และแล้ว ฟ้าก็สั่งให้ชั้นผอม ตอนจบ
ก่อนอืนใดนั่น ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามเรื่องของเรานะ หวังว่า จะเป็นประโยชน์ และพอที่จะเป็นแนวทางให้ใครหลายๆได้บ้างนะคะ ถ้าใครมีความเห็นที่แตกต่าง ก็มาคอมเม้นได้นะ จะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันเอาหล่ะ ต่อเลยละกันพอน้ำหนักของเรามาอยู่ที่ 80 กิโล เรารู้สึกได้เลยว่า ตัวเราเริ่ม ย้วยแล้วอะ คือ ขอบอกก่อนว่า ตลอดเวลาที่เราลดความอ้วนนั้น เราไม่ได้ออกกำลังกายเลย (ขี้เกียจมากกกกก) คือใช้แต่ การควบคุมอาหารอย่างเดียว ดังนั้น Mission ต่อไปของเรา ก็คือ ต้องเพิ่ม การออกกำลังกายเข้าไปด้วย (ตรูละเกลียดจริงๆ) แต่การออกกำลังกายของเรานั้น เราใช้การเดินเอา เพราะเราไม่ชอบวิ่งอะ เหงื่อออกเดี๋ยวไม่สวย และเราไม่อยากเข้า FItness ด้วยอะ (ที่นี่แพงโคตร และ เราเคยมีประสบการณ์แย่ๆ กะคนใน Fitness ที่เมืองไทย ด้วยอะ) และเราเคยไปว่ายน้ำนะ แต่................................. คุณคุณขา อย่านึกว่าสระว่ายน้ำเมืองผู้ดี จะสะอาดนะคะ ดำผุดดำว่ายอยู่ เราก็แบบมุดลงไปที่ลึกๆอะ โอ้โห คุณขา ปลาชะโดฝรั่ง เฮ้ย ไม่ใช่เราเห็น เศษดิน ทราย กับ ขยะเยอะมากกกกกกกกกกและอีกอย่าง เหม็นคลอรีนสุดใจค่ะนอกจากนั้น ได้ของแถมค่าาาา คือ กองทัพ สิว รวมใจกันมาประชุมเพลิงที่หนังหน้าดิชั้นค่ะ(ทำไมการที่ตรูจะผอม มันมีอุปสรรคขนาดนี้วะ) เราเลยเลิก หันมาเดินดีกว่า ตังก็ไม่เสียด้วย ว่ายน้ำทีนึงตั้ง 4 ปอนด์ แพงอะเราก็เริ่มเดิน จากระยะทางไม่ไกลมากก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขอบอกว่า อย่าฝืนในช่วงแรกๆ ค่อยๆ ปรับตัวไป อย่าให้เหนื่อยมากเดี๋ยววันหลังจะขี้เกียจ แล้วค่อยๆ ปรับเพิ่มระยะทางไปเรื่อยๆ เริ่มจากเดินในความเร็ว ปกติ แล้วพอเครื่องร้อนแล้วค่อยเพิ่มสปีดไป ใครจะวิ่งก็ได้นะ แล้วแต่กำลังของแต่ละคน (แต่เราไม่ชอบ เดี๋ยวเหงื่อออก หน้าโทรม) เราเดินทุกวันแหล่ะ อาศัยเดินเข้าเมือง เพื่อไปช้อปปิ้งด้วย เลยได้ของเซลล์มาประจำแหล่ะ ไปจนพวกคนขายถามว่า ทำงานแถวนี้เหรอ เห็นเรามาทุกวันเลย จนเราเขินไปเลยอะ เพราะบ้านเราอยู่ไกลออกไปไง (ระยะทางประมาณ จาก อนุสวารีย์ชัยฯ ไป ตลาดสามย่าน อะ เราเดินไปกลับทุกวันแหล่ะ ยิ่งช่วงหน้าหนาว ทรมานจริงๆๆๆๆๆๆ แต่ อยากสวยต้องอดทน) แล้วก็กินอาหารเหมือนตอนที่แล้วนั่นแหล่ะ แต่ก็มีนอกลู่นอกทางบ้าง แต่ยังไงก็ตาม ในมื้อเย็น เราก็ยังคงงดแป้งอยู่ดี เน้นผักเยอะๆ เหมือนเดิมน้ำหนักเราก็ค่อยๆ ลดลงนะ เดือนนึงประมาณ 2 กิโล ไม่ให้เกินนั้น กลัวเหี่ยว (นี่ขนาดระวังแล้วนะ ตัวเรายังย้วยๆ เลยอะ ต้องอาศัยออกกำลังกายเอา) จนปัจจุบันนี้ เราก็ยังคงทำแบบเดิมอยู่ แต่อาจจะไม่เคร่งครัดเหมือนตอนแรก แต่ก็ไม่เคย ปล่อยตัวเลยนะ และนอกจากนั้น เราก็หันมากินข้าวกล้อง แทนข้าวขาว ค่อยๆ ลดเนื้อสัตว์ แล้วเปลี่ยนมากินเป็นโปรตีนเกษตร กะเต้าหู้แทน(ก็ไม่ทุกมื้อหรอก จริงๆแล้ว เราชอบเนื้อสัตว์จะตาย แล้วราคาเต้าหู้ที่นี่ ก็ไม่ได้ถูกไปกว่าเนื้อสัตว์เลย แต่ก็เพื่อสุขภาพไง เลี่ยงได้เราก็จะเลี่ยง) แต่ถ้าออกงานสังคม เราก็กินเนื้อสัตว์นะ ไม่อยากทำตัววุ่นวาย เดี๋ยวเพื่อนๆ หมั่นไส้ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ น้ำหนัก จากเดิม 106.5 (คลื่นสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อม555) เหลือ แค่ 65 กิโลเท่านั้นค่ะ คุณคุณเอวลดจาก 42 เหลือ 30 ถามว่าพอใจมั้ย ตอบว่า เกินกว่าคำนั้น คุณคุณ เชื่อมั้ยว่า ตลอดชีวิตของเรา เราไม่เคยจินตนาการว่าเราจะผอมได้ขนาดนี้เลย แล้ว คุณคุณ เชื่อมั้ยว่า จนถึงปัจจุบันนี้ คุณชายพ่อกะคุณนายแม่เรา ก็ยังไม่รู้ว่าเราผอม (กะจะเซอร์ไพรส์เค้าแหล่ะ ตัวเอง) ดีใจมากที่สุดในชีวิตเลย ดีใจกว่าเอ็นท์ติดอีกอะ ว่าในที่สุด เราก็ทำได้แต่ขอบอกก่อนนะว่า หุ่นเราก็ไม่ได้ผอมเพรียวอะไรมากมาย แต่เราก็พอใจแล้วอะ เราไม่ชอบคนที่ผอมๆ แห้งๆ อะ มันดูไม่มีราศียังไงก็ไม่รู้ (ปลอบใจตัวเองไง) ปัญหาเล็กน้อยของเราก็มีตรง พุง เรานี่แหล่ะ ที่ยังพอมีอยู่บ้าง กะ พวกต้นขาต้นแขนอะ ยังคงใหญ่อยู่ แต่ก็ไม่เป็นไร ค่อยๆ หาวิธีการต่อไป เอาหล่ะ มาดูรูปเราตอนนี้กันดีกว่านะ (อย่าตกใจนะว่าทำไมเป็นรูปผู้ชาย เพราะตอนนี้เราไม่ได้แต่งหญิงแล้วอะ ที่บ้านเราไม่ชอบอย่างแรง เลยตามใจเค้าอะ สงสารพ่อกะแม่ ไม่อยากขัดใจ ไม่ใช่เป็นคนดีอะไรหรอก แค่ไม่อยากให้เค้าเครียดแค่นั้นแหล่ะ)เอาหล่ะ รูปแรกจ้าในภาพพวกนี้ ตอนนั้นเราหนักประมาณ 68 นะ ตอนนี้ เรา 65 เอาอีกลูกเกดมาเองค่ะคุณคุณ อาจจะเห็นว่า เราไม่ได้ผอมเพรียวอะไรขนาดนั้น แต่เราชอบและพอใจกะหุ่นเราแล้วนะ กำลังมีเนื้อนิดๆ ให้หนุ่มๆพอได้จับเล่นมั่ง(อีนี่ติดเรท) หุหุหุ แต่ก็ต้องพยายามออกกำลังกายต่อไปแหล่ะ สิริรวมเวลาในการดำเนินโครงการ ก็ ประมาณ 3 ปีค่ะแต่ แต่ แต่ตลอดเวลาที่เราลดนั้น เราไม่เคยนับวันนับคืนเลยว่า เราจะต้องทำไปจนถึงเมื่อไหร่ คือเราทำมันไปเรื่อยๆ ไม่ได้เร่งมัน และไม่เคยคิดว่าเรากำลังอยู่ในช่วงลความอ้วน (ไม่งั้นมันจะเครียดนะ) คือใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ มีความสุขกับสิ่งที่เราทำอยู่ และ นั่นแหล่ะ ผลมันจะเกิดและที่สำคัญอย่าเปรียบเทียบกะคนอื่นว่าเค้าลดได้เร็วหรือช้ากว่าเรา เพราะร่างกายของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ขอให้เอาตัวเราเป็นที่ตั้งดีกว่านะ ไม่มีใคร รู้จักเราเท่าตัวเราเองหรอกสุดท้ายก่อนจบ เราหวังว่า เรื่องราวของเราคงจะมีประโยชน์กับหลายๆคนนะ และ เราก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนสู้กะ(ไข)มัน ต่อไป เราทำได้ ทุกคนก็ต้องทำได้ และต้องทำได้อย่างมีความสุขด้วยนะ ทุกอย่างอยู่ที่ใจค่ะ ปล. ตอนที่เราเขียนเรื่องนี้ เรากำลังอกหักแหล่ะ เพิ่งเลิกกะแฟน ฮือฮือ แต่เราก็พร้อมที่จะมีความสุขกับชีวิตต่อไปนะ พอกันทีผู้ฉิงอ่อนแอ 555จงมีความรักให้เหมือนกับเราไม่เคยเจ็บปวดกับความรักมาก่อนจาก ฉันนี่แหล่ะ คิมซัมซุน
ลูกแพร แช่อิ่ม