|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ถามปัญหาวิทยาศาสตร์ กับ ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล
ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจฉบับวันพุธ หน้าวิทยาศาสตร์-จินตนาการ ท่านก็ตอบปัญหาวิทยาศาสตร์แก่บุคคลมากมาย //www.pantip.com/cafe/wahkor/article/chaiwat/cwt_subj.html ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีผมอยู่ ดังนี้
//www.pantip.com/cafe/wahkor/article/chaiwat/cwt_bkkbz141.html ถาม : เป็นไปได้ไหม ถ้าจะฝังอุปกรณ์ชนิดหนึ่งในตัวมนุษย์ ที่จะสามารถบอกตำแหน่งผู้นั้นบนโลกได้ ทั้งอดีตและปัจจุบัน เพื่อสืบคดีต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น?
ตอบ : ถ้าคุณสมภพ หมายถึงการฝังอุปกรณ์พิเศษบางอย่างในตัวมนุษย์ จะได้ถูกติดตามตลอดเวลาได้อย่างแม่นยำว่า ได้ไปอยู่ที่ไหนมาบ้าง เมื่อเวลานั้นเวลานี้ โดยที่เวลานั้น หมายถึงเวลาในช่วงปัจจุบัน คำตอบคือ ได้ ดังเช่น การฝังหรือติดอุปกรณ์ รับ-ส่ง สัญญาณจากระบบดาวเทียมชุด GPS (Global Positioning System) ซึ่งมีใช้กันแล้วในปัจจุบัน ก็จะสามารถบอกตำแหน่งของผู้มีอุปกรณ์การสื่อสารติดอยู่กับตัวได้ตลอดเวลาว่า อยู่ที่ไหน ณ ตำแหน่งแห่งใดบนโลก
แต่ถ้าคุณสมภพ หมายถึงการฝังอุปกรณ์พิเศษ ที่จะทำให้ทราบตำแหน่ง ซึ่งคงหมายถึง สถานที่เคยไปอยู่ในอดีตจริงๆ และตำแหน่งที่อยู่ในปัจจุบันด้วย ก็ยังไม่มีครับ
ถาม : ประเทศผู้นำทางเทคโนโลยี มักจะเห็นประชาชนเป็นหนูทดลองเทคโนโลยีใหม่ๆ ว่าจะมีผลดีหรือผลร้ายในระยะยาวอย่างไร อาจารย์เห็นว่า จริงหรือไม่ และนักวิทยาศาสตร์มีความรอบคอบเพียงใด ก่อนจะสร้างเทคโนโลยีขึ้นมา?
ตอบ : ผมคิดว่า คงไม่จริงไปเสียทั้งหมดหรอกครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคสมัยใหม่นี้ ที่ประชาชน สื่อมวลชนและองค์กรอิสระจะมีความตื่นตัว อีกทั้งการเฝ้าระวังพฤติกรรม หรือการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องเกี่ยวกับการทดลองเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างมาก ยกเว้น ประเทศสังคมนิยม หรือเผด็จการ ซึ่งก็เหลืออยู่น้อย ไม่กี่ประเทศแล้ว และประเทศสังคมนิยมก็มีการปรับนโยบาย อีกทั้ง การบริหารประเทศอย่างเปิดเผยกว่าแต่ก่อน
สำหรับนักวิทยาศาสตร์ ส่วนใหญ่ ก็จะระมัดระวังอยู่แล้ว ในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีความเสี่ยงสูง ในเชิงเป็นอันตรายต่อมนุษย์และสภาพแวดล้อม แต่ก็ย่อมจะมีอยู่เสมอครับ นักวิทยาศาสตร์ที่ต้องการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อผลประโยชน์ตอบแทนอย่างเดียว คือความมั่งคั่ง ทว่า ก็มีอยู่ไม่มากหรอกครับ
ถาม : การสะกดจิตให้ระลึกชาติ เกิดขึ้นได้จริงๆ หรือไม่? วงการวิทยาศาสตร์คิดอย่างไร?
ตอบ : การสะกดจิต เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริง และก็มีประโยชน์บ้างในด้านการแพทย์ ดังเช่น การสะกดจิตให้สตรีคลอดลูก โดยไม่รู้สึกเจ็บ แต่ทำให้เฉพาะแพทย์ที่เชี่ยวชาญจริงๆ และเฉพาะสตรีหรือคนบางคนเท่านั้น มิใช่ทุกคนครับ
สำหรับเรื่องการสะกดจิตให้ระลึกชาติ ก็มีข่าวเรื่องเล่าขานกันบ่อยๆ แต่เท่าที่ผมทราบ ยังไม่มีเกิดขึ้นอย่างชนิดที่ปฏิเสธไม่ได้
//www.pantip.com/cafe/wahkor/article/chaiwat/cwt_bkkbz156.html ถาม : จันทรคราสวงแหวนเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะเมื่อโลกใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดที่ระยะทาง 146,145,600 กิโลเมตร และดวงจันทร์อยู่ไกลจากโลกมากที่สุดที่ระยะทาง 404,800 กิโลเมตรนั้น เงาของโลกที่ดวงจันทร์มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 8,935.714 กิโลเมตร ในขณะที่ดวงจันทร์มีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 3,476 กิโลเมตร
ตอบ : คุณสมภพมีประเด็นทันสมัยเกี่ยวกับจันทรุปราคา ผมจึงรีบนำมาตอบ เพราะเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันที่ 16 กรกฎาคม 2543 และเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา คือวันอาสาฬหบูชา เกิดจันทรุปราคาที่ยาวนานที่สุดในรอบ 140 ปี และจะเกิดอย่างยาวนานเช่นนี้ก็อีก 1,000 ปีข้างหน้า โดยที่ช่วงเวลาเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง คือตั้งแต่เวลา 20.02 น. ถึง 21.49 น. รวมเวลาเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงนานถึง 1 ชั่วโมง 47 นาที ผมหวังว่าท่านผู้อ่านคงได้เห็นและตื่นเต้นกับจันทรุปราคาเต็มดวง เมื่อคืนวันอาสาฬหบูชากันไปแล้ว จะตีเกราะเคาะไม้ เคาะกะละมัง เพื่อความสนุกสนานไม่เป็นไร และได้สนุกกันเสียอีก ขออย่างเดียวอย่าไปตีเกราะเคาะไม้เคาะกะละมัง โดยไปเชื่ออย่างจริงจังว่า จะได้ไล่ราหูมิให้อมจันทร์ หรือเมื่ออมจันทร์ไปแล้ว จะได้คลายดวงจันทร์ออกมาเท่านั้นครับ
สำหรับประเด็นปัญหาของคุณสมภพ เป็นเรื่องลักษณะการเกิดจันทรุปราคา ซึ่งมักจะถูกเปรียบเทียบกับสุริยุปราคา ที่สำหรับกรณีของสุริยุปราคา จะเกิดได้ 3 แบบ คือแบบเต็มดวง แบบบางส่วน และแบบวงแหวน
แล้วสำหรับจันทรุปราคาล่ะ?
ความเข้าใจของคุณสมภพถูกต้องแล้วล่ะครับ จันทรุปราคาเกิดได้ 2 แบบเท่านั้น คือ แบบเต็มดวง และแบบบางส่วน สำหรับแบบวงแหวนเกิดขึ้นไม่ได้ ด้วยเหตุผลข้อมูลดังที่คุณสมภพยกมานั่นแหละครับ
ถาม : กล้องเซ็กส์แทนต์ ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้หาตำแหน่งเส้นรุ้งเส้นแวงของเรือพระที่นั่ง มีหลักการอย่างไร ?
ตอบ : กล้องเซ็กส์แทนต์ (Sextant) เป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับนักเดินเรือในสมัยเก่าก่อน ประกอบด้วย กล้องโทรทรรศน์ขนาดเล็ก ตั้งอยู่กับระบบในแนวราบ มีกระจกเรียก Horizon Mirror ซึ่งตามแบบเก่าจะเป็นกระจกฉายปรอทครึ่งหนึ่ง ติดอยู่กับระบบในแนวตั้งฉากกับระนาบของพื้นดิน สามารถรับและสะท้อนแสงไปเข้ากล้องโทรทรรศน์ได้ และมีกระจกอีกชิ้นหนึ่ง เรียก Index Mirror เพื่อรับแสงจากดาวที่สนใจ และสะท้อนแสงให้ไปสะท้อนจากกระจก Horrizon Mirror อีกทอดหนึ่งไปเข้าสู่กล้องโทรทรรศน์ เพื่อให้คนใช้สามารถมองเห็นดาวที่สนใจในกล้องโทรทรรศน์ได้
หน้าที่หลักของกล้องเซ็กส์แทนต์ คือหามุมเงย หรือความสูงเชิงมุมของดาวดวงหนึ่งในท้องฟ้า ค่าของมุมจะอ่านได้จากสเกลของเครื่องเซ็กส์แทนต์ ที่มีลักษณะเป็นเสี้ยวหนึ่งของวงกลม ซึ่งแต่เดิมมาเครื่องเซ็กส์แทนต์ จะมีสเกลเป็นหนึ่งในหกส่วนของวงกลม และจึงเป็นที่มาของชื่อ Sextant แปลว่า "หนึ่งในหกส่วน" นั่นเอง
เป้าหมายจริงๆ ของเครื่องเซ็กส์แทนต์ คือใช้ในการหาตำแหน่ง ละติจูด (Latitude) หรือเส้นรุ้งของเรือ (ที่กำลังใช้เครื่องเซ็กส์แทนต์) แต่ค่าที่อ่านได้จากเครื่อง ไม่ใช่ตำแหน่งละติจูดตรงๆ หากเป็นค่าของมุมเงย หลังจากที่ได้ค่ามุมเงยของดาวดวงหนึ่งในท้องฟ้าแล้ว ผู้ใช้กล้องเซ็กส์แทนต์ต้องคำนวณต่อ โดยใช้ข้อมูลที่สำคัญขณะนั้น คือเวลาก็จะคำนวณหาค่าของละติจูด หรือเส้นรุ้งของเรือได้ครับ
//www.pantip.com/cafe/wahkor/article/chaiwat/cwt_bkkbz263.html ถาม : พรสวรรค์ทราบว่า ถ่ายทอดทางยีนได้ แล้ว " พรแสวง " ของเราจะถ่ายทอดทางยีนให้เป็นพรสวรรค์ของลูกได้หรือไม่ ?
ตอบ : พรแสวง เป็นคุณสมบัติซึ่งเกิดขึ้นภายหลัง ไม่เข้าไปมีผลกับยีน จึงถ่ายทอดทางยีนให้แก่ทายาทไม่ได้ครับ
ถาม : ถ้าสัตว์ดึกดำบรรพ์ ดังเช่น นกยักษ์ ยังมีชีวิตมาถึงปัจจุบัน มนุษย์จะสามารถฝึก เพื่อใช้นกยักษ์เป็นยานพาหนะทางอากาศได้หรือไม่ ดังเช่นที่ มนุษย์รู้จักฝึกใช้ม้าเป็นยานพาหนะทางบก
ตอบ : เป็นความคิดที่น่าสนใจ แต่คงเป็นไปได้ยาก เพราะการฝึกนกยักษ์ให้เป็นยานพาหนะทางอากาศ จะยากและอันตรายกว่าการฝึกม้าอย่างมาก อีกประการหนึ่งมนุษย์จะพัฒนาเครื่องบินขึ้นมาใช้เป็นยานพาหนะทางอากาศ จะง่ายกว่า ใช้ประโยชน์ได้มากกว่าและแน่นอนกว่าการใช้นกยักษ์เป็นยานพาหนะทางอากาศครับ
ถาม : ดวงจันทร์มีผลต่อสมดุลทางธรรมชาติของโลกหรือไม่ ถ้าโลกอยู่มาตั้งแต่แรกเริ่มโดยไม่มีดวงจันทร์ จะมีอะไรที่แตกต่างจากโลกที่มีดวงจันทร์ในปัจจุบัน ?
ตอบ : ไม่ว่าโลกจะมีหรือไม่มีดวงจันทร์ มาตั้งแต่จุดแรกเริ่มกำเนิดของโลก ก็ต้องถือว่า ดวงจันทร์มีผลต่อสมดุลของโลกครับ เพราะทั้งสองกรณี โลกก็ต้องปรับตำแหน่ง ปรับสภาพการโคจรรอบดวงอาทิตย์ และสภาพทางกายภาพของโลกเอง ให้อยู่ในสภาพสมดุลที่สุด
ทุกวันนี้ ดวงจันทร์มีอิทธิพลต่อโลกที่สำคัญอยู่ 2 ประการ คือ หนึ่ง แรงดึงดูดของดวงจันทร์ มีผลต่อสภาพน้ำขึ้น - น้ำลงของโลก และสอง แสงสะท้อนของแสงอาทิตย์จากดวงจันทร์ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ข้างขึ้น - ข้างแรม
ถ้าโลกไม่มีดวงจันทร์ ปรากฏการณ์น้ำขึ้น - น้ำลงบนโลกก็จะยังเกิดอยู่ แต่จะเกิดน้อยกว่าที่เป็นอยู่ เพราะจะขึ้นอยู่กับอิทธิพลแรงดึงดูดของดวงอาทิตย์เท่านั้น๊
และอย่างแน่นอน ถ้าโลกไม่มีดวงจันทร์แต่แรกเริ่ม มนุษย์ก็จะไม่ได้เห็นดวงจันทร์ในท้องฟ้า เรื่องราว ทางด้านอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์เกี่ยวกับดวงจันทร์ก็จะไม่มี
อย่างไรก็ตาม ถ้าโลกไม่มีดวงจันทร์ตั้งแต่แรกเริ่ม ชีวิตบนโลกก็ยังเกิดขึ้นได้อยู่ดีครับ เพราะกำเนิดชีวิตบนโลก ขึ้นอยู่กับดวงอาทิตย์และสภาพของโลกเป็นสำคัญ ไม่ขึ้นอยู่กับดวงจันทร์มากนัก
//www.pantip.com/cafe/wahkor/article/chaiwat/cwt_bkkbz433.html ถาม : เป็นไปได้ไหม ถ้าจะใช้เลนส์นูนขนาดใหญ่ รวมแสงใส่เส้นใยแก้วนำแสง แล้วส่งไปให้อีกฟากโลกหนึ่งได้ใช้แสงสว่าง ?
ตอบ : คำตอบคือ เป็นไปได้ แต่จะต้องใช้ใยนำแสง (Fibre Optic) ที่ยาวมาก และจะต้องมีการใช้พลังงานเพื่อส่งให้แสงเคลื่อนที่ไปตามใยนำแสง จนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทางอีกฟากหนึ่ง หรือซีกหนึ่งของโลก เนื่องจากแสงที่เคลื่อนที่ไปตามใยนำแสง ก็ต้องสูญเสียความเข้มไปอยู่ดี เมื่อเคลื่อนที่ห่างไกลออกไปจากจุดกำเนิดแสง ถึงแม้ใยนำแสงจะสามารถนำแสงไปได้ดีและไกลกว่าการปล่อยแสงไปอย่างธรรมชาติบนโลก
ดังนั้น การส่งแสงจากซีกหนึ่งของโลก ไปยังอีกซีกหนึ่ง โดยผ่านทางใยนำแสง จะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก จนกระทั่งการผลิตแสงสว่างโดยวิธีอื่น ที่อีกฟากหรือซีกหนึ่งของโลก จะถูกกว่า ง่ายกว่าและสะดวกกว่ามากครับ
ถาม : ทำไมกังหันลมที่ปั่นไฟฟ้า จึงมีเพียง 2-3 ใบ ทั้งๆ ที่ยิ่งมีใบกังหันมากเท่าไร ก็ยิ่งมีกำลังปั่นไฟมากขึ้นเท่านั้น
ตอบ : กังหันลม เพื่อผลิตไฟฟ้า มีหลายแบบ ทั้งแบบมีใบกังหันเพียง 2 ใบ และที่มีใบกังหันเป็นจำนวนเกือบสิบใบ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดของกังหันลม รูปแบบ ปริมาณ และความแรงของลม และประสิทธิภาพ คือ กำลังไฟฟ้าที่ผลิตได้ โดยที่ต้องคำนึงถึงการคุ้มทุน ว่าจะได้ไฟฟ้าคุ้มกับการผลิตไฟฟ้าโดยวิธีอื่นหรือไม่
แนวโน้มความสนใจในเรื่องของกังหันลม เพื่อผลิตไฟฟ้าในระดับใหญ่ จะเป็นในรูปแบบของ "ไร่กังหันลม" ที่ประกอบด้วยกังหันลมขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก เพราะสามารถจะผลิตไฟฟ้าได้เป็นปริมาณมาก ในพื้นที่บริเวณซึ่งมีลมสม่ำเสมอ แต่ไม่แรงนัก
//www.pantip.com/cafe/wahkor/article/chaiwat/cwt_bkkbz469.html ถาม : ความมีสติปัญญาเกินอายุ อาจารย์เห็นว่า เป็นสิ่งที่น่าสนับสนุนไหมครับ เพราะมันอาจเป็นการฝืนธรรมชาติ เนื่องจากคนเราต้องเป็นไปตามขั้นตอนของพัฒนาการ
ตอบ : การมีสติปัญญาเกินอายุ ถ้าหมายถึงการมีความรู้ความคิดที่ดีกว่าคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน โดยทั่วไปความเห็นของผม คือเป็นสิ่งที่น่าสนับสนุน ถ้ามิใช่เกิดจากการที่ถูกบังคับ หรือถูกเร่งรัดจากคนอื่นๆ ดังเช่นคุณพ่อคุณแม่ หรือจากครูมากเกินไป นั่นคือถ้าเกิดจากตัว (ผู้มีสติปัญญาดีกว่าคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน) เอง และจริงๆ แล้ว สติปัญญาของคนโดยเฉลี่ย ก็ยังมีช่องว่างอีกมากที่สมอง ถ้าถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพจะแสวงหาและได้ทั้งความรู้และความคิด (ซึ่งก็คือปัญญาและสติ) มากกว่าคนอื่นๆ โดยทั่วไป
สำหรับการฝืนธรรมชาติ และเรื่องขั้นตอนของการพัฒนา สติปัญญาจะเกิดขึ้นได้จริงๆ ก็จะต้องไม่เป็นการฝืนทั้งธรรมชาติและขั้นตอนการพัฒนาอยู่แล้วครับ
ถาม : คุ้มไหมครับ ถ้าจะประสบความสำเร็จแต่วิชาวิทยาศาสตร์อย่างเดียว แต่วิชาอื่นไม่เก่ง ?
ตอบ : คนที่เก่งหรือประสบความสำเร็จ (อย่างมีความสุข) จริงๆ จะต้องเป็นคนที่เก่งในบางด้าน เช่น วิทยาศาสตร์อย่างเด่นชัด แต่ไม่หันหลังให้ด้านอื่นๆ ด้วย นั่นคือวิชาอื่นๆ ถึงแม้อาจจะไม่เก่งเท่าวิชาวิทยาศาสตร์ แต่ก็ต้องเอาใจใส่ด้วย มิฉะนั้นก็จะไม่เก่งจริงหรือไม่ประสบความสำเร็จอย่างมีความสุขอย่างแท้จริงครับ
ถาม : I.Q. กับ C.Q. คือสติปัญญากับความคิดสร้างสรรค์ เป็นสิ่งเดียวกันหรือจะแยกกันโดยอิสระครับ เพราะเห็นว่า บางคนที่เรียนเก่ง แต่ในชีวิต ไม่มีผลงานประดิษฐ์คิดค้น
ตอบ : I. Q. หรือ Intelligence Quotient มีความหมายที่เป็นสากล และมีระบบการทดสอบหรือวัดอย่างที่เป็นมาตรฐานยอมรับกันทั่วโลก ส่วน C.Q. ซึ่งคุณสมภพคงหมายถึง Creative Quotient หรือ Creativity Quotient (เลียนแบบ I.Q.) ที่เกี่ยวกับ 'ความคิดสร้างสรรค์' นั้น ไม่มีความหมายอย่างเป็นสากล และไม่มีระบบวิธีการทดสอบอย่างเป็นมาตรฐานจึงเปรียบเทียบกันจริงๆ ไม่ได้ แต่สำหรับส่วนที่เป็นเรื่องของ Intelligence (ความฉลาด) กับ Creativity (การสร้างสรรค์หรือความคิดสร้างสรรค์) นั้น Creativity เป็นส่วนสำคัญที่คนมี I.Q. สูงจะต้องมีครับ
สำหรับความเกี่ยวพันกับการประดิษฐ์คิดค้น คนที่เป็นนักประดิษฐ์จำเป็นจะต้องมีทั้งความคิดสร้างสรรค์ และ I.Q. แต่คนที่มี I.Q. สูง ไม่จำเป็นจะต้องเป็นนักประดิษฐ์คิดค้นครับ
ตัวอย่างคือ ไอน์สไตน์ ไม่ใช่นักประดิษฐ์ แต่เป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นคนมี I.Q.สูงมาก
//update.se-ed.com/167/chaiyakupt.htm ถ.นักวิทยาศาสตร์มีวิถีหยั่งรู้ เรื่องราวความเป็นไปของหน่วยที่เล็กที่สุดของสสารได้อย่างไร ในเมื่อมันอยู่เกินวิสัยที่กล้องจุลทรรศน์จะส่องเห็น?
ต.มาถึงปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์มีกล้องจุลทรรศน์ชนิดพิเศษ (เรียกว่า Scanning Tunnelling Microscope) สามารถส่องเห็นอะตอมเดี่ยวๆ ได้ จึงเป็นหลักฐานยืนยันอย่างปฏิเสธไม่ได้ว่า อะตอมมีจริง และนักวิทยาศาสตร์ก็สามารถใช้เทคโนโลยีทันสมัยระดับมองเห็นอะตอมได้ ศึกษาสภาพและคุณสมบัติต่างๆ (บางประการ) ของอะตอมได้...
แต่ก่อนที่นักวิทยาศาสตร์จะสามารถศึกษาอะตอมได้ตรงๆ ก็อาศัยความคิดอาศัยจินตนาการ โดยมีทฤษฎีและหลักฐานจากความเป็นจริงหรือการทดลองเป็นข้อมูลจากสิ่งที่มองเห็นได้ประกอบ ความคิดและจินตนาการครับ
มาถึงวันนี้ นักวิทยาศาสตร์จึงสามารถมองเห็นอะตอมได้แล้ว แต่ก็ยังมองไม่เห็นหน่วยเล็กที่สุดของสสาร ซึ่งถึงปัจจุบัน คือ ควาร์ก และจึงต้องอาศัยความคิดอาศัยจินตนาการเป็นเครื่องมือศึกษาเรื่องราวความเป็นไป เป็นมาของหน่วยเล็กที่สุดเหล่านี้ โดยอาศัยหลักฐานข้อมูลที่ใหญ่กว่า ที่ศึกษาได้โดยตรง ช่วยทั้งตรวจสอบ นำทางและในเชิงพยากรณ์ด้วยครับ
ถ.ในการทำนายสภาวะอากาศบน ผิวโลกล่วงหน้าของกรมอุตุนิยมวิทยา จำเป็นจะต้องคำนึงถึงผลกระทบจากดวงจันทร์ด้วยหรือไม่ เพราะดวงจันทร์นอกจากจะมีผลต่อน้ำขึ้นน้ำลงแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อบรรยากาศโลกให้ป่องใน ทิศทางเดียวกับน้ำได้ด้วย?
ต.เป็นความจริงที่แรงดึงดูดของดวงจันทร์มีผลต่อบรรยากาศของโลก เช่นเดียวกับน้ำบนโลก แต่ผลต่อบรรยากาศจากดวงจันทร์ มีน้อยกว่าผลจากดวงอาทิตย์มาก ดังนั้น ในการพยากรณ์อากาศโดยทั่วไป จึงมิได้คำนึงถึงผลกระทบจากดวงจันทร์
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการพยากรณ์อากาศ ถ้าจะให้มีความแม่นยำกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมาก ซึ่งเป็นประเด็นของการศึกษาวิจัยเรื่องของการพยากรณ์อากาศในเชิงลึกที่ละเอียดที่สุด นักวิทยาศาสตร์ก็จะ คำนึงถึงปัจจัยตัวแปรทุกชนิด ไม่ว่าจะมีผลมากหรือน้อยเพียงใด ที่มีผลต่อสภาพลมฟ้าอากาศ รวมทั้งผลจากดวงจันทร์ด้วยครับ
ถ.การคิดนั้น มีการสูญเสียพลังงานเหมือนการใช้กำลังกายหรือไม่?
ต.การคิดเป็นกระบวนการหรือกิจกรรมของสมอง ซึ่งตราบเท่าที่คนๆ หนึ่ง ยังมีชีวิตอยู่ สมองก็ไม่เคยหยุดทำงานเลย ไม่ว่าจะเป็นเวลาหลับหรือตื่น เพียงแต่ว่า ขณะที่คนๆ หนึ่งกำลังหลับอยู่ สมองของเขาก็จะทำงานไม่เต็มที่เท่าขณะกำลังตื่นอยู่ และขณะที่กำลังตื่นอยู่ สมองของคนๆ หนึ่งที่กำลังขบคิดแก้ปัญหาอะไรบางอย่างอยู่อย่างหนัก ก็จะทำงานคือ มีกิจกรรมเกิดขึ้นในสมอง มากกว่าขณะที่คนๆ นั้นกำลังรู้สึกผ่อนคลาย หรือไม่คิดอะไรเลย
ในการทำงานของสมอง จะมีความเคลื่อนไหวหรือกิจกรรมเกิดขึ้นในสมองตลอดเวลาในรูปของ สัญญาณไฟฟ้าและเคมี ซึ่งเป็นผลจากการทำงานของเซลล์สมอง และเซลล์สมองก็จึงต้องการทั้งอาหาร และเชื้อเพลิงช่วยซ่อมบำรุงเซลล์สมองและเป็นพลังงานให้เซลล์สมองทำงานอยู่ได้ ร่างกายจึงต้องส่งทั้ง อาหารและเชื้อเพลิงคือออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง ตลอดเวลา
สรุปก็คือ การคิด ก็มีการสูญเสียพลังงานเหมือนกับการใช้กำลังกายครับ
ถ.จะเป็นการคุ้มหรือไม่ ถ้าคนๆ หนึ่ง จะประสบความสำเร็จแต่ เฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์วิชาเดียว ไอน์-สไตน์ตอนเด็กๆ ก็เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่?
ต.สำหรับผม คิดว่า ไม่คุ้มครับ เพราะการดำรงชีวิตอย่างให้มีคุณค่าในปัจจุบันต้องอาศัยความรู้ความคิด ทักษะของหลายๆ สาขาวิชาประกอบกัน จึงจะดีที่สุด จะอาศัยความเก่งวิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ครับ
สำหรับไอน์สไตน์ ผลจากการที่ไอน์สไตน์ไม่ชอบศึกษาวิชาอื่นๆ ที่ไม่ใช่คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ก็สร้างปัญหาให้กับไอน์สไตน์มาก กว่าที่เขาจะประสบความสำเร็จ เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงและเมื่อเขาเป็น ผู้ใหญ่เต็มตัว ประสบความสำเร็จในทางด้านวิทยาศาสตร์อย่างสูงสุด เขาก็เตือนคนอื่นๆ ให้เอาใจใส่ ในศาสตร์ต่างๆ ด้วย มิใช่วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์เพียงอย่างเดียวครับ
Create Date : 11 พฤษภาคม 2549 |
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2551 21:46:00 น. |
|
13 comments
|
Counter : 2353 Pageviews. |
|
|
|
โดย: HTK IP: 203.113.38.12 วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:27:37 น. |
|
|
|
โดย: oatto IP: 58.64.126.58 วันที่: 13 พฤษภาคม 2549 เวลา:5:11:10 น. |
|
|
|
โดย: ใครก็ได้ 555+ IP: 124.157.236.46 วันที่: 15 พฤษภาคม 2549 เวลา:22:21:07 น. |
|
|
|
โดย: lnwarm3 IP: 203.113.46.4 วันที่: 19 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:51:32 น. |
|
|
|
โดย: . IP: 203.113.16.250 วันที่: 19 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:53:05 น. |
|
|
|
โดย: lnw IP: 203.113.46.4 วันที่: 19 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:56:27 น. |
|
|
|
โดย: เจมส์ศักดิ์ IP: 203.113.51.5 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:33:23 น. |
|
|
|
โดย: mook IP: 203.172.57.142 วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:54:52 น. |
|
|
|
โดย: ข้าวปั้น IP: 124.121.131.115 วันที่: 30 ตุลาคม 2552 เวลา:17:55:30 น. |
|
|
|
โดย: นิตยา IP: 182.93.193.76 วันที่: 16 กันยายน 2553 เวลา:10:44:26 น. |
|
|
|
โดย: เจษฎา IP: 223.207.13.213 วันที่: 26 มิถุนายน 2554 เวลา:20:15:19 น. |
|
|
|
โดย: ปริญญา IP: 27.130.57.252 วันที่: 17 มีนาคม 2555 เวลา:17:26:47 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
นครราชสีมา Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]
|
รูปภาพทั้งหมดในนี้ สามารถนำไปใช้ได้ฟรีนะครับ แต่ไม่ควรลบสัญลักษณ์แสดงความเป็นเจ้าของในรูปออกไป รูปใดไม่มีสัญลักษณ์ อยากให้ช่วยอ้างอิง จาก sompop.bloggang.com ด้วยครับ
|
|
|
|
|
|
|
|
งั้นถามต่อ
แล้วทำไม จ๊อด แน็ท จึงประสบความสำเร็จทางด้านคณิตศาสตร์ ทั้งๆ ที่เรียนคณิต อย่างเดียวอ่าคะ ได้โนเบลด้วย