนึ่งในสองประการ คือ "ภายนอกเปลี่ยนไป
ภายในไม่เปลี่ยนแปลง" กับ
"ภายนอกไม่เปลี่ยนแปลง
แต่ภายในเปลี่ยนไป"
.
ตัวอย่างเช่น อาจารย์ระดับมาสเตอร์ท่านหนึ่ง
มีรุ่นน้องส่งคลิปวีดีโอมวยซินอี้ลิ่วเหอให้ดู
ท่านเข้าใจว่าเป็นมวยไท่จี๋ ท่านดูเพียงครู่
ก็แกะท่าออกมา และสาธิตท่ากับลูกศิษย์
ปรากฎว่าครบหลักการของมวยซินอี้
มีเถาะ มีเปิง แล้วท่านเสริมการคว้าจับ
ที่ท่านชำนาญเข้าไปอีก
เพราะภายในของท่านคือวิชาคว้าจับ
ที่ท่านฝึกมานานปั
แม้ภายนอกจะไม่เหมือนมวยซินอี้
แต่ท่านก็เข้าถึงหลักการของมวยซินอี้
ชนิดที่ผู้ฝึกมวยนั้นๆ ถึงกับงง
พอใช้ก็กลายเป็นการคว้าจับที่ท่านชำนาญ
ผมก็คิดเล่นๆ เหมือนกันว่า
ถ้าท่านได้เห็นมวยซินอี้เต็มรูปแบบ
ท่านจะเข้าถึงหลักการของมันได้เพียงไหน
ดีไม่ดีมวยของท่านอาจดีกว่าครูมวยบางคน
ที่อ้างว่าฝึกมวยนั้นๆ มาหลายสิบปีด้วยซ้ำ
.
เหตุที่ท่านทำได้เพราะฝึกมวยถึง
และมีประสบการณ์ในเรื่องที่ตนชำนาญ
เมื่อได้พบวิชารูปแบบใหม่ๆ ก็สามารถ
แกะท่า และพัฒนาให้มันสูงขึ้นไปอีก
ตาม " ภายใน" ที่ท่านเป็น
.
"ระดับของครูจึงต่างกันตรงนี้"
.
ครูที่สอนให้ลูกศิษย์ยึดติดกับรูปแบบ
หรือยึดติดเพียงหลักการ
ย่อมไม่มีทางนำพาลูกศิษย์เข้าถึงหลักการ
ของมวยนั้นๆ ได้ เพราะครูนั้นเอง "ฝึกไม่ถึง"
.
ถ้าครูฝึกไม่ถึง แล้วมาสอนลูกศิษย์
ลูกศิษย์จะเก่งได้อย่างไร
.
- จบ -