โรคตาขี้เกียจ::ใกล้ตัวจนตกใจ!!!
จากประสบการณ์ตรงเลยค่ะ...เจ้าน้องคนเล็ก โตมี่ ปีนี้(2552) อายุย่างเข้า 13 ปี เพิ่งรู้เมื่อช่วงต้นปีว่าเป็น AMBLYOPIA หรือ โรคตาขี้เกียจ ซึ่งกว่าจะรู้กัน ตาของเธอก็มองเห็นแบบมัวไปแล้ว...อิฉันเองนี่ร้องห่มร้องไห้ สงสารเธอเหลือเกิน แต่เจ้าตัวเฉยๆซะ บอกว่าไม่รู้สึกอะไร เพราะเป็นตั้งแต่เกิด แบบว่าไม่รู้ตัว..ชินซะงั้น ที่รู้ว่าเป็นก็เพราะไอ้ตาข้างที่ดีมันดันเจ็บไงคะ...พอไปหาหมอ ตรวจคร่าวๆ หมอวินิจฉัยเบื้องต้นว่าเป็น ตรวจละเอียดอีกครั้ง..เป็นชัวร์ๆ ซึ่งคุณอารยา ม่ามี๊อิฉันมาบรรยายให้ฟังว่า ตาทำงานผิดปกติตั้งแต่กำเนิด มองเห็นมัวๆ โดยเด็กจะไม่รู้ตัว และถ้าไม่รักษา ตาก็จะบอดในที่สุด จริงๆ ถ้ารู้ก่อนอายุ 7 ปี โอกาสการรักษาหายสนิทยังมี..แต่ตอนนี้ที่ทำได้ คือ การคงสภาพสายตาให้คงที่ ไม่มัวไปกว่าเดิม ตอนนี้ก็ใส่แว่นสั่งตัดพิเศษ..แล้วก็ต้องปิดตาข้างที่ดี ใช้ตาข้างที่มีปัญหา เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพกันไป เป็นโรคที่ไม่ไกลตัวเลยนะคะ..เลยคัดลอกบทความมาให้อ่าน เพื่อที่เราจะดูแลเด็กในบ้านได้ก่อนที่จะสายไป ตาขี้เกียจ ( AMBLYOPIA ) หมายถึง ภาวะที่ตาข้างนั้นๆ มีสายตาไม่ดี เนื่องจากการพัฒนา ด้านสายตาของข้างนั้นในวัยแรกเกิดถึงประมาณ 4-5 ปี ถูกขัดขวางหรือหยุดไป เนื่องจากสาเหตุ ทางตาและโรคตาต่างๆ
ภาวะตาขี้เกียจนั้นสามารถแก้ไขให้สายตากลับคืนมาได้ ถ้าสามารถแก้ไขสาเหตุนั้น และรักษา ภาวะตาขี้เกียจได้ทัน ดังนั้น พ่อแม่ควรคำนึงถึงสภาวะนี้เพื่อป้องกันและแก้ไขภาวะนี้ให้ลูกๆ มองเห็นได้ดีเท่ากันทั้ง 2 ตา ในภายหลัง
ภาวะตาขี้เกียจมักจะเป็นข้างเดียว แต่อาจเกิดได้ 2 ข้างด้วยเหมือนกัน ภาวะนี้พบค่อนข้างบ่อย ประมาณ 4 ใน 100 คน จึงมีข้อแนะนำว่าเด็กๆ ทุกคนควรได้รับการตรวจสายตาโดยกุมาร แพทย์หรือจักษุแพทย์ ก่อนอายุ 3 ปี
ปกติทารกแรกคลอดจะสามารถเห็นได้ลางๆ และจะมีการพัฒนาของสาย ตาโดยอาศัยแสงเข่าไปกระตุ้นจอประสาทตาให้เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุ จนสามารถเห็นได้ ชัดเท่ากับผู้ใหญ่ เมื่ออายุประมาณ 2 ปี ดังนั้น ถ้ามีอะไรไปขัดขวางการพัฒนาของสายตา เช่น เด็กเป็นต้อกระจกแต่กำเนิด แสงก็ไปกระตุ้นจอประสาทตาไม่ได้ ทำให้ตาข้างนั้นหยุดการ พัฒนาอยู่ตรงจุดนั้นๆ ทำให้ สายตาข้างนั้นไม่ดี เท่าอีกข้างก็เกิดสภาวะตาขี้เกียจขึ้น
สาเหตุ ส่วนใหญ่ตาจะพัฒนาเต็มที่เมื่อเด็กอายุ 9 ปี และจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ถ้าอายุ มากกว่านี้ ดังนั้น ตาขี้เกียจจึงจำเป็นต้องได้รับการตรวจพบและรับการรักษาโดยเร็วที่สุด สาเหตุและอาการตาขี้เกียจอาจจะเกิดจากสาเหตุใดๆ ก็ตาม ที่ขัดขวางการใช้และการพัฒนาการ ของสายตา ส่วนใหญ่ ที่พบเกิดจากสาเหตุ ใหญ่ 3 สาเหตุ คือ ..
1. ตาเหล่ มักจะทำให้เกิดภาวะตาขี้เกียจได้ง่าย
2. สายตาผิดปกติ ได้แก่ สายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียง ในพวกนี้แสงจะไม่สามารถ โฟกัสมาจากที่จอประสาทตาได้ ทำให้การพัฒนาของสายตาข้างนั้นๆ หรือ 2 ข้างไม่ปกติ
3. โรคตาบางชนิด เช่น ต้อกระจกตั้งแต่กำเนิด อาจจะเป็นตาเดียวหรือ 2 ตา ก็ได้ ทำให้การ พัฒนาของสายตาไม่เป็นไปตามขั้นตอนปกติก็จะเกิดภาวะตาขี้เกียจขึ้น
การรักษา ตาขี้เกียจจำเป็นต้องรักษาอีกต่อไป โดยการปิดตาข้างดีนานเป็นเวลาอาทิตย์หรือ เดือนภายใต้การควบคุมของจักษุแพทย์ เพื่อบังคับให้ตาขี้เกียจใช้งานและฟื้นฟูสายตาข้างนั้น หลังจากนั้น ก็ยังคงต้องปิดตาข้างดี เป็น เวลานานนับเป็นปีๆ เพื่อคงสายตาขี้เกียจนั้นให้ดีหลัง จากฟื้นขึ้นมาแล้ว จนกระทั่งอายุ 9 ปี ซึ่งหลังอายุนี้แล้วตาขี้เกียจจะไม่เกิดขึ้นอีก
ในกรณีที่มีต้อกระจกก็จำเป็นต้องผ่าตัดลอกต้อกระจกก่อน หลังผ่าตัดก็ต้องใช้แว่น หรือคอน แทคเลนส์ ในรายที่ปิดตาอย่างเดียวไม่พออาจจะมีการกระตุ้นประสาทตา โดยใช้เครื่องฝึก กล้ามเนื้อตา ( SYNOPTOPHORE ) ช่วยในระยะแรกๆ ร่วมกับการปิดตาและฝึกตาข้างดี ข้อมูลโดย: โรงพยาบาลไทยนครินทร์ จากคอลัมน์ มุมโรงหมอ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ จากที่อ่านๆอาการ..แล้วมานั่งนึกถึงพฤติกรรมเจ้าโตมี่ตั้งแต่เด็กๆ เธอจะชอบมองตาเอียงๆ แบบหันหน้าเป๋ๆไปด้านนึง แล้วก็หยีๆ หรี่ๆตาเวลามองอะไร ไอ้เราก็นึกว่าบุคลิกเธอ ...แต่จริงๆเธอตาเอียงแต่กำเนิด เอียงเว่อร์ๆด้วย ปาเข้าไปหลายร้อยเลย สาเหตุจึงน่าจะจัดอยู่ในข้อที่2 ตอนนี้ก็ได้แต่เตือนกันไปให้ดูแลตัวเอง...อย่าให้เป็นมากกว่าเดิม
Create Date : 27 กรกฎาคม 2552 |
|
24 comments |
Last Update : 27 กรกฎาคม 2552 13:30:20 น. |
Counter : 4722 Pageviews. |
|
|
|
โตมาจนเบญจเพสแล้วยังเป็นได้ค่ะ
ตอนนี้ก้แค่พยายามไม่ให้มันเป็นไปมากกว่าเดิมเท่านั้น
สาเหตุของเราน่าจะเป้นเพราะใช้สายตากะคอมมากเกินไป
(งั้นลาออกดีกว่ามั้ยเนี้ย --- แป่ว)