Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
7 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
เรื่องสั้นร่วมสมัย - "Let it be"

"Let it be"

When I find myself in times of trouble, mother Mary comes to me,
speaking words of wisdom, let it be.
And in my hour of darkness she is standing right in front of me,
speaking words of wisdom, let it be.

Let it be, let it be, let it be, let it be.
Whisper words of wisdom, let it be.

เพลงของ The Beatles เพลงนี้ช่างเป็นเพลงอมตะเข้าได้กับทุกยุคทุกสมัยจริงๆ.....

เธอดึงหูฟังไอพอดออก ชำเลืองไปทางทีวีที่เปิดทิ้งไว้ ข่าวการปะทะกันกลางกรุงยังคงเป็นข่าวฮ็อตที่เดาได้เช่นเคย

สีหน้าเธอยังคงเรียบเฉย ขณะฟังเสียงโฆษกบรรยายถึงจำนวนผู้บาดเจ็บล้มตาย...

เธอกดรีโมทหรี่เสียง อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านว่าไว้ ในชั่วเสี้ยวแห่งวินาที การเกิดดับแห่งจิตมีได้นับไม่ถ้วน อย่าว่าแต่เหตุการณ์เหล่านั้น

อย่างที่ว่า ก็ต้อง "Let it be" ปล่อยให้มันเป็นไป เกิดและดับตามกระแสโลก

เธอไม่ได้รู้สึกสลด เสียใจ หรือหดหู่อะไรนัก ทำไมก็ไม่รู้ หรือเธอกลายเป็นคนไร้อารมณ์ไปแล้ว?

เสียงปืน เสียงระเบิดได้ยินมาแว่วๆ นานๆ ครั้ง เธอลุกขึ้นแง้มม่านหน้าต่างที่บางพลิ้วนั้น ฟ้าคืนนี้ยังคงสวยด้วยดาวดารดาษไร้หมู่เมฆ ถึงอากาศจะร้อนไปบ้างก็เถอะ

ริมฝีปากเธอแย้มนิดๆ เธอกำลังพึงพอใจอะไรหรือ?.... มีแต่คนเขาเศร้าสลดหดหู่กับความไม่สมานฉันท์ของคนในชาติ

เปล่าหรอก ใช่ว่าเธอจะนิยมความซาดิสต์เป็นสรณะ หากแต่...ให้อะไรมันกระจ่างแจ้งไปเสีย ดีกว่ามาอึมครึม แอ๊บว่าฉันแสนดีไม่มีฝ่าย แต่ลับหลังให้ท้ายกันเฉิบๆ

เสียงรถเบรกพรืดที่หน้าบ้าน ในซอยผู้คนพากันปิดประตูหน้าต่างกันเงียบ แล้วนี่มันรถกระบะของใครกันนั่น

เสียงอ้อแอ้ ผสมเอะอะของชายสามคนพร้อมมือด้วยมีดไม้ และวัตถุลักษณะคล้ายอาวุธสงครามในมือ

สัญชาตญาณทำให้เธอเปิดลิ้นชักคว้าแท่งยาวๆ กลมๆ สีดำหมุนเกลียวเข้ากับปากกระบอกปืนพกออโตเมติกขนาดกะทัดรัด

อ้อ นั่นหนุ่มสาวในชุดนักศึกษาข้างบ้านที่เธอรู้จัก..กำลังลนลานไขกุญแจประตู แต่นักเลงโตบนรถกระบะคันนั้นท่าทางจะไม่ยอมให้ทั้งสองเข้าประตูไปง่ายๆ......

เสียงทุบหนักๆ ดังขึ้น ขณะที่พ่อหนุ่มคนนั้นลงไปกองกับพื้น หญิงสาวยังไม่ทันร้องก็โดนมือหนามาปิดปากลากขึ้นรถกระบะ

นึกถึงหนังฝรั่งบางเรื่อง ที่มันทำได้สมจริงยิ่งนัก ไม่นึกว่าเหตุการณ์ที่เห็นในหนังพวกนั้นกำลังบังเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา ไอ้พวกอันธพาลเหล่านั้นมันคงสนุกสนานกับการได้แสดงอำนาจเถื่อน ได้เงินค่าจ้างแล้วยังได้ข่มขู่ชาวบ้าน........

เธอหัวเราะหึๆ ในลำคอขณะแง้มประตูรั้วออกไปพร้อมเสียงกระแอม

ไม่น่าเชื่อว่าได้ผล สามชายอาวุธครบมือต่างเบนความสนใจมาที่เธอราวกับนัดกันไว้

จังหวะนั้นเอง นักศึกษาสาวสะบัดหลุดได้ระล่ำระลักวิ่งมาที่เธอ ร้องไม่เป็นภาษา....

หลังจากนั้น ทุกอย่างในคลองจักษุอันเฉียบคมราวกับเหยี่ยวราตรีนั้น เสมือนหนึ่งภาพสโลว์โมชั่นของหนังแอ็คชั่นฝีมือกำกับโดยจอห์น วู

มือผลักสาวน้อยคนนั้นถลาเข้าไปในบ้าน ปลายเท้าสะกิดประตูปิดตามไป

นัยน์ตาหวานคู่นั้นกลับกลายเป็นดุดันชำเลืองไปที่ชายร่างเตี้ยล่ำกำลังเข้ามาถึงตัวพร้อมไม้หน้าสาม

ประกายวาววับหลุดจากมือของเธอ กระทบแสงจันทร์วาบ กระจ่างอยู่ชั่ววิบตา พลันหายเข้าไปในซอกคอของนายเตี้ยหน้ายับคนนั้น

เหลือเพียงด้ามมีดสีดำที่โผล่ออกมา นัยน์ตาอันเหลือกลานบ่งบอกอารมณ์อันสับสนได้อย่างดี คงนึกไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น มีแต่เสียงคร่อกๆ ดังออกมาจากลำคอ พร้อมลิ่มเลือดจำนวนหนึ่งพองาม

ไม้หน้าสามพลันหลุดจากมือที่เงื้อค้างนั้น ไอ้สองคนที่เหลือ ผอมสูงเป็นเปรตอีกคน กับอ้วนดำผมหยิก ดูท่าทางตะลึงตะไลกับอาการของเพื่อนอยู่ตามสมควร

นับเป็นจังหวะอันงามของเธอ...

กระโจนทีเดียวเหยียบท้ายรถกระบะวีโก้ถึงตัวไอ้นายผอมคนนั้น สิ่งที่มันถือดูคล้ายๆ เอ็ม 16 สมควรที่จะต้องจัดการมันก่อนจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

แข้งซ้ายเตะต้นแขนขวาอย่างแม่นยำจนปลายกระบอกปืนสะบัดขึ้นฟ้า พร้อมประกายไฟแลบเป็นชุดจากลำกล้อง นี่มันกะจะกระหน่ำให้เป็นหมูบะช่อเลยหรือไง...

ทุกอาการบังเกิดขึ้นต่อเนื่องราวสัญชาตญาณ มืออีกข้างที่กระชับ วอลเธอร์ พีพีเค รุ่นเดียวกับเจมส์ บอนด์ ตะหวัดผัวะเข้าที่ขมับขวาของไอ้เปรตนั่นอย่างแม่นยำ ร่างสูงปลิวละลิ่วลงมาจากกระบะท้าย ลากเอาเจ้าอ้วนดำที่ยืนตะลึงลงไปกลิ้งบนถนนซอยแคบนั้น

ท่าทางอาการไอ้ผอมไม่ค่อยดี หน้าไถไปกับพื้นซีเมนต์จนนึกสภาพหน้าเดิมไม่ค่อยออก

แต่ไอ้อ้วนเวรนั่นสิ มันตะกายขึ้นมาเร็วเกินน้ำหนัก มีดสปาร์ต้าขาววับเงื้อมาแต่ไกล

ร่างในชุดนอนพลิ้วสีดำแต่รัดกุมนั้น ลอยละลิ่วลงมาจากกระบะท้าย สวนคมมีดไปชั่วองคุลี ศอกที่ตั้งการ์ดไว้สัมผัสเข้ากับดั้งจมูกหนุ่มอ้วนดำดังคล้ายๆ กระดูกย้ายที่...

อาการที่วิ่งสวนเข้ามาคงทำให้แรงปะทะคูณเข้าไปได้อีกสามสี่เท่า ตาอ้วนดำลอยขึ้นมาทั้งตัวแขนขากาง เหมือนลอยอยู่กลางอากาศชั่วครู่ ก่อนที่หลังจะฟาดพื้นถนนดังสนั่น...

เธอดีดตัวขึ้นมาอย่างว่องไว มือทั้งสองกระชับวอลเธอร์เล็งขวับไปที่ร่างทะมึนที่กุมหน้ากระตุกเป็นระยะบนพื้นซีเมนต์

เพิ่งสังเกตว่า ไอ้ผอมมันหายไปไหน อ้อ โน่น ยังไม่เข็ด กำลังตะกายไปที่เอ็ม 16 มันลนลานยกขึ้นหนีบเข้าสีข้าง

ในความมืดขนาดนั้น ต้องใช้สัญชาตญาณในการเล็งอย่างเดียว นิ้วกระดิกไปติดๆ กันสองนัด เสียงดังพอได้ยิน ไซเลนเซอร์มันดีตรงนี้แหละ

ทั้งปืนทั้งคนมีอันกระเด็นไปคนละทางอีกครั้ง

คราวนี้เงียบได้ใจจริงๆ ซะที...

ไอ้อ้วนนอนดิ้นกุมจมูกตัวเองอยู่พักใหญ่ กว่าจะตะกายขึ้นมาก็รู้สึกร้อนๆ ที่กลางหน้าผาก ปากกระบอกวอลเธอร์ที่สวมอุปกรณ์เก็บเสียงยังระอุด้วยกระสุนที่เพิ่งผ่านลำกล้องไป จิ้มยันเข้ามาจนหน้าหงาย

ลิ่มเลือดที่ทะลักผ่านฝ่ามือที่กุมจมูกอยู่บ่งบอกสภาพดั้งที่มีน้อยอยู่แล้ว อาจจะน้อยลงไปอีก... นัยน์ตาของมันเหลือกลานเบิกกว้างจนเห็นตาขาวมากกว่าตาดำ เออ..อาการนี้เคยเห็นที่ไหนนะ จำได้แล้ว..อาการถลึงตาไฮด์ปาร์คบนเวทีของบรรดาแกนนำนั่นเอง น่ากลัวลูกกะตามันจะถลนกระเด็นใส่แม่ยกซะจริง

“พี่ขา..พอแล้วค่ะ..อย่าทำมันเลยค่ะ...”
เสียงระล่ำระลักพร้อมมือเล็กๆ คู่นั้นเข้ามายื้อแขนเธอไว้

หน้าเธอมิได้หันตาม มีแต่หางตาชำเลือง สาวน้อยเหยื่อคนนั้นกำลังขอชีวิตไอ้พวกทุรชนเนี่ยนะ

“หนูลืมไปแล้วเหรอว่าตะกี้มันทำอะไรไว้...โน่น ไปดูเพื่อนหนูที่กองอยู่นั่นก่อนเหอะ”

สาวน้อยประหนึ่งเพิ่งรู้ตัว รีบถลาเข้าไปประคองชายหนุ่ม เสื้อเชิ้ตขาวแบบนักศึกษาแดงฉานไปแถบหนึ่งด้วยเลือดที่ซึมออกมาจากศีรษะ

จังหวะนั้นเอง..มืออวบๆ ที่ควานไปเจอมีดสปาร์ต้า ฟันฉับเข้ามาที่เธอซึ่งยืนคร่อมอยู่ ประกายใบมีดวาบขึ้นสะท้อนแสงจันทร์

กระนั้นยังไม่ไวเท่าอาการโต้ตอบโดยอัตโนมัติ...ร่างของเธอถูกทิ้งลงมาคร่อมบนร่างตันๆ ของไอ้อ้วนจอมซ่า ใบมีดวาววับเหวี่ยงพลาดเป้าไปชั่วเส้นยาแดง ขณะเดียวกัน ไซเลนเซอร์สีดำที่ครอบปากกระบอกวอลเธอร์ทิ่มเข้าไปอย่างแม่นยำในปากหนาๆ ที่กำลังคำรามอย่างมุ่งร้ายนั้น พร้อมเสียงดัง “พล็อก” สั้นๆ...

ด้านหลังท้ายทอยเจ้าอ้วน ประมาณมีเศษกระดูกบางส่วนตามด้วยเนื้อเยื่อและกระเซ็นเลือด กระจายออกมาสาดไปบนพื้นถนน........

...................................................................................................................

ไฟในห้องตัดต่อเปิดสว่างขึ้น...ความเงียบยังปกคลุมชั่วขณะ ก่อนที่จะมีเสียงใครคนหนึ่งถอนใจเฮือก...

“หนังเราจะติดเรทอาร์มั้ยเนี่ย...ผมห่วงจริงๆ..”

โปรดิวเซอร์หนุ่มกระซิบกับผู้กำกับหัวกระเซิง หนุ่มหน้าเซอร์ขมวดคิ้ว
“ไม่ใช่หนังโป๊ซักหน่อย.. คุณก็บ้าจี้ไปด้าย..”
“ม่ายช่าย..คุณก็เห็นอยู่แล้วว่ามันรุนแรง เผลอๆ เดี๋ยวจะโดนแบนเหมือนหนังฝรั่งบางเรื่อง”

ผู้กำกับยักไหล่
“เซ็นเซ่อร์เมืองไทยเขาจ้องแต่เรื่องแก้ผ้าเท่านั้นแหละคุณ...อย่าวิตกจริตไปหน่อยเลย”

โปรดิวเซอร์หันมาทางเจ้าของเงิน..เป็นเชิงขอความเห็น อาเสี่ยเจ้าของสายหนังอิทธิพลไม่ยักพูดอะไร พยักหน้าหงึกๆ อย่างพอใจ

“ท่าทางอีเล่นบทบู๊ได้จริงจังมากเลยนะ ดุเดือดสมจริงเหมือนดูหนังฝรั่งยังไงยังงั้น...เห็นอรชรอ้อนแอ้นอย่างนี้ก็เหอะ”

หนุ่มโปรดิวเซอร์ ยื่นหน้ามากระซิบ ขณะที่ตาชำเลืองไปที่ “เธอ” คนนั้นซึ่งนั่งเยื้องไปทางด้านหลัง

“ไม่จริงจังได้ไงครับเสี่ย..สตั๊นท์ของเราเข้าโรงพยาบาลไปแล้วสามคน”

เสี่ยเลิกคิ้วอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง แต่ก็หันไปทำท่าปรบมือให้ “เธอ”

หญิงสาวในชุดลำลองสั้นสีเข้มดูเท่เหมือนบุคลิก ปรายตาอันคมกริบพร้อมพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณน้อยๆ

..........................................................................................................

บนรถลีมูซีนคันเขื่องนั้น หญิงสาวก้าวเข้ามาภายในรถอันกว้างขวางอย่างไม่เชื่อสายตาว่าเมืองไทยจะมีรถประเภทนี้ โชเฟอร์จัดการปิดประตูตามหลัง

เสี่ยยิ้มกริ่ม ตาหยี มือตบที่เบาะหนังอย่างดีข้างๆ ตัว

“มาหนู...มานั่งใกล้ๆ เฮีย เราจะได้ปรึกษาใกล้ชิดกันหน่อยเรื่องหนังร่วมทุนกับฝรั่งเศสเรื่องหน้า...”

หญิงสาวยกมือทาบอก
“โอว..จริงเหรอคะ แก้วจะได้โกอินเตอร์จริงๆ เหรอเนี่ย.."

“หนูน่ะบู๊เก่งออกขนาดนี้ แถมยังสวยกว่า จา..เอ๊ย จีจ้าตั้งหลายเท่า ฝรั่งมันรีบตะครุบน่ะไม่ว่า..”

หญิงสาวขมวดคิ้ว เสี่ยรีบระล่ำระลัก

“ไม่ช่าย ..เฮียหมายถึงว่า ฝรั่งน่ะ มันอยากได้ดาราหญิงเอเชียที่ทั้งบู๊เก่งทั้งสวยเฉียบอย่างหนูมานานแล้ว จางซี่ยี่น่ะเหรอ ชิดซ้ายตกสะพานแขวนไปเลย เทียบกับหนูไม่ติดร้อก..”

หญิงสาวค่อยยิ้มออก พนมมือกราบที่ไหล่ เสี่ยถือโอกาสเอื้อมมือมาโอบไหล่เชิงเอ็นดู

“ต้องขอบพระคุณเฮียจริงๆ ค่ะ ไม่งั้นแก้วคงไม่มีโอกาสขนาดนี้...แต่ เอ้อ..เนื้อหาของหนังมันไม่หนักไปเหรอคะ แก้วละกลัวจริงๆ ว่าเรื่องราวที่ไปอิงกับเหตุการณ์พฤษภาเลือดที่ผ่านมา เดี๋ยวจะกลายเป็นประเด็นให้โดนโจมตีเรื่องไม่ปรองดองสมานฉันท์อะไรนั่นอีก”

เสี่ยตบบ่าหญิงสาวเบาๆ

“หนูอย่าห่วงไปเลย ไอ้พวกนั้นมันบ้าจี้ปรองดองเอาหน้าไปงั้นแหละ เราได้งบมาจากเมืองนอกตั้งเยอะ ยังไงเราก็ต้องทำตามที่ตกลงกับเขาไว้อยู่ดีแหละ รับเงินเขามาแล้ว..ขืนไม่ทำตามสัญญา เดี๋ยวมันส่งชุดดำมาตามล่าอีกจะยุ่ง..”

ว่าแล้วเสี่ยก็ชะงัก เอ..ตรูพูดมากไปหรือป่าวฟระ

หญิงสาวทำหน้าฉงน
“ขนาดนั้นเชียวหรือคะ....”

เสี่ยกระแอม เสไปเปิดตู้บาร์เหล้าด้านหน้า ลีมูซีนมีระดับมันดีอย่างนี้เอง...
“หนูลองชิมวอดก้าหน่อยมั้ยจ๊ะ?”

หญิงสาวมองดูเสี่ยกำลังเอื้อมไปหยิบขวด Absolute Vodka เธอรีบแย่งขวดมาจากมือเสี่ย
“ให้แก้วผสมให้ดีกว่ามั้ยคะ เอาวอดก้าคอลลินส์ หรือ สกรูไดรเว่อร์ ดีคะ?”

เสี่ยเลิกคิ้วอย่างพิศวง
“หนูผสมค็อกเทลเป็นด้วยเหรอ”

หญิงสาวยิ้มมุมปาก
“แก้วเคยแข่งบาร์เทนเดอร์ระดับชาติมาแล้วนะคะ เฮีย”

เสี่ยยิ้มอย่างทึ่ง มือเอื้อมไปวางแปะบนหน้าตัก
“อะไรก็ได้ที่หนูทำ เฮียชอบทั้งนั้นแหละ”

หญิงสาวหัวเราะเบาๆ เสขยับตัวไปหยิบแก้วสองใบ มือเสี่ยเลยหลุดไปจากหน้าตักที่แทบปิดไม่มิดด้วยกระโปรงสั้น เสี่ยชำเลืองอย่างเสียดาย....

เพียงครู่เดียว แก้วน้ำส้มผสมวอดก้าก็ยื่นมาให้เสี่ยชิม เสี่ยทำหน้าปลื้มไม่เลิก
“กำลังดีทีเดียวหนูจ๋า..”

อีกมือก็รั้งให้หญิงสาวขยับเข้ามาใกล้
“คืนนี้ว่างป่าวจ๊ะ ไปดินเนอร์กับเฮียที่นอร์มังดีกริลมั้ย”

หญิงสาวทำท่าเขินเล็กน้อย
“แล้วแต่เฮียเถอะค่ะ ..โอ..โชเฟอร์ เลี้ยวซอยหน้าเลยค่ะ..นั่นแหละค่ะ จอดหน้าบ้านสีเหลืองนั่นเลยค่ะ”

เธอชะโงกกดอินเตอร์คอมบอกทางโชเฟอร์ซึ่งก็ว่องไวสมกับเป็นมืออาชีพ เลี้ยวขวับจนเสี่ยไถลไปกระแทกประตูข้าง

“เฮ้ย..ไอ้ชัช ขับรถให้มันดีๆ หน่อยซีโว้ย..”
เสียงเสี่ยโวยวาย

ลีมูซีนสีดำคันยาวเบรกนิ่งสนิทหน้าบ้านหลังกะทัดรัดนั้น หญิงสาวก้าวลงมาจากรถแต่ก็ต้องชะงักด้วยมืออูมๆ ของเสี่ยคว้าแขนไว้

“ทุ่มนึงเฮียจะมารับนะหนูนะ” ทำเสียงอ้อน....

หญิงสาวหัวเราะเสียงใส โบกมือให้..รอยยิ้มจางไปขณะที่ลีมูซีนเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ

เธอรีบวิ่งขึ้นบันไดชั้นสอง เดินตรงไปที่หน้าต่างแหวกม่านออก มือเปิดลิ้นชักดึงกล้องส่องทางไกลขนาดจิ๋วส่องไปที่ถนนซอยด้านหน้า

รถลีมูซีนแล่นไม่ทันผ่านแยกข้างหน้า ก็ส่ายไปมาหัวเกือบทิ่มกับเสาไฟฟ้า เบรกกึกอยู่ตรงนั้น ตาโชเฟอร์ร่างใหญ่พรวดออกมาจากรถหน้าตาเลิกลั่ก ตรงเข้าเปิดประตูหลังดึงตัวเจ้านายออกมา ร่างอ้วนที่กำลังชักกระตุกอยู่นั้นบ่งบอกอาการน่าวิตก ..น้ำลายฟูมปากออกขนาดนั้น...คงทันไปโรงพยาบาลหรอกนะ

หญิงสาวหัวเราะในลำคอ ..คว้าแบล็กเบอรี่ขึ้นมากดข้อความ

“Let it be”

....................................................................................................



Create Date : 07 กรกฎาคม 2553
Last Update : 9 กรกฎาคม 2553 22:39:18 น. 11 comments
Counter : 753 Pageviews.

 


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:54:35 น.  

 
หวัดดีครับน้องหมี...

หัวเช้าวันนี้...เชียร์จนด้อยช์แพ้แร่ว
หลับไปอึกนึง ถึงได้ตื่นมาทำงาน
อ่านเรื่องสั้นน้องหมีหลังอาหารเช้า.....อร่อยครับ

เหมือนดูหนังอย่างในเรื่องน่ะแหระ
ม่ายรุว่าน้องหมีใส่เค้าเรื่องจริงซักกี่ปอเซง
เป็งอิเมจิ้นซักกี่ปอเซง....555+
ศิลปะย่อมสะท้อนและบันทึกสังคมไว้อย่างนี้แหระ

แต่นางเอกของน้องหมีเนี่ย...ผมชักแหยงๆ โลหิตยะเยือกได้ที่
เจี๋ยววุ้ย



โดย: Dingtech วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:28:32 น.  

 
สวัสดีครับพี่หมี

เป็นเรื่องสั้นที่หักมุม เสียดเย้ยสังคมได้ดีจังครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:5:47:04 น.  

 
แหะแอ๊.. แหะแอ๊..

"ให้อะไรมันกระจ่างแจ้งไปเสีย ดีกว่ามาอึมครึม แอ๊บว่าฉันแสนดีไม่มีฝ่าย แต่ลับหลังให้ท้ายกันเฉิบๆ"

กร๊ากกก.. คุ้นๆแฮะ

เอ.. พี่หมีเลือกตัวเอกเป็นหญิงมากี่เรื่องแล้วน้อ? จะเอามาลดความโหดให้ดูเบาบางหน่อยหรือเปล่าคะ? แต่บทบรรยายเรื่องการบาดเจ็บนี่ .. ชัดเจนจริงๆ น่ากั๋ว น่ากัว..


ปล. ผู้หญิงญี่ปุ่นอยู่บ้านก็ซดได้ค่ะ เพียงแต่ด้วยภาระหน้าที่แล้ว คงไม่สะดวกที่จะซดไงพี่ พอมีโอกาสปลดภาระได้ชั่วคราวก็ขอซะหน่อย..

ปล. 1 ค่าอาหารมื้อนั้นรวมเครื่องดื่มด้วย ก็ตกประมาณพันกว่าบาทไทย ด้วยปริมาณอย่างนั้นกับวัตถุดิบอย่างนั้น ป้าโซว่าไทยคุ้มกว่านะคะ เพราะราคาอย่างนั้นบ้านเราน่าจะได้ซีฟู้ดหลายๆอย่างเลยแหละ

ปล. 2 รูปก็ขึ้นทุกรูปหนิพี่


โดย: ป้าโซ วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:30:02 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่หมี








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:09:46 น.  

 
เรื่องสั้นของพี่หมีถ้าใครได้อ่านจะต้องอ่านจนจบครับ ไม่งั้นจะรู้สึกขาดๆยังไงไม่รู้ หักมุมได้เยี่ยมเลยครับ


โดย: JohnV วันที่: 10 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:19:53 น.  

 
อ่านสนุกดีคะ สมัครอ่านด้วยคน

สวัสดียาม..สว่างยังไมมาเยือน


โดย: ภควัตคีตา IP: 125.26.81.104 วันที่: 11 กรกฎาคม 2553 เวลา:4:43:55 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่หมี









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:28:31 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่หมี









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:52:51 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่หมี








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:39:39 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณหมี เท่าที่ถามลูกชายเค้าได้ยินเรื่องผีๆ มาจากโรงเรียนค่ะ จากพูดคุยกับเพื่อนๆ โดนเพื่อนหลอกว่ามีผีออกมาจากต้นเสาบ้าง สารพัดเรื่องค่ะ เฮ้อ..

อ่านเรื่องสั้นของคุณหมีข้างบนแล้ว ที่เขียนว่า ลิ่มเลือดที่ทะลักผ่านฝ่ามือ พอใช้คำว่าลิ่ม เลยได้อารมณ์ความเจ็บผ่านออกมากับเลือดด้วยค่ะ


โดย: แม่หมู (แม่หมูมหัศจรรย์ ) วันที่: 13 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:32:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bkkbear
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




งานเขียนบทความ บทหนัง เรื่องสั้น และนวนิยายในบล็อกนี้สงวนลิขสิทธิ์โดย Bkkbear (หมีบางกอก) ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามมิให้ดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

Friends' blogs
[Add Bkkbear's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.