ในปีหน้า พ.ศ.2550 จะมีเทคโนโลยีการแพทย์ชั้นสูงรูปแบบไหนบ้างที่เข้ามามีบทบาทในการช่วยยืดชีวิตมนุษย์

น.ส.พ.ข่าวสด วันที่ 05 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 16 ฉบับที่ 5850

คำนำ เมื่อเข้ามาในบล็อกนี้แล้วจะเห็นว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหน้าแรกไปทุกวันอาทิตย์ โดยจะเลือกเรื่องที่เก็บไว้ในคลังความรู้นี้นำมาขึ้นเป็นหน้าแรก
ถ้าสนใจข่าวเดิมที่เคยขึ้นเป็นหน้าแรก หรือ จะอ่านข่าวเรื่องอื่นๆ เพิ่มสามารถเข้ามาคันหาเองได้ ขอเชิญคลิกเข้ามาดูบล็อกทางด้านซ้ายมือและลิงค์ทางด้านขวามือของท่านด้วย จะมีเนื้อหาอีกมากมาย ขอเชิญเข้ามาเลือกดูได้

หมายเหตุได้เก็บสะสมข่าวไว้มากหลายเรื่อง เพื่อนำมาใช้อ้างอิงได้ถ้าวันนี้ยังไม่ใช้วันหน้าเกิดนึกถึงจะนำมาอ้างอิงจะได้เข้ามาค้นหา



ความเจริญก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ รวมทั้งนวัตกรรมการแพทย์ใหม่ๆ ช่วยยืนอายุขัยของมนุษย์ให้ยืนยาวกว่าในอดีต

เมื่อเร็วๆ นี้ "คลีฟแลนด์ คลินิก" สถาบันการแพทย์ใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐอเมริกา เชิญคณะแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีระดับหัวแถวของสหรัฐ มาร่วมกันมองอนาคตว่า

ในปีหน้า พ.ศ.2550 จะมีเทคโนโลยีการแพทย์ชั้นสูงรูปแบบไหนบ้างที่เข้ามามีบทบาทในการช่วยยืดชีวิตมนุษย์ให้รอดพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บระดับร้ายแรงทั้งหลาย "ข่าวสดหลาย&หลาย" สรุปรายละเอียดมารายงาน ดังนี้

1.Convection-enhanced delivery of drugs

เป็นวิธีการนำ "ยา" ส่งตรงไปยังจุดที่ต้องการรักษา โดยไม่ทำให้เซลล์ส่วนอื่นๆ ในร่างกายได้รับผลกระทบข้างเคียงจากฤทธิ์ของยาตามไปด้วย

วิธีการนี้มีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า "ซีอีดี" เริ่มทดลองใช้เพื่อรักษาโรคมะเร็งและเนื้องอกในสมองแล้ว

2.Left Ventricular Assist System (LVAS)

นวัตกรรมชิ้นนี้มีชื่อย่อว่า "แอลวีเอเอส"

เป็นเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ปลูกถ่ายเข้ากับหัวใจ เพื่อทำหน้าที่ช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจข้างซ้ายสูบฉีดเลือดเข้าสู่เส้นเลือดใหญ่ที่อยู่ตรงห้องล่างซ้ายของหัวใจ

ความพิเศษอีกประการของแอลวีเอเอส คือ มีระบบปรับและลดแรงดันการไหลเวียนของโลหิตได้

3.Targeted cancer therapies

เป็นเทคนิคการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งแพทย์จะใช้ "ยา" ที่มีคุณสมบัติแทรกแซงการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งในระดับโมเลกุล เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เซลล์มะเร็งลุกลาม เช่น มะเร็งไต

สำหรับโมเลกุลที่ยาเข้าไปยับยั้งการแบ่งตัวนั้น ได้แก่ โมเลกุลที่เกิดกระบวนการคาร์ซิโนเจเนซิส ซึ่งเปลี่ยนเซลล์ดีให้กลายเป็นเซลล์มะเร็ง ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการทดลองและรอการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ)

4.Optical Coherence Tomography (OCT)

ระบบ "Optical Coherence Tomography" หรือ "โอซีที" คือ เทคนิคการตรวจวิเคราะห์และวินิจฉัย "โรคตา" โดยคนไข้ไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด

ภาพสแกนที่ได้จากโอซีทีถือว่ามีความชัดเจนมากที่สุด เจาะลึกถึงระดับเนื้อเยื่อ ช่วยให้การวางแผนรักษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

5.Endografting

"Endografting" (เอ็นโดกราฟติ้ง) เป็นวิธีผ่าตัดซ่อมแซมหลอดเลือดหัวใจที่ก่อให้เกิดผลกระทบข้างเคียงน้อยที่สุด

ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อ การเกิดอัมพาต การเสียเลือด ฯลฯ

ปัจจุบัน มีการนำมาใช้เป็นวิธีผ่าตัดรักษาโรคหลอดเลือดชนิดอื่นๆ

6.Neurostimulation for Psychiatrc Disorders

หมายถึงวิธีการกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ด้วยการปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ เข้าสู่เส้นประสาท

คนไข้ที่เข้ารับการรักษาด้วยวิธีนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตประสาทรุนแรง และรักษาด้วยยาปกติไม่ได้

เช่น ผู้ป่วยซึมเศร้าอย่างรุนแรง

แพทย์จะผ่าตัดฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้าไปยังจุดที่ต้องการในร่างกาย เพื่อให้ส่งกระแสไฟฟ้าไปกระตุ้นระบบประสาท

7.Designer Therapeutics Using Selective Receptor Antagonists

เป็นกระบวนการป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับผลกระทบจากการให้ยาบรรเทาปวดกลุ่ม "opioid" ที่ออกฤทธิ์แรงๆ

โดยผลข้างเคียงจากการให้ยา opioid ที่เคยพบ ประกอบด้วยอาการไม่รุนแรงมากนัก เช่น ท้องผูก อาเจียน ไปจนถึงระดับที่รุนแรงขึ้น เช่นกดระบบประสาทส่วนกลาง กดการหายใจ และเกิดอาการสับสน เป็นต้น

8.Cancer Vaccines

เทคโนโลยีการผลิต "วัคซีนป้องกันมะเร็งเฉพาะจุด" และวัคซีนรักษาผู้ป่วยมะเร็งแต่ละชนิด

ล่าสุด บางบริษัทที่สามารถพัฒนาวัคซีนประเภทนี้สำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว

เช่น วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกของบริษัทเมิร์กแอนด์โค ที่คาดว่าในอนาคตจะช่วยรักษาชีวิตผู้หญิงทั่วโลกได้เป็นจำนวนมาก

9.Ranibizumab

เทคนิคใช้ยาในตระกูล "Ranibizumab" บำบัดอาการจุดรับภาพที่จอประสาทตาเสื่อมในผู้ป่วยสูงอายุ ซึ่งเกิดขึ้นในบริเวณที่อ่อนไหวที่สุดในเรตินา (อาการเอเอ็มดี)

ในอดีต เอเอ็มดีไม่เคยมียารักษามาก่อน ผู้ป่วยอาการหนักๆ อาจถึงขั้นตาบอด

ขณะนี้การทดลอง "Ranibizumab" มีบริษัทเจเนนเทคในสหรัฐอเมริกาเป็นหัวหอกและใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว

10.Bronchial Thermoplasty (BT)

วิธีบำบัดรักษาโรคปอดแนวใหม่ เรียกว่า "บีที"

แพทย์จะทำการควบคุมระดับอุณหภูมิความร้อนของปอด

และใช้ความร้อนเพื่อฟื้นฟูระบบการทำงานของปอด รวมถึงลดความรุนแรงจากอาการหอบหืด

Create Date : 31 ธันวาคม 2549		1 comments
Last Update : 31 ธันวาคม 2549 21:29:41 น.
Counter : 1012 Pageviews.
Share Tweet