บ้านฉันอยู่กลางทุ่งนา มีปู่ มีย่า มีหมา มีควาย เอิงเอย!
|
||||
จัดห้ายค้าบ .. "เจ้านาย" สาธุชนพุทธบริษัทผู้ใคร่ธรรมทั้งหลาย ช่วงนี้คนระทมทุกข์ว้าวุ่นในใจและมีปัญหากับมรสุมมากมายเหลือเกิน เรื่องของน้องโมโม่จังในสถานีโทรทัศน์ชื่อดังที่กำลังจะเปี๊ยนไป๋ ... สร้างความเครียดให้แก่พนักงานสามัญชนคนต๋อกต๋อยจนฉี่เหลืองอุจจาระวิ่งหนีขึ้นไปอยู่บนขะหมอง จะหายใจแรง ๆ ก็กลัวจะโดนรีไซส์ซิ่ง..จกฉลาก..ออกสุดชีวิต .. อาทิตย์นี้มาอีกแล้วครับปัญหาโลกแตกของเจ้านายกับลูกน้อง เรื่องทำมะดาที่ไม่ทำมะดา .. เรื่องนี้คำถามมาก็สั้น ๆ แต่ตอบยากชะมัด ต้องไปสืบค้นอ้างอิงกันให้วุ่นวาย.. ดีแต่ไม่มีคู่กรณีเจ็บป่วยให้ต้องไปเผชิญสืบที่ไหน เอิ้ก เอิ้ก เอ้า .. ถามมาก็ตอบไป .. ก่อนอื่นขอให้จำไว้ตลอดเวลาที่อ่านว่า นายไม่เคยทำผิด ข้อที่ 1. กรณีทัวร์ตัวอย่างขายได้กำไรหัวละห้าพัน (เหมือนกันซื้อลอตเตอรี่แล้วมันถูกรางวัลที่ 1) จุดประสงค์ที่คุยมันยังสับสน ว่าเป็นอะไรกันแน่ .. กอไก่. เล่าให้ฟังเพื่อเป็นแรงบันดาลใจเฉย ๆ ..ขอไข่. คำสั่งให้พนักงานตั้งกำไรการขายหัวละห้าพันบาทต่อไปทุก ๆ ครั้ง ..คอควาย. เล่าสู่กันฟังเหมือนอารมณ์ประมาณว่าเฮ้ยช้านถูกหวยยยย ... หรือว่า ..งองู .. เจตนาทับถม เฮ้ยยย .. ขายได้แบบชั้นป่ะ .. แค่กระดิกนิ้วเบา ๆ สามคนได้มาตั้งหมื่นห้า .. ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องหอบ จนเลือดตาแทบกระเด็น ขายทั้งเดือนได้หมื่นห้า .. โฮะ โฮะ โฮะ ..จอจาน... ถูกทุกข้อ เฮ้ยยย มะช่ายนิหว่า ซตพ. ชั้นก็เลยยังวิเคราะห์อะไรไม่ได้เต็มที่ ถ้าจะให้ฟันธงโชะ ๆ ก็คงต้องไปถามที่นายของแกอีกครั้ง ข้อที่ 3. ถ้าปีนึงเขาได้บังเอิญได้ลูกค้าล่ำซำมาสักครั้งแล้วมาคุยเหมือนกันขายทุกครั่งได้กำไรหัวห้าพันบาทไปเสียหมด แกก็ย้อนกลับไปดูด้านบน (ถึงไม่ใช่ความผิดร้ายแรง แค่คุยโม้โอ้อวดก็อนุโลมอยู่ในข้อนี้เหมือนกัน)
... ความจริงการค้าขายแบบนี้ก็เหมือนกับเวลาไปเดินชอปปิ้งกุงเกงในมือสองที่ตลาดประตูน้ำ แรกเริ่มถามราคาก็เจอ 100 บาท เจอฝรั่งดั้งขอต่อราคาตามคำภีร์โลนลี่พลาเน็ทที่ 20 บาทก็ทำเป็นอิด ๆ ออด ๆ พอเขาทำท่าเดินหนีก็รีบละล่ำละลั่กยินยอมพร้อมใจขายซะดื้อ ๆ จบการขายก็มาหัวเราะเคี้ยก ๆ ที่จริงตรูซื้อมาแค่ห้าบาทเท่านั้นเอง ยังได้กำไรอีกตั้งสิบห้าบาทเฟ้ยย .. โธ่นึกว่าจะเก่ง ... แต่มีข้อควรระวังกรณีการบอกราคาเผื่อโง่แบบนี้ สำหรับลูกค้าเซนซิทีฟมีใบหน้าบางเบาไม่กล้าต่อรองราคาให้เป็นที่จับตาและครหาแก่คนทั่วไป ว่ามาเดินซื้อหากุงเกงในมือสองแล้วยังกล้าต่อราคาอีกเร๊อะ .. เพื่อเซฟเฟส..ทั่นก็จะเดินหนีไปโดยฉับพลัน โดยไม่ทันจะได้อ้าปากต่อรองกันซะงั้น .. เรียกว่าไม่ทันจะเริ่มการค้าก็จบเห่เสียก่อน .. โดย: ป้าทุยบ้านทุ่ง วันที่: 16 มีนาคม 2550 เวลา:18:22:06 น.
ข้อที่ 4. เอาทฤษฏีหน่อยนิ
ย้อนกลับไปที่ทฤษฏีความพอใจขาย กับ ความพอใจซื้อ คนนึงต้องการกำไรห้าพันบาทอีกคนต้องการซื้อที่กำไรห้าร้อยบาท ถ้าตกลงกันได้ก็ค้าขายกันได้ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็คงไม่เกิดการค้าขาย (ดูเพิ่มที่หัวข้อการต่อรอง negotiate) .. ซึ่งการค้าขายนั้นต้องอาศัยความสมยอมระหว่าง 2 ฝ่าย เพราะถ้ายังไม่ตกลงกันเป็นมั่นเหมาะเสียก่อน .. หากแต่ท่านก็จู่โจมเข้าไปล้วงควักเอาเงินในกระเป๋าเขามาเฉย ๆ คนละหลายพันบาท มีหวังโดนจับข้อหาปล้นทรัพย์เข้าให้ .. หรือถ้าตอนแรกเขายอมให้ล้วงแต่โดยดีเนื่องจากโดนสารเอฟริดีนเข้าไปทำให้งุนงงหลงลืมตัวจกเงินออกอย่างง่ายดาย .. แต่ช้าก่อนแม่นางคำสายมา .. กรุณาคิดอีกให้ยาวไปอีกนิดนึงว่าถ้าเขาคืนสติกลับมา เอาสินค้าของแกไปพิจารณาแล้วค้นพบว่ากุงเกงในนั้นเป้ามีแมงแทะแหว่งไปแล้ว เขาเกิดไม่พึงใจโมโหโกรธาเพราะถึงแม้จะซื้อมือสองก็ไม่ได้คาดหวังจะให้มีรอยแทะตรงนี้ .. เช่นนี้ .. อย่างเบาเขาก็อาจจะร้องแรกแหกกระเชอไปโพสท์ชื่อพร้อมเบอร์โทรไว้ให้ตามหน้าเวบต่าง ๆ แล้วบรรดาแมงเม้าร่วมด้วยช่วยกันประณามหยามเหยียดถึงความผิดอันแสนจะบ้อท่า อย่างนี้ก็อับอายขายขี้หน้าพอประมาณแล้วแต่เรทของแต่ละเวบว่าจะปากคอจัดจ้านกัดจิกแกแบบไหน .. หรืออย่างทารุณกรรม ..ไปกว่านั้นถ้าเกิดแกดันไปเจอลูกค้าดอคเตอร์เฮดเข้า ท่านอาจจะหอบกุงเกงในพร้อมผลตรวจเลือดไปฟ้องร้องที่ สคบ. ว่าถูกแกมอมยาสะกดจิตหลอกเอากุงเกงในขาดเป้ามาขายก็เป็นอันจบเห่ ..เท่งทึงซีเซ็กฉ่ายตายแหง๋แก๋แน่แกเอ๋ย สรุปล่ะนะ นายไม่เคยผิด อ้ะ .. คำถามทีเหลือของแกก็ตัวใครตัวมันเอารึกัน .. โดย: ป้าทุยบ้านทุ่ง วันที่: 16 มีนาคม 2550 เวลา:18:28:40 น.
สวัสดี มาเยี่ยมเยียนครับ
ไม่ตอบละ อยากดูอะไร ๆ ที่สบาย ๆ อะครับ โดย: ลุงไม้ (ไม้หลักปักมั่นคง ) วันที่: 6 เมษายน 2550 เวลา:13:10:52 น.
|
ป้าทุยบ้านทุ่ง
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?] บ้านฉันอยู่กลางทุ่งนา มีปู่ มีย่า มีหมา มีควาย เอิงเงย
Group Blog All Blog
Friends Blog
|
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
ข้อที่ 2. วิธีการขายให้ได้ราคาสูง ๆ นั้นแกคงทำเป็นอยู่แล้ว ..
.. แต่ปัญหามีอย่างเดียวคือจะต้องหาลูกค้าที่ยอมจ่ายสูง ๆ ซึ่งมันมีอยู่น้อยเต็มทีมาตกหลุมซื้อของแก เพราะที่รวย ๆ ก็จะมาพร้อมกับความเขี้ยว ๆ (นี่พูดกันแบบตามความเป็นจริงพบเห็นในตลาดนะ ไม่รวม Absolutely Abstract Customer และ ลูกค้าในอุดมคติ หรือว่ารวยแต่โง่ ทั้งรวยทั้งโง่ บอกอะไรก็ว่าตามนั้น ไม่เคยรู้ราคา ไม่เคยสืบราคา ไม่เคยคิดเปรียบเทียบราคา หรือทั่วทั้งปฐพีไม่มีใครมีสินค้าเยี่ยงนี้ขายอีกแล้ว ฯลฯ)
.. ข้อนี้คงต้องปรึกษากันถึงวิธีการที่จะให้ได้มาซึ่งลูกค้าประเภทนี้เยอะ ๆ ถ้าเขาได้ลูกค้าประเภทนี้บ่อย ๆ ครั้งก็ควรจะรีบปรึกษาว่าทำยังไงพนักงานขายทุกคนจะทำเยี่ยงนี้ได้บ้าง
.. หรือจะไปจุดธุปจุดเทียนบนบานศาลกล่าวเยี่ยงไร หรือต้องไปอัญเชิญเทวาศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนมาประทับสิงสถิต ณ ตี่จู้ประจำสำนักงานของแก