"True success is not the learning, but in its application to the benefit of mankind"
สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
<<
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
10 พฤศจิกายน 2555

สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ๒๔ : อาทิตย์สองดวง


พระอาทิตย์ชักรถ 
สมุดภาพไตรภูมิกรุงศรีอยุธยา หมายเลข ๖


จากตอนที่แล้ว สมเด็จพระอาทิตยวงศ์บรรพชาเป็นสามเณรเพื่อไปศึกษาเล่าเรียนกับพระสงฆ์ ส่วนทางเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ำจากเดิมที่เป็นผู้สำเร็จราชการอยู่แล้ว ด้วยมติจากเหล่าเสนาบดีจึงได้ขึ้นมามีตำแหน่ง 'กษัตริย์' แบบเดียวกับขุนวรวงศาธิราช ด้วยข้ออ้างที่ว่าพระเจ้าแผ่นดินยังทรงพระเยาว์ รอให้เจริญพระชันษาก่อนจึงถวายคืนราชสมบัติให้

แต่สมเด็จพระอาทิตยวงศ์ก็ไม่ทรงได้ราชสมบัติอันเป็นสิทธิของพระองค์โดยชอบธรรมกลับคืนมา



เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ได้ว่าราชการในฐานะกษัตริย์ ซึ่งก็คงไม่ได้แตกต่างจากตอนที่ตนเองเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินนักเพราะตั้งแต่ตอนนั้นตนก็เป็นผู้มีอำนาจบริหารสูงสุดแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้มีฐานะเป็น 'กษัตริย์' แต่ก็พอจะสัณนิษฐานว่ายังไม่ได้เป็นกษัตริย์โดยสมบูรณ์ ยังไม่ได้ทำพิธีราชาภิเษก เป็นแค่ผู้ปกครองชั่วคราว

เยเรเมียส ฟาน ฟลีต หัวหน้าสถานีการค้าของบริษัทอินเดียตะวันออกของฮอลันดา(VOC)ประจำกรุงศรีอยุทธยาในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองกล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มบริหารราชการแผ่นดิน เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ ได้ทำหน้าที่อย่างเหมาะสมคู่ควรกับตำแหน่งที่ได้รับ พิจารณาถึงสิ่งต่างๆด้วยความสุขุมรอบคอบ พอเหมาะพอควร และเที่ยงธรรม จนกระทั่งขุนนางข้าราชการหลายคน(ซึ่งฟาน ฟลีตกล่าวว่าเพื่อแสวงหาโชคลาภของตน บางคนก็เพื่อประจบสอพลอ ส่วนที่เหลือเป็นเพราะความกลัว) ให้ความเห็นว่าเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์มีความเหมาะสมที่จะบริหารราชการแผ่นดินมากกว่าสมเด็จพระอาทิตยวงศ์

ฟาน ฟลีตกล่าวต่อว่า ออกญากลาโหมสุริยวงศ์ก็ทราบถึงจุดนี้ จึงกล่าวกับขุนนางคนสนิทว่า การที่พระมหากษัตริย์ปกครองแผ่นดินไม่ควรมีใครมาคอยกีดขวาง ด้วยเหตุนี้เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์จึงกล่าวว่าตนเองอยากจะพ้นจากตำแหน่งนี้เพื่อปกป้องชีวิตตนเอง เพราะเมื่อสมเด็จพระอาทิตยวงศ์ได้กลับมาครองราชสมบัติ ก็คงจะถูกขุนนางที่ไม่ชอบตนเองเพ็ดทูลยุแหย่ และจะส่งผลถึงขุนนางจำนวนมาก โดยว่าขุนนางจำนวนมากอาจจะเป็นอันตรายถึงตายได้(ฟาน ฟลีตไม่ได้กล่าวรายละเอียดแต่สัณนิษฐานว่าคงเป็นเพราะขุนนางส่วนใหญ่ในราชสำนักล้วนเป็นพรรคพวกของเจ้าพระยากลาโหม) แผ่นดินจะระส่ำระสายและเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์เองก็ไม่อาจจะพ้นภัยไปได้ พระราชวงศ์ก็จะสูญสิ้น


ตะวันสองดวง
เมื่อขุนนางเหล่านั้นได้ยินก็เอาเรื่องนี้ไปพูดปรึกษากันอยู่เป็นเวลาไม่กี่วันก็ได้ข้อสรุปว่าให้เสนาบดีผู้ใหญ่(Councillors of State-เสนาบดีสภาปกครองแผ่นดิน) ได้ประกาศในที่ประชุมของขุนนางว่าการทีพระเจ้าแผ่นดิน ๒ พระองค์พร้อมกันเป็นเรื่องอันตรายต่อแผ่นดิน อาจส่งผลให้เกิดสงครามจากทั้งภายในและภายนอก กรุงศรีอยุทธยาจะเป็นหายนะได้ ด้วยเหตุนี้ขุนนางเสนาบดีจึงได้ข้อสรุปว่าสมควรที่จะกำจัดยุวกษัตริย์พระองค์นี้ แล้วให้เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ผู้ซึ่งเปี่ยมด้วยปัญญาและความสุขุมรอบคอบขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์เพียงหนึ่งเดียว




ซ้าย : โครเอซัส กษัตริย์แห่งลิเดีย 
ผู้สร้างมหาวิหารอาร์ทิมิสที่เอเฟตุส หนึ่งใน ๗ สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ
กลาง:อริสโตเติล  นักปรัชญาสมัยกรีก
ขวา:นิโคโล แมคิอาเวลลี ผู้เขียนหนังสือเรื่อง 'Il Principe'(เจ้าผู้ปกครอง)



เรื่องพระเจ้าแผ่นดิน ๒ องค์(หรือหลายองค์) ฟาน ฟลีตได้ยกตัวอย่างในประวัติศาสตร์มาเป็นจำนวนมาก ได้แก่
  • โครเอซัส(Croesus) กษัตริย์แห่งลิเดียได้ให้พระอนุชาร่วมบริหารแผ่นดิน ขุนนางคนหนึ่งได้ทัดทานว่า "ดวงอาทิตย์เป็นบ่อเกิดของทุกสรรพสิ่งบนโลก หากมีอาทิตย์สองดวง จะเป็นอันตรายเพราะมันจะแผดเผากันเอง และทำให้ทุกสรรพสิ่งบนโลกพินาศ" 
  • โฮเมอร์(Homer) ได้แต่งมหากาพย์ให้ยูซิลิส(โอดิสซิอุส)กล่าวว่า "การให้ทุกคนเป็นราชานั้นขัดต่อกฏหมายและเหตุผล ดีที่สุดควรมีหนึ่งราชาปกครองพวกเรา ขอให้เราภักดีต่อคำบัญชาของวีรบุรุษ ผู้ซึ่งจูปิเตอร์ประทานมาให้เรา"
  • มาร์คัส แอนโทนิอุส ซิมารา(Marcus Anthonius Simara-มาร์คัส แอนโทนี่?) กล่าวว่า ในกรณีที่รัฐบาลเป็นทรราช จะเป็นอันตรายน้อยกว่าหากเป็นทรราชเพียงคนเดียว
  • อริสโตเติล(Aristotle) กล่าวว่า "การมีผู้ปกครองหลายคนเป็นเรื่องที่ไม่สามารถรับได้ ให้เราเลือกคนผู้เดียวเป็นราชาผู้ปกครอง ให้เขาเป็นเจ้าสูงสุด"
  • แมคิอาเวลลี(Machiavelli) ฟาน ฟลีตน่าจะอ้างมาจากบทความของเขาที่ว่า "ในการที่จะสร้างรัฐมหาชนนั้นจะต้องมีผู้สร้างเพียงคนเดียว"

หลังจากเหล่าเสนาบดีได้ข้อสรุปแล้ว ซึ่งก็อาจจะตรงกับข้อความในพระราชพงศาวดารที่ว่า "ก็นำเครื่องราชเบญจราชกกุธภัณฑ์ มาถวายเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ทูลประพฤติเหตุ ซึ่งพระอาทิตยวงศ์จะครองแผ่นดินไปมิได้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอถวายราชสมบัติแก่พระองค์ จะทรงพระกรุณา รับทำนุบำรุงสมณชีพราหมณ์อาณาประชาราษฎรไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจะได้อยู่เย็นเป็นสุขเพราะพระเดชานุภาพของพระองค์นั้นเถิด" จริงๆประโยคนี้อาจจะพูดมาตั้งแต่เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์รับตำแหน่ง 'กษัตริย์' แล้วก็เป็นได้

ตามพงศาวดารเจ้าพระยากลาโหมรับราชสมบัติ แต่ฟาน ฟลีตกล่าวว่าเจ้าพระยากลาโหมแสดงท่าทีสงสารสมเด็จพระอาทิตยวงศ์และปฏิเสธที่จะให้กำจัดสมเด็จพระอาทิตยวงศ์ แต่ไม่อาจขัดเสียงส่วนใหญ่ได้จึงยอมทำตามแต่ก็แสดงออกให้เห็นว่าตนไม่เต็มใจอย่างยิ่ง

จริงๆก็น่าขัน ที่พระนาม 'อาทิตยวงศ์' กับทินนาม 'กลาโหมสุริยวงศ์' ล้วนสื่อถึงพระอาทิตย์ทั้งคู่ 


สมเด็จพระอาทิตยวงศ์จึงถูกจับเปลื้องผ้ากาสาวพัตร แล้วถูกนำตัวมาที่วัดโคกพระยาเพื่อเผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกับพระศรีสิงห์ซึ่งเป็นพระปิตุลา กับสมเด็จพระเชษฐาธิราชพระเชษฐา และพระมารดาของพระเชษฐา นำมาซึ่งความโศกเศร้าทั้งในหมู่ขุนนางและราษฎรทั้งหลาย ก็ดูไม่ต่างกับตอนที่ขุนวรวงศาธิราชกับแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์จับสมเด็จพระยอดฟ้าไปสำเร็จโทษ

ฟาน ฟลีตกล่าวว่าพระองค์กันแสง ทรงค่ำครวญต่างๆนานา จนทั้งเพชฌฆาตและคนที่มาดูการสำเร็จโทษยังกลั้นน้ำตาไม่อยู่

ใน พ.ศ.๒๑๗๒ สมเด็จพระอาทิตยวงศ์ทรงถูกสำเร็จโทษด้วยท่่อนจันทน์ขณะมีพระชนมายุยังไม่ถึง ๑๑ ชันษา ครองราชสมบัติเพียง ๓๘ วันเท่านั้น 

ฟาน ฟลีตกล่าวว่าการสำเร็จโทษครั้งนี้ ก็เหมือนกับการที่จักรพรรดิคาราคัลลาซึ่งปกครองโรมันร่วมกับเกธาพระอนุชา คาราคัลลาได้ลอบสังหารเกธาจนตายในอ้อมกอดของพระมารดาเพื่อที่ตนเองจะได้ปกครองจักรวรรดิโรมันแต่เพียงผู้เดียว เป็นการแสดงให้เห็นว่าเพื่ออำนาจแล้วไม่ว่าจะเป็นเครือญาติ(ออกญากลาโหมเป็นลูกพี่ลูกน้องพระเจ้าทรงธรรม อาจนับว่ามีศักดิ์เป็นอาของพระอาทิตย์วงศ์)หรือมิตรสหายล้วนไม่ใช่สิ่งสำัคัญ 




กรณีการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระอาทิตยวงศ์
เรื่องเวลาการครองราชย์และถูกสำเร็จโทษทั้งฟาน ฟลีตที่เขียนค่อนข้างใกล้สมัยกับเอกสารของไทยอย่าง 'สังคีติยวงศ์' เขียนไว้ตรงกัน แต่ในพระราชพงศาวดาร(ที่ชำระสมัยรัตนโกสินทร์)ระบุว่าสมเด็จพระเจ้าปราสาททองไม่ได้สำเร็จโทษพระอาทิตยวงศ์ แต่ทรงชุบเลี้ยงต่อไปในพระราชวังจน พ.ศ.๒๑๗๖ สมเด็จพระเจ้าปราสาททองเสด็จไปจุดเทียนที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ ทอดพระเนตรเห็นพระอาทิตย์วงศ์นั่งห้อยเท้าอยู่หลังกำแพงแก้วไม่ลงมาถวายบังคม จึงทรงถอดพระอาทิตยวงศ์จากฐานันดรศักดิ์ ไล่ให้ปลูกเรือนเสาไม้ไผ่ ๒ ห้อง ๒ หลังอยู่ริมวัดท่าทราย ให้มีคนอยู่ด้วย ๒ คนช่วยตักน้ำหุงข้าวเท่านั้น จน พ.ศ.๒๑๘๐ สมเด็จพระอาทิตยวงศ์ร่วมกับขุนนางที่ถูกถอดได้เป็นกบฏบุกวังหลวง แต่ก็ล้มเหลวถูกจับไปประหารชีวิตที่ตะแลงแกง 

เรื่องนี้ไม่สอดคล้องกับหลักฐานที่ค่อนข้างร่วมสมัยกว่า(พงศาวดารเองก็ขึ้นชื่อเรื่องความไม่น่าเชื่อถือเพราะชำระหลังเหตุการณ์มาก ถูกดัดแปลงบ่อยและไม่ตรงกับหลักฐานร่วมสมัย) น่าเชื่อว่าสมเด็จพระอาทิตยวง์ถูกสำเร็จโทษไปก่อนแล้ว ส่วนเจ้าที่ก่อกบฏสัณนิษฐานว่าอาจเป็นโอรสองค์อื่นของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมก็เป็นได้ ซึ่งมีกล่าวในหลักฐานฮอลันดาที่ร่วมสมัยกว่ากล่าวว่า ใน พ.ศ.๒๑๘๕ 'ท่าทราย'(Thasaij-คงหมายถึงเจ้าที่ถูกเนรเทศไปอยู่วัดท่าทราย) ซึ่งเป็นโอรสของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมก่อกบฏยึดวังหลวงได้ ๑ คืนก่อนจะถูกปราบลงได้ โดยสุรปเรื่องนี้คงเป็นความคลาดเคลื่อนของพงศาวดาร


บทสุรป
เหล่าเสนาบดีเคยประกาศออกมาว่ายุวกษัตริย์ไม่สมควรปกครองแผ่นดิน พระอนุชาของพระอาทิตยวงศ์อีก ๗ องค์จึงย่อมหมดสิทธิไปโดยปริยาย

เชื้อสายราชวงศ์พระร่วงแห่งสุโขทัยที่ได้ครองอำนาจอยู่ใต้เศวตรฉัตรกรุงศรีอยุทธยามาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชก็หมดอำนาจลงในที่สุด

ด้วยเหตุนี้คนที่มีสิทธิขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุทธยาจึงไม่มีใครอีกแล้วนอกจากคนผู้เดียวที่ได้สำเร็จราชการแผ่นดินอยู่ในขณะนั้น เป็นสมุหพระกลาโหมคุมอำนาจทหารและกรมช้างอยู่ในมือ รวมถึงมีฐานะเป็นเชื้อพระวงศ์ข้างพระมารดาของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมอีก ได้ฐานเสียงจากขุนนางเกือบทั้งราชสำนัก


ในปีมะเส็ง จุลศักราช ๙๙๑ เอกศก(พ.ศ.๒๑๗๒) เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์จึงได้ขึ้นครองราชสมบัติกรุงเทพทวารวดีศรีอยุทธยา ด้วยวัยเพียง ๓๐ ปี และจะเป็นที่รู้จักต่อไปในอนาคตว่า

'สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง'



ทวารบาลสมัยอยุทธยา 
วัดใหญ่สุวรรณาราม จ.เพชรบุรี




Create Date : 10 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 25 พฤษภาคม 2556 11:24:58 น. 3 comments
Counter : 7457 Pageviews.  

 
ย้อนอดีตได้ไกลและละเอียดมากครับ อยากขอพระเจ้าตากสินบ้างครับ ผมเคยเขียนโอรสลับพระเจ้าตากใน
บล๊อก ไม่มีหลักฐานชัดเจนเหมือนคุณ


โดย: คนโคราช IP: 49.48.88.77 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2555 เวลา:4:35:18 น.  

 
เรื่องพระเจ้าตาก ผมแนะนำหนังสือ 'การเมืองไทยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี' ของสำนักพิมพ์มติชนครับ

เล่มนี้ดีทีเดียว


โดย: ศรีสรรเพชญ์ (Slight06 ) วันที่: 11 พฤศจิกายน 2555 เวลา:9:05:23 น.  

 


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 18 พฤศจิกายน 2555 เวลา:15:01:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ศรีสรรเพชญ์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 23 คน [?]




New Comments
[Add ศรีสรรเพชญ์'s blog to your web]