|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เรื่องสั้น - "เดือนแห่งความน่าเบื่อ" โดย หมีบางกอก
พฤษภา..กันยา..ตุลา
แปลกใจว่าเดือนสำคัญในประเทศไทย..มันวนเวียนมีให้พูดถึงกันแค่นี้หรือ?
เนื้อหาบทความและกระทู้ในเว็บที่กำลังผ่านตาไปเรื่อยๆ วนเวียนไปมากับเดือนซ้ำๆ เหล่านี้ คนยุคนี้หลายคนกำลังย้อนรอยกลับไปสู่พฤษภาทมิฬ กันยาอาถรรพ์ ..แล้ววกมาที่ตุลาวิปโยค โดยหันมาประณามว่าจิตสำนึกคนยุคนี้หายไปไหน...ราวกับเหตุการณ์ในสมัยนั้นคือที่มาของความขัดแย้งในยุคปัจจุบัน
เขาขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างพยายามทำความเข้าใจ...
บางทีเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนเดือนตุลาหลายคนที่กลายมาเป็นนักธุรกิจ เศรษฐียาชูกำลัง นักร้องนักดนตรี ดร.นักวิชาการ ไปจนถึงนักการเมืองและเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพล ถึงได้เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของตัวเองไปได้ขนาดนั้น
เพื่อนร่วมสังคมอินเตอร์เน็ตบางคน อายุอาจจะเรียกได้ว่าคราวลูก..ลุกขึ้นทำตัวเป็น Activist กันเป็นเรื่องเป็นราว อาศัยข้อมูลทั้งบนดินและใต้ดินมาเป็นข้อโต้แย้งกันในวุ่นวาย ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งต่างสีต่างฝ่าย ..อ่านไปอ่านมาก็เรื่องซ้ำๆ เรื่องที่เคยเถียงกันไปถกกันมา..จนเลิกเถียงไปแล้วตั้งแต่สมัยหลายปีกระโน้น คนที่ไม่เคยเจอเหตุการณ์ยุคนั้นกับตัวเอง จะเข้าใจบริบทความเป็นไปของมันแค่ไหนกันนะ...หรือเอาแต่อ่านเรื่องราวของคนที่ตัวเองศรัทธาแล้วก็เชื่อตามนั้น?
เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย นึกไปถึงเพื่อนสหายเดือนตุลาที่เพิ่งเจอกันที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ไม่ได้เจอกันมาเป็นชาติ ก็ยังดีที่จำกันได้ดี เดี๋ยวนี้เป็นใหญ่เป็นโตในธนาคารของรัฐ สมัยเรียนมหาวิทยาลัยก่อนเข้าป่ายังจำได้ว่าเขาแรงไม่น้อย แต่เดี๋ยวนี้เป็นผู้ใหญ่มีครอบครัวกันไปตามกาลเวลา ดูสุขุมคัมภีรภาพขึ้นเป็นคนละคน บริบทของสังคม แต่ละยุค แต่ละสมัย ก็เปลี่ยนไปตามเวลาและสถานการณ์
เขาหันไปคลิกรีโมททีวีเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ อย่างเบื่อหน่าย ..จากผู้ที่เคยสนใจข่าวการเมืองเป็นชีวิตจิตใจ ตอนนี้กลับกลายเป็นแฟนละครหลังข่าวไปได้ยังไงก็ไม่ทราบ
แต่ครั้นดูไปสักพักก็จำเรื่องราวแต่ละเรื่องสับสนปนเปกันไปหมด ..ก็มันมีอะไรต่างกันมั่ง เปิดมาช่องนี้ก็กรี๊ด..เปลี่ยนไปช่องนั้นก็ตบกัน..กลับมาอีกช่องก็..อ้าว..นั่นเขาเรียกว่าจูบกันเหรอนั่น ตะแคงหน้ากันคอบิดหลบมุมกล้องได้เคอะเขินดีแท้ ราวกับมิตร ชัยบัญชากำลังจุมพิตเพชรา เชาวราษฎร์ในหนังของดอกดินยุคโน้น เขานึกขำในใจ อะไรๆ มันก็ย้อนยุคได้ทั้งนั้น แม้กระทั่งสติปัญญาของคน
เอ้า โฆษณาอีกแล้ว ..ละครช่องไหนดังมีอันต้องดูโคตรสะนากันตาตั้ง..ยิ่งกว่าเนื้อหาละคร...เชื่อว่าชาวบ้านร้านตลาดคงก่นด่ากันทั้งบ้านทั้งเมืองพอๆ กะเขาแหละ เออ แล้วสินค้ามันจะขายดีมั้ยเนี่ย ถ้ามีแต่คนสาปแช่งทุกวัน.. แล้วเมืองไทยเรามีหนังโฆษณาให้ดูอยู่สองแบบคือ ไม่ตลกติงต๊อง ก็ฮาร์ดเซลซะไม่มี
เอาน่า..ก็ยังดีที่มีหนังเด็กพิการมาร้องเพลง เคส เซรา น่ารักๆ ให้ฟัง ถึงแม้จะพยายามสร้างภาพบิลท์อารมณ์กันสุดๆ แต่ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมแม่ๆ ทั้งหลายต้องทำหน้าทุกข์ระทมตอนจบขนาดนั้น
ในที่สุดก็วนกลับมาที่ช่องข่าว ทั่นนายกของเราช่างเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่ทำงานหนักจริงๆ ไหนจะเป็นนายแบบโฆษณา ไหนจะต้องคอยบรรยายสารพัดสถาบัน ไหนต้องแถลงข่าว ไหนจะ..บลาๆๆ โชคดียังไม่ต้องไปออกเกมส์โชว์นะ ออกจะเป็นห่วงสุขภาพอยู่ เดี๋ยวจะไม่มีแรงไปประชุม ครม.
อ้อ..ยิ้มน้อยลงก็ได้นะทั่น จะเป็นซูเปอร์สตาร์ไปถึงไหน ยังไงทำหน้านิ่งๆ ซะยังดูน่าเชื่อถือกว่า โดยเฉพาะเวลาออกแขกบ้านแขกเมือง กดมาช่องนี้..อ้าว ชุมนุมอีกแล้ว ขอไม่ดูแล้วกันนะ อ้าปากก็เดาได้แล้วว่าจะพูดเรื่องอะไร..
เขาชำเลืองตาไปที่กองหนังสือพิมพ์บนโซฟา ตกลงจะอ่านอะไรดี ฉบับที่เคลมว่าขายดีที่สุดก็สับสน..หน้านึงก็แดงเถือก อีกหน้ากลับหันมาด่า ขณะที่ค่ายใหญ่อีกฉบับซึ่งเคยมีเนื้อหาสาระกลับกลายพันธุ์ตั้งแต่ถูกซื้อหุ้น เนื้อหาที่พึ่งพาได้ในความตรงไปตรงมากลับกลายมาเป็นสื่อโปรปะกันดาตัวบุคคลแถวตะวันออกกลางไปซะฉิบ สงสัยต้องเขียนตำราจรรยาสื่อสารมวลชนกันขึ้นมาใหม่กระมัง
หันกลับไปคว้าเน็ตบุ๊คข้างตัวกลับมาคลิกดู.. มีเรื่องราวของนายทหารเก่าที่วกกลับมาเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ขณะโชว์พาวออกไปจับมือกับประเทศ(ที่เคยเป็น)เพื่อนบ้าน เขาก็ต้องถอนใจอีกครั้ง นึกไปถึงสมัยที่เขาเคยไปพักผ่อนที่รีสอร์ทของเพื่อนแถวเมืองชายหาดอันโด่งดัง เคยเห็นนายทหารผู้นี้ออกมาจับไม้จับมือแสดงความสนิทสนมกับบรรดาสหายเก่าที่กลับมา Reunion ร้องเพลงสร้างชาติกันเป็นที่บันเทิง ได้ยินแว่วๆ ว่าประมาณนัดมาเข้าเฝ้าอะไรสักอย่าง สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ใหญ่ซึ่งร่วมโต๊ะกับเขาอยู่ตอนนั้นเป็นอันมาก เพราะว่าท่านไม่เคยทราบกำหนดการนี้มาก่อนทั้งๆ เป็นหน้าที่โดยตรง
เออ..แสดงว่าท่านผู้นี้คงเก่งเรื่องกลยุทธ์การสร้างภาพมาแต่ไหนแต่ไร....หวังว่าคงไม่ถูกตราหน้าเป็นพระยาละแวกท้ายที่สุดหรอกนะ
แล้วก็ต้องมาสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงดัง”ปัง” เหมือนเสียงปืนหรือไรกันนั่น... เขาผวาลุกขึ้นตรงไปที่ริมหน้าต่างแหวกม่านออก ที่หน้าเซเว่นอีเลเว่นฝั่งตรงข้ามวัยรุ่นแก๊งค์เด็กแว้นกำลังชุลมุนตะลุมบอนกันไม่รู้ใครเป็นใคร ตามด้วยเสียงกรี๊ดๆ ของสก๊อยสาวที่กำลังถูกฉุดกระชากลากถู เขาอ้าปากค้าง..
หรือเพราะว่านี่มันเดือนพฤษภา..ใครว่าเด็กรุ่นนี้ไม่รู้จักพฤษภาทมิฬ... อ้าว..นั่นหนุ่มผูกไทที่กำลังยืนตะลึงหน้าเครื่องเอทีเอ็มพลอยโดนหางเลขลงไปกองกับพื้น...
เขาหันไปคว้ากล้องถ่ายรูปดิจิทัล DSLR บนโต๊ะทำงานก้าวออกไปที่ระเบียงห้องยกขึ้นส่องซูมเข้าไปอย่างรวดเร็ว นิ้วกดชัตเตอร์ด้วยสัญชาตญาณ แต่แล้วก็ต้องหลุดปากอุทาน เมื่อในเฟรมเห็นหญิงสาวในชุดทำงานที่ยืนตกใจเคว้งอยู่หน้าประตูร้านเซเว่นถูกฟาดด้วยอะไรสักอย่างลงไปกองกับพื้น วัยรุ่นชายผิวคล้ำอีกคนจิกผมขึ้นมา...
มีเสียง..เพี้ยะ..ดังขึ้นจากระเบียงห้องข้างๆ ภาพจากวิวไฟน์เดอร์ในกล้องเห็นไอ้หนุ่มเด็กแว้นคนนั้นปล่อยมือถลาไปปะทะกระจกหน้าร้านรูดลงไปกองกับพื้น เขาหันขวับไปที่ระเบียงสบกับสายตาของหญิงสาววัยสามสิบอัพเจ้าของห้องซึ่งประคองปืนยาวติดกล้องขนาด .22 ในมือ เธอยักคิ้วกลับมา เขาอึ้งไปอึดใจหันกลับมาส่องกล้องอีกที..หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายกำลังได้รับความช่วยเหลือจากพนักงานเซเว่นสองคนช่วยกันกึ่งลากกึ่งประคองเธอเข้าไปในร้านอย่างทุลักทุเล...
หันมาอีกที เพื่อนข้างห้องคนนั้นหายไปแล้ว เขาหันกลับไป.. มันยังตะลุมบอนกันไม่เลิกอีกแน่ะ แล้วตำรวจหายไปไหนกันหมด เสียงปืนก็ดังออกขนาดนั้น โชคดีว่าเป็นกลางคืน ไม่งั้นคนที่ป้ายรถเมล์อีกไม่น้อยจะต้องถูกลูกหลง เขาปาดเหงื่อบนหน้าผาก หันกลับเข้าไปค้นลิ้นชักโต๊ะทำงาน เปิดกล่องคว้าปืนลมสั้นสำหรับแข่งขันออกมายัดลูกเข้าไปอย่างรีบร้อน
โผล่มาที่ระเบียง สาวสก๊อยผมสั้นในชุดกางเกงฮ้อทแพนท์สั้นจู๋กำลังวิ่งไปกรีดร้องไปตรงเข้ามาที่คอนโดของเขา ตามด้วยไอ้หนุ่มหน้าเสี้ยมสองคน ในมือคนหนึ่งมีปืนพก อีกคนคงเป็นท่อนแป๊บเหล็กอะไรสักอย่างเงื้อตามหลังมาอย่างเฉียดฉิว ไม่มีเวลาคิดอะไรแล้ว นิ้วกระดิกปล่อยกระสุนปืนลมสั้นออกไป เสียงดังเชี้ยะสั้นๆ ตามด้วยเสียงอุทานพร้อมแป๊บเหล็กปลิวหลุดมือ ลงไปนอนดิ้นกระแด่วๆ มือกุมหัว
ไอ้คนถือปืนเงยหน้าขึ้นมาโดยบังเอิญ ในความมืดยังเห็นตามันกระทบไฟริมถนนวาวโรจน์ ปืนพกในมือยกขึ้นเล็งมาที่เขา พลันเสียงเพี้ยะดังซ้ำมาจากระเบียงข้างๆ จนเขาสะดุ้ง ไอ้หมอนั่นหงายเก๋งลงไปดิ้นกับพื้นอีกคน แม่สาวสก๊อยได้แต่หลับหูหลับตาร้องกรี๊ดๆ...
เสียงไซเรนรถตำรวจดังไล่กันมาเป็นพรวนอย่างรวดเร็ว... กลุ่มขาแว้นที่กำลังทุบตีกันชุลมุนต่างแตกกระจายราวผึ้งแตกรัง เสียงรถตำรวจเบรคกันสนั่น ตามด้วยเสียงปืนเสียงโทรโข่งสับสนวุ่นวายไปหมด...
เขาค่อยๆ โผล่หน้าขึ้นมาจากระเบียง เหงื่อซึมเต็มหน้าผาก ...หันไปอีกที สายตาของสาวข้างห้องกำลังจับจ้องมาอย่างยิ้มๆ เธอยกนิ้วโป้งให้ เขาชูสองนิ้วตอบไป ทั้งสองหลุดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
เป็นครั้งแรก..ที่เขารู้สึกหายเบื่อเป็นปลิดทิ้ง...ชีวิตก็มีอะไรสนุกๆ ทำเหมือนกันนะ...
Create Date : 06 พฤษภาคม 2554 |
Last Update : 6 พฤษภาคม 2554 15:41:13 น. |
|
3 comments
|
Counter : 466 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: ป้าโซ วันที่: 6 พฤษภาคม 2554 เวลา:23:09:30 น. |
|
|
|
โดย: พี่หมี (Bkkbear ) วันที่: 10 พฤษภาคม 2554 เวลา:22:16:13 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]

|
งานเขียนบทความ บทหนัง เรื่องสั้น และนวนิยายในบล็อกนี้สงวนลิขสิทธิ์โดย Bkkbear (หมีบางกอก) ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามมิให้ดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
|
|
|
|
|
|
|
หมั่นไส้สังคมเมืองสารขัณฑ์นักเหรอจ๊ะพี่หมี จัดการซะเรย กร๊ากกก..