ไปกด Link ได้ที่แฟนเพจ https://www.facebook.com/skymantaf หรือ Follow ได้ที่ Twitter https://twitter.com/skymantaf หรือที่ http://www.thaiarmedforce.com นะครับ
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
6 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
การว๊ากกับการฝึกทหาร: กรณีศึกษาการรับน้องและห้องเชียร์

บทความนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากกระทู้ของคุณ EAGo ในกระทู้ //www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6398596/X6398596.html ณ ห้องหว้ากอ ผมว่ามันเกี่ยวกับทหารอยู่บ้าง จึงขอนำมาลง ณ ที่นี้ครับ










    การเข้ารับน้องและห้องเชียร์สามารถช่วยเราในเรื่องความอดทนและการเข้าสังคมการทำงานในอนาคตได้จริงรึเปล่าครับ



    คือเห็นในกระทู้หน่วยรบพิเศษบอกมีรับน้องแบบนั้นบางมหาลัย
    ไม่ทราบว่าพอจบออกไปแล้วจริง ๆ การรับน้องช่วยให้เรามีความอดทนมากขึ้นจริงรึเปล่าครับ

    แล้วก็เคยเห็นพี่หลาย ๆ คนบอกว่า การทำงานนั้นหนักมาก ๆ
    การเข้ารับน้องและผ่านไปได้ย่อมจะทำให้เราสามารถเข้าทำงานได้อย่างราบรื่น
    ไม่ทราบว่าการรับน้องและห้องเชียร์สามารถช่วยให้เราทำงานได้ดีจริงมั้ยครับ


    จากคุณ : EAGo - [ 6 มี.ค. 51 22:31:44 ]






emoemoemo


ด้วยความเคารพต่อทุกท่าน ..... ผมพบว่าไม่จริงครับ

ตอนเข้ามหาลัยผมก็อยากรู้ว่ารับน้องกับห้องเชียร์มันเป็นยังไง เลยลองเข้าไปครั้งหนึ่ง พอกลับออกมาผมก็พบว่าไม่เห็นต้องเข้าเลย ไม่ยักกะมีอะไรเลย ไอ้หนักน่ะไม่หนักหรอกครับ ผมไปเขาชนไก่มา 3 รอบ หนักกว่าห้องเชียร์เยอะ พอรุ่นผมขึ้นมาเป็นรุ่นพี่ ผมก็สังเกตุเพื่อน ๆ ตัวเองทำห้องเชียร์ตลอด ทำให้ผมก็ยังยืนยันความคิดตัวเองอยู่

ที่บอกว่าไม่มีอะไร คือ ผมเห็นว่าไอเดียนี้มันไม่ได้ช่วยให้เกิดความสามัคคี ไม่ได้ช่วยให้เกิดการเอาตัวรอด หรือการรวมกลุ่มหรอกครับ หรือถ้าช่วย ก็น้อยมาก

ถ้าระบบพวกนี้มาจากหลักสูตรทางทหารจริง ก็ขอบอกว่าพลเรือนที่เอามาใช้ล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในการนำระบบมาใช้

ทหารสอนระบบหมู่ ไปกันเป็นหมู่ ถ้าหาคนผิดไม่ได้ หรือแม้แต่หาได้ ก็รับผิดชอบร่วมกัน คนนึงจะมีบัดดี้ เป็นเพื่อนตายที่ต้องสนใจทุกอย่าง การฝึกจะหนัก และจะโหด จะมีกิจกรรมที่ต้องใช้แรงใช้พลังของคนหมู่มาก ทำคนเดียวไม่ได้ ความสามัคคีจึงเกิด เพราะไม่งั้นมันจะเหนื่อยเพิ่มขึ้นถ้าไม่ช่วยกัน ผมว่าพลเรือนหลาย ๆ คนเห็นว่าระบบนี้ดี จึงนำมาใช้บ้าง

แต่ผมว่าคุณคิดผิดครับ

มันแตกต่างกันครับ แม้ว่าไอเดียระบบจะคล้ายกัน แต่ความต่างที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ผู้ใช้

ในระบบทหาร ผู้บังคับบัญชาของคุณ คือคนที่สั่งเป็นสั่งตายคุณได้ และในอีกแง่ผู้บังคับบัญชาคือคนที่ต้องรับผิดชอบชีวิตคุณเต็มร้อย ลูกน้องทำผิด ผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ผมฟังผู้หมวดเพื่อนผมคนหนึ่งพูดว่า ทหารที่ดีต้องกลัวแม่ทัพมากกว่าข้าศึก เพราะไม่งั้นกองทัพจะพังทลายทันที

แต่รุ่นพี่คือใคร? รุ่นพี่ชี้เป็นชี้ตายการเรียนของคุณได้หรือไม่? รุ่นพี่คืออะไรในระบบการศึกษาของคุณ? และที่สำคัญ รุ่นพี่รับผิดชอบต่อตัวคุณได้มากขนาดไหน?

ผมเห็นแล้วก็ไม่แปลกใจ ที่หลายๆ คนที่ผมเห็น แม้ว่าจะเข้าห้องเชียร์ทุกครั้ง แต่ก็ยังทำงานไม่เอาอ่าวหรือเข้ากับคนอื่นไม่ได้อยู่ดี เพราะระบบที่นำมาใช้มันใช้ผิดที่ตั้งแต่ต้นแล้ว

แต่ผมและอีกหลาย ๆ คนที่ไมได้เข้าห้องเชียร์ ก็กลับทำงานกับคนอื่นได้ไม่เห็นมีปัญหาอะไรมาก เพราะผมก็เด็กกิจกรรม ผมก็ช่วยทำค่าย ช่วยหาทุน ช่วยจัดการงาน ผมกับอีกหลาย ๆ คนไม่ได้ผ่านห้องเชียร์ก็ทำงานสำเร็จได้

ผมว่ามันไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องมาตะโกนใส่กันแล้วทำหน้าเครียดเข้าหากันจึงจะสามัคคี โรงเรียนเก่าของผมไม่ยักกะมีห้องเชียร์หรืออะไรที่คล้าย ๆ กันนี้ แต่โรงเรียนเก่าของผม ใช่วิธีปลูกฝังให้คุณรักและภูมิใจในสถานบันของคุณในวันแรกที่คุณเข้ามา ผ่านกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การเล่าประวัติ การเล่าความสำเร็จของรุ่นพี่ ละคร ฯลฯ พร้อมบอกว่าคุณคือคนที่จะทำให้สิ่งเหล่านั้นอยู่ต่อไป ผมก็เห็นว่าคนที่นั่นรักกันจะตาย

ในมหาลัย ผมกลับรักมหาลัย รักเพื่อน ๆ ตอนที่ไปเที่ยวกัน ทำรายงานด้วยกัน นั่งทำโปรเจ็คในห้องเดียวกัน ตอนไปอ่านประวัติมหาลัย ตอนไปปฐมนิเทศ ฯลฯ

ฉะนั้น ผมขออนุญาตสรุปเอาเองว่า ไม่เกี่ยวกันครับ

ปล. อีกอย่างนึงคือ เห็นรุ่นพี่ชอบขู่ว่า ไม่เข้าห้องเชียร์ จะไม่มีสังคม ไม่มีใครคบ แต่ผมก็มีเพื่อน ๆ เต็มภาค ไม่เห็นมีใครรังเกียจผมเลย เพราะการจะเข้าสังคมหรือได้รับการยอมรับ มันไม่ได้อยู่ที่การเข้าห้องเชียร์หรอกครับ มันอยู่ที่การใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นในเวลา 4 ปีมากกว่าครับ

ยินดีรับฟังความเห็นของทุกท่านครับ emo




Create Date : 06 มีนาคม 2551
Last Update : 22 พฤษภาคม 2553 0:50:51 น. 17 comments
Counter : 1204 Pageviews.

 
เจิมๆๆๆๆๆๆๆ แล้วเด้อ

emoemo


โดย: ห้ามลบ.. (คนไม่เจียม.. ) วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:7:42:51 น.  

 
emoตามคุณแหม่มมาค่ะ

สบายดีนะคะคุณโย emoemo


โดย: หมีสีชมพู วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:7:54:53 น.  

 
ได้รับคำถามเรียบร้อยครับ
ขอบคุณครับพี่โย
ขอให้เวลาตอบสัก 2-3 วัน
จะตอบอย่างตั้งใจที่สุดครับ

......................


เรื่องรับน้อง ว๊ากน้อง
เป็นความเขลาของระบบการศึกษาครับ

ผมเองเป็นประธานนักศึกษาที่ทะเลาะกับรุ่นพี่
เพราะไม่เห็นด้วยกับวิธีคิดเรื่องการว๊ากและรับน้อง

ปัญหาก็คือ ผมไม่อาจทำอย่างที่ผมต้องการได้
เพราะต้องเคารพความคิดของทุกคนด้วย

เมื่อทุกคนเลือกที่จะ "ทำต่อ"
ผมไม่แย้ง แต่ไม่เห็นด้วย
และพูดทุกครั้ง ในทุกที่

ผลคือ รุ่นพี่อาวุโสไม่ชอบผมมาก
บางคนถึงกับเข้ามาถามว่า

"มรึงเป็นใครจะมาเปลี่ยนประเพณี"

ผมบอกว่า "ประเพณีคือสิ่งดีงาม"

เรื่องไม่จบง่ายๆหรอกครับ......


.........................


ระเบียบวินัย
ไม่ได้สร้าง
จากความรุนแรงและการขู่บังคับ

มันเป็นแค่การส่งผ่านความรุนแรงจากรุ่นสู่รุ่นเท่านั้นเอง

กรูโดนมาก่อน
เพราะฉะนั้นมรึง (รุ่นน้อง) ก็ต้องโดนด้วย


พี่โยรู้มั้ย
ทำไมประเทศเราเจริญและพัฒนาไม่ได้

ที่เราเป็นแบบนี้
เพราะเราไม่เคยสลัดความเป็น "ทาสความโง่" ในตัวเราได้เลย
แม้ว่า ร.5 ท่านจะทรงเลิกทาสมาแล้วตั้งหลายร้อยปี






โดย: ห้ามลบเม้นท์คนหล่อ (กะว่าก๋า ) วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:7:59:29 น.  

 
emo สบายดีครับพี่หมี




ส่วนพี่แหม่ม ... ผมไม่ลบหรอกคร๊าฟฟฟฟ คดีเก่ากับพี่ผมเยอะ emo


โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:8:02:07 น.  

 
เพิ่งส่งของรางวัลออกไปเมื่อวานนี้ครับ
ยังไม่ได้จัดการหนี้สินเลย 5555

มีเดินทางออกนอกประเทศด้วยนะครับ
คริคริ

หนี้สินของผมเดินทางไปทั่วประเทศเลยครับ 5555

แจกจ่ายแบบนี้
สบายตัวสบายใจมากเลยครับ

จะได้หาเวลาไปสร้างหนี้ก้อนใหม่มาอีก 5555


emoemoemo


โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:8:21:03 น.  

 
พี่โยรู้มั้ย
ทำไมประเทศเราเจริญและพัฒนาไม่ได้

ที่เราเป็นแบบนี้
เพราะเราไม่เคยสลัดความเป็น "ทาสความโง่" ในตัวเราได้เลย

...
...
...

เห็นด้วย!!!!!!


โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:8:28:50 น.  

 
emoemoemo


โดย: คนไม่เจียม.. วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:9:10:40 น.  

 
ผมว่าพี่โยพยายามใช้ "มุก" กับ "มุข"
ให้น้อยลง
สักนิดดีกว่าครับ

เหอๆๆๆ

เอาเวลาไปจีบหญิงเต๊อะ 55555

emoemoemo


โดย: ก. วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:9:15:13 น.  

 
^
^
^
emoemoemo


โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:9:33:31 น.  

 
^
^


emoemo

เอาเรื่องจริงมาพูด
ไม่เห็นมีไรต้องโกรธ หุหุหุ



โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:9:46:47 น.  

 
คุณโยไม่ไปช่วยประมูลหนังสือกันหน่อยหรือคะ

ล่าสุดราคาดีดกลับมาที่4.50 แล้วนะค๊าemoemo


โดย: หมีสีชมพู วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:10:24:50 น.  

 
555+++666+++ พี่หมีประมูลไว้ที่11 บาท

แล้วราคาก็รูดลงมาที่ 3 บาท

กลัวได้หนังสือจัง กรี๊ดดดดดดดemoemoemoemo


โดย: หมีสีชมพู วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:10:26:59 น.  

 
ผมถล่มราคาลงมาที่ 2.75 บาทครับ ...... จะได้สะท้อนมูลค่าพื้นฐานมากขึ้น emo


โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:10:48:44 น.  

 

สวัสดีครับ มาเยี่ยมชม และมาทักหทายครับ

ขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อเรื่องในบล็อคนี้นะครับ

ผมไม่เห็นด้วยกับ จขบ.ตามเนื้อเรื่องเท่าไหร่ครับ

เพราะผมก็ผ่านการรับน้องมา พอผมเป็นรุ่นพี่ผมก็บเป็นสต๊าฟเกี่ยวกับการรับน้องมาโดยตลอดครับ

การรับน้องเป็นที่ดีครับ ถ้านำไปใช้อย่างถูกต้อง แต่ว่าเด็กยุคหลังนี้มักจะไม่เข้าใจในการรับน้อง แล้วเอาวิธีการรับน้องมาใช้อย่างผิด ๆ มากกว่าครับ

อย่างผมกับเพื่อนในรุ่นที่ผ่านการรับน้องกันมากว่า 40 ชีวิต ทุกวันนี้ยังติดต่อกัน ไปมาหาสู่กันเป็นประจำครับ เพราะว่าพวกเรารักและสามัคคีกันครับ ปีนี้เป็นปีที่ 21 แล้วครับที่ยังติดต่อกันอยู่

อย่างเช่นเย็นนี้ พวกเพื่อน ๆ ในรุ่นยังร่วมกันเป็นเจ้าภาพงานศพให้แก่คุณพ่อของเพื่อนคนหนึ่งในรุ่นครับ ที่เรารักกันแบบนี้ก็เพราะว่าพวกเรารับน้องมาด้วยกันครับ

มีอยู่ประโยคหนึ่งที่รุ่นพี่ตะโกนถามพวกผมในระหว่างการรับน้อง แล้วผมก็จำได้ตลอดมา รุ่นพี่ตะโกนถามด้วยเสียงอันดังลั่นว่า

"คุณรุ่นเดียวกันหรือเปล่า?"

ดังนั้นการรับน้องน่าจะให้ประโยชน?มากที่สุดในเรื่องของความสามัคคีครับ

ส่วนเรื่องที่ว่าถ้าเข้ารับน้องแล้ว จะออกมาเป็นคนที่มีคุณภาพหรือเปล่า? อันนี้เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลครับ ผมว่าไม่เกี่ยวกับการรับน้องเท่าไหร่ครับ

ส่วนเรื่องกับฝึกทหารผมกับเห็นด้วยกับ จขบ. ครับ

ผมคิดว่าการฝึกทหารเป็นเรื่องของการฝึกกลยุทธ , ยุทธวิธี , ความเข้มแข็ง ความอดทน ฯลฯ ซึ่งจะทำให้นายทหารท่านนั้นสามารถอยู่รอดในสนามรบได้มากกว่าครับ ดังนั้นการฝึกทหารจึงแตกต่างกับการรับน้องคนละเรื่องเลยครับ

ไม่กล้าคอมเม้นท์มากกว่านี้ กลัวว่าบล็อคของคุณจะยาวขึ้นครับ

ขอบคุณมากครับที่เปิดโอกาสให้ผมได้แสดงความคิดเห็นด้วย

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:11:05:41 น.  

 

ลืมไป ...

จริง ๆ แล้วจะมาขอบคุณที่ไปร่วมประมูลนิตยสารในบล็อคของผมมาครับ

แต่ว่าพอมาอ่านเนื้อเรื่องแล้ว เลยอยากแสดงความคิดเห็นบ้างครับ

สนใจที่จะเข้าร่วมเป็นทีมทนายฝั่งผมไหมครับ? เพราะว่าตอนนี้ผมกำลังหาทนายเตรียมสู้คดีกับคุณก๋าฯครับ

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:11:07:55 น.  

 
ยินดีที่ร่วมแสดงความเห็นครับemo


โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:12:06:02 น.  

 
ขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้หน่อยนะคะ พอดีแวะผ่านมา

ดิฉันเห็นด้วยในหลายความคิดเห็นกับเจ้าของบล็อกนะคะ

เพียงแต่ว่าดิฉันก็เป็นรุ่นพี่ที่ทำงานตรงนี้มา 2 ปีแล้วและผ่านการรับน้องมาด้วย ดิฉันคิดว่าการรับน้องจุดประสงค์ไม่ได้อยู่ที่จบไปแล้วคุณเข้ากับสังคมได้หรือเปล่านั่นมันไม่เกี่ยวค่ะ เพียงแต่จุดประสงค์ที่เราทำรับน้องเพราะเราอยากให้การปรับตัวของน้องเร็วขึ้น นั่นคือการใช้กิจกรรมเพื่อเป็นสื่อกลางทำให้น้องรู้จักเพื่อนเร็วขึ้น สนิทกันเร็วขึ้น หรือย่นเวลานั่นเอง มันทำให้การรู้จักกันช่วยเหลือกันได้เร็วขึ้น รุ่นพี่รู้จักกับน้อง การว๊ากมันเป็นระบบที่นำเข้ามาเสริมในเรื่องของระเบียบวินัย ส่วนความสามัคคีเป็นผลพลอยได้ค่ะ

คิดดูสิคะในการที่เราทำรับน้องและจำนวนน้องไม่น้อยเลยเนี่ย เราจะทำอย่างไรให้คนที่มาจากที่ต่างถิ่นอยู่ด้วยกันในเวลาจำกัดแบบมีระเบียบและวินัย จึงเกิดระบบว๊ากขึ้นมาค่ะ แล้วระบบนี้มันก็มีที่มา การว๊ากมันก็เหมือนวัฒนธรรมนั่นแหละค่ะ เกิดมาและดับไป เปลี่ยนแปลงมาเสมอๆ หากคนไม่เข้าใจทำไปไม่รู้จุดประสงค์ผลที่ได้มันก็อยู่บนหน้า 1 ที่เห็นๆกันอยู่

ส่วนที่รุ่นพี่บอกว่าถ้าไม่เข้าเชียร์จะไม่มีเพื่อนหรือเข้ากับสังคมไม่ได้นั้น คือมันอยู่ที่มนุษยสัมพันธ์ส่วนบุคคลค่ะ หากคุณรู้จักคนทั้งคณะโดยไม่ได้รับน้องคุณก็เป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดี ดิฉันสรุปได้แค่นั้น แต่ลองมองคนที่เค้าไม่ค่อยกล้าในการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นก่อนสิคะ กิจกรรมนี้ถือว่าช่วยได้มากทีเดียว

ทุกอย่างมันไม่ใช่การรับน้องนะคะ คุณรับน้องแค่ไม่กี่เดือน แต่อยู่ในมหาวิทยาลัย 4 ปี คนเรามันเปลี่ยนกันได้นะคะ อย่าคิดว่าทุกอย่างมันต้องเกิดจากสิ่งใดเพียงสิ่งหนึ่งเท่านั้น


โดย: Mandria วันที่: 3 เมษายน 2551 เวลา:16:00:30 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Analayo
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 56 คน [?]




หากโลกนี้มีความยุติธรรม เราคงไม่ต้องมีศาล ไม่ต้องมีทหาร ไม่ต้องมีตำรวจหรอก/Skyman
@ จ่อยน้องลิง @
@ จ่อยหัวหอม @
X
X



free counters


Friends' blogs
[Add Analayo's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.