--[กาลครั้งหนึ่ง..ความรัก ตอนที่ 11 (อวสาน)]--
กาลครั้งหนึ่ง ความรัก ตอนที่ 1

กาลครั้งหนึ่ง ความรัก ตอนที่ 2

กาลครั้งหนึ่ง ความรัก ตอนที่ 3

กาลครั้งหนึ่ง ความรัก ตอนที่ 4

กาลครั้งหนึ่ง ความรัก ตอนที่ 5

กาลครั้งหนึ่ง ความรัก ตอนที่ 6

กาลครั้งหนึ่ง ความรัก ตอนที่ 7

กาลครั้งหนึ่ง ความรัก ตอนที่ 8

กาลครั้งหนึ่ง ความรัก ตอนที่ 9

กาลครั้งหนึ่ง ความรัก ตอนที่ 10


........................................................................................


ตอนที่ 11 (อวสาน)




23.00 น. วันที่ 11 กันยายน 2548


หมันโทรหาน้องหยง จากที่เหินห่างกันมา 1 เดือนเต็ม ๆ
น้องหยงเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปจนหมันตกใจ

"ฮัลโหล น้องหยงเหรอ"

"ค่ะ"

"ว่าไง สบายดีไหม"

"สบายดีค่ะ แต่เหนื่อย ๆ"

"ทำไมล่ะ"

"งานเยอะ เรียนหนักน่ะค่ะ"

"อืมมมม พยายามเข้านะ"


"................................" (เงียบไปชั่วครู่)





"น้องหยงไม่ค่อยโทรหาพี่เลยนะเดี๋ยวนี้"

"หยงเหนี่อยน่ะค่ะ"

"เหรอ"

ในใจหมันคิด (มันจะเหนื่อยอะไรกันขนาดนั้น ขนาดเมื่อก่อน ให้ดึกขนาดไหน เธอก็ต้องโทรมา หรือไม่ก็บังคับให้เราโทรไป ) แต่หมันก็ไม่ได้พูดอะไร


"อาทิตย์นี้ว่างไหม"

"ไม่ว่างค่ะ"

"อ้าว หยุดไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ว่างล่ะ"

"ต้องไปกับที่บ้านน่ะค่ะ"

"อ่ะ ไปไหนกัน"

"ไปเชียงใหม่ค่ะ"

"อืมมมม เที่ยวเผื่อพี่ด้วยนะ"

"ค่ะ"


"......................................" เงียบ



"น้องหยงครับ พี่ถามอะไรหน่อยสิ"

"อะไรคะ"

"น้องหยงเป็นส้นตรีนอะไรครับ"

"ป่าวนี่คะ ไม่ได้เป็นอะไร"

"เหรอ"

"ค่ะ"

"แล้วทำไมเดี๋ยวนี้ น้องหยงเปลี่ยนไปล่ะ ไม่โทรหาพี่เลย"

"ก็หยงไม่ค่อยมีเวลานี่คะ"

"ไม่มีเวลา!!!!!"

"ค่ะ"

"จริงดิ"

"จริงค่ะ"

"เอาล่ะ งั้นพี่ถามตรง ๆ เลยดีกว่า"

"ค่ะ"

"ยังรักพี่อยู่ไหม??????"

"............................" เงียบไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง

"ก็รักค่ะ"

"แล้วทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ"

เมื่อหมันเริ่มจี้น้องหยงมากขึ้น น้องหยงก็เหมือนจะทนไม่ไหว ก็เลยหลุดออกมา

"พี่หมันคะ"

"อืมม ว่าไง มีอะไรก็พูดมาเถอะ พี่ไม่สบายใจเลย คิดมากมาเป็นเดือนแล้ว ว่ามันเกิดอะไรขึ้น"

"ขอโทษค่ะ แต่ว่า พี่หมันเข้าใจไหมคะ ว่าที่บ้านของหยง ไม่ยอมรับพี่หมัน"

"เข้าใจครับ"

"3 ปีที่ผ่านมา หยงพยายามที่จะพูดเรื่องพี่หมันให้ที่บ้านได้รับรู้ แต่รู้ไหมคะ ว่า เค้าไม่แม้แต่จะฟัง"

"อืมมมม น้องหยงไม่เคยเล่าให้พี่ฟังเลยนะ"

"ค่ะ ไม่เคยค่ะ เพราะหยงคิดว่าหยงจะจัดการปัญหาได้"

"แล้วไงต่อ"

"แล้วพี่หมัน ก็ไม่มีทีท่าว่าจะพยายามสร้างเนื้อสร้างตัวเลย เอาแต่ทำงาน ไม่เห็นอนาคตไปวัน ๆ "

"อืมมมม ยอมรับครับ"

"ทีนี้ เมื่อพี่หมัน ไม่มีอะไรที่จะมาเป็นเครื่องยืนยันให้หยง และคนที่บ้านหยง เชื่อได้ว่า พี่หมันจะสามารถเลี้ยงหยงได้ หยงก็คิดมากเหมือนกัน เพราะยังไง หยงก็ต้องเลือกที่บ้านอยู่แล้ว"

"ครับ เข้าใจ แล้วยังไงต่อล่ะ"

"หยงว่า เราห่างกันซักพักดีกว่าไหมคะ"

"ห่างกัน!!!!!! เพื่อจะเลิกกันน่ะเหรอ"

"นั่นก็ต้องดูกันอีกทีค่ะพี่หมัน ขอเวลาให้หยงหน่อยนะคะ"

"แล้วจะห่างกันไปนานเท่าไหร่"

"เอาไว้หยงโทรไปบอกดีกว่าไหมคะ ตอนนี้ หยงยังให้คำตอบไม่ได้"

"อืมมมมมมมม ถ้าน้องหยงต้องการอย่างนั้น พี่ก็คงขัดไม่ได้"

"ขอบคุณค่ะ"


หลังจากนั้น ก็วางหูไป........................


สาเหตุ เกิดขึ้นที่หมันเอง หมันคนเดียว

นี่คือความในใจที่หมันเขียนไว้ใน bloggang เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2548


ใจความมีดังต่อไปนี้


ผมขอโทษที่ผมไม่ได้เกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวยเงินทอง ไม่มีอะไรที่จะยืนยันให้ ครอบครัวของเจ๊โหดเชื่อถือได้ อย่างที่เค้าว่า

"ความรักไม่ทำให้ท้องอิ่ม กัดก้อนเกลือกินมันหมดสมัยไปแล้ว"

ตัวเจ๊โหดเป็นลูกสาวคนเดียวในบ้าน ที่มีแต่ลูกชาย 3 คน เค้าเลยต้องห่วง ต้องหวงเป็นธรรมดา ซึ่งผมเข้าใจ

ซึ่งเวลา 3 ปี ผมไม่สามารถพิสูจน์ให้ เจ๊โหดเชื่อได้ว่าผมสามารถจะเลี้ยงเค้าให้รอด อะไรก็ไม่มีสักอย่าง ก็จริงของเธอแล้วแหล่ะครับ ผมหลักลอยเกินไป ไม่มีความกระตือรือล้น ที่จะพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น มัวแต่พอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น

ถึงเจ๊โหดจะรักผมขนาดไหนก็เหอะ ครอบครัวเค้าต้องไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว

ซึ่งกว่าจะรู้สึกตัว มันก็สายไปเสียแล้ว

เธอบอกว่า ห่าง ๆ กันซักพักดีกว่า ให้เวลากับตัวเองซักระยะ

ผมรู้ดีว่า อีกไม่นานหรอก มันจะห่างไปเรื่อย ๆ ๆ ๆ จนในที่สุดก็จะหายไปจากชีวิตของกันและกัน

คุยกันเสร็จ 24.00 น. คุณเชื่อไหมครับ ผู้ชายหน้าเชี่ย ๆ อย่างผมเนี่ย ร้องไห้ ครับ ร้องไห้ ร้องจริง ๆ เป็นการร้องไห้ครั้งแรกในช่วง เกือบ ๆ 10 ปี ผมเสียน้ำตาให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ผมรักเธอมาก รักมากจริง ๆ ขนาดพ่อผมเสีย ผมยังไม่ร้องไห้มากมายขนาดนี้ อย่างมากก็น้ำตาซึม ๆ เท่านั้น ไม่น่าเชื่อนะครับ

ผมคงต้องใช้เวลาทำใจอีกนานมาก เพราะชีวิต เกือบ 4 ปีที่ผ่านมา ผมมีแต่เจ๊โหด ต่อไปนี้ เจ๊โหด สำหรับผม ไม่มีอีกแล้ว

ไม่มีอีกแล้วคนที่จะมาคอยโทรจิกว่า อยู่ไหน กลับบ้านหรือยัง กินข้าวหรือยัง ทำอะไรอยู่ ไม่สบายดีขึ้นไหม ฯลฯ


.................................................................................................


นั่นคือ บทความที่หมันได้ไปเขียนไว้ใน bloggang เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2549 เรื่องราวต่าง ๆ ที่หมันได้เล่ามา คงจะบอกเรื่องราวต่าง ๆ ได้ทั้งหมดแล้ว แต่ยังครับ เรื่องราวมันยังไม่ได้จบแต่เพียงเท่านี้

เมื่อหมัน เฝ้าแต่รอคอย ให้น้องหยงโทรมาหาซักที น้องหยงก็ไม่โทรมาเลย หมันส่งเมล์ไปให้ น้องหยงก็ไม่ตอบกลับมา หายไปเลย

หมันทน จนในที่สุด 1 เดือนผ่านไป.......น้องหยงก็โทรมา!!!!!!!


ขอเรียนเชิญญาติโยม สาธุชนทั้งหลาย ขึ้นมาบนศาลาได้แล้ว
นำคณะผ้าป่าให้ขึ้นมาทั้งหมดเลยหลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว
เณร ๆ เดี๋ยวไปตามพระอาจารย์หม่ำ ตะกละพุงโลมาด้วย
อ้าวโยม ๆ รับโทรศัพท์ด้วย สายเข้า
รับสายยยยยยยยย................. สาธุ

เสียงโทรศัพท์มือถือหมันดังขึ้น เมื่อเวลา 22.20 น. ของคืนวันที่ 10 ตุลาคม 2548 นับวันเวลาได้ 1 เดือนพอดี หลังจากที่หมันและ เจ๊โหด ตกลงกันว่า จะห่าง ๆ กันซักพัก


หมันเหลือบดูชื่อผู้โทรเข้า "น้อง.........." โทรมาจริงๆ ด้วย ทำใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกดรับ

หมัน "หวัดดีจ้ะ"

น้องหยง "อืม หวัดดี ทำไรอยู่"

หมัน "ดูหนังอยู่"

น้องหยง "ดูหนังอีกแล้ว เรื่องอะไรล่ะ"

หมัน "มหา'ลัยเหมืองแร่"

น้องหยง "เหรอ ดูกี่รอบแล้วเนี่ย"

หมัน "2 รอบ ก็เช่ามาดูเนี่ยแหล่ะรอบนึง แล้วก็ที่ไปดูกับน้องหยงมาที่โรงหนัง อีกรอบไง"

น้องหยง "อืม จำได้"


.........................................................

ต่างคนต่างเงียบรอเวลาที่ใครคนใดคนหนึ่ง จะพูด

บรรยากาศเริ่มผันผวน กระอักกระอ่วนใจ

ในที่สุดหมันก็ทำลายความเงียบนั้น ด้วยคำถามที่ว่า

"น้องหยงพี่ถามจริงๆ เหอะ ตอนนี้ น้องหยง ยังรักพี่อยู่ไหม"

"............................."
เงียบ ไม่มีคำตอบออกจากปากของน้องหยง

เท่านี้หมันก็รู้แล้ว ว่า ตอนนี้ น้องหยงของหมันคิดยังไง
เพื่อน ๆ อาจจะว่า เฮ้ย น้องหยงอาจจะอายที่จะพูดก็ได้

ไม่หรอก นี่ถือเป็นคำพูดเบสิก ที่หมันจะถามน้องหยงเสมอ ๆ
เมื่อก่อนนี้ แล้วก็จะได้รับคำตอบทุกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้ไม่
หมันก็เลยบอกน้องหยงไปว่า.........

"ตอบไม่ได้ใช่ไหม และการเงียบนี่แหล่ะ คือคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับพี่แล้ว"

แล้วหมันก็ถามต่อว่า

"ถามจริง ๆ เหอะ น้องหยง มีแฟนใหม่หรือเปล่า พูดออกมาตรง ๆ พี่จะได้รู้ว่าน้องหยง เปลี่ยนไปเพราะอะไรกันแน่"

"ไม่มี แต่ว่า ต่อไปไม่แน่"

เป็นคำตอบที่ชัดเจนอยู่ในตัวอยู่แล้ว


........................................................
ต่างคนต่างเงียบไปอีก


หมันตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าควรจะจบเหตุการณ์นี้ซะที
เพราะหมันทนความรู้สึกคิดถึงน้องหยงต่อไปโดยไม่มีจุดจบ
อย่างนี้ไม่ไหวแล้ว หลังจากที่เงียบเพื่อทำใจในคำพูดต่อไปอยู่นาน

หมันก็ตัดสินใจพูด

"น้องหยงครับ งั้นพี่ว่า เราจบกันแค่นี้เหอะนะ
น้องหยง อย่าให้พี่ทรมานไปนานกว่านี้เลย เพราะว่า
1 เดือนที่ผ่านมา พี่ต้องแบกรับความรู้สึกคิดถึง และเหงา
ทุกครั้งที่พี่อยู่คนเดียว จนวันนี้ความรู้สึกนั้นมันล้นออกมาแล้ว พี่รับไม่ไหว ถึงต้องตัดสินใจอย่างนี้"

หมันพูดประโยคนี้ทั้งน้ำตา และในที่สุดหมันก็ร้องไห้

"พี่หมัน อย่าร้องไห้"

น้องหยง บอกมาอย่างนี้ อารมณ์นั้นใครหยุดร้องได้ก็บ้าแล้ว

"น้องหยง คิดว่า 4 ปีที่ผ่านมา พี่คิดถึงใครมากที่สุด 24 ชม.ของพี่มีแต่น้องหยง
แต่แล้ว อยู่ดี ๆ เวลา 4 ปีนั้น มันกำลังจะหายไปจากชีวิตของพี่
น้องหยง คิดว่าพี่ควรทำยังไง ถ้าพี่ไม่ทำอย่างนี้"

น้องหยงตอบกลับมาว่า

"คนเราจะคบกัน ปัจจัยมันไม่ได้มีความรักหรอกนะคะพี่หมัน"


บ่อน้ำตาแตกหนักกว่าเดิม!!!!!!!!

"ครับ พี่เข้าใจ พี่ขอโทษ ที่พี่เกิดมาในครอบครัวที่ไม่มีอันจะกิน
ไม่มีรถ ไม่มีบ้าน ไม่มีเงิน ไม่มีอะไรทั้งนั้น พี่มีแต่ตัว
พี่ขอโทษ ที่พี่ทำให้น้องหยง และครอบเชื่อมั่นไม่ได้ ขอโทษ"

ตลอดเวลาที่หมันมัวแต่คร่ำครวญอยู่นั้น
น้องหยง ของหมัน จากเมื่อก่อนที่เคยร้องไห้ได้ทุกเวลา
กลับกลายเป็นคนที่ไม่เสียน้ำตาเลยแม้ซักหยดเดียว

น้องหยง บอกมาว่า

"แล้วเราจะไม่คุยกันเลยใช่ไหม"

หมันตอบกลับไปทั้งน้ำตา ว่า

"แล้วน้องหยง คิดว่าพี่ควรโทรหา น้องหยง เหรอครับ
แล้วเมื่อไหร่พี่จะลืมน้องหยง ได้ซะที
น้องหยง คิดถึงสภาพพี่ตอนนี้ดูสิว่ามันน่าทุเรศขนาดไหน
นั่นมันเพราะอะไร น้องหยง คิดว่าพี่ควรจะทำให้มันเหมือนปกติเหรอ?"


"......................................." เงียบ


ตลอดเวลาที่หมันพร่ำพรรณานั้น น้ำตาหมันไหลแทบเป็นสายเลือด (คงไม่เวอร์เกินไปนะ)

ในขณะที่น้องหยง ไม่ร้องซักนิด จนในที่สุดหมันก็คิดได้ว่า

"นี่มึงจะร้องไห้ไปหาพระแสงอะไรวะ มึงร้องไห้ให้คนที่ตอนนี้เค้าไม่รู้สึกเสียใจกับมึงเลยเนี่ยนะ"

ฮึด.........................หยุดร้องไห้ แล้วก็บอกไปว่า

"เราจบกันนะแค่นี้ พี่ก็ขอให้น้องหยง ได้พบเจอคนที่เค้ามีพร้อมกว่าพี่ ครอบครัวของน้องหยง ยอมรับ
ส่วนพี่ พี่ก็ยังอยู่ของพี่ตรงนี้แหล่ะ ไม่มีปัญญาไปไหนแล้ว อยู่อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ
สำหรับน้องหยง ถ้าวันไหนรู้สึกคิดถึงพี่ อยากปรึกษาปัญหาอะไร
ก็กดโทรศัพท์โทรมาก็แล้วกันนะครับ"


น้องหยงตอบกลับมาว่า

"ไม่น่าจบกันอย่างนี้เลยนะ"

หมันตอบกลับไปว่า

"ทำไงได้ ปัญหาโลกแตก พี่แก้ไม่ได้ จริงของน้องหยง
ความรักไม่ทำให้ท้องอิ่ม กัดก้อนเกลือกินมันหมดสมัยไปแล้ว"

"..........................................." เงียบไปอีกพักใหญ่


หมันทำลายความเงียบนั้นอีกครั้ง ว่า

"หลังจากนี้ เราคงไม่ได้พบกันอีกแล้วนะครับ หวังว่า น้องหยง คงจะจำพี่หมันคนนี้ไว้
คนที่ทุกลมหายใจ มีแต่น้องหยง
หวังว่า คนใหม่ที่น้องหยงเลือกเค้า
เค้าจะรักน้องหยง เท่ากับที่พี่หมันคนนี้รักนะ"



"ลาก่อน"


"ถ้าวาสนามีจริงในโลก เราคงได้กลับมาพบกันใหม่"


"โชคดีครับ"


"อยากให้รู้ไว้ว่า พี่หมันยังรักน้องหยงอยู่ จนวันสุดท้ายที่เราได้คุยกันนะครับ"


"บาย โชคดีนะครับ ลาก่อน"


ตรู๊ดดดดดดดด


ข้อความในโทรศัพท์แจ้งว่า

"สรุปเวลาใช้สาย 56 นาที 54 วินาที"

หลังจาก 56 นาที 54 วินาทีนี้ผ่านไปจะไม่มีน้องหยงอีกแล้ว
น้องหยงจากไปแล้ว ไปแล้วจากชีวิตของหมัน


"นี่เราไม่ได้ฝันไปใช่ไหม อยากให้มันเป็นแค่ความฝันจริง ๆ"

ความฝันที่พอหมันจะต้องตื่นขึ้นมาด้วยเสียงโทรศัพท์ จากน้องหยง ดังขึ้นมาปลุกทุก ๆ เช้า พร้อมกับเสียงที่สดใส ที่พูดใส่โทรศัพท์มาว่า

"นี่ ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปทำงานสายนะ รักพี่หมันนะคะ"

แต่ว่า มันไม่ใช่ความฝัน มันเป็นความจริง ไม่ต้องหยิกตัวเองให้เจ็บเหมือนในหนังก็รู้ว่ามันเป็นความจริง

น้องหยงได้ก้าวเดินออกไปจากชีวิตของหมันแล้ว ออกไปแล้วจริงๆ

ก้าวออกไปพร้อมกับฝากรอยเท้าที่เคยยืนอยู่ 4 ปีไว้ในใจของหมัน

ไม่รู้เมื่อไหร่รอยเท้ารอยนั้น มันจะค่อย ๆ เลือนหายไปจากใจหมันก็ไม่รู้

ภาวนาให้มันจางลงเร็ว ๆ ด้วยเถิด


คิดแล้วใจหาย ใจหายจริง ๆ



................................................



2 เดือนผ่านไป

ส่งท้ายปีเก่า 2548 ต้อนรับปีใหม่ 2549
เดือนแห่งความสุข สนุกสนานสำหรับทุกคน ยกเว้นหมัน
ที่มันเป็นเดือนแห่งความทุกข์

มันทุกข์เสียจน หมัน ต้องหาทางระบายออก โดยเขียนบทความบทนี้ขึ้นมา



...........




2 เดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก

เดือน ธันวาคม ก้าวเข้ามา แล้วก็กำลังจะก้าวผ่านไป

เดือน ธันวาคม พี่เกลียดเดือนนี้!!!!

เพราะเป็นเดือนแห่งความสุข
ทุก ๆ คนมีความสุข ในขณะที่พี่ เหงา เหงาชิบหาย!!!!!
พี่คิดว่า พี่ลืมน้องหยงได้ แต่จริง ๆ แล้ว
พี่ลืมน้องหยงไม่ได้หรอก

ทุกครั้งที่พี่ต้องอยู่กับตัวเอง โดยไม่มีใครเข้ามาเกี่ยวข้อง
พี่ก็คิดถึงน้องหยงทุกครั้งเหมือนกัน

พี่เคยไปเดินซื้อของคนเดียว ด้วยความเคยชินทำให้
พี่หันไปถามคนข้าง ๆ ว่านี่ดีไหม เพราะพี่ลืมตัว
คิดว่าน้องหยงยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วย

พี่สามารถเดินจากชั้น 1 ขึ้นไป ชั้น 3 แล้วลงมาชั้น 1
ห้างฟิวเจอร์รังสิต ได้ ภายในเวลา 10 นาที
เพราะพี่ทนความทรงจำที่ติดอยู่ภายในสถานที่ไม่ได้

พี่เคยไปยืนหน้าร้านฟูจิ ตัดสินใจจะเข้าไปกิน แต่แล้ว
พี่ก็เดินไป cancle คิวที่จองไว้ เพราะร้านนี้
เป็นร้านที่น้องหยง หลอกให้พี่กิน "วาซาบิ" เป็นครั้งแรกในชีวิต
มันเป็นร้านที่เก็บความทรงจำเรื่องน้องหยงไว้มากที่สุดของพี่

พี่เคยจะเอาโทรศัพท์ที่น้องหยงซื้อให้ไปขายหลายครั้งมาก
แต่ทุกวันนี้ สิ่งที่พี่ทำได้ดีที่สุดคือ แลกกันใช้กับน้องสาว
โดยกำชับน้องสาวไว้ว่า "ห้ามขายเด็ดขาด!!!"


เวลาไม่เคยทำให้พี่ลืมเลย
มันอาจทำให้พี่ไม่คิดอยู่ได้ซักระยะหนึ่ง
แต่พอถึงช่วงเวลาของมัน เวลาก็พัดเอาสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น
ที่พี่พยายามจะทิ้งและลืมมันไป ให้มันกลับมาหาพี่อีกครั้ง

น้องหยงครับ การที่พี่ขาดน้องหยงไปในชีวิต มันทำให้พี่แข็งแกร่งขึ้นก็จริงอยู่

แต่ว่า มีบวก มันก็ต้องมี ลบ เหรียญมี 2 ด้านเสมอ

พอแข็งแกร่งมากขึ้น เมื่อถึงเวลาที่อ่อนแอขึ้นมา
มันก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัวไปด้วยเช่นเดียวกัน

เมื่อตอนที่พี่รู้สึกอ่อนแอ ท้อแท้ หมดหวัง เหนื่อย
บางครั้งเหมือนจะได้ยินเสียงของน้องหยงคอยให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ

พี่เคยหันไปมอง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันไม่มีจริงหรอก
น้องหยงไม่ได้อยู่ตรงที่เคยอยู่จริง ๆ หรอกแต่ก็อดที่จะคิดถึงไม่ได้



คิดถึงเวลาที่เคยมีน้องหยงอยู่เคียงข้าง

คิดถึงเวลาที่น้องหยงยิ้ม ตอนที่พี่ทำตลกให้เจ๊ดู

คิดถึงเวลาที่น้องหยงงอน เพื่อจะให้พี่ง้อ

คิดถึงเวลาที่น้องหยงขอมือพี่ ยามที่น้องหยงรู้สึกไม่มีใครตอนเดินคนเดียว

คิดถึงเวลาที่น้องหยงขอกอดพี่ ยามที่น้องหยงต้องการความอบอุ่น

คิดถึงเวลาที่น้องหยงเขิน ตอนพี่บอกรักน้องหยงไม่หยุด

คิดถึงเวลาที่น้องหยงจุ๊ปาก ยามที่พี่แกล้งทำให้น้องหยงหงุดหงิด

คิดถึงเวลาที่ได้กอดน้องหยงตอนหน้าหนาว เพราะตัวน้องหยงจะร้อนมาก

คิดถึงเวลาที่น้องหยงเขย่งเท้า เพื่อจะให้ความสูงเท่าพี่ให้ได้ แต่ก็ไม่ได้ซักที

คิดถึงเวลาที่น้องหยงกอดคอพี่ เวลาน้องหยงเมื่อยตอนเดินลงสะพานลอย

คิดถึงเวลาที่น้องหยงทุบหลังพี่ เพราะพี่ปั่นจักรยานที่น้องหยงซ้อนขึ้นเนินโดยไม่เบรค

คิดถึงเวลาที่น้องหยงซื้อของแล้วถามความเห็นพี่ ทั้ง ๆ ที่น้องหยงก็รู้ว่าถามไปงั้นแหล่ะ

คิดถึงเวลาที่น้องหยงโทรศัพท์มาหาพี่ตอนตี 3 เนื่องจากน้องหยงรู้สึกเหงาและนอนไม่หลับ

คิดถึงเวลาที่น้องหยงนั่งรอพี่อยู่ที่สถานีรถไฟฟ้า เพราะว่าน้องหยงมาเร็วกว่าเวลา

คิดถึงเวลาที่น้องหยงร้องไห้เมื่อโดนพี่ดุ เพราะเป็นตอนที่น้องหยงแสดงตัวตนเป็นผู้หญิงที่สุด

คิดถึงเวลาที่น้องหยงตื่นแล้วพี่ยังไม่ตื่น น้องหยงจะแกล้งพี่ให้ตื่นมาคุยกับน้องหยงให้ได้

คิดถึงเวลาที่น้องหยงตื่นนอนใหม่ ๆ น้องหยงรู้ไหมครับ น้องหยงน่ารักที่สุดเลยตื่นนอนใหม่ ๆ เนี่ย

คิดถึงเวลาที่น้องหยงนอนหลับ พี่เหมือนกำลังมองเด็กผู้หญิงคนนึงนอนหลับอยู่

คิดถึงเวลาที่น้องหยงโทรมาปลุกพี่ตอนเช้า แล้วพี่ก็ไม่ยอมตื่น!!!

คิดถึงเวลาที่น้องหยงโทรมาหลังจากปลุกพี่ แล้วบอกว่า "ตื่นซะทีสิคะพ่อคุณ รักพี่หมันนะคะ"


คิดถึงเวลาที่น้องหยง.....................
คิดถึง คิดถึงจริง ๆ

ความผูกพัน 4 ปีมันเป็นอย่างนี้นี่เอง ขนาดพี่ยังบ้าบอขนาดนี้
แล้วคนที่เค้าคบกันมาเป็น 10 ปีแล้วเลิกล่ะ มันจะขนาดไหนหนอ



........................................................................................................




จบบริบูรณ์



Create Date : 25 มกราคม 2550
Last Update : 25 มกราคม 2550 20:38:49 น.
Counter : 1299 Pageviews.

6 comments
  
ความทรงจำ มันก็เจ็บปวดแบบนี้ล่ะค่ะ ในช่วงแรกๆ

แต่พอเวลาผ่านไป คุณก็จะยิ้มได้เมื่อคิดถึงมัน

เอาใจช่วยให้น้าหมันผ่านช่วงเวลานี้ไปได้เร็วๆนะคะ
โดย: soda_zappp (soda_zappp ) วันที่: 27 มกราคม 2550 เวลา:3:48:36 น.
  
น่าดีใจนะคะได้เกิดเป็นคนที่พี่ตุ้มรักเนี่ย
ซักวันพี่จะเจอคนที่เป็นของพี่จริงๆ
ขอให้วันนั้นมาถึงเร็วๆนะคะ

แต่การได้รักใครซักคนแบบหมดใจนี่ดีนะคะ
อย่างน้อยเราก็ได้รัก ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะไม่ได้รักเราก้อตาม
ความปรารถนาดียังมีให้เสมอ

ขอให้มีความสุขเร็วๆนะคะ
โดย: เด็กหญิงในวันสุข วันที่: 30 มกราคม 2550 เวลา:20:35:34 น.
  
อย่าร้องไห้สิค่ะ
เลิกร้องได้แล้ว
น้องสาวคนเนี้ยเป็นกำลังใจให้เสมอ
ถึงแม้ว่าพี่ตุ้มจะเคยทำให้เสียใจสุดๆ มาแล้วก็ตาม

สู้ๆๆๆๆ....พี่ชายที่แสนดี
โดย: คนดีคนเดิม IP: 61.90.200.2 วันที่: 31 มกราคม 2550 เวลา:16:29:25 น.
  
เสียดายเพียงความรู้สึก
ลึกลึกแล้วก็ก็ใจหาย
ความฝันแตกร้าวมลาย
สูญหายไปกับกาลเวลา

ไม่อาจเก็บมาประสาน
ร้าวรานจนไม่มีค่า
สัมผัสได้เพียงหยาดน้ำตา
ไหลมาเทมาจนสาใจ

ลาก่อนนะ...เจ้าความฝัน
ที่ไม่มีวันสว่างไสว
ลาแล้วนะ ขอลาไกล
เสียใจ จนสุดทานทน

ไม่มีอีกแล้ว..วันสวย
ทุกอย่างมอดม้วยปี้ป่น
ไม่มีหัวใจในร่างคน
มีเพียงความอับจนในดวงตา

เป็นความรู้สึกว่า..เสียดาย
ใจหายในความไม่มีค่า
เจ็บลึกอยู่ในแววตา
เจ็บปร่าอยู่ใน...หัวใจเรา


โดย: หนูเล็ก IP: 71.103.18.74 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:12:04:07 น.
  

สู้ๆ ค่ะ แล้วเวลาจะทำให้เราดีขึ้นเอง


อันนี้เพิ่งไปอ่านเจอมา

"ไม่มีใคร!! มีค่าพอที่คุณจะต้องเสียน้ำตาให้ เพราะ...คนที่มีค่าพอสำหรับคุณนั้นย่อมไม่มีวันทำให้คุณร้องไห้อย่างเด็ดขาด...."
โดย: แค่ผ่านมา IP: 202.28.27.6 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:16:25:12 น.
  
โอ้....ซึ้งอย่างแรง
โดย: MeJayya วันที่: 2 มีนาคม 2552 เวลา:16:48:15 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมันน้อย เบอร์ 14
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]






สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำ ภาพถ่าย,รูปภาพ, บทความ,งานเขียน รวมถึงข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ ไปใช้เผยแพร่ .ไม่ว่าส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์ โดยไม่ได้ รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด

:: หลังไมค์หาผมได้ครับ ::


Custom Search



มกราคม 2550

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
 
 
MY VIP Friend