อบรมการตลาด J-MAT สู้เส้นทางการตลาดสัญจร ที่เชียงใหม่
^^ สวัสดีครับ วันนี้ไปอบรมการตลาดที่ โรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิง ที่เชียงใหม่ สนุกมากมาย มีวิทยากรขึ้นมา พูด 3 คน แต่ละคนก็มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน การพูดไม่เหมือนกัน แต่ที่เหมือนกันทุกคนก็คือ สามารถสะกดให้ทุกคนฟัง ได้อย่างไม่น่าเบื่อเลย ฟังได้เรื่อยๆ ทั้งขำ ทั้งทึ่งในความคิด ฟังละแบบ เออ คิดได้ไง - -" ประมาณนี้ อ่าาา รถออกจากมหาลัยตอน 9.10 ไปถึงก็ 11 โมง ขับซะไวเลย ฮ่าๆ 100 กิโลเมตร 2 ชม เนี่ยช้าไปมั้ย พอไปถึงขึ้นไปห้อง แกรน ไปลงทะเบียน " จากมหาลัยไหนคะ " คำถามแรกที่เราได้ยินจาก นักศึกษาสาว "ราชภัฎ ลำปางครับ" เพื่อนหนุ่มตอบ "ซักครู่นะคะ" แล้วก็หาใบลงทะเบียน หาๆๆๆๆๆๆ หาไม่เจอ - -" เวนกำ ต้องเอากระดาษ A4 เปล่าๆมาให้ลงชื่อกันซะงั้น อะไรเนี๊ย ละก็เดินเล่น รอเวลา 13.00 เพื่อเปิดพิธี พอถึึงเวลาก็ฟังๆๆๆๆ "ความคาดหวังของผู้ประกอบการต่อนักการตลาดรุ่นใหม่" โดย ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์ อุปนายกฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์และประชาสัมพันธ์สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย และกรรมการผู้จัดการ Communication&More Co.,Ltd. ...,ในปัจจุบัน ก็มีการแข่งขันมากมายอะเนอะ การที่ผู้ประกอบการเค้าจะจ้างงานแต่ละที ก็ต้องมีการคัดเลือกกันหน่อยแหละ ละคุณสมบัติที่เค้าจะเอาก็คือ "เก่ง ดี ทน ถูก" เจ้า4คำนี้แหละที่เค้าต้องการ งานหนักล่ะทีนี้ เหมือนจะเรื่องมาก แต่มันก็จริงแหละครับ เพราะว่าบริษัท เค้าก็ต้องการคนที่ ทำงานเก่งๆ จะต้องมีความเก่งในด้าน เก่งคน เก่งคิด เก่งงาน เห็นได้ว่า เก่งคน ต้องมาก่อนเพราะว่าเราทำงานด้านการตลาดเนี่ย มันก็ต้องเกี่ยวกับคน อยู่แล้วซะส่วนใหญ่ เพราะเราคงไม่ไปทำตลาดเกี่ยวกับสัตว์เป็นแน่ - -" ต้องมีการ connection กับคนหลายๆคนคนหลายๆประเภท เก่งคิด นี่ก็เรื่องCreative ต่างๆสร้างสรรผลงาน เก่งงาน นี่ก็คือ สามารถทำงานได้จริงไม่ใช่แค่ พูดๆๆแล้วก็ทำไม่ได้ เอ่อ....แล้วก็ อะไรที่เราเนี่ยต้องรับผิดชอบก็ขอให้ทำให้สำเร็จก่อน มีคาถา 6P's ด้วย ที่จำได้ก็ Positive Thinking Peaceful Mind Patient Punctual Professional Polite เจ้า 6 p เนี่ยจะสามารถทำให้เราเป็นคนเก่งได้ เรื่อง " ดี " = ก็คือ เข้ากับคนอื่นได้ ไปไหนก็มีแต่คนพอใจ ที่จะทำงานด้วย หรือ ร่วมงาน "ทน" = หนักเอาเบาสู้ "ถูก" = ราคาเหมาสมและคุ้มค่ากับเงินที่ผู้ประกอบการจะต้องเสียค่าจ้าง และก็ไม่เรียกร้องก่อนพิสูจน์ตนเองได้ ผมว่าการทำงานเนี่ย มันต้องทำให้เต็มที่ถึงมันจะเกินค่าจ้างที่เค้าจ้างเรามา ก็ไม่เป็นไร เราควรคิดว่าทำงานให้มันดีที่สุด ไม่ใช่คิดว่า ทำตามที่จ้างอะไรงี้ พวกสิ่งดีๆที่เราทำไปเนี่ย ผลมันจะเกิดเองตามที่เราทำ ความดีกลิ่นมันโชยอยู่แล้ว แบบทำดีๆ ใครก็พูดถึง คนก็รู้จัก หัวหน้าอาจจะไม่เห็นแต่ยังไงก็ต้องมีคนเห็นและจับจองไปบ้างล่ะน่า ^^คิดดีๆเข้าไว้ครับ "ความสุข คือ การชอบในสิ่งที่ทำ ไม่ใช่การทำในสิ่งที่ชอบ" งงมั้ยกับคำพูดแบบนี้ั ผมเพิ่งจะมาเข้าใจนี่แหละ เพราะว่าในความเป็นจริง เราจะทำแต่สิ่งที่ชอบนั้นมันเป็นไปไม่ได้ เราควรมองว่าหน้าที่ที่เราต้องทำนั้นมันคืออะไร และจงชอบมันซะ เราจะสามารถทำสิ่งนั้นให้มันดีขึ้น แบบ เรียนก็เรียนไป เออ ชอบเรียน เรียนๆๆ ละมันก็จะดีเอง แหม่ คิดไปได้เนอะ และสุดท้ายคำพูดที่ผมจำได้ "เกรด = ทำให้เราได้งาน" "กิจกรรม = ทำให้เราทำงานได้" หมดละครับกับอาจารย์ท่านนี้ ---------------------------------------------------------------- ต่อไปก็ "การสร้างแบรนด์อย่างมืออาชีพ" โดย คุณจรรย์จารี ธรรมา Chief Consulting Officer SHE (Thailand) Co.,Ltd. ผมชอบคนนี้มากเลย เค้าพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติ พูดจากประสบการณ์ตรง พูดให้มีความฝัน ที่สามารถเป็นจริงได้ เออ คุณจรรย์จารีเนี่ย เค้าเป็นคนคิด เลย์โนริสาหร่าย เอ้ออ ชอบตรงนี้เลย 5555 เกี่ยวมั้ย สาระสำคัญของการสร้างแบรนด์เนี่ยก็คือ " ต้องมีตัวตนที่ชัดเจน " คืออันนี้ต้องจำเลย ถ้าเราจะสร้างแบรนด์นั้น เราต้องมีตัวตนที่ชัดเจน ยกตัวอย่าง โอโม่ ความชัดเจนของเค้าคืออะไร ??? ก็คือ ความขาว ใช่มั้ยครับ เค้าเน้นขาวมาตั้งแต่นู้นนนน ผมเป็นเด็กๆ ตอนนี้เค้าก็ยังใช้พี่วิลลี่คงความขาวไว้อย่างเดิม การที่เราจะสร้างแบรนด์เนี่ย เราต้องเอาสินค้าของเรา เขียนชื่อ แล้วก็ถามว่า เอกลัษณ์สินค้าคืออะไร ??? คิดเล่นๆ เวปขายของ ที่ผมคิดไว้ www.ชื่อเวป.com เป็นเวป ขายของที่เปลี่ยนของที่จะขายทุกวัน และของนั้นน่าซื้อ เนี่ยครับ หาจุดยืนของตัวเอง แร้วเราจะพบ Positioning ของสินค้าเรา Positioning คือ จุดยืนของสินค้า,ตัวตนของสินค้า ... ไม่ใช่จุดว่างสินค้าหรืออะไรนะครับ แค่เราหาจุดยืนและย้ำมันเข้าไปเท่านั้นเอง ลูกค้าก็จะจำจุดนี้ของเราได้ อย่างเวปผม ผมก็จะทำให้ลูกค้าคิดว่า "เอ... วันนี้เวปนี้จะขายอะไรนะ" นั้นก็หมายถึงของเราเป็นที่สนใจ และก็เปลี่ยนไปทุกๆวัน ประมาณนี้ครับ ก็ได้แต่คิดอะเนอะ ไม่ได้ทำซะทีเฮ่ออออ สิ่งที่เราจะสร้างตอนแรกนั้นก็คือ หาความต้องการ-->ต่อด้วยสรุปจุดยืน-->แล้วก็สร้างสื่อแบบ360องศา และจุดยืนของเราก็ต้องดูลึกเข้าไปอีก จุดยืนของเราต้องเป็น URI ด้วย ก็คือ Unique+Relevance+Internal Strange หรือง่าย โดดเด่น โดนใจ ในแข็ง !!! จุดยืนของเรา ต้องมีความโดดเด่น แปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร โดนใจกลุ่มเป้าหมาย และก็ ดูด้วยว่าองค์กรภายในสามารถทำได้มั้ย ตามที่ตั้งจุดยืนนี้ สรุปคำตอบของการสร้างแบรนด์คือการสร้างตัวตน(จุดยืน)-Positioning ให้แบรนด์นั้นชัดเจนและเหนือกว่าคู่แข่ง ------------------------------------------------------------ โหยยยย เขียนยาวมาก ผมนี่ชอบเรื่องนี้จริงๆ ทั้งๆที่จดมานิดเดียวแต่สามารถจำได้ขนาดนี้ เออ แจ่ม.... ไม่นึกว่าจะเขียนยาวขนาดนี้มาก่อน มีสาระนะเนี๊ยยยย อีกแค่ 18 ชั่วโมงก็จะได้เจอที่รักแล้ววว ฮ่าๆๆ จะมีคนอ่านมะเนี่ยเขียนซะยาว สาระมันก็มีเหมือนกันนะคร๊าบบบ ฮ่าๆๆๆ เอ้ออ ละอีกเคส "Event Marketing" "Showcase นมไวตามิลค์" โดย คุณชนิต สุวรรณพรินทร์ ผู้จัดการทั่วไป สายงานการตลาด บริษัท กรีนสปอต จำกัด .....คนนี้พูดได้สนุกมาก แถมยังติดดินอีกด้วย เอาเคสไวตามิลค์มาโชวว่าเค้าทำยังไง ตั้งแต่เริ่ม จนจบ อันนี้ไม่ขอพูดละกันนะครับแฮะๆ ---------------------------------------------------------------- ยังไงใครมีอะไรก็มาแชร์ๆกันนะครับ อยากตั้งกลุ่มทำการตลาดในเวปจังเลย แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง
Free TextEditor
Create Date : 29 มกราคม 2553 |
|
14 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2553 21:02:07 น. |
Counter : 756 Pageviews. |
|
|
|
กล้าคิด กล้าทำ ที่สำคัญ คิดแล้วทำด้วย
ทำไปให้ดีที่สุด ผลงานจะออกมายังไงก็แก้ไขเอา
งานดี เรามาคิดเพิ่มว่า จะทำไงให้ดีกว่านี้
งานเสีย เรามาคิดว่า ตรงจุดไหนที่ผิดพลาดแล้วแก้ไข
ถูกม่ะ....โอ๊ยยยยยย อ้วนเอาสาระมาใส่หัวเขาป่าวเนี่ย?