|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เทคโนโลยียิ่งพัฒนา-ยิ่งสบาย ยิ่งใช้ง่าย-คนที่ใช้ยิ่งโง่
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสมัยใหม่ หลายคนอาจจะมองว่า "เทคโนโลยียิ่งพัฒนา ยิ่งทำให้เราสะดวกสบายขึ้น" แล้วก็หลงละเลิงฝากชีวิตประจำวัน แทบจะทั้ง 24 ชั่วโมงไว้กับเทคโนโลยี ตั้งแต่ตื่นนอนวันนี้ จนถึงตื่นนอนพรุ่งนี้เลยเชียว
แต่จากที่ผมสังเกตคนใกล้ๆ ตัว ที่ต้องประสบพบเจอกันอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น เพื่อน ลูกค้า ลูกศิษย์ ฯลฯ ที่มีพฤติกรรม "อิน" และ "เพลิดเพลิน" ไปกับชีวิตที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีนั้น ผมรู้สึกว่า พวกเขา "เริ่มโง่" มากขึ้นทุกวัน และตัวผมเองก็ไม่รู้ว่า จะตกอยู่ในภาวะ "จำต้องโง่" ไปด้วยหรือเปล่า อืมม...คงอีกไม่นาน
ไม่ได้มีเจตนาจะ "ว่ากล่าว" หรือ "ดูถูกเหยียดหยาม" ใครหรอกนะ แต่พูดด้วยความเป็นห่วงในอนาคตของมนุษยชาติ (ดูยิ่งใหญ่มั๊ย?) ผมเป็นห่วงว่า วันใดก็ตามที่เกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น จะมีมนุษย์สักกี่คน ที่จะเอาตัวให้อยู่รอดได้ "ด้วยตัวเอง"
เพราะชีิวิตประจำวันของคนเราทุกวัน พึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป มากจนแทบไม่ได้ใช้ "ความสามารถ" หรือ "มันสมอง" ของตนเองเลย โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ ที่เกิดและเติมโตมากับเทคโนโลยี น่าเป็นห่วงมาก เพราะพวกนี้จะไม่เคยลำบาก แล้วถ้าวันหนึ่งที่เขาต้องเผชิญความลำบาก เขาจะทำอย่างไร
เด็กสมัยนี้ซื้ออาหารสำเร็จรูปหรืออาหารตามสั่ง บางคนชื้ออาหารแช่แข็ง ดีขึ้นไปหน่อยก็พอจะหุงข้าว ด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้าได้ แต่สมัยผมเป็นเด็ก พ่อแม่หัดให้เราหุงข้าวแบบเช็ดน้ำข้าว ตั้งกะทะทำกับข้าวได้
เด็กสมัยใหม่ พ่อแม่ซักผ้ารีดผ้าให้ โตมาหน่อย ก็จ้างซักรีด อย่างดีหน่อย ก็มีเครื่องซักผ้าของตัวเอง บางคนโชคดีที่ใช้เครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญเป็น (ฮา) แต่สมัยผมเป็นเด็ก ต้องนั่งซักผ้าในกะละมังด้วยตัวเอง
เด็กรุ่นใหม่จะหงุดหงิดถ้าวันไหนไฟฟ้าดับ หรือแอร์ไม่เย็น เป็นผลให้ทำงานไม่ได้ เรียนไม่ได้ จะโวยวายหาเรื่องหยุดงานหยุดเรียนตลอด แต่สมัยผมเป็นเด็ก บางวันเราต้องออกไปนั่งเรียนใต้ต้นไม้ หรือกลางสนามบาส ก็เคยมาแล้ว
ถ้าวันนึงโทรศัพท์มือถือหายหรือแบตหมด เราจะทำอะไรไม่ได้เลย โทรลางานก็ไม่ได้ โทรลาเรียนก็ไม่ได้ โทรหาเพื่อนก็ไม่ได้ โทรกลับบ้านก็ยังไม่ได้ เพราะในสมองจำเบอร์ใครไม่ได้สักคน แต่สมัยก่อนเราจะจดเบอร์โทรใส่สมุดเล็กๆ ติดตัวไว้เสมอ
จะเปิดเครื่องใช้หรืออุปกรณ์ใดๆ ก็จะกดรีโมท ถ้าหารีโมทไม่เจอคือ จบ ทำอะไรต่อไม่ได้ แต่คนรุ่นก่อนจะลุกเดินไปกดเองที่ตัวเครื่อง หรืออย่างดีหน่อย ก็ด้ามไม้กวาดกวาดหยักไย่
วันนี้ถ้าเมาท์เสีย คลิกไม่ได้กดไม่ติด จะเป็นเหตุผลให้คนยุคใหม่หยุดงาน เลิกงาน เลื่อนส่งงาน ฯลฯ เพราะแค่เมาท์เสีย แต่สมัยก่อนผมเรียนรู้การใช้คีย์บอร์ดเป็นหลัก แทบจะทุกคำสั่งสามารถใช้คีย์บอร์ดแทนเมาท์ได้ หรือถ้าพิมพ์งานไม่ได้ มือก็ยังเขียนได้ ดินสอปากกายังมี ให้ดูดีหน่อย ก็เครื่องพิมพ์ดีด
ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าสมัยนี้ ก็เป็นกันง่ายเหลือเกิน (ไม่ใช่จะดูถูกนะ) ไม่ต้องมีความสามารถอะไรมากมาย แค่เรียกชื่ออุปกรณ์ถูกต้องก็พอแล้ว จอไม่ติดเปลี่ยนการ์ดจอ ไฟไม่ติดเปลี่ยนพาวเวอร์ซัพพลาย คีบอร์ดค้างหรือกดไม่ติดก็เปลี่ยนคีย์บอร์ด จอสีเพี้ยนก็เปลี่ยนจอ ถ้าคอมเสียแบบหาสาเหตุไม่ได้ มันให้เราซื้อคอมใหม่เลย ไอ้ห่าลาก
คำพูดที่จะได้ยินประจำคือ "ซ่อมก็ไม่คุ้ม" (จริงๆ แล้วกูซ่อมไม่ได้) แต่ช่างสมัยก่อนเป็นช่างจริงๆ เอาแผงอุปกรณ์มาไล่เช็คเป็นจุดๆ อุปกรณ์ตัวไหนเสียก็บัดกรีออก เปลี่ยนตัวนั้น ไม่ใช่ เอะอะก็เปลี่ยนยกชุด เข้าใจว่ามันง่ายดี แต่นั่นไม่ใช่ความสามารถ
พูดถึงเรื่องนี้ ขอแถมเรื่องช่างซ่อมโทรศัพท์มือถือสักหน่อย เมื่อครั้งที่มือถือตัวเก่าของผมมันเดี้ยง ปุ่มกดไม่ทำงาน ผมตัดใจแล้วว่าทิ้ง ซื้อใหม่ แต่อยากจะถ่ายข้อมูล ในเมมโมรีของเครื่องออกมา จึงเอาไปหาร้านที่รับซ่อม ทั่วทั้งแฟชั่นไอส์แลนด์ ทุกร้านเลย หลังจากที่ดูไปดูมา ลองกดดูสักพัก ก็หันมาบอกด้วยคำพูดคลาสสิค "ซ่อมก็ไม่คุ้มครับพี่" และพยายามจะแนะนำรุ่นใหม่ให้
"ถึงไม่คุ้มพี่ก็จะซ่อม เพราะพี่ต้องการข้อมูลข้างใน มันสำคัญกว่าค่าซ่อม" เจอของจริงเข้าไป ไอ้ที่เรียกตัวเองว่า "ช่าง" มองหน้ากันเลิกลั่ก เข้าไปคุยกันสักครู่ ออกมาบอกว่า "ผมไม่มีอะไหล่ครับ" ดูมัน...แถไปจนไ้ด้ สุดท้ายไปเจออยู่ร้านนึง แรกๆ ก็พูดเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ยอมซ่อมให้ เสียค่าซ่อมไป 300 กลับมารีบดึงข้อมูลออก พอเสร็จปุ้บ มันก็เจ๊งปั๊บ เฮ้อ..300 อยู่ได้ไม่เกิน 24 ชม.
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ผลิตเทคโนโลยี ส่งไปขายทั่วโลก คนในประเทศใช้เทคโนโลยีมากมายในการดำรงชีวิตประจำวัน แต่เด็กญี่ปุ่นจะได้รับการฝึกฝนและเรียนรู้ ในเรื่องที่ทดแทนการไม่ใช้เทคโนโลยี ก่อนที่จะใช้เครื่องซักผ้า เขาต้องหัดซักมือ, ก่อนที่จะใช้เครื่องทำความร้อน เขาต้องหัดก่อไฟ ฯลฯ เป็นต้น
แต่เด็กไทยวันนี้ ถ้าเราไม่มีไฟฟ้าใช้ จะมีสักกี่คนที่สามารถก่อไฟ หุงข้าว ทำกับข้าว (จะมีก็คงเด็กต่างจังหวัด), วิชาลูกเสือสมัยนี้ ก็เข้าค่ายอยู่ในห้องแอร์ ตอนเย็นๆ จะมีพ่อแม่ผู้ปกครองมาส่งเสบียง, วิชาเกษตรก็ดู VCD เรียนรู้การเกษตรจากจอโทรทัศน์, พ่อแม่ไม่ส่งเสริมให้ลูกจับจอบจับเสียม แม้แต่ที่บ้าน บ้านสมัยใหม่จะมาพร้อมกับไม้ดอกไม้ประดับ พร้อมบริการหลังการขาย มีคนสวนคอยดูแล จนเจ้าของบ้านแทบไม่ต้องทำอะไรเลย
ไม่เป็น "ง่อย" ก็ "โง่" คงไม่มากไปกว่านี้แล้ว
Create Date : 05 ตุลาคม 2551 |
|
35 comments |
Last Update : 12 ตุลาคม 2551 6:59:01 น. |
Counter : 1119 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: kai (aitai ) 12 ตุลาคม 2551 9:00:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: a_music 12 ตุลาคม 2551 12:33:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) 12 ตุลาคม 2551 14:23:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: I_sabai 12 ตุลาคม 2551 15:18:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 12 ตุลาคม 2551 16:56:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: เราสองคน (ฝากเธอ ) 12 ตุลาคม 2551 20:38:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: Takaw 12 ตุลาคม 2551 20:57:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: fleuri 12 ตุลาคม 2551 21:56:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: Mitrapap IP: 117.47.190.203 12 ตุลาคม 2551 22:03:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลิตช์ (Litchi ) 12 ตุลาคม 2551 22:51:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: Opey 13 ตุลาคม 2551 2:52:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: YUCCA 13 ตุลาคม 2551 5:46:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: kai (aitai ) 13 ตุลาคม 2551 10:41:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนควน 13 ตุลาคม 2551 18:09:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: Fullgold 14 ตุลาคม 2551 17:47:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: kai (aitai ) 15 ตุลาคม 2551 11:52:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: kai (aitai ) 15 ตุลาคม 2551 11:54:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: สมชัย แซ่อือ IP: 125.24.145.183 15 ตุลาคม 2551 22:03:14 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 112 คน [?]
|
เนื้อหาบทความ ภาพประกอบ ไฟล์ตัวอย่าง ทั้งหมดใน blog นี้ "สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗" อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ได้ โดยต้องระบุแหล่งที่มาของเนื้อหาให้ชัดเจน เพื่อแสดงถึงการรับรู้ในความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ทั้งนี้ไม่อนุญาตในการนำไปใช้เพื่อการแสวงหาผลกำไรทางธุรกิจ โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร
|
|
|
|
MSN : ysamroeng@hotmail.com |
|
กิตติกรรมประกาศ
ผมใช้คอมพิวเตอร์ครั้งแรก โดยมีหนังสือชื่อ "เรียน DBASE III PLUS ด้วยตนเอง" ของ พ.ต.ประพัฒน์ อุทโยภาศ เป็นเสมือนอาจารย์ และมี บร.โรเบิร์ต ปาแนสโต (ซดบ.) เป็นผู้ให้โอกาส และ้คำแนะนำ ถือเป็นก้าวแรก ที่้ผมจับคอมพิวเตอร์ และสนใจเรียนรู้ มาตั้งแต่วันนั้น นอกจากเรื่อง "การเขียนโปรแกรมด้วย Clipper" แล้ว ผมไม่เคย ไปเรียนคอมพิวเตอร์ จากสถาบันใด อาศัยที่เป็น คนชอบอ่านหนังสือ และซื้อหนังสือเยอะมาก บวกกับลงทุน ซื้อเครื่องไว้ใช้งานเอง (เครื่องแรก Intel 386DX-40) จึงได้ฝึกฝน เรียนรู้ ต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้ |
มีของมาขาย
1. หนังสือ "Excel for HR"
การใช้ไมโครซอฟต์เอ็กเซล ในงาน HR แบบมืออาชีพ พิมพ์ครั้งที่ 2 เป็นหนังสือที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ จากงานจริงๆ มาเป็นวัตถุดิบ เป็นหนังสือคอมพิวเตอร์เล่มแรก ที่เขียนขึ้นมาเพื่อ นักบริการทรัพยากรมนุษย์ (HR) โดยเฉพาะ เป็นตัวอย่างของการใช้โปรแกรม MS Excel ในงานประจำวันของ HR หาซื้อได้ที่ ร้านซีเอ็ดบุ๊ค ทุกสาขา, HR Center, ศูนย์หนังสือ สสท., ศูนย์หนังสือจุฬา, Thailand Book Tower, B2S เป็นต้น หรือสั่งซื้อโดยตรงได้ที่ 02-347-1066, 081-423-9828 ราคาเล่มละ 200 บาท จัดส่งฟรี
2. CD รวมไฟล์ตัวอย่าง Excel จากงานจริง
มีไฟล์ตัวอย่างมากที่สุด สามารถนำไปใช้งานได้ทันที หรือใช้ศึกษาเทคนิคการเขียนสูตร Excel อัพเดตใหม่ทุกสัปดาห์ ของแท้ไม่มีวางจำหน่ายที่ไหน สนใจสั่งซื้อโดยตรงที่ 02-347-1066, 081-423-9828 ราคาแผ่นละ 200 บาท ค่าจัดส่งฟรี หมายเหตุ : ปัจจุบันมีจำหน่ายทั้งสิ้น 3 ชุด ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://sites.google.com/site/excel4hr/product |
|
กิจกรรมของพวกเราที่ผ่านมา
| |
รูปภาพหรือข้อความแสดงความเห็น เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยอิสระ ของบุคคลทั่วไป และถูกส่งขึ้นแสดงในหน้า blog โดยอัตโนมัติ เจ้าของ blog มิได้มีส่วนรู้เห็น หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งไม่จำเป็นต้องร่วมรับผิดชอบ ต่อทุกความคิดเห็นใดๆ |
|
|
|
|
|
|
|
|