ไปกด Link ได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/skymantaf หรือ Follow ได้ที่ Twitter https://twitter.com/skymantaf หรือที่ http://www.thaiarmedforce.com นะครับ
Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
2 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
แล้วคุณจะเข้าใจ

ฟังอาจารย์ระวี ภาวิไล, อาจารย์โคทม อารียา, และอาจารย์สุณัย ผาสุก ที่ TPBS ตอนราว 15.00 - 16.00 แล้ว

ผมชื่นใจจริง ๆ ครับ ซาบซึ้งมาก ๆ

ฟังแล้ว ไม่รู้สึกเสียดายเลยที่ให้ความเคารพทั้งสามท่านมาตั้งนาน

เพราะทั้งสามท่าน "น่าเคารพ" จริง ๆ

ทำให้ลืมภาพของท่านผู้ทรงเกียรติหลายคนที่เคยเคารพไปโดยสิ้นเชิง

คนเหล่านั้นมาเผยฐาตุแท้ตอนสองปีหลัง โดยเฉพาะหลายคนออกลายเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เอง




ศาสตราจารย์ ดร. ระวี ภาวิไล เป็นผู้บุกเบิกวงการดาราศาสตร์บ้านเรา รวมถึงเป็นนักเขียนทั้งทางด้านดาราศาสตร์และพุทธศาสตร์หลายชิ้น ผมเคยคิดจะเชิญท่านมาพูดที่โรงเรียนตอนเป็นรองประธานชมรมดาราศาสตร์ แต่ก็เกรงใจท่านจนไม่กล้าส่งหนังสือไปเรียนเชิญ

รองศาสตราจารย์ ดร.โคทม อารียา เป็นอดีตกรรมการการเลือกตั้งชุดแรก ซึ่งเป็นชุดที่ดีที่สุดในความเห็นของผม ท่านเสนอแนวคิดดี ๆ มากมายต่อทุกปัญหาของสังคม ปัจจุบันท่านเป็นผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล

อาจารย์สุณัย ผาสุก ที่ปรึกษาประจำประเทศไทยขององค์กร Human Right Watch ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนระดับโลก ผมอ่านความคิดเห็นของท่านต่อสถานการณ์ในภาคใต้หลายครั้ง โดยเฉพาะด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดีมาก ๆ




ทั้งสามท่านพูดถึงสถานการณ์ในตอนนี้ .... ตอนแรกผมก็กลัวว่าจะต้องมาเลิกเคารพใครอีกหรือเปล่า

แต่เมื่อฟังจบแล้ว .... ผมยิ่งเคารพทั้งสามท่านมากขึ้น และเอาความเคารพของผมที่เคยให้นักวิชาการจอมปลอมและนิกคิดแบ่งข้างหลายคนมาให้ท่านทั้งสามท่านหมดเลยครับ

ทั้งสามท่านไม่ได้ตั้งแง่ด่ารัฐบาลอย่างเดียว ไม่ได้รุมสับพันธมิตรอย่างเดียว

มีคำนึงของอาจารย์สุณัย ที่โครตโดนใจ ........ "เราผิดเหมือนกันทุกคน"

ใช่ครับ เราผิดเหมือนกัน ผิดกันหมด

ทั้งสามท่าน พูดถึงทั้งข้อดีและข้อเสียของทั้งสองฝ่าย ไม่ได้ตั้งแง่โจมตีฝ่ายไหนโดยเฉพาะ (เหมือนที่หลายกลุ่มหลายองค์กรทำ ทั้ง ๆ ที่ควรวางตัวเป็นกลาง)

ทั้งสามท่านพูดว่า .... ความจริงรัฐบาลก็ผิด เพราะรัฐบาลไม่สามารถบริหารราชการได้อย่างเรียบร้อย ไม่สามารถควบคุมกลุ่มสนับสนุนให้อยู่ในร่องในรอยได้

กลับกัน

ทั้งสามท่านพูดว่า .... ความจริงพันธมิตรก็ผิดอีกนั้นแหละ เพราะพันธมิตรก็ไม่ได้ใช้สิทธิชุมนุมอย่างสงบจริง ๆ ไม่ได้ยอมลดราวาศอกให้เกิดความสมานฉันท์จริง ๆ

อาจารย์สุณัยบอกว่า เคยลองเลียบ ๆ ไปเวทีนปก. ก็พบว่ามีการด่าว่ากลุ่มพันธมิตรอย่างรุนแรง ด่าแบบให้มองว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คน ใช้คำพูดหยาบคายปลุกเร้าให้คนทะเลาะกัน

ส่วนพันธมิตรก็เช่นกัน ท่านก็พูดว่ามีการด่าว่ารัฐบาลอย่างรุนแรง ด่าแบบให้มองว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คน ใช้คำพูดหยาบคายปลุกเร้าให้คนทะเลาะกัน

อาจาร์โคทมพูดว่าทั้งหมดเป็นปัญหาทางโครงสร้าง และพูดถึงเรื่องสื่อว่า รัฐไม่ควรจะมาแทรกแซงสื่อ แต่ในขณะเดียวกันสื่อก็ต้องปรับปรุงตัวเอง และต้องทบทวนตัวเอง สื่อปัจจุบันยอมเป็นเครื่องมือของแต่ละฝ่าย เสริมจากอาจารย์สุณัยที่บอกว่าสื่อก็แบ่งเป็นสองฝ่าย ทั้งฝ่าย NBT และฝ่าย ASTV ทั้งสองฝ่ายก็มีอาวุธ ถืออาวุธ ไม้กอล์ฟ ด้ามธง ไม้ตี ก็เป็นอาวุธเหมือนกัน แล้วมาไล่ทำร้ายกัน

สุดท้าย อาจารย์ระวีบอกว่า สิ่งเหล่านี้เกิดจากการไม่ยอมลดราวาศอกกัน ไม่ยอมพูดคุยกัน ไม่ยอมฟังกัน ใช้ความรุนแรงเข้าหากัน ..... สุดท้ายจริง ๆ อาจารย์ระวีทิ้งท้ายว่า ตอนนี้มีคนตายไปแล้ว 1 คน จะต้องให้มีอีกกี่คนสังคมจึงจะหันมาพูดคุยกัน




ผมฟังแล้วยิ้มออก .... ยิ้มออกจริง ๆ ครับหลังจากไม่ได้ดูข่าวแล้วยิ้มมานาน ทั้งสามท่านแสดงให้สังคมเห็นว่า ท่านมองสถานการณ์ในภาพรวมจริง ๆ และมองตามความจริง ไม่ได้พูดว่าใครดีฝ่ายเดียว ใครเลวฝ่ายเดียว และที่สำคัญ ไม่ได้พูดเข้าข้างฝ่ายใด และไม่ได้อิงกับฝ่ายใด

นี่สิครับคือผู้ที่น่านับถือของสังคมไทย ..... เพราะคนอื่น องค์กรอื่นที่มันดูแล้วควรจะน่านับถือ กลับออกแถลงการณ์เลือกข้าง .... ด้านหนึ่งก็สาปแช่งและเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และให้รัฐบาลรับผิดชอบอย่างเดียว ..... อีกด้านก็ด่ากราดพันธมิตร เรียกร้องให้สลายการชุมนุม ตราหน้าว่าเป็นพวกป่วนชาติ

สังเกตุไหมครับ ทั้งสามท่าน "มองโลกตามความเป็นจริง" ..... ไม่ได้มองว่าฝ่ายฉันนี้ดีเลิศแล้วอีกฝ่ายมันชั่วจนหาดีไม่ได้ และที่สำคัญไม่ได้เสนอความคิดแบบจ้องจะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามของตนอย่างเดียว

กลับกัน .... ท่านทั้งสามวิจารณ์ความดี-ความเลวของทั้งสองฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา ... และชี้ให้เห็นถึงต้นตอของปัญหาจริง ๆ นั้นคือ การมีอคติต่อกัน การถือทิฐิส่วนตน การไม่ยอมลดราวาศอกต่อกัน

ตรงนี้แหละครับสำคัญที่สุด

เช้านี้คุยกับเพื่อน ...... เพื่อนนั่งแท๊กซี่ไปทำงาน คุยกับแท๊กซี่ .... ตอนแรกก็กลัวว่าแท๊กซี่จะอยู่ฝ่ายไหน แต่กลับกลายเป็นว่าแท๊กซี่พูดคำแรกว่า ผมเห็นใจในหลวงนะ ที่ประชาชนยอมให้คนหยิบมือหนึ่งของแต่ละฝ่ายจูงจมูกไปห้ำหั่นกัน ถึงแม้ผมจะมีการศึกษาน้อย แต่ให้เงินผมสัก 10 ล้าน ผมก็ไม่ไปร่วมกับใครหรอก เพราะแต่ละฝ่ายไม่ได้ทำเพื่อส่วนรวมจริง ๆ อยู่ดี

เอ้า .... งั้นผมขอคารวะแท๊กซี่ท่านนี้อีกคนนึงครับ .... แม้ท่านจะออกตัวว่าการศึกษาน้อย แต่ความคิดของท่าน ประเสริฐกว่าความคิดของคนที่จบปริญญาเอกหลายคน




ถามตัวเองดูเถอะครับ และลองมองรอบตัวเองดูด้วยก็ได้

ท่านที่เชียร์รัฐบาล ก็บอกว่าพันธมิตรมันเลว ป่วนชาติ เที่ยวละเมิดกฏหมาย ไล่ยึดสถานที่ราชการ พันธมิตรต้องเลิกชุมนุม ..... แต่ไม่ได้มองว่า นักการเมืองที่ท่านสนับสนุน ต่างทุจริตและประพฤติมิชอบ เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง เป็นเผด็จการประชาธิปไตย

ท่านที่เชียร์พันธมิตร ก็บอกว่ารัฐบาลเป็นหุ่นเชิด เอื้อให้เกิดการทุจริต ทำลายสถานบัน นายกต้องลาออก ..... แต่ไม่ได้มองว่า ท่านยึดทำเนียบ บุกรุกสถานที่ราชการ ปิดถนน ปิดสนามบิน ก็คือการทำผิดกฏหมาย ไม่เป็นประชาธิปไตย

ทั้งสองฝ่าย มีทั้งดีและชั่ว ...... แต่กลับกลายเป็นว่า ทุกวันนี้ ท่านสนับสนุนใคร ท่านก็จะเลือกมองแต่สิ่งที่ดีโดยมองข้ามสิ่งที่เลว และเลือกมองสิ่งที่เลวโดยมองข้ามสิ่งที่ดีของอีกฝ่าย

แล้วมันจะไปจบได้อย่างไรครับ? ...... ในเมื่อท่านต่าง ๆ ตั้งธงกันเอาไว้แล้วว่า อีกฝ่ายต้องแพ้ ฉันต้องชนะ เราถึงจะหยุด

มันจะไม่จบครับ ..... ตราบใดที่ทุกคนยังคิดแบบนี้ มันจะไม่จบ

ผมยังยืนยันคำพูดที่ผมจั่วหัวไว้ใน Slogan มาตั้งนานแล้วที่ว่า

"ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ เกิดจากความเชื่อว่าฝ่ายตนถูก จนมองข้ามความผิดของตนและลืมมองความดีของอีกฝ่าย ทั้ง ๆ ที่ทั้งคู่ก็มีดี-ชั่วเช่นกัน .... ดังนั้นปัญหาจะไม่จบ ตราบใดที่ความเชื่อยังครองอำนาจเหนือเหตุผล"

ลองตรองดูด้วยใจเป็นธรรมครับ ท่านจะเข้าใจเอง


Create Date : 02 กันยายน 2551
Last Update : 22 พฤษภาคม 2553 0:52:10 น. 16 comments
Counter : 699 Pageviews.

 
รอฟังท่าน ๆ ที่มาตอบครับ emo


โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:17:29:32 น.  

 
ไม่มีความเห็นครับ แต่พอเข้าใจ


โดย: sherlork (prasopchai ) วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:18:57:02 น.  

 
ผมแสดงความรู้สึกนึกคิดใน blog ของผม
ไม่อยากจะบอกว่า ไม่ได้แตกต่างไปจาก
ความเห็นของทั้ง 3 ท่าน หรือของ จขบ.
เพียงแต่ผม ไม่ได้อธิบายละเอียดลึกซึ้ง

ตลอดจนความเห็นของกระผีกชนเช่นผม
ก็แค่เสี้ยวหนึ่งของสังคมเท่านั้น ไม่ได้มีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิดของผู้ใด แต่ลึก ๆ ก็ดีใจ ที่เออ เนอะ คนที่มีความเห็นละม้ายคล้ายคลึงกับเราก็มีนี่หว่า แถมยังเป็นคนเด่นคนดังด้วย

Nobody perfects........



โดย: จอมยุทธสะท้านภพ (เฒ่าน้อย ) วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:19:04:34 น.  

 
ตอนเห็นรายชื่อ ก็คิดเหมือนคุณโยเลยค่ะว่าเอ๊ะ จะต้องเลิกเคารพใครอีกรึเปล่า
.....
แต่อ่านแล้วก็รู้สึก(เหมือนกันอีก)ว่า อืมม
ยังไม่ต้องเปลี่ยนความรู้สึกของตัวเองค่ะ
.....
ขอบคุณนะคะ


โดย: MeMoM วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:20:56:36 น.  

 
งั้นขออธิษฐานด้วยคนนะคะ (ลอกหน่อยนิ)


โดย: MeMoM วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:21:02:18 น.  

 
เขียนบล็อกได้ดีครับพี่โย

โดนใจ

emoemoemo


โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 2 กันยายน 2551 เวลา:21:49:22 น.  

 
เดี๋ยวพรุ่งนี้มาอ่านอีกรอบน๊า

ตอนนี้ต้องรีบไปนอนก่อน

ฝันดีน๊า....คนน่ารัก อิอิ


โดย: unsa วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:1:58:44 น.  

 
ค่ะ เห็นด้วยอย่างแรง


โดย: redclick วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:6:51:13 น.  

 
อ่านแล้วประทับใจมากค่ะ

ที่อาจารย์ทั้งสามท่านพูดมานั้นถูกต้องหมดทุกอย่างค่ะ
และหนูก็เชื่อด้วยว่าผู้นำทั้งสองฝ่ายรู้ดี-ชั่วตัวเองดี เพียงแต่เขาจะเลือกวิีธีการแบบไหนเท่านั้นเอง

ที่น่าเห็นใจคือกลุ่มประชาชนที่สนับสนุนนั้นอาจมีหลายคนที่มองไม่เห็นจุดนี้ ทำให้ตกเป็นหมากเดินเกมคนสองกลุ่มที่ห้ำหั่นกัน เพราะพวกเขาเชื่อสนิทใจเลยว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นถูกต้อง เป็นการกระทำที่ดี เสียสละเพื่อประเทศชาติ

หนูว่าสิ่งที่เราควรทำตอนนี้คือ ปลุกสติของผู้ร่วมชุมนุมมากกว่าไปห้ำหั่นกับพวกคนนำเพียงไม่กี่คน
ให้พวกเขาได้ตื่นมองเห็นความเป็นจริงจากมุมมองของตัวเอง มากกว่าคำพูดของคนอื่น

หนูเชื่อว่าคนไทยทุกคนยังรักกัน ยังเป็นคนดี เพียงแต่หลายคนโดนขโมยสติกับวิจารณญานไปเท่านั้นเอง

ขอให้สังคมไทยสงบโดยพลันเถิด
อย่างที่แท๊กซี่บอกล่ะค่ะ น่าเห็นใจในหลวง ท่านต้องเสียพระทัยมากแน่ๆ
ไม่มีใครรักคนไทยเท่าในหลวงอีกแล้ว



โดย: ฮาทสึ วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:7:06:58 น.  

 
คนนึงจุดไฟ อีกคนราดน้ำมัน หนูไม่ขอสรรเสริญใครทั้งนั้นนะ


โดย: น้องผิง วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:11:13:59 น.  

 
หารแค่ 10 เองเหรอพี่โย....

ผมประเมินดูแล้ว...
งานนี้หนักกว่าตอนเกิดสึนามิ หนักกว่าตอนเกิดรัฐประหาร
หนักกว่าตอนเกิดโรคซาร์สและไข้หวัดนก


ภัยธรรมชาติเมื่อเกิดขึ้นและจบลง
เรามาฟื้นฟูใหม่ได้ ตึกพังสร้างตึก บ้านเมืองเสียหายก็ค่อยๆดูแลไป


รัฐประหารก็ยังรู้ว่าจะออกไปเมื่อไหร่

แต่วันนี้...เราไม่รู้จะจบยังไงครับ
จบแบบที่พันธมิตรพอใจ
จบแบบที่รัฐบาลพอใจ
แต่ไม่ว่าจะจบแบบไหน
ก็กลายเป็นรูปแบบการเมืองที่จบลงแบบ
เอา "ถูกใจ" ไม่เอา "ถูกต้อง"

การเมืองที่ดี คือ การเมืองในแบบที่ฉันพอใจ


..................


อีกไม่เกินสองเดือนจะเข้าสู่ช่วง Hi Season
ซึ่งตอนนี้ผลกระทบที่เกิดกับการท่องเที่ยวมากมายมหาศาล
เสียหายแบบพังยับ

ที่เย้วๆกันและปิดสนามบิน
คุณได้ความสะใจแบบอารยะขัดขืน
แต่คุณเองก็ได้ทำร้านบ้านเกิดเมืองนอนของคุณไปแล้ว
ชนิดที่แก้ไขเยียวยาได้ยากมาก

แน่นอนคุณอาจบอกว่านี่เป็นสัญลักษณ์
และการส่งสัญญาณบอกรัฐบาลว่า
"ฉันไม่เอาคุณ" แต่สิ่งที่คุณทำ
ไม่ต่างอะไรกับการเอาไฟเผาบ้านตัวเอง
แล้วก็บอกว่าฉันรักบ้านเกิดและปรเทศของฉัน....


ผมรับผิดชอบคนงานของผม
ตราบใดที่ผมยังรักษาสภาพของตัวเองไหว
ถึงที่สุด...ถ้าผมพยุงร้านไม่ไหว
พนักงานของผมก็ต้องตกอยู่ในสภาพที่ตกงาน

ผมถามว่าใครจะมาแก้ไขเยียวยา
รัฐบาล ?
พันธมิตร ?
นปก. นปช. ?


อีกสองเดือนข้างหน้าพนักงานสายสันกำแพงจะตกงานไม่ต่ำว่า
300 คน
พี่โยว่าพนักงานเหล่านี้จะทำยังไงกับชีวิต

เหมือนกับตอนที่ปฏิวัติเสร็จแล้วโรงงานเจ๊ง
คนงานถูกลอยแพเป็นพันเป็นหมื่นคน
เราจะตอบคำถามเค้ายังไงดีครับ

"มรึงก็ช่วยตัวเองไปสิ"
"อันนี้เป็นความเสียสละเพื่อบ้านเมือง"

ฯลฯ

เหตุผลร้อยพัน ไม่อาจบรรเทาความหิวในท้องคนครับ
คนต้องกิน ต้องใช้ ต้องมีชีวิตต่อไป


เรากำลังหา "รัฐอุดมคติ" ตามความคิด ความเชื่อ
ของคนเพียงไม่กี่คนว่าต้องทำแบบนี้เท่านั้น
บ้านเมืองถึงจะดี ถึงจะใสสะอาด


มันไม่มีอะไรที่จะเศร้าไปกว่านี้อีกแล้วครับ
มือหนึ่งถืออาวุธเข้าห้ำหั่นกันเอง
อีกมือหนึ่งถือคบไฟเผาบ้านเผาเมือง


เราแพ้แล้วครับพี่โย.....
แพ้ในสงครามที่เราเข่นฆ่ากันเอง




โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:8:19:01 น.  

 
ถูกต้องครับ .... ไม่ต้องให้ฟมอผีเขมรมาแช่งหรอก .... คนไทย ทำลายบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองเรียบร้อย

และนี่คือสิ่งที่น่าเศร้าที่สุดที่ผมเคยเห็นมา


โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:8:34:00 น.  

 
ยังมีอะไรที่เศร้ากว่านี้
รอเราอีกเยอะครับพี่โย

emoemoemo


โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:9:00:39 น.  

 
^
^


emoemo


โดย: คนไม่เจียม.. วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:13:16:45 น.  

 
มาอ่านแระ จบแระ

เห็นด้วยกับทุกอย่างเลย เพราะตรงกับใจพี่ซ่าส์ที่สุดเลยรู้มั๊ยน้องโย

ใช่เลย...ถ้าต่างฝ่ายต่างคิดแบบนี้ ไม่จบแน่ๆ

แต่ละฝ่ายก้อโดนกรอกหูแต่เรื่องของฝ่ายตัวเอง ฟังๆๆๆๆมันทุกวัน มันก้อซึมซับจนถอนตัวไม่ขึ้น
เหมือนคนที่รักยันตระอ่ะ ต่อให้มีหลักฐานมัดแน่นว่าผิดว่าชั่ว เค้าก้อไม่ยอมเลิกรัก เพราะถอยไม่ได้แล้ว มันยึดติดเข้าไปในสายเลือด
นั่นเพราะเค้าไม่มีวิจารณญาณ น่ะ

เศร้าใจกับความคิดของคน



โดย: unsa วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:15:22:47 น.  

 
นี่คือคำตอบของปัญหาการเมืองไทยทุกวันนี้ครับ มีสิบ ผมให้ร้อย เลยครับ ท่านพี่โย


โดย: mi lucha วันที่: 6 กันยายน 2551 เวลา:4:47:24 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Analayo
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 56 คน [?]




หากโลกนี้มีความยุติธรรม เราคงไม่ต้องมีศาล ไม่ต้องมีทหาร ไม่ต้องมีตำรวจหรอก/Skyman
@ จ่อยน้องลิง @
@ จ่อยหัวหอม @
X
X



free counters


Friends' blogs
[Add Analayo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.