Bloggang.com : weblog for you and your gang
ติดต่อพูดคุยกันได้ในเฟซบุ๊คเพจนะคะ
https://www.facebook.com/srisurangwriter
Group Blog
ทักทาย
ประวัติผลงาน
วินธัย
ทะเลน้ำตา(ล)-
ธาราน้ำผึ้ง
-ตรึงตะวัน
ดารกากลางใจ
พระภูริทัต
จันทกินรี
เพลิงสีน้ำเงิน
ดาราแดง
เล่ห์ร้ายนิยายรัก
ธารทับทิม
รอยจำในดวงใจ
วามเวหน
แกร่ง - Excite
...
ร้อยกรอง
เรื่องสั้น+บทความ
.....
หนังสือที่ประทับใจ
พฤษภาคม 2552
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
27 พฤษภาคม 2552
เล่ห์ร้ายนิยายรัก...ตัวอย่างเนื้อเรื่อง ตอนที่ 2
เล่ห์ร้ายนิยายรัก...ตัวอย่างเนื้อเรื่อง ตอนที่ 1
All Blogs
[แนะนำหนังสือ] .........เล่ห์ร้ายนิยายรัก.........วางแผงแล้วค่ะ
เล่ห์ร้ายนิยายรัก...ตัวอย่างเนื้อเรื่อง ตอนที่ 2
เล่ห์ร้ายนิยายรัก...ตัวอย่างเนื้อเรื่อง ตอนที่ 1
เล่ห์ร้ายนิยายรัก...ตัวอย่างเนื้อเรื่อง ตอนที่ 1
คงจะลงตัวอย่างให้อ่านกันสองตอนนะคะ
หนังสือวางแผงปลายมิถุนายนนี้ค่ะ ^ ^
เล่ห์ร้ายนิยายรัก
บทที่ 1 เริ่มนิยายรัก
วันนี้ฉันคงต้องเขียนนิยายสักเรื่องแล้วละ ให้เป็นนิยายรักหวานซาบซึ้งตรึงจิตจนใจแทบละลาย ตื่นเต้นผจญภัยเล็กน้อย ปรุงปนขำขันอีกนิดหน่อยให้รสชาติอร่อยกลมกล่อม ดีไหมคะ
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวในชีวิตของฉันเอง
ก็แหม นิยายทั่วๆ ไปน่ะ เค้าก็ต้องจำลองมาจากชีวิตคนจริงๆ บางส่วน ไม่ส่วนมากก็ส่วนน้อยไม่ใช่หรือคะ แล้วชีวิตของฉันเองเนี่ย แม้แต่ตัวเองยังแทบไม่เชื่อเลยว่าไม่ใช่นิยาย บางครั้งทำเอาใจเต้นตึกตัก หวาดเสียวจนไม่กล้าลืมตา(มองพระเอก) ได้แต่ก้มหน้าก้มตากวาดพื้นต่อไป บางครั้งก็โชคดีเกินไปจนหวั่นไหวมึนงง เหมือนซินเดอเรลล่าหลงอยู่กลางคฤหาสน์หลังงาม ท่ามกลางเจ้าชายกับนางอิจฉา
คนเราลึกๆ แล้วย่อมอยากรู้เรื่องราวชีวิตของคนอื่นกันอยู่แล้ว ใช่ไหมล่ะค่ะ อย่า...อย่า อย่าปฏิเสธเสียให้ยากว่าคุณไม่เค้ยไม่เคยซื้อหนังสือซุบซิบดารามาอ่านดูบ้าง อย่างน้อยก็สักฉบับหนึ่ง
ยิ่งรู้ละเอียด รู้ลึก รู้เบื้องหลังของความรักของใครได้ทุกแง่ทุกมุม ทุกซอกหัวใจ ทุกความลับดำมืดมิดสะเทือนวงการ หรืองานมงคลอันเปี่ยมสุขสว่างไสว ยิ่งถูกใจกันนัก ดังนั้นชีวิตจริงๆ ไม่อิงนิยายของฉันนี่ก็ควรจะน่าสนใจดีเหมือนกันไม่ใช่หรือคะ
รับรองฉันจะเขียนรายละเอียดทุกๆ อย่างรวมถึงความรู้สึกทุกห้วงในห้องหัวใจของนางเอกให้อ่านกันเลยค่ะ แล้วคุณๆ ผู้อ่านลองตัดสินใจดูนะคะ ว่าชีวิตฉันนี่มันเหมือนดั่งนิยายบ้างรึเปล่า คุณอาจตกใจกับคำตอบที่ได้ตอนท้ายเล่มก็ได้ ฮ่าๆๆ
ดังนั้น ด้วยเหตุผลทั้งหลายทั้งปวงที่ได้อุปมาสาธกยกตัวอย่างมาเบื้องต้น ฉันจึงจะเขียนนิยายเรื่องนี้ไว้เป็นดั่งบันทึกแห่งรักของตนเอง เก็บไว้หวนรำลึกความหวานชื่นและขื่นขมที่เคยได้พบพานผ่านมาในช่วงเวลาของชีวิตอันพาฝันช่วงหนึ่ง และอาจให้ความบันเทิงแก่ใครๆ ที่เผอิญเผลอมาอ่านเข้าด้วย
เราจะเริ่มกันที่ตรงไหนดี อืม...
เริ่มที่ตรงนี้เลยก็แล้วกัน เริ่มจากสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนอยู่ตรงหน้าฉัน ที่มองเห็นแล้วก็ต้องกะพริบตาถี่ๆ เพ่งดูให้แน่อีกทีว่าไม่ได้ตาฝาดไป
พอร์ช 911 คาเรร่าสีเงินเงาวับเหมือนกระจกคันนั้นเคลื่อนเข้ามาตามถนนปูนแคบๆ ในซอยเล็กที่มีความกว้างแทบไม่พอให้จักรยานยนต์อีกคันหนึ่งแล่นสวนออกไปได้
รถสปอร์ตคันหรูซึ่งเป็นนวัตกรรมยานยนต์ที่ออกแบบและบรรจงสร้างอย่างประณีต ให้ความรู้สึกถึงขุมพลังในทุกการขับเคลื่อนที่ชาตินี้ทั้งชาติฉันก็คงหาเงินดาวน์ไม่ได้คันนั้นแล่นมาหยุดตรงหน้าประตูบ้านฉันพอดี
หลงบุหลัน...ซึ่งก็คือฉัน...เอ...ฉันยังไม่ได้บอกคุณหรอกหรือคะว่าฉันชื่อหลงบุหลัน แหะๆ ไม่เป็นไร บอกตอนนี้เลยก็แล้วกันนะคะ แม่ตั้งชื่อให้ฉันว่าอย่างนี้ ทำนองว่ามีความรักความหลังอะไรกับพระจันทร์ซักอย่าง แต่ไม่ยอมบอกฉันอย่างละเอียดหรอกค่ะ แม่มักเรียกฉันยามเกเรว่า ยายลูกหลง ถ้ายามที่ฉันเป็นเด็กดี ซึ่งก็นานมากแล้ว แม่จะเรียกฉันว่า เดือน
ฟังดูเป็นนางเอกนิยายสมัยก่อนดีไหมล่ะคะ แต่เผอิญว่าฉันมักเป็นเด็กเกเรมากกว่า ชื่อเล่นว่าเดือนก็เลยแทบไม่มีใครเคยเรียก และกลายเป็นยายหลงมาจนถึงบัดนี้
ฉันอาศัยอยู่ในบ้านเช่าหลังเล็ก ในซอยจิ๋วที่ว่านี้เองล่ะค่ะ กำลังอ่านหนังสือนิยายรักเพลินๆ อยู่เชียว ก็ได้ยินเสียงรถมาจอดหน้าบ้าน
ความที่บ้านมันก็แค้บ..แคบ และนิยามของคำว่าสวนหน้าบ้านก็คือแถบหญ้ากับกอไม้รกกว้างประมาณหนึ่งฟุตที่คั่นระหว่างระเบียงกับรั้วบ้านอยู่ ข้างประตูมีกอยี่โถดอกสีแดงสดสวยสะพรั่งอยู่กอหนึ่งพอแก้ความขายหน้า
ฉันลงจากเปลญวนที่กำลังนอนเล่นอย่างสบายอารมณ์ มองดูพาหนะคันงามด้วยความสงสัย
ชายหนุ่มผู้หนึ่งเหวี่ยงช่วงขายาวเพรียวในกางเกงผ้าไหมอิตาเลี่ยนก้าวออกมาจากรถ เมื่อเขายืดตัวขึ้นเต็มความสูงประมาณร้อยแปดสิบเซนติเมตร แล้วกวาดสายตาใต้แว่นกันแดดสีเข้มสำรวจไปรอบบริเวณจนกระทั่งมาหยุดลงที่ฉัน หัวใจฉันก็แทบจะหยุดเต้น
ต้องเป็นเขาแน่ๆ จะเป็นใครอื่นไปได้อย่างไร คนที่ทำให้หัวใจของฉันเต้นผิดจังหวะไปเพียงแค่ได้เห็น รูปร่างสูงเพรียวในชุดสูทตัดเย็บพอดีตัว แนบไปกับแผ่นอกผึ่งผาย เอวสอบเพรียว ขายาวทรงพลัง...เอิ่ม...สำนวนบรรยายแบบนี้เริ่มจะคุ้นๆ มั่งมั้ยคะ เลียนแบบมาจากเจ้าแม่นิยายน้ำเพาะยุงคนโปรดของฉันมาน่ะค่ะ ก็แหม ฉันไม่รู้จะบรรยายชายหนุ่มที่หล่อแบบสุดใจยังไงให้คุณเห็นภาพ
เอาเป็นว่า รัศมีแห่งพลังอำนาจผสานกับความงามสง่ารวมกันออกมาเป็นเขาคนนี้ก็แล้วกันนะคะ
พอเขาเห็นฉันชัด เท้าในรองเท้าหนังแก้วสีกรมท่าเกือบดำ(สีเดียวกับกางเกงสูท) ก็พาเขาก้าวตรงดิ่งเข้ามาหาฉันอย่างมุ่งมั่น ราวกับตำรวจเห็นผู้ร้ายใจทมิฬ ทำเอาฉันถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจด้วยความตื่นตระหนก
เขาเกี่ยวแว่นกันแดดออกจากใบหน้าด้วยนิ้วเรียว ก่อนจะพับและสอดมันไว้ในกระเป๋าเสื้อ เผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ล้อมด้วยขนตาสีดำสนิท แดดบ่ายที่เต้นระยิบอยู่ในชั้นบรรยากาศสะท้อนแสงกับแก้วตาทั้งคู่ให้เป็นประกายคมเหมือนกลั่นแกล้ง
“คุณโมกข์”
ฉันได้แต่ตะลึงมองใบหน้าปานสลักเสลา คิ้วเข้ม จมูกคม คางเขียวครึ้มอย่างตกตะลึงต้องมนต์เหมือนเช่นเมื่อครั้งสุดท้ายที่พบกัน จนกระทั่งริมฝีปากหยักของเขาบิดเป็นรอยยิ้มหยัน
“หลงบุหลัน ในที่สุดผมก็หาคุณพบจนได้”
OMG. Omigosh! พระเจ้าช่วยลูกหมูด้วย
เขามาตามหาฉันทำไม จำได้ว่าเมื่อตอนที่ลาออกอย่างกะทันหันนั่น ฉันไม่ได้ขโมยอะไรติดกระเป๋ามาเลยสักอย่างเดียวนี่นา
ป่าโมกข์เป็นเจ้านายเก่าของฉันเองค่ะ เขาเป็นเจ้าของบริษัทจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ที่มีตึกที่ทำงานในย่านธุรกิจใจกลางเมืองสูงหลายสิบชั้น และอย่าเข้าใจผิดไปว่า ฉันเคยเป็นเลขา หรือผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงที่เคยคุ้นในการทำงานด้วยกันมาอะไรอย่างนั้น...ไม่ใช่เลย
เขาน่ะอยู่ชั้นผู้บริหารระดับสูง ขณะที่ฉันเคยเข้าไปสมัครทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดและเสริฟน้ำลูกค้าอยู่พักหนึ่งตอนถังแตก และเคยพบกับเขาแค่ผ่านกันประมาณสองแวบเท่านั้นเอง
ฉันตกตะลึงอึ้งอั้น หรือจะเป็นเพราะว่าฉันเคยแอบกินกาแฟกระป๋องในตู้เย็นในชั้นบริหารที่หาเจ้าของไม่ได้ไปกระป๋องหนึ่ง และกาแฟเจ้ากรรมนั้นเป็นของเขา ต้องไม่ใช่แน่ๆ คุณป่าโมกข์ผู้สูงส่งย่อมจะไม่เดินทางมาด้วยเหตุผลเล็กน้อยเพียงเท่านี้
คุณอาจคิดว่าฉันจะแทบเป็นลมด้วยความดีใจที่มีราชรถพอร์ชมาเกยหน้าบ้าน แต่ความจริงนั้นฉันกำลังเข่าอ่อนด้วยความหวาดกลัวราวกับกำลังฝันร้าย จิตใจตื่นเตลิดค้นหาความผิดในอดีตก่อนเก่าอันยาวนานขึ้นมาทบทวนดู ว่าลูกหมูนี้ได้ทำผิดบาปอะไรไว้บ้างหนอ
“คุณจะตามหาฉันไปทำไม”
ในที่สุดเมื่อคิดอะไรไม่ออก ฉันก็ถามออกไปด้วยเสียงอ่อนเบา พยายามยึดศักดิ์ศรีของความเป็นเจ้าของบ้านหลังน้อย เอ๊ย ผู้เช่าบ้านหลังน้อยเอาไว้ ยืดตัวเต็มความสูงร้อยหกสิบเจ็ดเซ็นขึ้นอย่างฝืนๆ (ฉันก็สูงเหมือนกันนะ ถึงแม้จะต้องเงยหน้าอีกนิดหน่อย) เขาเข้ามาในถิ่นฉัน ดังนั้น ฉันไม่มีอะไรต้องกลัว จริงมั้ย
ความคิดฉันเริ่มวกวนเมื่อสบดวงตาเข้มข้นที่จ้องมาเหมือนจะกล่าวหาอะไรสักอย่าง
เขาทำหน้าไม่อยากเชื่อกับคำถามของฉัน แล้วละสายตาไปมองบ้าน
ฉันเห็นเขากวาดสายตามองดูสวนโทรมๆ ล้อมร้อบบ้านไม้สองชั้น ฝากระดานเก่าง่อนแง่น หลังคาสังกะสีแผ่นสีเขียวแบบเดียวกับบ้านหลังอื่นในย่านชุมชนกึ่งแออัดแห่งนี้แล้วก็พอเข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้อึ้งไปไม่ตอบคำถาม
สุดท้ายเขาลากสายตาจากเสาค้ำระเบียงที่มีตะปูตอกแขวนปฏิทินกระดาษ ผ่านเปลญวนที่ทำจากผ้าขาวม้าผูกไว้กับเสาระเบียง มาสำรวจฉันขึ้นๆ ลงๆ ราวกับกำลังมองสิ่งมหัศจรรย์สิ่งที่แปดของโลกยุคใหม่ พอจะเดาได้หรอกว่าพนักงานทำความสะอาดบ้านเขาคงดูดีกว่าฉันในตอนนี้ ซึ่งอยู่ในชุดกางเกงยีนส์ตัดขาด้ายห้อยรุ่งริ่ง เสื้อยืดเก่าเปื่อยสีม่วงอมน้ำตาลเหมือนสีผ้าขี้ริ้ว ผมซอยสั้นยุ่งเหยิงจากการนอนชี้ไปคนละทิศละทาง รองเท้าแตะยางที่เก่าจนงอนเป็นเรือถอดทิ้งกระจายไม่เข้าคู่อยู่บนพื้น
ฉันขยับตัวอย่างไม่สบายใจนิดหน่อย รู้สึกว่าเสื้อยืดเก่าจนเนื้อนุ่มบางตัวนี้มันดูเหมือนจะแนบชิดให้เห็นสัดส่วนและอวดผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียนของฉันมากไปสักเล็กน้อย ก็ฉันกำลังอยู่บ้านนี่นา และถึงเสื้อฉันจะเก่าแต่ก็ซักสะอาดหอมกรุ่น คุณแม่บ้านทั่วไทยไม่อาจตำหนิได้นะคะ
เมื่อตรวจตราด้วยสายตาจนพอใจแล้ว ริมฝีปากหยักของเขาก็เม้มจนเป็นเส้นตรง ไม่แน่ใจว่าฉันได้เห็นแววสมเพชเวทนาผ่านดวงตาเขาวูบหนึ่งหรือไม่ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรเจ้าสิ่งนั้นก็ผ่านไปเพียงแวบเดียว แล้วสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชาปนเย้ยหยันก็กลับมาใหม่
“จะไม่ให้ผมตามหาคุณได้ยังไง เด็กผู้หญิงตัวคนเดียว เรียนยังไม่ทันจบก็หนีออกจากบ้าน ขโมยเงินผู้ปกครองแล้วหายเข้ากลีบเมฆ แถมยังส่งจดหมายมาบอกว่าอดข้าวอดน้ำเพื่อเอาเงินไปซื้อกระดาษมาเขียนนิยายประโลมโลกขาย” เขาสาธยายอย่างรังเกียจ “นี่ถ้าผมรู้ตั้งแต่ตอนที่คุณกวาดพื้นบริษัทอยู่ว่าคุณเป็นใครละก็...”
เอ่อ...ฉันยังไม่ได้บอกคุณใช่ไหมคะ ว่านอกจากจะเคยเป็นเจ้านายแบบผ่านกันไปมาสักสองแวบในบริษัทยักษ์ใหญ่นั่นแล้ว ป่าโมกข์ยังเป็น...เอิ่ม...ญาติห่างๆ นอกสายเลือดกับฉันด้วย
เขาเป็นบุตรชายเลี้ยงของคุณยายน้อยของฉันเอง
อย่าเพิ่งงงค่ะ คือว่า คุณตาแท้ๆ ของฉันมีน้องสาว ก็คือคุณยายน้อย แล้วคุณยายแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมีลูกติดมาด้วยก็คือเขา
เราทั้งสองครอบครัวเคยอยู่บ้านติดกันเมื่อเขาและฉันยังเล็ก ฉันจำอะไรไม่ได้มากไปกว่าชื่อเขา แม้แต่หน้าก็จำไม่ได้ ก่อนที่เขาจะย้ายไปอยู่เมืองนอกพร้อมกับคุณยายน้อยและครอบครัว ตอนนั้นฉันคงอายุสักสี่ขวบได้ ยี่สิบปีผ่านไปหลังจากนั้น ฉันได้ไปสมัครเป็นแม่บ้านในตึกบริษัทของเขา
เขาก็รู้จักฉันอย่างห่างเหินเหมือนกัน ประมาณว่ารู้จักชื่อเสียงเรียงนามและหน้าตา(ตอนเด็ก)พอไม่ให้ลืมเท่านั้นเอง
“พอฉันรู้ตัวว่ากำลังทำงานให้กับคุณ ฉันถึงต้องรีบลาออก ไม่ใช่เพราะฉันอับอายที่ทำงานสุจริตนะคะ ฉันกลัวว่าคุณจะอายขายหน้าพนักงาน ถ้าใครเกิดรู้ว่าฉันเป็น...คนรู้จักกับคุณขึ้นมาน่ะสิ”
ฉันอุตส่าห์นึกถึงใจเขา ยอมเสียสละหางานใหม่ทำ พอดีได้งานล้างจานในร้านอาหารใกล้บ้านด้วย
“ไม่เห็นจะต้องกลัว ผมไม่อายเลย ไม่เห็นมีอะไรต้องอายด้วย คุณต่างหากควรจะมาบอกผมว่าเราเป็นญาติกัน แนะนำตัวเองทันทีที่รู้ไม่ใช่หนีหน้าแล้วลาออกไปเลย” ชายหนุ่มตำหนิ “ทั้งๆ ที่ผมหาตัวคุณอยู่”
“ใครจะไปรู้ล่ะคะว่าคุณหาตัวฉันอยู่” ฉันว่า “ก็เราไม่ได้สนิท ไม่ได้คุ้นเคยกันเลย”
“นี่คงเป็นเหตุผลแก้ตัวที่คุณหนีหน้าญาติของตัวเองใช่ไหม ถ้าคุณไม่กลัวใครตามตัวพบ คุณจะหลบหน้าผมทำไมครับ”
ฉันชักหงุดหงิด คนอะไรมาถึงก็ตั้งหน้าตั้งตาจะต่อว่ากัน “ฉัน...” ฉันตอบไม่ถูก เพราะฉันเองก็กึ่งหลบหน้าเขาจริงๆ ด้วยน่ะซี
คำพูดต่อมาของเขายิ่งทำให้ฉันเสียใจว่าไม่น่าหวังดีลาออกเพราะคิดถึงหน้าเขาเลยสักนิด
“คุณไม่เคยนึกเลยใช่ไหมว่าคุณตาของคุณจะเป็นห่วงขนาดไหน ไหนจะคุณป้าคุณอีก” เขากล่าวหาเสียงห้าว “พอผมได้รู้ว่าคุณอยู่ที่นี่น่ะ ผมถึงต้องมาดูเองให้เห็นกับตาว่าน่าจะเขย่าคุณให้หัวสั่นหัวคลอนเผื่อจะมีสติสำนึกขึ้นมาบ้างรึเปล่าน่ะสิ”
ฉันรู้สึกได้เลยว่าเลือดเหือดหายไปจากใบหน้า ก่อนความโกรธจะพุ่งจี๊ด
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดจากับฉันอย่างงี้!” ฉันร้อง อับอายที่คุณป้า(แม่มด)ผู้ปกครอง(เก่า)ของฉันเอาเรื่องบ้าๆ ที่เป็นความจริงไม่หมดนี้ไปเที่ยวโพนทะนาบอกใครๆ ไปทั่ว แล้วยังโกรธที่เขา ซึ่งนับเป็นคนอื่น มาถืออำนาจบาตรใหญ่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของฉัน “คุณไม่รู้เรื่องอะไรเลยแท้ๆ”
ฉันยังเรียนไม่จบก็จริง แต่เหลือเทอมสุดท้ายอีกแค่สามวิชาเท่านั้นฉันก็จะได้รับปริญญาสาขานิเทศศาสตร์จากการเรียนทางไกลที่พยายามมาตั้งนานสำเร็จแล้ว คุณป้าใจร้ายไม่รู้เรื่องนี้ เห็นทีคุณตาก็คงไม่ได้บอกเขาให้เข้าใจ
คุณป้าใจร้ายของฉันชื่อผ่องพรรณ ตั้งแต่พ่อแม่ของฉันเสียไปต้องย้ายไปอยู่กับป้า ป้าก็ใช้ฉันทำงานบ้านสารพัด แถมเกณฑ์แรงงานไปช่วยทำขนมขายเช้ายันค่ำยิ่งกว่า SME นรก จนฉันต้องอดหลับอดนอน ไปโรงเรียนไม่ทันเพื่อน สอบม.ปลายผ่านมาได้อย่างทุลักทุเล หลังจากนั้นยังกีดกันไม่ให้อ่านหนังสือทุกประเภทที่ฉันรัก
ฉันทนคุณป้าแม่มดอีกต่อไปไม่ไหว ในเมื่อคุณตาล้มป่วยด้วยโรคอัมพฤกษ์และต้องย้ายไปอยู่ในความดูแลของคุณน้าที่แสนดีอีกคน ห่างไกลไปอีกจังหวัดหนึ่ง บ้านเดิมของคุณตาซึ่งถูกป้าใจร้ายเข้าครอบครองก็กลายเป็นนรกบนดินสำหรับฉัน ซึ่งยังอยู่ในความอุปการะดูแลของเธอ
ฉันตัดสินใจไม่ทนเป็นซินเดอเรลล่าอีกต่อไป เกรงว่ากว่าเจ้าชายจะจัดงานเต้นรำ แขนฉันอาจมีกล้ามโตเพราะกวนขนมทองเอกมากเกินไปไม่เรียวสวยอย่างนี้อีกต่อไปแล้วก็ได้
ในวันที่คุณป้าลำเลิกบุญคุณว่าเหนื่อยยากเลี้ยงฉันมา (ทั้งที่ตอนที่แม่จากไปฉันก็อายุสิบสอง ไม่ต้องให้คุณป้าเหนื่อยยากแล้ว) เสียเงินเสียทองตั้งเท่าไหร่ (ทั้งที่ฉันรู้ว่าทุกบาททุกสตางค์คุณตาเป็นคนออกเงิน โดยจ่ายจากบัญชีที่พ่อกับแม่เหลือไว้ให้ฉัน) แล้วฉันยังขี้เกียจตัวเป็นขน ฯลฯ (ทั้งที่ฉันช่วยทำขนมขายอยู่ทุกวัน วันละหลายชั่วโมง) ฉันก็สุดจะทนอยู่ต่อไป
ฉันหนีออกจากบ้านมาเผชิญโชคตามลำพัง หยิบสร้อยแหวนในกล่องที่เป็นของแม่ และเงินค่าขนมในกระปุกที่คุณตาให้ฉันมา ไม่ได้ขโมยของใครสักหน่อย ยายป้าใจร้ายหาว่าฉันขโมยเงิน ไม่อยากจะเชื่อเลย
ป้าผ่องพรรณต่างหาก ที่เม้มเงินค่าขนมที่คุณตาให้ฉันไปตลอดเวลา คุณตาให้ฉันไปโรงเรียนวันละห้าสิบ แต่ฉันได้แค่วันละสามสิบเท่านั้น (ถึงอย่างนั้นก็เก็บไว้วันละห้าบาทสิบบาทได้จนเต็มกระปุกล่ะน่า)
ฉันได้อาศัยเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ ของแม่เป็นทุนรอนเพื่อเช่าบ้าน และหางานทำ เริ่มจากขายของในห้างสรรพสินค้า และสมัครเรียนทางไกลไปพร้อมๆ กัน
ตอนนี้ฉันอยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างดีมาหกปีแล้ว ตอนช่วงเปลี่ยนงานก็ทำงานสุจริตทุกอย่างที่หาได้อย่างไม่เกี่ยงงอน ไม่ว่าจะล้างจาน เสริฟอาหาร หรือรับเลี้ยงเด็ก ฉันหาลำไพ่พิเศษด้วยการเขียนนิยายน่ารักๆ ขาย พยายามที่จะเป็นนักเขียนประจำที่มีรายได้พอเพียงเลี้ยงตัว และคิดว่าอีกไม่นานคงจะสำเร็จได้
ความฝันของฉันมันผิดตรงไหนเหรอ
ตั้งแต่ออกจากบ้านป้าผ่องพรรณ ฉันไม่เคยคิดว่าชีวิตตนเองน่าสมเพชอีกต่อไปแล้ว แล้วดูตอนนี้สิ จะต้องมีหนุ่มไฮโซผู้ไม่เคยรีดเสื้อผ้า ขัดรองเท้า ถูบ้าน หรือแม้กระทั่งชงกาแฟกินเองที่บริษัทมาดูถูกดูหมิ่น
เขาถอนใจ ท่าทางก้าวร้าวลดลง “เอาละ เราจะไม่เริ่มด้วยการทะเลาะกันก็ได้” เขาพูดราวกับว่าเป็นผู้กำกับ หรือคนเขียนบท ที่บงการให้อะไรเป็นอย่างใจได้ ขยับไหล่ถอดเสื้อสูทที่ไม่เหมาะกับอากาศสามสิบกว่าองศาหน้าระเบียงบ้านที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบเหมือนในรถของเขาออก
คลายปมเน็คไทแล้วปลดกระดุมเม็ดบนของเสื้อเชิ้ต
ฉันรู้สึกแปลกกับอากัปกิริยาของเขาจนความโกรธหายไปส่วนหนึ่ง รู้สึกราวกับกำลังดูโฆษณาเสื้อผ้า หรือภาพยนตร์สักฉากตอนพระเอกกลับบ้านเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย เขาพาดเสื้อสูทไว้บนราวระเบียง ปลดกระดุมแขนเสื้อแล้วพับขึ้นมาช้าๆ ท่าทางประณีต
ฉันจ้องเขม็งกะจะเก็บภาพไว้บรรยายในนิยายเรื่องต่อไป ขณะที่ฟังเขาพูด
“ผมจะไม่วิจารณ์คุณ ขอแค่ความร่วมมือเท่านั้น”
“ร่วมมือ?” ฉันถามอย่างใจลอย
“ใช่...ที่ผมต้องตามหาคุณ ก็เพราะคุณลุงของผม...ซึ่งก็คือคุณตาคุณ...ขอร้องผมมา”
“คุณตา?” นอกจากเขาจะดูถูกความฝันของฉันแล้ว ยังสามารถลดระดับให้ฉันกลายเป็นนกแก้วหัดพูดไปได้อีกด้วย
ฉันงง ทำไมคุณตาต้องตามหาฉัน ในเมื่อฉันเขียนจดหมายไปหาคุณตาเป็นประจำทุกสัปดาห์ นานๆ ทีก็โทรไปหาคุณน้าเพื่อถามข่าวคราว (ค่าโทรศัพท์ทางไกลมันแพงสำหรับฉันน่ะค่ะ)
เขาพยักหน้านิดหนึ่ง แค่อาการขยับศีรษะลงหนึ่งมิลลิเมตร ใบหน้านิ่งขรึม
“เวลานี้ท่านไม่สบายมาก”
“ไม่สบายมาก!” ฉันส่งเสียงสูงด้วยความตกใจ “ตาเป็นอะไรคะ?!”
เขาชายตามาอย่างตำหนิ
“คุณคงคิดสินะว่าแค่ส่งข่าวไปว่าสบายดีแค่นั้นก็เพียงพอ คุณสบายดีจริงหรือเปล่า อยู่ที่ไหน อย่างไร และอีกฝ่ายเป็นอย่างไรคุณเคยนึกถึงบ้างไหม” แล้วเขาก็ประณามฉันอีกจนได้ “เมื่อคุณบอกไปว่าตกงานคราวที่แล้ว จะไปสมัครเป็นแม่บ้านน่ะ ท่านเป็นห่วงกังวลใจมากจนไม่ยอมทานอะไร ตอนนี้ร่างกายอ่อนแอเต็มที”
ฉันตกใจจนพูดจาตะกุกตะกัก “ตะ แต่หลังจากนั้นฉันก็เขียนไปบอกนี่คะว่าสบายดี ได้งานแล้ว และนี่ก็เรียนจะจบแล้ว เพิ่งขายนิยายได้อีกเรื่องหนึ่งด้วย”
“เห็นได้ชัดว่าท่านไม่ได้รับอะไรเลยในช่วงสามเดือนหลังนี้” เขาขัดขึ้น
คราวนี้ฉันเข่าอ่อนจริงๆ รู้สึกตัวโอนเอนจนอยากจะนั่งแปะลงบนพื้นระเบียง คิดอะไรแทบไม่ออก
“ฉะ ฉันต้องไปหาคุณตา” ฉันพูดออกเพียงแค่นั้น
ป่าโมกข์ระบายลมหายใจเบาๆ ดูราวกับโล่งใจที่ฉันไม่ได้แสดงท่าทางต่อต้านว่าจะไม่กลับบ้านทั้งๆ ที่ผู้มีคุณป่วยหนัก ในสายตาเขาฉันอาจเป็นเด็กเลวมากๆ
“คุณจะไปกับผมเดี๋ยวนี้เลยก็ได้” เขาเสนอ “แต่มีอีกอย่างที่คุณควรจะรู้ไว้ก่อน”
ฉันเงยหน้ามองเขาอย่างสับสนว้าวุ่นใจ “อะไรคะที่ฉันต้องรู้”
เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ท่าทางลำบากใจเล็กน้อย
“ท่านอาจจะ...ขอบางสิ่งบางอย่างจากคุณ...และให้โอกาสคุณสามารถปฏิเสธได้” เขาบอก “ผมขอแนะนำว่า คุณจะปฏิเสธเพื่อให้ท่านสบายใจก็ได้ เพียงแต่คุณควรจะรู้เอาไว้ว่า ในความเป็นจริงแล้วคุณไม่สามารถปฏิเสธมันได้”
ฉันไม่เข้าใจปริศนาทายคำของเขา “คุณตาจะขออะไร”
“ขอให้คุณแต่งงานกับผม”
ฉันทำหนังสือนิยายรักที่อ่านค้างอยู่ในมือหล่นตกพื้น
เป็นตอนนั้นเองที่ทุกอย่างกระจ่างชัดขึ้นมาว่าฉันมีชีวิตที่ผ่านมา และกำลังจะดำเนินต่อไปอย่างเช่นนิยายพาฝันไม่มีผิด
แล้วอย่างนี้คุณจะไม่ให้ฉันเขียนได้อย่างไรกันคะ
จนมาถึงวันนี้ วันที่ฉันจรดปากกาเขียนเรื่องนี้ขึ้นจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง ฉันยังอัศจรรย์ใจไม่หายในสิ่งที่ชีวิตน้อยๆ นี้ได้ผ่านพบมา รู้สึกเลยว่า ไม่เขียนไม่ได้แล้ว
อ่านต่อไปเถอะค่ะ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งซึ่งเป็นแฟนนิยายรักหวานฉ่ำ รับรองว่าเรื่องนี้จะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวัง
แฟนนิยายน้ำเพาะยุงตัวจริงให้คำรับรองค่ะ
โมกข์ – ความหลุดพ้น, นิพพาน, หัวหน้า, ประธาน
อ่านข่าวคราวของหนังสือและการวางจำหน่ายคลิ๊กที่นี่ค่ะ
Create Date : 27 พฤษภาคม 2552
Last Update : 13 ตุลาคม 2554 9:11:29 น.
2 comments
Counter : 1434 Pageviews.
Share
Tweet
เออ...เมื่อก่อนมานชื่ออื่นช่ายมั้ยคะ
จะวางแผงก่อนอีกนิดได้มัยหนอ จะไปเจเจศุกร์นี้แล้วจะได้มาอ่านมัยเนี้ย
โดย: แรคคูน IP: 118.172.23.114 วันที่: 10 มิถุนายน 2552 เวลา:0:14:56 น.
คุณ แรคคูน - เปลี่ยนชื่อเรื่อง แก้ไขเพิ่มเติม บวกเพิ่มตอนพิเศษ กลายมาเป็นเรื่องนี้ค่ะ
โดย:
ศรีสุรางค์
วันที่: 10 มิถุนายน 2552 เวลา:7:13:03 น.
ศรีสุรางค์
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [
?
]
visit me at:
ประวัติผลงาน
สงวนลิขสิทธิ์
การนำส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของงานเขียนในเว็บนี้ ไปเผยแพร่ ดัดแปลง เสนอขาย โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
Srisurang's bookshelf: read
More of Srisurang's books »
My Goodreads bookshelf
Srisurang's favorite books »
Share
book reviews
and ratings with Srisurang, and even join a
book club
on Goodreads.
Friends' blogs
lozocat
ป้ามด
ป้าหนอน
กะว่าก๋า
หอมกร
สาวไกด์ใจซื่อ
โสมรัศมี
ยาคูลท์
อั๊งอังอา
ฟิลิเซียน่า
Franc
o_pinP
nikanda
หมูย้อมสี
ลุงแอ๊ด
แม่ไก่
than-nawa
pichayaratana
lekouy
ย่าชอบเล่า
Lavinia
จโกระ&ลาชา
tuktuk thailand
addsiripun
เกศสุริยง
ปลายทางของสายรุ้ง
froggie
KiRaRi
เหมือนพระจันทร์
หัวใจสีชมพู
อ้อมกอดของความเหงา
jackfruit_k
Sab Zab'
Webmaster - BlogGang
[Add ศรีสุรางค์'s blog to your web]
Links
ค้นพระไตรปิฎก
สำนักพิมพ์ 1168
readandsmile
สถาพร-พิมพ์คำ
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
จะวางแผงก่อนอีกนิดได้มัยหนอ จะไปเจเจศุกร์นี้แล้วจะได้มาอ่านมัยเนี้ย