|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
"มวยจีนโพ้นทะเล โดย เชา หมัดทศพืช 7 พ.ย. 2558 . คำว่า มวยจีนโพ้นทะเล หมายความว่า มวยจีนที่มีการถ่ายทอดหรือสืบทอด นอกจีนแผ่นดินใหญ่ . ระยะทางยิ่งห่าง มวยยิ่งต่าง . การแพร่หลายของมวยจีนโพ้นทะเล เกิดขึ้นจากการอพยพถิ่นฐานของชาวจีนพลัดถิ่น ซึ่งเกิดขึ้นราวศตวรรษที่ 18 ถึง 20 . มวยจีนที่แพร่หลายออกไปเป็นชนิดแรก คือ มวยจีนใต้ เพราะชาวจีนใต้ยากจนแร้นแค้น จึงอพยพย้ายถิ่นเพื่อไปใช้แรงงานยังประเทศต่างๆ เช่น อเมริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยุโรป . กลุ่มคนที่อพยพมา มีทั้งคนที่ไม่มีฝีมือ และพวกที่ฝึกกังฟูอยู่แล้ว และการแฝงตัว ของพวกกบฏต่อต้านราชวงศ์ชิง . ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 18 ถือเป็นระลอกแรก (อาจก่อนหน้านั้น) โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนที่มีฝีมือพอตัวจะไปเป็นทหาร มีฝีมือมากเป็นแม่ทัพนายกอง ทำหน้าที่สั่งสอนมวยให้กับพลทหาร จนพลทหารได้เรียนรู้มวยนั้น และปรับปรุงเข้ากันมวยพื้นเมืองจนแน่นสนิท และแยกไม่ออกว่าเป็นมวยจีนหรือไม่ใช่ . การถ่ายทอดลักษณะนี้ได้เส้นมวยมาไม่ครบ เส้นมวยจึงมีความกระท่อนแท่น แต่ถูกเติมเต็ม ด้วยท่าเดิน หรือท่าทางของมวยพื้นเมือง . ยุคต่อมาเป็นยุคของแรงงานในช่วงปฏิวัติเกษตรกรรม และอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ปลาย18 ถึง ต้น ศ. 19 มีความต้องการใช้แรงงานชาวจีน ทำงานชั้นต่ำ เช่น เป็นกุลี กรรมกรในเหมืองถ่านหิน คนจีนกลุ่มนี้มีทั้งคนที่ได้รับการศึกษา ครูมวย คนมีฝีมือ นักเลงหัวไม้ กบฏ . ชาวจีนกลุ่มนี้เมื่ออยู่ต่างถิ่น มักรวมตัวกันอยู่ในหัวเมืองใหญ่ หรือเมืองท่าต่างๆ จนเป็นสมาคม หรือพรรค เพื่อช่วยเหลือกันเอง มีการถ่ายทอดสายมวยแบบ ตัดขาดกับแผ่นดินใหญ่ กล่าวคือ เมื่อสืบสายไปได้ไม่เกินสามรุ่น คือ ปู่ พ่อ ลูก ปู่อาจบอกพ่อว่าอาจารย์เป็นใคร พ่อก็อาจศึกษาแบบไม่สนใจ จนได้สายมวยมาไม่หมด พอปู่ตายก็ถ่ายทอดให้ลูกแบบไม่ครบถ้วน ลูกก็นำมาเติมส่วนที่ขาดกลายเป็นมวยเฉพาะ เป็นมวยจีนที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ. หรือตั้งชื่อขึ้นใหม่โดยไม่มีความสัมพันธ์กับมวยเดิม แต่เนื้อในคือมวยจีน . กรณีแบบนี้เป็นไปได้ว่าปู่อาจได้เรียนโดยตรงกับอาจารย์ แต่ได้มาไม่ครบ หรือไม่ได้เรียนโดยตรง แต่เรียนผ่านลูกศิษย์ของอาจารย์ หรือผู้ช่วยของอาจารย์ แต่ได้เส้นมวยมาบางส่วน หรือมีการคัดลอกท่ามา แต่ไม่ได้หลักการของมวยนั้น ภายหลังเมื่อได้เรียนรู้ด้วยตนเอง จึงเอาหลักการ ของมวยอื่นเข้าไปใส่ แล้วก่อกำเนิดเป็นมวยใหม่ขึ้นมา กรณีนี้รวมไปถึงคนที่ไปเรียนกับอาจารย์จริงๆ แต่ไม่ใช่ศิษย์ในด้วย . การปรับปรุงมวยของตนเองไม่ใช่เรื่องแปลก ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและประสบการณ์ของผู้สอน เช่น ผู้สืบสายมวยฮุงก่า อย่างหลั่มไซเหว่ง ที่ปรับท่ามวยสกุลหง ภายหลังที่ได้ย้ายมาอยู่ฮ่องกงแล้ว . แบบที่สาม เกิดขึ้นในช่วง ศตวรรษที่ 20 ที่ลูกหลานจีนได้ลงหลักปักฐานในพื้นถิ่น และเริ่มมีการสอนมวยของตน ให้กับท้องถิ่นไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม อาทิ เป็นครูมวย มีการสอนเป็นล่่ำเป็นสัน มีการถ่ายทอดออกมาหลายรุ่น จนมีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง . แบบที่สี่ ยุคปัจจุบัน อันเป็นยุคการสือสารไร้พรมแดน การศึกษามวยจีนไม่ได้มีข้อจำกัด อยู่ตัวครูเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่ผู้ที่สนใจ สามารถศึกษาเองผ่านโซเชี่ยลมีเดีย หรือสื่อสารสนเทศอื่นๆ ทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงมวยจีนโพ้นทะเล จึงไม่เหมือนกับมวยสายเดียวกันที่แผ่นดินใหญ่ ก่อให้เกิดวิวาทะมากมาย สิ่งที่เคยอ้างอิงเป็นตำนาน กลับถูกเปิดเผย ออกมาในยุคนี้ . ผู้เขียนพบปัญหา ในการศึกษาข้อมูล ของ "ลีแกก่าท่องลอง" หรือมวยตั๊กแตนใต้ สกุลหลี่ ที่แพร่มายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะพบว่ามีความสับสนในประวัติที่มา ของมวยตั๊กแตนนี้ เพราะหาข้อมูลเกี่ยวกับ มวยตั๊กแตนสายนี้ไม่เจอ กลับเจอเพียงว่ามวยใต้สกุลนี้เป็นสกุลสำคัญ เมื่อสืบค้นไปยังประวัติของมวยตระกูลนี้ และมวยต๊ักแตนอีกห้าตระกูล กลับพบลักษณะร่วมกันของมวยนี้ อาทิ "ปัดสามตีแปด" เมื่อย้อนมาดูมวยสกุลหลี่ ในเส้นมวยสำคัญๆ กลับพบลักษณะเดียวกัน . จึงเป็นไปได้ว่า การสืบทอดมวยตั๊กแตนใต้ ที่มีมาไม่เกินสองร้อยปี มีจุดร่วมกันที่ปรมาจารย์ "หลิวสุ่ย" หรือ "หล่อเสย์" การถ่ายทอด ของแต่ละตระกูลอาจได้มาไม่ครบ แต่หลักการเหมือนกัน ยิ่งสายย่อยๆ เช่น ตระกูลลีแกก่า ก็คงมีลักษณะเดียวกัน . อย่างไรก็ดี ถ้ามองในอีกแง่ มวยจีนโพ้นทะเล ก็เป็นมวยที่มีเอกลักษณ์ที่เกิดขึ้น นอกจีนแผ่นดินใหญ่ การสืบทอดก็แยกออกเป็นเอกเทศ ได้ไม่เกินสามรุ่น ทำให้คณาจารย์รุ่นหลังๆ พยายามกลับไปศึกษามวยจีนยังแผ่นดินแม่ เพื่อเชื่อมรอยต่อของมวยจีนจากแผ่นดินใหญ่ และมวยจีนโพ้นทะเลในประเทศของตน . - จ
Create Date : 19 พฤศจิกายน 2558 |
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2558 14:13:29 น. |
|
0 comments
|
Counter : 580 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|