Bloggang.com : jenifaae : 2 วันกับการเยือนไทยของ 'บุช' การเมืองได้ภาพบวก-ล้มเหลวเชิงการทูต

2 วันกับการเยือนไทยของ 'บุช' การเมืองได้ภาพบวก-ล้มเหลวเชิงการทูต

การเดินทางเยือนประเทศไทยของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช จูเนียร์ แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่กลับมีหลายสิ่งหลายอย่างน่าจับตามอง

     หนึ่งในข้อสังเกตที่น่าสนใจมาจากมุมมองของ ผศ.ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้วิเคราะห์สุนทรพจน์ของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ว่า เป็นคำพูดแบบอำลาตำแหน่ง โดยได้สรุปการทำงานของตนเองในเอเชีย มากกว่าจะเป็นเรื่องของอนาคต โดยเน้น 3 มิติหลัก คือ สิทธิเสรีภาพ ความมั่งคั่งทางการค้า และความมั่นคง ซึ่งหากมองในแง่ของความสำเร็จที่ผ่านมา ถือว่าอเมริกาสามารถสร้างเครือข่ายพันธมิตรได้ดี โดยเฉพาะทางทหาร ส่วนในแง่ของการค้า พบว่าปัจจุบันความมั่งคั่งของสหรัฐผูกติดกับเอเชียมากกว่ายุโรป

     ส่วนประเด็นเรื่องพม่า ผู้นำหันไปเล่นหนักนอกเวทีมากกว่า เช่น รับประทานอาหารเที่ยงกับแกนนำต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า ขณะที่ภริยาผู้นำไปเยี่ยมค่ายลี้ภัย ชาวพม่าบริเวณชายแดนไทย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการให้น้ำหนักเชิงสัญลักษณ์ แต่คิดว่าคงไม่ได้ผลเท่าไร เพราะอเมริกาได้ดำเนินทุกมาตรการเพื่อกดดันพม่าแล้ว ทั้งในเรื่องการคว่ำบาตร ดังนั้น ตราบใดที่ยังไม่สามารถดึงจีนและอินเดียเข้ามาร่วมด้วย ก็คงยากที่จะสำเร็จ

     อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจก็คือ การที่ผู้นำอเมริกาทิ้งทวนว่า อเมริกาไม่ได้โดดเดี่ยวตัวเอง และไม่ได้กีดกันทางการค้า ซึ่งเหมือนเป็นการส่งสัญญาณเตือนกลายๆ ถึง 'บารัก โอบามา' ที่อาจได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี และเป็นผู้ที่ไม่สนับสนุนการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีทวิภาคี (FTA) ต้องทบทวนแผนในเรื่องนี้เช่นกัน

     ต่อยอดประเด็น FTA ซึ่งหลายฝ่ายแคลงใจ นายจักรชัย โฉมทองดี ตัวแทนกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน ให้ความเห็นว่า ในทางทฤษฎีแล้ว หากในช่วง 6 เดือนที่เหลืออยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดี นายบุชจะฟื้นการเจรจาเอฟทีเอไทย-สหรัฐ และนำเข้ารัฐสภาสหรัฐก็ได้ แต่โดยส่วนตัวเชื่อมั่นว่าไม่มีความเป็นไปได้เลยที่สหรัฐจะทำเช่นนั้น นอกเสียจากข้อตกลงที่ได้จากการเจรจาจะให้ประโยชน์กับฝ่ายสหรัฐเต็ม 100%

     เพราะเวลาที่เหลืออยู่ รัฐบาลจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องนำเข้าสู่สภาและต้องสร้างแรงจูงใจให้ ฝ่ายค้านและวุฒิสภาที่ครองเสียงข้างมาก โดยพรรคเดโมแครตถือเป็นเรื่องยากอยู่แล้ว ดังนั้นการกล่าวถึงการสานต่อ FTA ในเวลานี้ น่าจะเป็นความพยายาม สร้างภาพทางเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย ฝ่ายเดียว

     อีกทั้งยังอาจกล่าวได้ว่า การเยือนไทยของประธานาธิบดีสหรัฐครั้งนี้ล้มเหลวด้วยซ้ำ เนื่องจากในทางการทูตที่ผ่านมา การเยือนของผู้นำสหรัฐในประเทศใดก็ตาม ย่อมมีแถลงการณ์ร่วมหรือคำมั่นหมายในเรื่องความร่วมมือด้านใดด้านหนึ่งออกมา ดูจากการไปเยือนเกาหลีใต้ก่อนมาไทย บุชได้แสดงตัวช่วยไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น แต่กับไทย กับไม่ได้กล่าวอะไรที่แสดงถึงการผูกมัดในความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งแสดงว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับไทยนัก

     วิเคราะห์จากมุมมองของอดีตนักการทูต นายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เห็นว่า คำพูดของประธานาธิบดีบุชไม่ได้เหนือความ คาดหมาย เป็นการบอกต่อโลกว่า 7-8 ปีที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐไม่ได้ทำให้โลกแย่ลง

     ทูตกษิตมองว่า ไม่ว่าประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐจะเป็นใครระหว่างนายจอห์น แมคเคน และนายบารัก โอบามา ก็ยังจะให้ความสำคัญกับเอเชีย-แปซิฟิกอย่างแน่นอน แต่ก็อาจจะมีความต่างอยู่บ้าง โดยนายโอบามาอาจจะสนใจจีนมาก ขณะที่แมคเคนน่าจะเลือกสร้างสมดุลระหว่างจีน ญี่ปุ่น และอาเซียนมากกว่า

ขอขอบคุณ
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2551 หน้า 4

H O M E

Create Date : 16 สิงหาคม 2551

Last Update : 16 สิงหาคม 2551 20:16:13 น.

1 comments

Counter : 552 Pageviews.

สำหรับเรา คิดว่า ประเทศไทยเป็นเพียงประเทศที่ USA ได้สุ่มเลือกขึ้นมาเป็นสถานที่ด่าประเทศจีนเท่านั้น

โดย: Phoebe Buffay

วันที่: 17 สิงหาคม 2551 เวลา:12:57:10 น.